ดูแลผู้สูงอายุ ใน บางพลัด, กรุงเทพมหานคร

ดูแลผู้สูงอายุ ใน บางพลัด, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ประทับใจในการให้บริการมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุดาพร มณีทอง
3 ปีที่แล้ว
ราคาไม่สูงเหมือนจ้างพยาบาลตามโรงพยาบาล และผู้ดูแลยังมีประสบการณ์ มั่นใจ หายห่วงเลยค่ะ
Saijai
ศรีรัตน์ สุขสวัสดิ์
3 ปีที่แล้ว
พ่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน ผมเลยหาคนดูแลจากเว็บไซต์ของใส่ใจ ขั้นตอนต่าง ๆ ง่ายมากครับ และทางผู้ดูแลที่ทางใส่ใจส่งมา บริการได้น่าประทับใจมากครับ นอกจากจะใส่ใจคอยดูแลคุณพ่อผมแล้วยังคอยพูดคุยรับฟังเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย ตอนนี้ผมจ้างพี่เค้าดูแลตลอดจนกว่าพ่อจะหายเลยครับ
Saijai
อนันต์ บุญเกิด
3 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเวปใส่ใจสำหรับหาคนดูแลผู้สูงอายุ ประทับใจมาก ๆ เลยค่ะ พี่ที่ดูแลเขาอยู่เป็นเพื่อนแถมคุณยายอยากไปไหนเขาพาไปตลอดเลยค่ะ ตอนอยู่บ้านก็คอยจัดเตรียมอาหาร เตรียมยาให้ด้วย ต้องขอบคุณใส่ใจมาก ๆ เลยค่ะ เรากับพี่สาวรู้สึกวางใจไปได้เยอะเลย
Saijai
ปิยธิดา อรุณไชย
3 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเว็บไซต์ใส่ใจมาให้ เลยลองเข้าไปดู จ้างน้องมาดูแลแม่ น้องเขาทั้งสุภาพ เรียบร้อย ทำอาหารอร่อย แถมยังเคยฝึกอบรมการปฐมบาลเบื้องต้นมาด้วย คุณแม่ก็ดูจะชื่นชอบน้องเขามาก ๆ ค่ะ เราเลยรู้สึกสบายใจไปด้วย โดยรวมแล้วถือว่าน่าพอใจมากค่ะ
Saijai
อภิสรา ประภาสกุล
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

จ้างคนดูแลคนชราที่บ้านดีกว่าส่งไปบ้านพักคนชราอย่างไร?
ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย คือผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรานั่นเอง ครั้นเมื่อท่านทั้งหลายอายุมากขึ้นหน้าที่ของคนเป็นลูกเป็นหลานต้องคอยดูแลท่านให้ดีที่สุด หากเป็นไปได้คงไม่มีใครที่อยากให้ผู้สูงอายุที่เรารักต้องไปอยู่บ้านพักคนชราและอยู่ห่างไกลจากครอบครัวอย่างแน่นอน

แต่หากเราอยู่ดูแลท่านเองไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงานหรือมีภาระอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ควรจ้างคนมาดูแลที่บ้าน เพื่อความสะดวกของเราเองและความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลโดยเฉพาะ อย่างที่ทราบกันมานานสังคมไทยมีแนวคิดในแบบระบบครอบครัวใหญ่ โดยจะช่วยดูแลกันและกัน ซึ่งอาจแตกต่างจากสังคมของชาวตะวันตก ที่ส่วนมากมักมีค่านิยมให้ผู้สูงอายุไปอยู่บ้านพักคนชราในช่วงบั้นปลายชีวิต เพราะคิดว่าสะดวกสบายกว่า และผู้สูงอายุจะได้มีเพื่อนในสังคมวัยเดียวกัน แต่คนไทยโดยส่วนมากไม่คิดแบบนั้น ดังนั้นในครอบครัวของคนไทยจึงต้องการคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้ ความสามารถ อีกทั้งต้องไว้ใจให้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ของเราที่บ้านได้

ข้อดีของการมีคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

หลักๆ ก็คือ เราสามารถอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก ทั้งยังปลอดภัยมากกว่าเพราะยังอยู่ในสายตาของเราได้ตลอด แตกต่างกับการส่งไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลคนชรา ซึ่งอาจจะอยู่ห่างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางไปหา โดยเราสามารถเลือกบริการของคนที่จะมาดูแลแบบไปเช้า เย็นกลับ หรือคอยดูแล 24 ชั่วโมงสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป โดยส่วนมากแล้วทางบริษัทที่จัดหาคนดูแลผู้สูงอายุจะมีการคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพและมีความรู้ในด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและลดความกังวลของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
ทักษะสำคัญที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุควรมี
การที่เราจะเลือกใครสักคนมาดูแลผู้สูงอายุในบ้านของเรา แน่นอนว่าต้องมีปัจจัยและคุณสมบัติหลายอย่างในการตัดสินที่จะรับบุคคลภายนอกเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวของเราทั้งในช่วงเวลาที่เราอยู่หรือไม่อยู่บ้านก็ตาม คุณสมบัติที่คนส่วนใหญ่คาดหวังสำหรับคนดูแลผู้สูงอายุ มีดังต่อไปนี้

1. เป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ คืออายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล มีวุฒิภาวะที่ดี
2. เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คนดูแลผู้สูงอายุจึงควรเป็นคนที่มีความรู้ทั้งในเรื่องจิตวิทยา และด้านโภชนาการอาหาร รวมทั้งความสะอาดทั่วไปด้วย แม้ว่าการจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าการจ้างคนทั่วไป แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะหากผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ไม่ดี คนดูแลขาดความรู้แล้ว อาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย
3. มีความน่าไว้วางใจ เมื่อจ้างคนดูแลผู้สูงอายุเข้ามาอยู่ในบ้าน อาจจะต้องรับรู้ในส่วนของที่เก็บของต่างๆ รู้ตารางชีวิตประจำวันของคนในครอบครัว คนดูแลผู้สูงอายุจึงต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ มีประวัติที่ดี และมีทัศนคติที่ดี
4. มีความอดทน เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางครั้งอาจจะต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุอีกด้วย โดยเฉพาะหากเป็นผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยหรือโรคประจำตัว ก็จะมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
5. ควรจบหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หรือสาขาที่เกี่ยวข้องและหากมีประสบการณ์มักจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่หากไม่จบหลักสูตรดังกล่าว แต่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุมาก่อน ก็จะได้รับการพิจารณาเช่นกัน
6. มีความซื่อสัตย์สุจริต เนื่องจากในบางครั้งอาจจะต้องอยู่กับผู้สูงอายุเพียงลำพัง
7. มีความขยันและสามารถช่วยเหลืองานอย่างอื่นได้ตามความเหมาะสม
อะไรที่ช่วยให้คุณคลายความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุ คนชราอยู่กับผู้ดูแลตามลำพัง
แม้ว่าคุณจะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ดูแลที่ทำการว่าจ้างอย่างครบถ้วนและได้ตัดสินใจจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุมาแล้วนั้น เป็นเรื่องปกติหากคุณจะยังคงกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ อยู่ สิ่งที่จะช่วยให้คุณคลายความกังวลหากต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่กับผู้ดูแลตามลำพังที่บ้านมีดังนี้

1. ตรวจสอบประวัติย้อนหลังของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ทำการว่าจ้างมา เพื่อให้แน่ใจว่าคนดูแลที่จ้างมานั้นไม่เคยมีประวัติการกระทำที่ผิดกฎหมายมาก่อน โดยสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. สอบถามประวัติการทำงานต่าง ๆ ที่ผ่านมา โดยอาจสอบถามจากผู้ว่าจ้างโดยตรงว่าเคยดูแลผู้สูงอายุมาอย่างไรบ้าง มีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหนในการดูแลผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ขณะเดียวกันก็สามารถสอบถามจากผู้ว่าจ้างที่เคยทำการจ้างก่อนหน้านี้ได้เช่นเดียวกัน
3. ฝากฝังทางเพื่อนบ้านให้ช่วยสอดส่องดูแลอีกทีหนึ่ง ซึ่งเพื่อนบ้านจะสามารถติดต่อหาเราได้ทันทีหากมีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
4. หากว่าจ้างคนดูแลผู้สูงอายุโดยหาจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ควรศึกษาคำวิจารณ์หรือรีวิวจากผู้ใช้ก่อนหน้าว่ามีความคิดเห็นต่อการบริการอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าคนดูแลที่จ้างมานั้นน่าเชื่อถือและเป็นคนมีความเป็นมืออาชีพจริง ๆ
5. การติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณบ้านช่วยให้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ถือเป็นการป้องกันความปลอดภัยที่ดีอย่างหนึ่งเช่นกัน
ผู้จ้างควรตกลงอะไรกับผู้ดูแลผู้สูงอายุก่อนทำการจ้าง?
ผู้ว่าจ้างควรตกลงอะไรกับผู้ดูแลผู้สูงอายุก่อนทำการจ้าง เพื่อความสะดวกและความเข้าใจตรงกันในดูแลผู้สูงอายุที่บ้านมีข้อตกลงต่าง ๆ อะไรบ้าง
จากข้อมูลสำรวจการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุ มีผู้ดูแลผู้สูงอายุ 2 รูปแบบ

รูปแบบที่ 1: ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ บุคคลเหล่านี้มีความเข้าใจผู้สูงอายุ และสามารถทำงานพยาบาลได้ เช่นช่วยอาบน้ำ ช่วยป้อนอาหาร ช่วยดูแลเรื่องยา ตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงดูแลสุขอนามัยของผู้สูงอายุ

รูปแบบที่ 2: แม่บ้านทั่วไป อาจมีความชำนาญเรื่องงานบ้านแต่เรื่องดูแลใส่ใจรายละเอียดอาจจะไม่เท่าผู้ที่ผ่านการอบรมมา

1. สิ่งที่ควรตกลงกันอย่างแรกคือขอบข่ายงานและวิธีการ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง เช่น งานอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้
2. ชั่วโมงการทำงาน ด้วยลักษณะงานของผู้ดูแลผู้สูงอายุ บางครั้งต้องมาอาศัยใกล้ชิดเพื่อดูแลผู้สูงอายุตลอดเวลา ตื่นพร้อมกันนอนพร้อมกัน หรือแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เราต้องการให้ผู้ดูแลเข้ามา ดูแลผู้สูงอายุ หากเกินเวลาที่ตกลงไว้จะต้องมีค่าจ้างพิเศษ หรือค่าล่วงเวลาที่ตามตกลงไว้ หากต้องการวันหยุดหรือวันลา ต้องแจ้งล่วงหน้าหรือหาคนมาทดแทนได้
3. ยุคปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการไว้ใจใครสักคนที่เข้ามาทำงานใกล้ชิดในบ้านนั้นยากยิ่ง ทางเลือกหนึ่งผู้ดูแลผู้สาอายุ ต้องยินยอมให้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม แม้ไม่อาจการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่อย่างน้อยเป็นการคัดกรองผู้ดูแลผู้สูงอายุที่จะเข้ามาใกล้ชิดบุคคลในครอบครัวได้ ประวัติการทำงานและประสบการณ์การทำงาน การได้พูดคุย ถึงประวัติการทำงาน ทำให้เราได้รู้จักผู้ดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น อาจมีการยกตัวอย่างเหตุการณ์ เพื่อเปรียบเทียบหากเกิดขึ้นกับเราต้องทำอย่างไร เราจะได้รู้ว่าผู้ที่จะเข้ามาดูแลผู้สูงอายุของเราจะทำอย่างไรในเหตุการณ์ที่เราสมมุติขึ้น หากเคยทำที่หนึ่งได้แต่ทำกับเราไม่ได้เราได้บอกผู้สูงอายุไว้ก่อน หรือตกลงกันก่อนจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง
4. ค่าจ้าง ควรพิจารณาให้เหมาะสมและคุ้มค่าตามเนื้องานในการดูแลผู้สูงอายุในแต่ละคน

สิ่งน่ารู้ของเขตบางพลัด

เนื่องด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ของ “เขตบางพลัด” ที่เป็นพื้นที่มีอาณาเขตตติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา มีลำคลองลายสายผ่านและกั้นเขต อีกทั้งยังมีสวนต่าง ๆ ในบริเวณนี้ จนทำให้ผู้คนที่อพยพมาเมื่อเกิดเหตุการณ์ ประเทศไทยเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับประเทศพม่าครั้งที่ 2 ในปีพุธศักราช 2310 ได้พลัดหลง ศูนย์หายไปกันไปบ่อยครั้ง จึงเป็นที่มาของชื่อเขตบางพลัดจวบจนถึงทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องราวของที่มาของชื่อนั้นเป็นเพียงความเชื่อ และข้อสันษฐานที่เล่าต่อ ๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่นอน

ปัจจุบันเขตบางพลัดมีเนื้อที่ทั้งสิ้น 11.360 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของฝั่งธนบุรี มีทิศตะวันออกติดกับเขตบางซื่อ เขตดุสิต และเขตพระนครโดยมีแม่น้ำพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของกรุงเทพมหานครเป็นตัวขั้นเขต ทิศเหนือติดกับ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ทิศตะวันตกติดกับเขตตลิ่งชัน และทิศใต้ติดกับเขตบางกอกน้อย ถูกแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 4 แขวง ได้แก่ แขวงบางพลัด แขวงบางอ้อ แขวงบำหรุ และแขวงบางยี่ขัน โดยประชากรมีความหนาแน่นในพื้นที่แขวงบางยี่ขัน ซึ่งเป็นแขวงที่อยู่ฝั่งตะวันออกของเขตพื้นที่และติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้พื้นที่ฝั่งนี้เป็นแหล่งที่ตั้งของวัดหลายแห่งที่มักถูกสร้างอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่สมัยอดีต อีกทั้งยังกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย โครงการบ้านริมน้ำ คอนโด ต่าง ๆ และยิ่งไปกว่านั้นมีการคมนาคมในเขตบางพลัดนับว่าเจริญมากเพราะมีเส้นทางการเดินทางหลากหลายตัวเลือก ทั้งถนนสายหลัก สายรอง ทางลัด สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา รถไฟสายใต้ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน (โดยมีสถานีบางพลัด บางอ้อ ให้บริการ) ถือเป็นอีกหนึ่งเขตที่ตอบโจทย์ด้านชีวิตความเป็นอยู่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้ความสนใจในการสร้างที่พักอาศัย ดังนั้นมูลค่าที่ดินในเขตบางพลัดนี้ ต้องเพิ่มสูงขึ้นตามความเจริญเหล่านี้อย่างแน่นอน



สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตบางพลัด

กรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาขั้นตรงกลางระหว่างพื้นที่ฝั่งพระนครที่อยู่ทางทิศตะวันออก และฝั่งธนบุรีที่อยู่ทิศตะวันตก แยกออกจากกัน โดยมีการสะพานสำคัญ ๆ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หลายแห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการข้ามฝั่งไปแต่ละเขตและแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ซึ่งสะพานที่ถูกสร้างอยู่ในพื้นที่เขตบางพลัด โดยเรียงตามลำดับก่อนหลังการสร้างมีดังนี้

1) สะพานพระราม6 เป็นสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสะพานแรกของประเทศไทย ที่เชื่อมระหว่างเขตบางพลัดกับเขตบางซื่อ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเชื่อมทางรถไฟฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้ติดต่อกัน ตัวสะพานมีความยาว 442.08 เมตร กว้าง 10 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 10 เมตร ปัจจุบันถูกแปรสภาพในส่วนของถนนเป็นทางรถไฟทางคู่ช่วง ชุมทางบางซื่อ – นครปฐม และต้องให้ผ่านทีละขบวนเพื่อควบคุมน้ำหนักไม่ให้หนักเกินและพังทลายลง เนื่องจากเป็นสะพานที่สร้างตั้งแต่ ธันวาคม พ.ศ. 2465 สร้างเสร็จเมื่อ ธันวาคม พ.ศ. 2469ใช้เวลาสร้างประมาณ 4 ปี และให้ไปใช้เส้นทางถนนบนสะพานพระราม 7 แทน

2) สะพานกรุงธน จุดประสงค์ในการสร้างสะพานนี้ นอกจากเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่เชื่อมระหว่างแขวงบางพลัดและบางยี่ขัน ในเขตบางพลัด กับแขวงวชิรบาล เขตดุสิต ยังเป็นสะพานที่ช่วยระบายการจราจรที่คับคั่งบนสะพานพระพุทธยอดฟ้าอีกด้วย สะพานนี้ถูกเรียกอีกชื่อว่า สะพานซังฮี้ เพราะเริ่มจากถนนราชวิถีหรือถนนซังฮี้ โดยใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปี จากวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2497 - ปลายปี พ.ศ. 2500 ใช้งบประมาณการก่อสร้างประมาณ 24 ล้านบาท เป็นรูปแบบสะพานแบบปิดตายช่วงต่อเนื่อง ด้วยเหล็กและคอนกรีต เป็นสะพานเหล็กยาว 6 ช่วง มีความยาวทั้งหมดรวมทั้งตัวสะพานและเชิงลาดทั้งสองฝั่งโดยรวม 648.90 เมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 7.50 เมตร มีช่องจราจรทั้งหมด 4 ช่อง และทางเท้ากว้าง 2.5 เมตร

3) สะพานพระราม7 เชื่อมเขตบางพลัดและอำเภอบางกรวยเข้ากับเขตบางซื่อ สร้างเพื่อเปิดใช้แทนสะพานพระราม 6 ใช้เวลาสร้างประมาณ 2 ปี โดยเริ่มสร้างเมื่อ มกราคม พ.ศ. 2533 – กันยายน พ.ศ. 2535 ด้วยค่าก่อสร้างโดยประมาณพันล้านบาท ตัวสะพานมีความยาว 290 เมตร กว้าง 29.10 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 8.9 เมตร มีจำนวนช่องจราจร 6 ช่อง

4) สะพานพระราม8 เป็นสะพานขึงแบบอสมมาตรเสาเดี่ยว 3 ราบ ด้วยคอนกรีตเสริมแรง ถูกจัดอันดับให้เป็นสะพานที่ยาวที่สุด และมีหอชมที่วิวที่สูงที่สุดในโลก ตัวสะพานมีความยาว 475 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 160 เมตร เชื่อมระหว่างแขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัดกับแขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร ใช้เวลาสร้างประมาณ 3 ปี โดยเริ่มสร้างเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2542 – 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 มีเส้นทางทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีกับถนนวิสุทธิกษัตริย์ ที่สำคัญเป็นสะพานที่เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ที่ต้องการแก้ปัญหาจราจรติดขัดบนสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าและสะพานกรุงธน



ผู้สูงอายุกับการนอนหลับ

“ผู้สูงอายุมีความต้องการการนอนหลับประมาณ 6.5 ชั่วโมงต่อวัน จากผลวิจัยเกี่ยวกับการนอนหลับพบว่าระยะเวลาของการนอนไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพของการนอนหลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยสูงอายุ ซึ่งพบว่า ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ได้รับปัญหาจากการนอนไม่หลับและมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัวมากกว่าร้อยละ 50” อ้างอิงจาก จิตสังคมผู้สูงอายุ

จากบทความข้างต้น ผู้สูงอายุเป็นวัยที่อวัยวะของร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ปัญหาการนอนหลับยากของผู้สูงอายุเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่คนรอบข้างต้องช่วยดูแลกันเป็นพิเศษ เพราะหากชั่วโมงในการนอนหลับไม่เพียงพอ อาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เป็นสาเหตุของการเจ็บไข้ ได้ป่วย ตามมา ซึ่งพบว่าผู้สูงอายุใช้เวลามากกว่า 30 นาทีในการนอนให้หลับ เนื่องจากการที่ร่างกายสร้าง melatonin และ growth hormone ลดลง และมักสร้างลดลงในช่วงอายุหลัง 60 ปี เมื่อมีการเจอแสงแดดลดลง และมีการตื่นบ่อย เพราะปวดปัสสาวะในยามดึก และนอนหลับต่อไปอีกได้ยาก ซึ่งวิธีการแก้ไขนอกจากการพึ่งยาทางการแพทย์แล้ว ยังไม่มีวิธีการรักษาแบบไม่ใช้ยา ในแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างถาวร มีแค่วิธีช่วยบำบัดและบรรเทาอาการเท่านั้น ซึ่งคนรอบข้างสามารถช่วยท่านแก้ปัญหาได้ เช่น

- ไม่ควรดื่มน้ำ ก่อนนอน 4-5 ชั่วโมงเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดปัสสาวะบ่อยในกลางดึก

- จัดเตรียมห้องน้ำ ให้ใกล้ห้องนอนมากที่สุด หรือให้ท่านได้ปัสสาวะก่อนนอน

- ไม่ควรกินอาหารย่อยยากก่อนนอน และควรกินมื้อเย็นแต่พอดี ไม่อิ่มไปและน้อยเกินไป เพราะบางครั้งการที่ต้องตื่นมากินด้วยความหิว ส่งผลทำให้ระบบการย่อยและนอนหลับยาก

- ควรออกกำลังกาย ช่วงเช้าและช่วงบ่าย และไม่ควรทำก่อนนอนเพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัว

- ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในช่วงมื้อเย็น

- คนรอบข้างควรอธิบายผู้สูงอายุให้งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ โดยอ้างอิงถึงเหตุผล ข้อเสีย

- พาท่านออกไปพบเจอแสงแดด เป็นการกระตุ้นระบบสายตา ว่าเป็นช่วงตอนกลางวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการงีบหลับกลางวัน

- จัดสิ่งแวดล้อม ห้องนอน ไม่ให้สว่างเกินไป ปรับอุณหภูมิไม่ให้หนาวหรือร้อนเกินไป ลดการทำกิจกรรมมีเสียงให้ท่านได้ยิน เช่น เปิดเพลง ดูทีวี

- ดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนเพราะในนมมีกรดอะมิโน เป็นยานอนหลับทางธรรมชาติ