ดูแลเด็ก ใน พระนคร, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน พระนคร, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
3 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
3 ปีที่แล้ว
บ้านอยู่แถว สุขุมวิท71 ลองใช้เว็บใส่ใจครั้งแรก เพราะเพื่อนๆ แนะนำมา อยากได้พี่เลี้ยงเด็ก มองหามาหลายที่ ที่นี่รายละเอียดครบ ราคาชัดเจน โทรปรึกษาพนักงานก็อธิบายเข้าใจง่ายมาก สะดวกสบาย ง่ายกว่า search หาเองใน Google ชอบมากๆ ค่ะ
Saijai
นงคราญ แซ่ตั้ง
3 ปีที่แล้ว
เราทำงานนอกบ้าน เลยหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลน้องที่บ้าน ค้นหาข้อมูลดูเวปนี้ให้รายละเอียดพี่เลี้ยงน่าสนใจ ราคาเรารับได้ เราเลยให้น้องมาทดลองงานก่อนเราไปทำงาน น้องมีประสบการณ์มา เลยปรับตัวไม่ยาก เวลาเราอยู่น้องจะช่วยหยิบจับของทำโน่นทำนี่ไป ประทับใจคะ สองเดือนแล้วน้องทำงานดี มีระเบียบเรียบร้อย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เราไว้ใจให้น้องคนนี้ดูแล
Saijai
แม่น้องกัญ
3 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยควรเลือกใช้บริการการเลี้ยงเด็กแบบใด พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว หรือเนอสเซอรี่
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก วันนี้เรามาดูข้อดีขอเสียของพี่เลี้ยงเด็กกันค่ะ ทำไมต้องเลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็ก

1) พี่เลี้ยงช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อคุณแม่ได้ หากคุณไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยเนื่องจากต้องทำงานนั้น พี่เลี้ยงเด็กคือทางออกของคุณค่ะ
2) หากคุณเลือกพี่เลี้ยงที่มีคุณสมบัติที่ดีสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกของคุณได้ค่ะ
3) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณแบบใกล้ชิดมากกว่าส่งลูกเข้าศูนย์เลี้ยงเด็ก เพราะศูนย์เลี้ยงเด็กนั้นไม่สามารถดูแลเด็ก ๆ แบบใกล้ชิดได้
4) พี่เลี้ยงสามารถยืดหยุ่นเวลาทำงานให้สอดคล้องกับการทำงานของคุณได้
5) คุณไม่ต้องเสียเวลาไปรับไปส่งลูกน้อยที่ศูนย์หากคุณจ้างพี่เลี้ยงมาที่บ้านเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณ
6) ลูกของคุณจะไม่ป่วยบ่อยเหมือนเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีเด็กมากกว่า20คน อาจจะเกิดความเสี่ยงติดโรคจากเพื่อน ๆ ได้
7) พี่เลี้ยงสามารถอยู่ดูแลลูกของคุณและเฝ้าบ้านของคุณได้หากในกรณีคุณกลับบ้านดึก
8) คุณสามารถบอกพี่เลี้ยงเด็กได้หากคุณต้องการให้พี่เลี้ยงมุ่งเน้นพัฒนาการของลูกคุณในด้านไหนเพราะพี่เลี้ยงของคุณจะดูแลเด็กแบบใกล้ชิด และมุ่งเน้นความสนใจให้ลูกของคุณ ต่างจากเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่ต้องเฉลี่ยดูแลอย่างเท่าเทียมกัน

ข้อเสียของพี่เลี้ยงเด็ก

1) ลูกของคุณอาจจะติดพี่เลี้ยงมากเกินไป
2) ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับศูนย์เลี้ยงเด็ก
3) คุณอาจจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวภายในครอบครัว

อย่างไรก็ดีข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กนั้นจะช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของคุณไปได้เยอะเลยทีเดียว หากคุณกำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็กสักคน ใส่ใจมีบริการด้านนี้ค่ะ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรมองหาจากพี่เลี้ยงเด็กก่อนตกลงจ้าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่สักคนจะตัดสินใจหาใครมาดูแลลูกน้อยที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ วันนี้ใส่ใจมีข้อมูลของทักษะและคุณสมบัติที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเช็คกันดูก่อนตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงสักคน

1. พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความอดทนสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องมีความเข้าใจเด็ก สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนที่มีความอดทนสูง
2. พี่เลี้ยงเด็กควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที เช่น เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลเกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผลถลอก พี่เลี้ยงต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อของแผล เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรเลือกพี่เลี้ยงที่มีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ
3. พี่เลี้ยงเด็กควรมีทักษะการแก้ไขปัญหา พี่เลี้ยงจะต้องรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้ว่าจ้างเสมอไปหากปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง
4. ทำอาหารเป็น ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นต้องมี พี่เลี้ยงไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลเด็กอย่างเดียวเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงอาจจะต้องเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานในแต่ละมื้อด้วย หากอาหารอร่อยถูกปาก เด็กจะเจริญอาหารและอารมณ์ดี ที่สำคัญที่สุดที่พี่เลี้ยงต้องใส่ใจและจดจำด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ดูแลนั้น แพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานสิ่งที่แพ้เข้าไป
5. มีความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือสันทนาการ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจจะสอนเด็กนับเลข ฝึกการอ่าน หรือระบายสีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เหล่านี้
อะไรที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง
เมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูก ๆ ของคุณ ความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจ คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการใดบ้างที่จะหาพี่เลี้ยงที่วางใจได้ ใส่ใจมีวิธีการที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักตัวตนของพี่เลี้ยงเด็กมากขึ้น

1. ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีหากครอบครัวหรือเพื่อนของคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้แนะนำพี่เลี้ยงเด็กที่พวกเขารู้จัก อย่างน้อยก็มีคนรับรองพวกเขาได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องทำการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและตรวจสอบประวัติของคุณเองเพื่อให้แน่ใจว่าเชื่อถือได้มากที่สุด
2. สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาพี่เลี้ยงจากสื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค หรือไลน์ มองหาพี่เลี้ยงเด็กที่มีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการก่อนหน้า ใช้เวลาอ่านและศึกษารีวิวเหล่านั้น
3. เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน หากมีสัญญาณที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ เช่น พี่เลี้ยงเด็กดูเป็นคนไม่กระตือรือร้น หรือไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส จงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองที่ชี้ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับงาน
4. ตรวจสอบประวัติ คุณพ่อคุณแม่อาจร้องขอให้พี่เลี้ยงตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร( http://www.criminal.police.go.th/ ) เพื่อให้แน่ใจว่าพี่เลี้ยงเด็กไม่มีประวัติกระทำผิดกฎหมายทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและช่วยในการตัดสินใจ
ข้อตกลงสำคัญที่พ่อแม่ควรตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงานมีอะไรบ้าง?
สัญญาหรือข้อตกลงในการทำงานเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่และพี่เลี้ยงเด็กต้องตกลงร่วมกันเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันในขอบเขตการทำงานและค่าตอบแทน การทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอาจจะไม่จำเป็นเสมอไป แต่การร่างหรือการบันทึกรายการช่วยให้ทั้งสองฝ่ายจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น มีอะไรบ้างที่คุณพ่อคุณแม่และพี่เลี้ยงเด็กควรตกลงกันก่อนเริ่มงาน

1. วันเริ่มงาน ควรมีวันเริ่มงานให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์และไม่เป็นการเสียเวลาของทั้งคุณพ่อคุณแม่และพี่เลี้ยงเด็ก
2. ชั่วโมงการทำงานและวันหยุด ตกลงเรื่องเวลาทำงาน จำนวนชั่วโมงการทำงานในแต่ละวันและวันหยุด เพื่อให้ตารางการทำงานของพี่เลี้ยงเด็กสอดคล้องกับเวลาทำงานของพ่อคุณแม่มากที่สุด และทั้งสองฝ่ายควรรักษาเวลา
3. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ กำหนดความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน
4. ค่าแรงและกำหนดการจ่าย ค่าแรงของพี่เลี้ยงเด็กอาจขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงาน เช่นพี่เลี้ยงเด็กรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน ซึ่งกำหนดการจ่ายเงินอาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการทำงานนี้ด้วย
5. ค่าแรงในกรณีทำงานล่วงเวลา หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กทำงานล่วงเวลา ควรสอบถามความสมัครใจของพี่เลี้ยงและตกลงกันให้ชัดเจนเรื่องค่าแรง
6. การโพสต์รูปหรือข้อความเกี่ยวกับเด็กลงสื่อออนไลน์ (Social Medias) คุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้มีรูปภาพ หรือข้อความเกี่ยวกับลูก ๆ ถูกโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ค หรืออินสตาแกรม โดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรทำความตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

ทำความรู้จักเขตพระนคร

ที่มาของชื่อเขต “พระนคร” นั้นยังไม่สามารถระบุแน่ชัด ว่าเริ่มเรียกขานเมื่อใด ที่พบระบุว่า ในปี พ.ศ.2441 มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 15 แผ่น 8 วันที่ 22 พฤษภาคม ร.ศ.117 เรื่อง ประกาศจัดการสะอาดในจังหวัดพระนคร ที่กำหนดเขตสุขาภิบาลรักษาความสะอาดท้องที่ มีข้อความดังนี้ “แนวฝั่งตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ปากคลองบางลำภูลงไปเพียงปากคลองตะพานหัน เลี้ยวเข้าคลองไปตามแนวคลอง ฝั่งข้างกำแพงพระนครตลอดไป จนออกปากคลองบางลำภู บันจบแนวฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาโดยรอบ ในจังหวัดนี้ ให้เรียกว่า จังหวัดพระนคร …”

“กรุงรัตนโกสินทร์วังวัดกษัตริย์สร้าง ศูนย์กลางสนามหลวงกระทรวงศาล ป้อมประตูคูคลองของโบราณ แหล่งสถาบันการศึกษาประชาธิปไตย รวมดวงใจไทยทั้งประเทศเขตพระนคร” คำขวัญของเขตพระนคร เขตที่มีพื้นที่ น้อยกว่า 6 ตารางกิโลเมตร มีประชากรอยู่ที่ 44,000 คน ถือเป็นเขตอนุรักษ์เมืองเก่า แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมทางฝั่งพระนคร เนื่องจากมีสถานที่สำคัญทั้งทางด้านวัฒนธรรมและด้านการเมืองการปกครองตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเขตพระนครเป็นที่ตั้งของเกาะรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน เขตนี้มีวัดอยู่ 23 แห่งและมัสยิด 2 แห่ง นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325 มาจนถึงปัจจุบันนับเวลาได้กว่า 240 ปี กรุงเทพมหานครยังคงเป็นราชธานีของสยามประเทศ นอกจากพระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามแล้ว ยังมีพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) และวังต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่โดยรอบ อาทิ วังสราญรมย์ วังท่าพระ วังถนนหน้าพระลาน วังถนนหลักเมือง วังถนนสนามชัย วังถนนพระอาทิตย์ วังจักรพงษ์ วังท่าเตียน ฯลฯ ซึ่งพระมหากษัตริย์แต่ละรัชกาลพระราชทานให้พระบรมวงศานุวงศ์พำนักต่อเนื่องเรื่อยมา เป็นสถานที่สำคัญที่ตั้งอยู่ในเขตพระนคร พื้นที่เขตพระนครจึงเป็นที่ตั้งอาคารสำคัญของประเทศ เป็นอาคารประวัติศาสตร์ของชาติ เป็นประจักษ์พยานพัฒนาการของบ้านเมืองทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง รวมทั้งสถาปัตยกรรมและเมือง อาคารดังกล่าวยังได้รับการทำนุบำรุงรักษาให้สวยงาม เป็นที่เชิดหน้าชูตา เป็นมรดกทางวัฒนธรรมทรงคุณค่าและเป็นทรัพยากรการท่องเที่ยวที่ล้ำค่า



เที่ยวรอบๆ เขตพระนคร

เขตพระนคร เป็นเขตที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางทิศตะวันตก ทิศเหนือ ติดต่อกับคลองผดุงกรุงเกษม และถนนราชดำเนินและคลองโอ่งอ่าง ไปทางทิศตะวันออก ใจกลางกรุงเทพมหานคร เครื่องหมาย ศาลหลักเมือง (หลักเมือง) อยู่ในเขต นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบสนามหลวงยังมีพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในวังเดิมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และวิทยาเขตหลักของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยศิลปากรอีกด้วยสถานที่สำคัญอื่นๆ ในพื้นที่ ได้แก่ วัดโพธิ์ เสาชิงช้า วัดสุทัศน์ วัดราชนัดดา (รวมโลหะปราสาท) และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อีกทั้งถนนข้าวสารที่ขึ้นชื่ออยู่ในตัวอำเภอ วัดสำคัญอีกแห่งคือวัดบวรนิเวศน์ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ได้รับการบรรพชาเป็นพระภิกษุ จากป้อมปราการเดิม 14 แห่งที่ปกป้องกรุงเทพฯมีเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ป้อมพระสุเมรุอยู่ด้านเหนือของอำเภอ และป้อมมหากาฬ อยู่ทางทิศตะวันออก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ได้มีการสร้างสวนสาธารณะขนาดเล็กชื่อว่าสันติชัยปราการรอบป้อมพระสุเมรุ

สะพานเฉลิมพระเกียรติ ในปี พ.ศ. 2548 บริเวณริมฝั่งแม่น้ำของเขตพระนคร ตั้งแต่สะพานพระราม 1 (สะพานที่ระลึก) ทางทิศใต้จนถึงท่าเรือวาสุกรี (เขตดุสิต) ได้ยื่นเสนอให้ UNESCO พิจารณาให้เป็นมรดกโลกในอนาคต สถานที่สำคัญอีกแห่งคือโรงละครศาลาเฉลิมกรุงบนถนนเจริญกรุง เป็นโรงภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ และเป็นโรงละครปรับอากาศแห่งแรกของประเทศไทย สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและทรงตั้งชื่อโดยเปิดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2476 เป็นโรงละครแห่งเดียวตั้งแต่ "ยุคทอง" แห่งแรกของภาพยนตร์ไทยที่ยังคงยืนอยู่ ไม่มีการแสดงภาพยนตร์เป็นประจำอีกต่อไป โรงละครได้รับการปรับปรุงใหม่และใช้สำหรับการแสดงนาฏศิลป์ไทยเป็นหลัก อีกจุดที่น่าสนใจคือตลาดดอกไม้ปากคลองตลาด ท่าพระจันทร์เป็นตลาดพระเครื่องที่มีชื่อเสียง พื้นที่บริเวณถนนพาหุรัด (พาหุรัด) ถือได้ว่าเป็น "ลิตเติ้ลอินเดีย" ของไทย ถนนสายนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อกว่าศตวรรษก่อน และชุมชนชาวอินเดียก็เริ่มก่อตัวขึ้นหลังจากนั้น Siri Guru Singh Sabha วัดซิกข์แห่งแรกของประเทศไทยสร้างขึ้นในปี 2476 ใกล้ถนน ย่านนี้เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับร้านขายผ้าอินเดียและอาหารอินเดีย ท้ายที่สุดถนนราชดำเนินมักถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟมากมายรอบวันเฉลิมพระชนมพรรษา (28 กรกฎาคม) วันเฉลิมพระชนมพรรษา (12 สิงหาคม) วันชาติ (5 ธันวาคม) และวันสำคัญอื่นๆ สนามหลวงและเพิ่งสร้างลานพลับพลามหาเจดีย์บดินทร์ (ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์) หน้าวัดราชนัดดาและโลหะปราสาทเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่มักใช้ในการเฉลิมฉลองเหตุการณ์ต่างๆ ที่ เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ที่ยังคงมีชีวิต ด้วยงานศิลปะที่ตกแต่ง เมื่อในอดีตกับแสงไฟที่ส่องให้งดงามยิ่งขึ้น



ลูกของฉันจะเติบโตได้มากแค่ไหน?

เมื่อเด็กอายุได้ 3 ขวบ พ่อแม่ ผู้ปกครองอาจจะรู้สึกว่าลูกเติบโตช้าลงเมื่อเทียบกับขวบปีแรก เด็กในวัยนี้ส่วนใหญ่ผอมลง แต่เด็กทุกคนอาจเติบโตในอัตราที่แตกต่างกัน

ค่าเฉลี่ยสำหรับเด็กชายและเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ:

น้ำหนัก: เพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 4 ถึง 6 กิโลกรัมต่อปี

ความสูง: เติบโตเฉลี่ยประมาณ 2 ถึง 3 นิ้วต่อปีหลังจากอายุ 2 ขวบ

พ่อแม่ ผู้ปกครอง อาจจะสังเกตเห็นว่าลูกหลานของตัวเองมีน้ำหนักและส่วนสูงต่างจากเด็กในวัยเดียวอย่างเห็นได้ชัด แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลใจตราบใดที่เด็กยังรักษาอัตราการเติบโตของตน สุขภาพร่างกายและอารมณ์ดี หรือพ่อแม่ ผู้ปกครอง อาจปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวด้านพัฒนาการเด็กเกี่ยวกับข้อกังวลของท่าน

ลูกของฉันทำอะไรได้บ้างในวัยนี้

เมื่อลูกของคุณเติบโตอย่างต่อเนื่อง คุณจะสังเกตเห็นความสามารถใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นที่พัฒนาขึ้น เด็กอาจมีความก้าวหน้าในอัตราที่แตกต่างกัน พัฒนาการสำคัญของเด็กวัย 3 ขวบ ได้แก่ วิ่ง กระโดด เดินขึ้นลงบันไดโดยไม่มีใครช่วย ขี่จักรยานสามล้อ ล้างและเช็ดมือให้แห้ง ต่อบล๊อกไม้ได้สูง 10 บล็อก วาดเส้นตรงและคัดลอกวงกลมได้ ยืนเขย่งปลายเท้าได้ ใช้ช้อนอย่างดี กินอาหารเองได้ แต่งกายและถอดเสื้อผ้าด้วยตนเอง ยกเว้นกระดุมและเชือกผูกรองเท้า มีสมาธิกับงานได้ 8 หรือ 9 นาที มีฟันน้ำนมทั้งหมด 20 ซี่ ควบคุมการขับถ่ายและพร้อมฝึกการใช้ห้องน้ำ เด็กอาจนอนทั้งหมด 11 ถึง 13 ชั่วโมง ต่อวัน อาจยังงีบหลับในช่วงบ่ายสั้น ๆ

ลูกของฉันสามารถพูดอะไรได้บ้าง

การพัฒนาด้านภาษาเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับ พ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กวัยสามขวบควรจะสามารถพูดได้ประมาณ 500 ถึง 900 คำ ใช้คำพูดที่คนอื่นเข้าใจได้ พูดในประโยค 2 หรือ 3 คำและขยายเป็นประโยค 4 หรือ 5 คำ สามารถจำเพลงหรือเนื้อเพลงง่ายๆ ได้ ใช้ "ได้โปรด" และ "ขอบคุณ" รู้จักชื่อตัวเอง ชื่อสี เข้าใจประโยคยาวๆ เข้าใจคำบุพบท (บน ล่าง ใต้) ใช้สรรพนามอย่างถูกต้อง เช่น เธอคุณ เขา และฉัน ถาม "ทำไม" อย่างต่อเนื่อง

พ่อแม่ ผู้ปกครองหรือพี่เลี้ยง ควรใช้เวลาพูดคุยสนุกสนานกับเด็ก สอนลูกว่าสิ่งต่าง ๆ ทำงานอย่างไร ส่งเสริมให้เล่นกับเด็กคนอื่นๆ ส่งเสริมให้ลูกเล่าเรื่อง ฟังลูกของคุณและแสดงว่าคุณพอใจกับคำพูดของลูก

พ่อแม่ ผู้ปกครองควรปล่อยให้เด็กช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อแต่งตัว แปรงฟัน และหวีผม มอบหมายงานบ้านง่าย ๆ ให้เด็กทำ เช่น เก็บของเล่น

พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือพี่เลี้ยง มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของเด็ก อย่าปล่อยให้เด็กอยู่กับหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นทีวี โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ส่งกระทบด้านลบทั้งด้านสุขภาพและอารมณ์