ดูแลผู้สูงอายุ ใน กรุงเทพมหานคร

ดูแลผู้สูงอายุ ใน กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

นันทกานต์ ชำนาญกิจ
นันทกานต์ ชำนาญกิจ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 36 ปี

บุคลิกเป็นคนหลังค่อมเล็กน้อย อาจจะมีบ้างครั้งที่เสียงห้วน พูดไม่ค่อยมีหางเสียงค่ะ ชักสีหน้า แต่ไม่มีนิสัย ทำร้าย รึทุบตีคนแก่ ค่ะ เคยแต่ดูแลตายาย ไม่เคยอบรมรึฝึกดูแลผู้สูงอายุ ทำรายวัน หรือ ราย ชั่วโมงก็ได้ค่ะ ส่วนอาหารทำพอได้บ้างค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
Rain Ny
Rain Ny
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

รับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้เพราะทำงานแผนกผู้ป่วยหนักมา 10 ปีค่ะ ลักษณนิสัยพูดคุยกับผู้ด้วยโดยดูสีหน้าบุคคลิกของผู้ป่วยก่อนว่าเป็นคนแบบไหนชอบให้พูดคุยด้วยไหมให้กำลังใจผู้ป่วยในยามที่ท้อแท้สิ้นหวัง

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ประทับใจในการให้บริการมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุดาพร มณีทอง
3 ปีที่แล้ว
พ่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน ผมเลยหาคนดูแลจากเว็บไซต์ของใส่ใจ ขั้นตอนต่าง ๆ ง่ายมากครับ และทางผู้ดูแลที่ทางใส่ใจส่งมา บริการได้น่าประทับใจมากครับ นอกจากจะใส่ใจคอยดูแลคุณพ่อผมแล้วยังคอยพูดคุยรับฟังเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย ตอนนี้ผมจ้างพี่เค้าดูแลตลอดจนกว่าพ่อจะหายเลยครับ
Saijai
อนันต์ บุญเกิด
3 ปีที่แล้ว
ได้คนคอยดูแลแม่ผมอย่างดี และถ่ายภาพรายงานเรื่องแม่ให้ผมทางไลน์อีกด้วยครับ คุ้มราคามากครับ
Saijai
ปราโมทย์ มนตรา
3 ปีที่แล้ว
ได้คนดูแลดี ผมก็หายห่วงครับ จะใช้บริการบ่อย ๆ
Saijai
สุชาดา เอี่ยมจินดา
3 ปีที่แล้ว
เราจ้างคนดูแลผู้สูงอายุมาดูแลคุณยายที่บ้าน พี่เขาทำงานดีมาก ๆ ที่สำคัญเลยคือพี่เขามีประสบการณ์ในการดูแลคนชรา เคยผ่านการอบรมมาแล้ว เลยทำให้เรามั่นใจ และ หายห่วงมาก ๆ
Saijai
นารีรัตน์ ภัทรบัณฑิต
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

จ้างคนดูแลคนชราที่บ้านดีกว่าส่งไปบ้านพักคนชราอย่างไร?
ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย คือผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรานั่นเอง ครั้นเมื่อท่านทั้งหลายอายุมากขึ้นหน้าที่ของคนเป็นลูกเป็นหลานต้องคอยดูแลท่านให้ดีที่สุด หากเป็นไปได้คงไม่มีใครที่อยากให้ผู้สูงอายุที่เรารักต้องไปอยู่บ้านพักคนชราและอยู่ห่างไกลจากครอบครัวอย่างแน่นอน

แต่หากเราอยู่ดูแลท่านเองไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงานหรือมีภาระอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ควรจ้างคนมาดูแลที่บ้าน เพื่อความสะดวกของเราเองและความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลโดยเฉพาะ อย่างที่ทราบกันมานานสังคมไทยมีแนวคิดในแบบระบบครอบครัวใหญ่ โดยจะช่วยดูแลกันและกัน ซึ่งอาจแตกต่างจากสังคมของชาวตะวันตก ที่ส่วนมากมักมีค่านิยมให้ผู้สูงอายุไปอยู่บ้านพักคนชราในช่วงบั้นปลายชีวิต เพราะคิดว่าสะดวกสบายกว่า และผู้สูงอายุจะได้มีเพื่อนในสังคมวัยเดียวกัน แต่คนไทยโดยส่วนมากไม่คิดแบบนั้น ดังนั้นในครอบครัวของคนไทยจึงต้องการคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้ ความสามารถ อีกทั้งต้องไว้ใจให้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ของเราที่บ้านได้

ข้อดีของการมีคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

หลักๆ ก็คือ เราสามารถอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก ทั้งยังปลอดภัยมากกว่าเพราะยังอยู่ในสายตาของเราได้ตลอด แตกต่างกับการส่งไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลคนชรา ซึ่งอาจจะอยู่ห่างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางไปหา โดยเราสามารถเลือกบริการของคนที่จะมาดูแลแบบไปเช้า เย็นกลับ หรือคอยดูแล 24 ชั่วโมงสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป โดยส่วนมากแล้วทางบริษัทที่จัดหาคนดูแลผู้สูงอายุจะมีการคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพและมีความรู้ในด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและลดความกังวลของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยดูแลผู้สูงอายุหรือคนชรา คุณควรเลือกผู้ดูแลที่มีคุณสมบัติอะไรบ้าง
การเลือกผู้ดูแลผู้สูงอายุหรือคนชราถือเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณสมบัติของผู้ดูแลที่มีความเป็นมืออาชีพนั้นมีดังนี้

1. ผู้ดูแลควรผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ที่สำคัญต้องมีประสบการณ์ทางด้านนี้โดยตรง และควรมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้สูงอายุความปลอดภัยตลอดระยะเวลาการดูแ
2. ผู้ดูแลต้องมีใจรักไม่ว่าจะเป็นงานการบริบาล และบริการ มีจิตใจชอบช่วยเหลือและปรารถนาดีต่อผู้อื่น และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
3. มีความอดทนและสามารถเข้าอกเข้าใจผู้สูงอายุเป็นอย่างดีว่าต้องการอะไร เนื่องจากผู้สูงอายุหรือคนชรานั้นเป็นช่วงอายุที่ค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนในหลาย ๆ เรื่อง ผู้ดูแลควรรู้ว่าจะต้องดูแลและบริการอย่างไรให้ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจ
4. มีความดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุ สามารถดูแลและช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นการดูแลเรื่องอาหาร สุขอนามัย และกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ ไปจนถึงการดูแลเรื่องสภาพจิตใจ ผู้ดูแลที่สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุยและทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกับผู้สูงอายุได้เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุรู้สึกโดดเดี่ยว
5. สามารถสื่อสารและรายงานข้อมูลระหว่างการดูแลให้กับสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุได้ตลอดเวลา เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุที่ได้ทำการว่าจ้างผู้ดูแลมาทำหน้าที่ในส่วนนี้
คุณสมบัติที่กล่าวมาข้างตนนั้นสามารถบ่งบอกได้ถึงความเป็นมืออาชีพของผู้ดูแลผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี หากคุณต้องการให้ผู้สูงอายุในบ้านซึ่งเปรียบเสมือนบุคคลที่คุณรักและเคารพนับถือนั้นมีความสุข โปรดอย่ามองข้ามคุณสมบัติเหล่านี้ไปก่อนเลือกใช้บริการผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้านคุณ
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล
เมื่อเราได้พิจารณาคุณสมบัติและตัดสินใจจ้างผู้ดูแลมาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของเราแล้ว เราอาจจะมีความกังวลด้านอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นควรจะเป็นผู้ดูแลชั่วคราวแบบไป-กลับ หรือผู้ดูแลแบบที่อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง เพราะการที่ต้องให้บุคคลภายนอกซึ่งเป็นคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ภายในบ้านของเรา ในระยะแรกอาจจะต้องมีการปรับตัวในการอยู่ร่วมกัน หากว่าเราอยู่ที่บ้านตลอดก็อาจช่วยลดความกังวลในด้านความปลอดภัยลงไปได้ แต่ถ้าสมาชิกในบ้านต้องออกไปทำงานนอกบ้านและต้องทิ้งผู้สูงอายุไว้เพียงลำพังกับผู้ดูแล ความกังวลย่อมเพิ่มมากขึ้นทั้งกับคนที่เรารักและทรัพย์สินมีค่าภายในบ้าน แนวทางที่ช่วยลดความกังวลของผู้ว่าจ้างจากที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แก่

1. ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของคนดูแลผู้สูงอายุ โดยสามารถร้องขอให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุทำการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. ตรวจสอบประวัติการทำงานกับนายจ้างคนเก่า ในกรณีที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุเคยผ่านประสบการณ์การทำงานมาก่อน
3. หากเป็นผู้ดูแลที่มาจากบริษัท ทางบริษัทควรจะมีการส่งตัวแทนจากบริษัทเข้ามาเยี่ยมและตรวจสอบการทำงานของผู้ดูแลเป็นระยะๆ
4. คนในครอบครัวหมั่นตรวจตราและสอดส่องการทำงานของผู้ดูแลคนสูงอายุอยู่ตลอดเวลาในระยะแรกๆของการทำงาน
5. หากมีเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ สามารถฝากให้เพื่อนบ้านช่วยสอดส่องดูแลขณะที่ผู้ดูแลอยู่ลำพังกับผู้สูงอายุ
6. ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ตลอด 24 ชม.
สิ่งสำคัญที่คนจ้างจะต้องตกลงกับผู้ดูแลผู้สูงอายุคืออะไร
เมื่อคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุไว้คอยดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณ คุณควรมีข้อตกลงที่ชัดเจนก่อนทำการจ้าง ดังต่อไปนี้

1. มีการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความถูกต้องและความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุข้อวันเริ่มงาน ตกลงในเรื่องของเงินเดือน ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการและวันหยุดที่ควรจะได้รับตามกฎหมายแรงงาน
2. ทำความเข้าใจถึงความคาดหวังที่นายจ้างต้องการจากผู้ดูแล และหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ว่าอาจจะต้องทำงานอื่นนอกเหนือจากการดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องช่วยดูแลเพิ่มเติม ในเรื่องของความสะอาดต่างๆ ของเครื่องใช้ หรือความสะอาดในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอยู่
3. อธิบายข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เช่น ลักษณะนิสัย ความชอบส่วนตัว โรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ หรือ อาหารที่แพ้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและมีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
4. ควรใส่ใจในสุขภาพของคนที่จะมาเป็นคนดูแลผู้สูงอายุของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะแพร่มาสู่คนชราได้ คนดูแลจึงควรมีสุขภาพแข็งแรง และควรมีผลการตรวจสุขภาพมาเพื่อยืนยันกับผู้ว่าจ้าง
5. ทำความเข้าใจว่าหากคนดูแลผู้สูงอายุป่วยไข้ ผู้ว่าจ้างจะอนุญาตให้พักงาน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อสู่ผู้สูงอาย
6. หากผู้ว่าจ้างเลือกให้คนดูแลผู้สูงอายุพักอาศัยที่บ้านด้วย ควรมีห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนและมีการจัดหาอาหารให้ ควรอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนด้วยว่ามีอาหารให้กี่มื้อต่อวัน
7. คนดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการอบรมและตรวจสอบประวัติ และลายนิ้วมือ เพื่อประสิทธิภาพของงาน และความไว้วางใจของผู้ว่าจ้าง

กรุงเทพมหานคร มหานครของประเทศไทย

กรุงเทพมหานคร มหานครของประเทศไทย

กรุงเทพฯ กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางของการเติบโตและการพัฒนา ไม่เพียงเฉพาะของประเทศไทย อีกไม่นานทั้งระบบการขนส่ง การเติบโตของเมืองรอบข้าง จะทำให้ธุรกิจ และวิถีชีวิตของคนกรุงเทพ ทันสมัยและสะดวกมากยิ่งขึ้น คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2566 (ค.ศ.2023) กรุงเทพจะมีโครงข่ายรถไฟยาวเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีความยาวเชื่อมต่อกรุงเทพและพื้นที่ข้างเคียง ถึง 464 กิโลเมตร โดยจะเพิ่มสัดส่วนการให้บริการจากหนึ่งล้านคนต่อวันเป็นห้าล้านคนต่อวัน ซึ่งจะลดปัญหาการจราจรคับคั่ง ลดเวลาการเดินทาง ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

นอกจากอนาคตอันใกล้ที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครที่เดินทางสะดวก รองรับประชากรกว่าสิบล้านคน กรุงเทพฯ ยังมีแผนที่จะเป็นมหานครสีเขียว ด้วยการเพิ่มพื้นที่สวนสาธารณะ โดยมีเป้าหมายเพิ่มร่มไม้ในเมือง จากร้อยละ 14 เป็นร้อยละ 30 และสามารถเข้าถึงสวนสาธารณะ ได้ด้วยการเดินไม่เกิน 10 นาที เช่นสวนเลียบคลองสวนสาธารณะ คลองช่องนนทรี การปรับปรุงคุณภาพน้ำและเพิ่มพื้นที่สีเขียวตลอดสองทางริมคลอง จะทำให้มีพื้นที่ออกกำลังกาย พื้นที่วิ่งไปกลับ 9 กิโลเมตร แม้แคบแต่ยาวตลอด โดยหวังว่าร่มไม้ในเมืองจะช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศ นอกจากนี้แล้วภายในปี พ.ศ. 2565 สวนสาธารณะใหม่บนพื้นที่ 216 ไร่ กลางกรุงเทพฯ ซึ่งเดิมเคยเป็นสนามแข่งม้า โดยที่รู้จักในนามว่าสนามม้านางเลิ้ง หรือราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ที่จะทำให้กรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียว นี่เป็นเพียงตัวอย่าง 2 ในหลายๆ โครงการที่จะทำให้กรุงเทพเป็น มหานครสีเขียว

มหานครอันเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว เมื่อสาธารณูปโภค ทุกอย่างเอื้ออำนวยแล้วจึงไม่น่าแปลกใจที่กรุงเทพฯ จะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ในปี พ.ศ.2562 (ค.ศ.2019) นิตยสาร Forbes (ฟอบส์) ได้จัดลำดับให้กรุงเทพ เป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยว มากกว่า ยี่สิบสองล้านคน ด้วยเหตุที่ เป็นเมืองที่มีการผสมผสานของวัฒนธรรม เช่นพระบรมมหาราชวัง วัดวาอาราม ไปจนถึงสถานบันเทิงเช่น บริเวณ ถนนข้าวสาร การจับจ่ายซื้อของตั้งแต่ตลาดนัด จนไปถึงห้างสรรพสินค้า รวมทั้งความหลากหลายทางวัฒนธรรมอาหาร ตั้งแต่ข้างทาง (Street food) ถึงระดับภัตตาคาร

นี่เป็นเพียงบางส่วนของมหานครที่ ชื่อว่า กรุงเทพมหานคร จุดหมายปลายทางของคนนับล้านคน



มองกรุงเทพฯ อย่างคูลๆ

มองกรุงเทพมหานครอย่างคูลๆ

นอกจากความที่เป็นมหานคร เมืองใหญ่ที่มีตึกสูง รถไฟฟ้า หรือทางด่วนพาดไปมามากมาย จนทำให้เราลืมว่ากรุงเทพฯ มีมุม มีเรื่องราวให้เราได้สัมผัสกรุงเทพฯ อย่างลึกซึ้ง หรืออย่างคูลๆ เราลองมาดูว่า 5 อย่างหรือ 5 สถานที่ ที่คุ้นตา คุ้นชื่อจะทำให้เราคูลๆ ได้

1. พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ความงดงามที่อยู่คู่กรุงเทพมหานครมากว่า 240 ปี เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร รวมทั้งประเทศไทยด้วย ด้วยเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เราสามารถถ่ายภาพบอกเล่าเรื่องราวของเรา สร้างความภาคภูมิใจ ความคนไทย ที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชม สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 เราสามารถเช้าชมได้โดยไม่ต้องเสียค่าเช้าชม

2. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดแจ้ง แม้ในกรุงเทพมีวัดมากกว่า 63 วัดอยู่ใน 50 เขต ของกรุงเทพฯ แต่ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยพระปรางของวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย และยังปรากฏอยู่บนสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก มีนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกใฝ่ฝันที่จะถ่ายรูปมุมคูลๆ ที่นี่

3. ถนนข้าวสาร 99% ของนักเดินทางหนุ่มสาวยามค่ำคืนเดินทางสู่ถนนแห่งนี้ เพื่อหามุมพักผ่อนในแบบที่ตัวเองชอบ กับบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากกลางวัน ถนนข้าวสาร มองหามุมคูลๆ แบบที่เราชอบ แล้วไปบันทึกความทรงจำกัน

4. ตลาดนัดวันเสาร์-อาทิตย์ ตลาดนัดจตุจักร หลายคนอาจเคยไปมาแล้วแต่เชื่อว่ายังไม่ครบทั้งหมด ลองใช้เวลาเดินให้ช้าลง บางทีโชคชะตา อาจพาเราพบกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ก็ได้ 8,000 ร้านที่เปิดอยู่ กับการทีมีผู้มาจับจ่ายซื้อของกว่า 200,000 คนในทุกๆ วันเสาร์อาทิตย์ เราสามารถสร้างเรื่องราวคูลๆ ให้กับความทรงจำได้ไม่ยาก

5. กรุงเทพฯ ก็มีตลาดน้ำ ไม่ให้เสียชื่อ เวนิสตะวันออก ตลาดน้ำตลิ่งชัน ด้วยความที่ยังคงเป็นธรรมชาติ ทำให้เรารู้สึกสดชื่น กับบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งบ้านริมคลอง ตลาดน้ำ และ สวนกล้วยไม้ สวนผักผลไม้ รวมไปถึงของกิน อร่อยๆ ทำให้เรื่องรวมธรรมดาๆ กลายเป็นเรื่องราวคูลๆ ได้ นอกจากตลาดน้ำตลิ่งชันแล้ว ยังมีตลาดคลองลัดมะยมที่ยังคงเอกลักษณ์ แบบดั้งเดิมไว้ได้

ทั้งหมดเป็น 5 สถานที่ 5 กิจกรรม ที่จะทำให้เรารู้สึกภูมิใจและเข้าใจกรุงเทพมากขึ้น มองกรุงเทพฯ แบบคูลๆ แบบคุณๆ ดู ยังมีกรุงเทพฯ แบบคูลๆ อีกมากมายให้ค้นหา



สูงวัย ไร้กังวล ในกรุงเทพฯ

สูงวัย ไร้กังวล ในกรุงเทพฯ

ในปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมาได้มีการสำรวจพบว่า กรุงเทพฯ มีผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) อยู่ที่ 1 ล้านคน นั่นหมายถึงในทุกๆ เขตพื้นที่ 10% ของประชากรเป็นผู้สูงอายุ และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เราจะเดินทางสู่ “Super Aged Society” ที่จะมีประชากรสูงวัยมากกว่าจำนวนเด็กเกิดที่เกิดใหม่ (จริงๆ แล้วเราเริ่มเข้าสู่ Aged Society สังคมประชากรสูงวัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2543) เพื่อเป็นการรองรับ ทางกรุงเทพมหานคร ได้มีโครงการ 1 ชุมชน 1 ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีบริการเวชศาสตร์ฟื้นฟู จัดการดูแลผู้สูงอายุ และให้ความรู้ทำให้เข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น ป้องกันความอ้างว้าง เข้าสังคม ปกป้องศักดิ์ศรี ขณะเดียวกัน ทางกรุงเทพมหานครได้จัดให้มีสวนสาธารณะเพื่อผู้สูงอายุถึง 41 แห่งที่มีความร่มรื่น การเดินทางที่สะดวก และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมารองรับ เช่นสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) บนเนื้อที่กว่า 375 ไร่และมีเนื้อที่ติดกับอีก 2 สวนคือ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสริกิติ์ฯ และสวนจตุจักร เป็นต้น กทม.ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนกรุงฯ 10 ตารางเมตรต่อคน ภายใต้โครงการ Green Bangkok 2030

ทางด้านสถานพยาบาล โรงพยาบาลในเครือกรุงเทพมหานคร ดูแลโดยสำนักการแพทย์กรุงเทพมหานคร โดยมีโรงพยาบาลในสังกัดทั้งหมด 11 แห่ง พร้อมให้บริการผู้สูงอายุ ที่น่าสนใจที่สุดคือโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ยังเป็นศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุที่มีความชำนาญ ในการดูแลเฉพาะด้านแก่ผู้สูงอายุแห่งแรกของเอเชีย สมกับเป็นมหานคร ซึ่งดำเนินงานต่อเนื่องมากว่า 8 ปี

ขณะเดียวกันเมื่อปี พ.ศ.2562 กรุงเทพมหานครยังเป็นเมืองสุขภาพดีที่สุดของโดยได้ลำดับที่ 13 จาก 44 ประเทศโดยการจัดลำดับของ The Healthy Lifestyle Cities Report โดยชนะเมืองใหญ่ๆ อย่าง กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และกรุงโตรอนโต ประเทศแคนนาดา โดยการจัดลำดับนี้ ดูจากราคาของน้ำดื่ม อายุขัยเฉลี่ย ปัญหามลภาวะในเมือง เป็นต้น

จากนี้ไปกรุงเทพมหานครมีหลากหลายโครงการที่จะดำเนินการภายใต้แนวคิด “มหานครสำหรับทุกคน” โดยเน้นการให้ความสำคัญกับประชาชนทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ให้ได้รับความสะดวก สบาย มีความเป็นอยู่ที่ดี และการเข้าถึงบริการ การเข้าถึงข้อมูล ด้านต่าง ๆ รวมไปถึงการสื่อสารบนโลกออนไลน์ Bangkok Enjoy Aging อาวุโส โก้เก๋า Bangkok Enjoy Aging อาวุโส โก้เก๋า ได้รวบรวมบทความ ข่าวสารข้อมูลของผู้สูงอายุ เพื่อให้ลูกหลาน หรือตัวผู้สูงอายุเอง ได้ปรึกษาแลกเปลี่ยนข้อมูลขของตนเอง