ดูแลเด็ก ใน บางบอน, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน บางบอน, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
3 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
3 ปีที่แล้ว
ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
3 ปีที่แล้ว
เราทำงานนอกบ้าน เลยหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลน้องที่บ้าน ค้นหาข้อมูลดูเวปนี้ให้รายละเอียดพี่เลี้ยงน่าสนใจ ราคาเรารับได้ เราเลยให้น้องมาทดลองงานก่อนเราไปทำงาน น้องมีประสบการณ์มา เลยปรับตัวไม่ยาก เวลาเราอยู่น้องจะช่วยหยิบจับของทำโน่นทำนี่ไป ประทับใจคะ สองเดือนแล้วน้องทำงานดี มีระเบียบเรียบร้อย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เราไว้ใจให้น้องคนนี้ดูแล
Saijai
แม่น้องกัญ
3 ปีที่แล้ว
เป็นครั้งแรกที่เลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็กในเว็บใส่ใจ ตอนแรกคิดว่าจะยุ่งยากในจอง แต่พอเข้าไปในเว็บไซต์ เว็บไซต์ใช้งานง่ายมาก ๆ มีความสะดวกในการใช้งาน อีกทั้งยังมี Guideline ให้อีกด้วย และขั้นตอนการนัดสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเพราะมีตัวเลือกให้เลือกด้วยว่าเราสะดวกสัมภาษณ์ทางไหน เหมาะแก่คนที่ไม่มีเวลาอย่างเราจริง ๆ
Saijai
สุริยา ดำรงรักษ์
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัวหรือเนอสเซอรี่ (Nursery) อะไรคือคำตอบสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้
ข้อดีของการให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กที่บ้านของคุณเอง

1. ลูกน้อยของคุณได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงแบบใกล้ชิด ทำให้เด็กรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
2. มีความยืดหยุ่นในการทำกิจวัตรประจำวันเพราะเด็กไม่ต้อง กิน นอน หรือ เล่นตามตารางเหมือนอยู่ในศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรือเนอสเซอรี่ (Nursery)
3. พี่เลี้ยงเด็กสามารถปรับเวลาการทำงานให้สอดคล้องกับเวลาทำงานและวันหยุดของคุณพ่อคุณแม่
4. คุณพ่อคุณแม่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นเพราะไม่ต้องเผื่อเวลาในการรับส่ง ก่อนและหลังเลิกงาน
5. เด็กได้รับการดูแลในบรรยากาศที่คุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย
6. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเดินทางรับส่ง หมดปัญหาเรื่องรถติดและมลภาวะบนท้องถนน
7. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเตรียมตัวหรือจัดเตรียมของใช้ให้ลูก เช่น ขวดนม เสื้อผ้า หรือแพมเพิส
8. ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิต้านทานยังน้อยจะเจ็บป่วยได้ง่าย หากต้องอยู่ปะปนกับเด็ก ๆ อื่น
9. มีคนอยู่บ้านตลอดเวลาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน

ข้อดีของการเข้าเนอสเซอรี่ (Nursery)

1. ฝึกทักษะการเข้าสังคมเพราะเด็กต้องอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ และครูพี่เลี้ยง
2. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับการจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัว
3. เนอสเซอรี่มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้เด็กฝึกทักษะผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรมองหาจากพี่เลี้ยงเด็กก่อนตกลงจ้าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่สักคนจะตัดสินใจหาใครมาดูแลลูกน้อยที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ วันนี้ใส่ใจมีข้อมูลของทักษะและคุณสมบัติที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเช็คกันดูก่อนตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงสักคน

1. พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความอดทนสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องมีความเข้าใจเด็ก สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนที่มีความอดทนสูง
2. พี่เลี้ยงเด็กควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที เช่น เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลเกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผลถลอก พี่เลี้ยงต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อของแผล เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรเลือกพี่เลี้ยงที่มีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ
3. พี่เลี้ยงเด็กควรมีทักษะการแก้ไขปัญหา พี่เลี้ยงจะต้องรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้ว่าจ้างเสมอไปหากปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง
4. ทำอาหารเป็น ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นต้องมี พี่เลี้ยงไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลเด็กอย่างเดียวเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงอาจจะต้องเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานในแต่ละมื้อด้วย หากอาหารอร่อยถูกปาก เด็กจะเจริญอาหารและอารมณ์ดี ที่สำคัญที่สุดที่พี่เลี้ยงต้องใส่ใจและจดจำด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ดูแลนั้น แพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานสิ่งที่แพ้เข้าไป
5. มีความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือสันทนาการ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจจะสอนเด็กนับเลข ฝึกการอ่าน หรือระบายสีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เหล่านี้
อะไรที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง
เมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูก ๆ ของคุณ ความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจ คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการใดบ้างที่จะหาพี่เลี้ยงที่วางใจได้ ใส่ใจมีวิธีการที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักตัวตนของพี่เลี้ยงเด็กมากขึ้น

1. ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีหากครอบครัวหรือเพื่อนของคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้แนะนำพี่เลี้ยงเด็กที่พวกเขารู้จัก อย่างน้อยก็มีคนรับรองพวกเขาได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องทำการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและตรวจสอบประวัติของคุณเองเพื่อให้แน่ใจว่าเชื่อถือได้มากที่สุด
2. สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาพี่เลี้ยงจากสื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค หรือไลน์ มองหาพี่เลี้ยงเด็กที่มีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการก่อนหน้า ใช้เวลาอ่านและศึกษารีวิวเหล่านั้น
3. เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน หากมีสัญญาณที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ เช่น พี่เลี้ยงเด็กดูเป็นคนไม่กระตือรือร้น หรือไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส จงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองที่ชี้ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับงาน
4. ตรวจสอบประวัติ คุณพ่อคุณแม่อาจร้องขอให้พี่เลี้ยงตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร( http://www.criminal.police.go.th/ ) เพื่อให้แน่ใจว่าพี่เลี้ยงเด็กไม่มีประวัติกระทำผิดกฎหมายทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและช่วยในการตัดสินใจ
ในวันสัมภาษณ์พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงเด็ก
ขั้นตอนของการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่คุณจะได้ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงที่คุณจะจ้าง แต่ในขั้นตอนนี้คุณต้องทำการตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน ดังนั้นวันนี้ใส่ใจมีข้อแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและพูดคุยถึงข้อตกลงที่สำคัญมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

1) ขอบเขตหน้าที่ที่คุณต้องการให้พี่เลี้ยงทำ เช่น ช่วยเลี้ยงลูกคุณขณะคุณไม่อยู่บ้าน ช่วยเตรียมกับข้าวให้ลูกน้อยรับประทานในแต่ละมื้อ ช่วยสอนการบ้านหากพี่เลี้ยงมีความสามารถ
2) วันและเวลาการทำงาน ในวันที่สัมภาษณ์คุณและพี่เลี้ยงจะต้องตกลงเรื่องวันเวลาการทำงานให้อย่างชัดเจน และคุณควรจะมีวันหยุดให้พี่เลี้ยงตาม กฎหมายกระทรวงแรงงาน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ และวันพักร้อน ได้ 6 วัน ต่อ ปี และต้องหยุดตามประเพณี ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน
3) ค่าจ้าง คุณจะต้องตกลงเรื่องค่าจ้างกับพี่เลี้ยงให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คุณควรที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กทำงานในวันหยุดนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน
4) ข้อตกลงในการอาศัยอยู่ในบ้าน หากคุณมีกฎระเบียบที่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้ คุณต้องแจ้งให้พี่เลี้ยงเด็กรับทราบก่อนเริ่มงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากให้ลูกติดโทรศัพท์ คุณควรแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบ และควรกำชับพี่เลี้ยงว่าไม่ให้ลูกของคุณเล่นโทรศัพท์ขณะที่คุณไม่อยู่ เพราะเด็กอาจได้รับผลกระทบจากการเล่นโทรศัพท์นานเกินไปจนส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นและส่งผลกับสายตา ดังนั้นพี่เลี้ยงจะต้องหากิจกรรมที่ให้เด็กได้พัฒนาตนเองมากกว่าการเล่นโทรศัพท์มือถือ

ณ บางบอน

ณ บางบอน เขตบางบอน หนึ่งใน 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ที่มีคำขวัญอยู่ว่า หลวงพ่อขาวทรงฤทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อเกษร งาทนคเรศเขตบางบอน สมุทรสาครชิดชายแดน ถนนวงแหวนคู่อุตสาหกรรม น้อมนำเกษตรพอเพียง จากคำขวัญทำให้เห็นภาพ โดยรวมว่าเขตบางบอนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของฝั่งธนบุรี มีแนวแบ่งเขตระหว่างกรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรสาคร เป็นชุมชนที่ มีประชากรอยู่ 104,366 คนบนเนื้อที่ 35 ตารางกิโลเมตร ถือได้ว่าไม่หนาแน่นมาก แต่อาจรวมกันอยู่หนาแน่นบริเวณเขตอุตสาหกรรม ถึงแม้เขตบางบอน หรือชื่อบางบอนปรากฏอยู่ ในโครงนิราศทวาย (โครงนิราศไปแม่น้ำน้อย) บทประพันธ์ของพระพิพิธสาลี ที่ประพันธ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 มีการเปลี่ยนแปลงความสำคัญ ตามการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ควบรวมบางบอนเหนือและบางบอนใต้ จนเป็น ตำบลบางบอน ในปี พ.ศ. 2483 การที่มีถนนสายหลักตัดผ่าน เช่นถนนกาญจนาภิเษก ถนนกัลปพฤกษ์ ถนนบางขุนเทียน และ ถนนเอกชัย ซึ่งบนถนนเอกชัยนี่เอง เป็นจุดเริ่มต้นของโรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ. 2513 ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์กระทิงแดง ได้ตั้งโรงงานผลิตยาและ สินค้าอุปโภคบริโภค ก่อนที่จะทำเครื่องดื่มกระทิงบน ถนนสายนี้ นับได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกย่านบางบอนให้กลายเป็นย่านอุตสาหกรรม แม้อุตสาหกรรมจะเข้ามามีบทบาท ต่อเขตบางบอน แต่เนื่องด้วยเส้นทางคลองด่านที่ผ่านเขตนี้ ทำให้ประชาชนในเขตบางบอนบางส่วนยังทำการเกษตรแบบดั้งเดิมและเกษตรอินทรีย์ ไม้ยืนต้นและไร่นาสวนผสม ผลไม้ที่มีรสชาติอร่อย เช่นมะม่วงขาวนิยม (มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กรอบนอกนุ่มใน มัน หวานหอมละมุน) ไม้ประดับ เช่นดอกจำปา ดอกจำปี กล้วยไม้ดอกรัก ซึ่งการผสมผสาน ของอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมในเขตบางบอนนี้ ทำให้ตำบลบางบอน เดิมทีที่เป็นส่วนหนึ่งของเขตบางขุนเทียน มีความหนาแน่นมาก เพื่อให้หน่วยงานราชการ และประชาชนติดต่อราชการได้สะดวกขึ้น รวมกระทั่งถึง การบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในปี พ.ศ. 2540 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศ แขวงบางบอน แยกมากมาจากเขตบางขุนเทียน และตั้งเป็นเขตบางบอน ในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2540 มาถึงวันนี้การเข้ามาของโครงการอสังหาริมทรัพย์ ก็ได้เติบโตตามการขยายของเมืองรองรับ ดึงดูดให้คนเข้ามาอาศัยในเขตของบางบอน (ฝั่งธน) มากขึ้น โดยเขตบางบอนได้วางแผนให้ บางบอนเป็นเขต อุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัยและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เพื่อเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน ณ บางบอน



สายน้ำ และวันเวลา บางบอน

สายน้ำ และวันเวลา บางบอน

หากทำภาพการ์ตูน หรือสื่อนำเสนอที่มาที่ไปของ เขตบางบอน เขตการปกครองที่ 50 ของกรุงเทพมหานครครั้งหนึ่งภาพคลองกว่า 16 คลองที่ไหลผ่านให้ชาวบ้านนำผลผลิตออกมาขาย เป็นการนำของสวนออกไปขายยังตลาดโดยตรง ล่องไปตามแม่น้ำเข้าสู่เขตธนบุรี เช่น ไปยังตลาดวัดกลางหรือวัดจันทารามวรวิหาร (กลางตลาดพลู) เป็นการเดินทางสายหลักจนวันหนึ่งเมื่อความเจริญเข้ามา ภาพถนนที่ตัดผ่านทุ่งนา สะพานข้ามคลอง คลองแล้วคลองเล่า เชื่อมโยงเป็นใยแมงมุม แล้วภาพด้านหลังรถวิ่ง จากทุ่งนากลับกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมและบ้านจัดสรร เข้ามาแทนที่ ภาพมุมสูงที่อยู่หลังเมืองลึกเข้าไปจากทุ่งนากลับกลายเป็นสวนเพราะความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ ผ่านคลองทั้ง 16 สายที่ไหลผ่าน ต้นไม้เติบโต ออกผล เช่น ขนุน มะพร้าว และที่ทำชื่อเสียงได้มากที่สุดก็คือ มะม่วงน้ำดอกไม้มัน มะม่วงขาวนิยม ซึ่งเป็นมะม่วงพันธุ์ใหม่ ที่พบในเขตบางบอนและมีการสนับสนุนให้ขยายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยมะม่วงน้ำดอกไม้มันจะมีผลผลิตต่อผลจะมีน้ำหนัก 7 ขีด ถึง 1.5 กิโลกรัม จากคลองมาเป็นถนน ถนนที่เป็นสายเลือดหลังคือ ถนนเอกชัย - บางบอน หากเราขับรถผ่านแยกเข้าสู่ถนนบางบอน3 ซึ่งเป็นแหล่งผลิตดอกไม้ดอกไม้ ของบางบอน บนถนนบางบอน 3 เราจะเห็นทั้งสองสองฟากถนน สายนี้ไปเปลี่ยนจากทุ่งนาในวันก่อนๆ เป็นแหล่งปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ ของชาวบ้าน ชาวสวนเขตบางบอน จะพบว่าพันธุ์ไม้ที่ได้รับการปลูกส่วนใหญ่จะเป็นไม้ตัดดอก ต้นแข็งแรง อาทิเช่น กล้วยไม้ประเภทหวายที่มีสีสัน สวยงาม ทนต่อสภาพอากาศ หากเขตใกล้ๆ กัน ส้มบางมด มีลิ้นจี่บางขุนเทียน เขตบางบอนก็มีสวนเกษตรอินทรีย์ ที่สร้างชื่อไม่แพ้กัน ภาพตัดมาที่ผลิตผล เช่นขนุน มะพร้าว ถูกนำออกมาขาย หรือนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปในสวน ทั้งหมดนี้เป็น ภาพที่บรรยายชีวิตของ ชาวบ้านบางบอน

ในชีวิตจริงวันนี้เส้นเลือดหลังที่หล่อเลี้ยง เศรษฐกิจ วิถีชีวิตชาวบางบอน คือถนน ถนนเอกชัย ซึ่งมีระยะทางส่วนใหญ่เป็น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3242 เมื่อข้างคลองวัดสิงห์ จากนั้นตัดกับถนนบางบอน 1 ถนนบางขุนเทียน ถนนกาญจนาภิเษก ถนนบางบอน 3 และถนนบางบอน 5 ผ่านโรงเรียนศึกษานารีวิทยา เข้าเขตอำเภอเมืองสมุทรสาคร ถนนสายนี้ ทำให้กรุงเทพฯ ใต้ เติบโตและเป็นที่สนใจ ผู้คนให้ความสำคัญเข้ามาจับจองสร้างที่อยู่อาศัย ไปจนถึงโรงงานขนาดเล็กใหญ่ จนกลายเป็นวิสัยทัศน์ที่ว่า “เมืองต้นแบบ พัฒนาเขตเกษตรกรรม อุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์”



เด็กและการเรียนรู้ เกษตรอินทรีย์

เด็กและการเรียนรู้ เกษตรอินทรีย์ การเพาะบ่มเพาะทักษะชีวิตให้เติบโตและเรียนรู้รอบด้าน ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเพียงในห้องเรียนเท่านั้น อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการสร้างประสบการณ์นอกชั้นเรียนยังถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเติบโตของเด็กๆ การเดินทางเมื่อเติบโตขึ้นของเด็กๆ หลายคนไปตามความฝัน ตามสิ่งที่ได้พบเห็น และเจอ หลายคนมีต้นแบบจากผู้ปกครอง จากอาชีพที่พบเจอ แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีเด็กอีกไม่น้อย พบเห็นอาชีพเกษตรกรแค่การปลูกผักข้างรั้วโรงเรียน หรือเพาะถั่วเขียว ถั่วงอกส่งเป็นการบ้าน จะเป็นอย่างไรหากเด็กๆ เข้าใจ “ธรรมชาติสมดุล ระบบนิเวศน์สมดุล” การพาเด็กๆ ออกไปเรียนรู้ ในพื้นที่การเกษตร ได้เรียนรู้ว่าการทำเกษตรอินทรีย์คือการทำการเกษตรด้วยกรรมวิธีทางธรรมชาติ การได้ลงมือสัมผัสดิน การทดลองปลูกด้วยตัวเอง โดยที่พื้นที่ที่ทำเกษตรนั้น ต้องไม่มีสารพิษ หรือสารเคมีตกค้าง เพื่อความสมบูรณ์ทางชีวภาพในระบบนิเวศน์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามสมดุลของธรรมชาติให้มากที่สุด บางครั้งการปลูกพืชท้องถิ่นที่ทน ต่อแมลง และเหมาะกับสภาพอากาศก็มีส่วนช่วยในการไม่ใช้สารเคมี เด็กๆ จะได้เรียนรู้ ชนิดของผักซึ่งบางครั้งเขาอาจเห็นมาบ้างจากครัวของคุณแม่ การเรียนรู้ปลูกผักเกษตรอินทรีย์ เช่น การปลูกผักหลอกแมลง โดยแบ่งแปลงเป็น 7 แถว เพื่อปลูกพืช 7 ชนิดสลับแถวกัน มีทั้งขึ้นฉ่าย ผักสลัด หอมแบ่ง ผักโขมแดง ผักบุ้งจีน กะเพรา และโหระพา ผักพื้นบ้าน แมลงบางชนิดไม่ชอบผักชนิดหนึ่งก็ไม่บินมากิน เมื่อไม่มีแมลงก็ไม่ต้องใช้การเคมี เป็นการเรียนรู้ เกษตรอินทรีย์ง่ายๆ และผักบางชนิดก็สามารถนำมาสาธิตปรุงอาหารให้เด็กๆ ได้ทดลองทานดูได้อีกด้วย แหล่งการเรียนรู้แบบนี้มักซ่อนตัวไม่ไกลจากเมือง เช่นในกรุงเทพมหานคร ทางตอนใต้ของกรุงเทพฯ ข้ามมาฝั่งธนบุรี ณ เขตบางบอน เขตที่ยังคงมีการทำเกษตรอินทรีย์ มีธรรมชาติ ที่ไม่เปลี่ยนปากเดิมมากนัก อีกทั้งยังสะดวกสบาย เพราะได้จัดการให้เป็น ศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศฯ เด็กๆ ก็จะได้สัมผัส เรื่องราวของชีวิต ชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่น อีกทั้งเป็นการสนับสนุนและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เป็นสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืน เด็กๆ นอกจากจะเข้าใจแล้วแรงบันดาลใจ ก็มีผลต่อการใช้ชีวิตในวันต่อๆ ไป