ดูแลเด็ก ใน ลาดพร้าว, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน ลาดพร้าว, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

พี่เลี้ยงเด็กที่จ้างผ่านเว็บใส่ใจคือดีจริง ๆ พี่เลี้ยงเด็กมีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูเด็กและเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ทำให้คนเป็นแม่อย่างเราหายห่วงลูกเลยจริง ๆ หากใครที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก บริการของทางใส่ใจถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องทำงานนอกบ้าน
Saijai
กรรชัย วงศ์พานิชญ์
3 ปีที่แล้ว
ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
3 ปีที่แล้ว
ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
3 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
3 ปีที่แล้ว
ลองค้นหาบริการพี่เลี้ยงเด็กอยู่หลายที่ จนได้มาเจอเว็บใส่ใจ ลองเข้าไปดู รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างมีขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ให้เลือกพี่เลี้ยง ขั้นตอนนัดสัมภาษณ์ รายละเอียดและคำแนะนำต่าง ๆ พี่เลี้ยงที่ได้มาก็ตรงตามความต้องการสุด ๆ รู้สึกประทับใจมาก
Saijai
ณัฐณิชา ทิวาสวัสดิ์
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัวหรือเนอสเซอรี่ (Nursery) อะไรคือคำตอบสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้
ข้อดีของการให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กที่บ้านของคุณเอง

1. ลูกน้อยของคุณได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงแบบใกล้ชิด ทำให้เด็กรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
2. มีความยืดหยุ่นในการทำกิจวัตรประจำวันเพราะเด็กไม่ต้อง กิน นอน หรือ เล่นตามตารางเหมือนอยู่ในศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรือเนอสเซอรี่ (Nursery)
3. พี่เลี้ยงเด็กสามารถปรับเวลาการทำงานให้สอดคล้องกับเวลาทำงานและวันหยุดของคุณพ่อคุณแม่
4. คุณพ่อคุณแม่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นเพราะไม่ต้องเผื่อเวลาในการรับส่ง ก่อนและหลังเลิกงาน
5. เด็กได้รับการดูแลในบรรยากาศที่คุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย
6. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเดินทางรับส่ง หมดปัญหาเรื่องรถติดและมลภาวะบนท้องถนน
7. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเตรียมตัวหรือจัดเตรียมของใช้ให้ลูก เช่น ขวดนม เสื้อผ้า หรือแพมเพิส
8. ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิต้านทานยังน้อยจะเจ็บป่วยได้ง่าย หากต้องอยู่ปะปนกับเด็ก ๆ อื่น
9. มีคนอยู่บ้านตลอดเวลาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน

ข้อดีของการเข้าเนอสเซอรี่ (Nursery)

1. ฝึกทักษะการเข้าสังคมเพราะเด็กต้องอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ และครูพี่เลี้ยง
2. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับการจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัว
3. เนอสเซอรี่มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้เด็กฝึกทักษะผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรมองหาจากพี่เลี้ยงเด็กก่อนตกลงจ้าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่สักคนจะตัดสินใจหาใครมาดูแลลูกน้อยที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ วันนี้ใส่ใจมีข้อมูลของทักษะและคุณสมบัติที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเช็คกันดูก่อนตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงสักคน

1. พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความอดทนสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องมีความเข้าใจเด็ก สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนที่มีความอดทนสูง
2. พี่เลี้ยงเด็กควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที เช่น เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลเกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผลถลอก พี่เลี้ยงต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อของแผล เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรเลือกพี่เลี้ยงที่มีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ
3. พี่เลี้ยงเด็กควรมีทักษะการแก้ไขปัญหา พี่เลี้ยงจะต้องรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้ว่าจ้างเสมอไปหากปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง
4. ทำอาหารเป็น ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นต้องมี พี่เลี้ยงไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลเด็กอย่างเดียวเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงอาจจะต้องเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานในแต่ละมื้อด้วย หากอาหารอร่อยถูกปาก เด็กจะเจริญอาหารและอารมณ์ดี ที่สำคัญที่สุดที่พี่เลี้ยงต้องใส่ใจและจดจำด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ดูแลนั้น แพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานสิ่งที่แพ้เข้าไป
5. มีความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือสันทนาการ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจจะสอนเด็กนับเลข ฝึกการอ่าน หรือระบายสีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เหล่านี้
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับพี่เลี้ยง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะไว้วางใจให้ลูก ๆ ของคุณอยู่ในความดูแลพี่เลี้ยงเด็ก แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตามเด็กอาจเกิดความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจมีวิธีการที่จะช่วยลดความกังวลของทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกได้ดังนี้ค่ะ

1. คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับเด็ก ถึงความจำเป็นที่ต้องให้เด็กๆ อยู่กับพี่เลี้ยง ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าคุณพ่อคุณแม่หาคนที่สามารถดูแลพวกเขาได้ดี
2. คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงที่เข้ากันได้กับลูก ๆ และมีความพร้อมในการดูแลเด็ก
3. แนะนำให้ลูก ๆ ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง โดยอาจจะเล่าให้ฟังว่าพี่เลี้ยงเห็นใคร ชื่ออะไร คุยกับพี่ผ่านทางวิดีโอคอลก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อนลดความตึงเครียดในการเจอกันครั้งแรก
4. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง เบอร์โทรฉุกเฉิน และสอนให้ลูกใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือโทรขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
5. มอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ทำระหว่างวัน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีกิจกรรมเบนความสนใจและไม่เอาแต่จดจ่อรอเวลาคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
6. เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากบ้านและต้องให้เด็ก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าพี่เลี้ยงจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีและย้ำว่าพวกเขาสามารถโทรหาคุณได้เสมอ
พ่อแม่ควรตกลงอะไรบ้างก่อนจ้างพี่เลี้ยงเด็ก?
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถหาพี่เลี้ยงเด็กที่ถูกใจได้แล้ว ควรพูดคุยและตกลงกันเรื่องใดบ้างก่อนเริ่มงาน

1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

หน้าของพี่เลี้ยงเด็กคืออะไร

พี่เลี้ยงเป็นผู้ให้บริการดูแลเด็กในบ้านที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเด็กและครอบครัวที่พวกเขาทำงานให้ แม้ว่าศูนย์รับเลี้ยงเด็กจะให้บริการดูแลเด็กในบางช่วงเวลาของวันเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงมักจะอาศัยความช่วยเหลือเพิ่มเติมซึ่งมีบทบาทสำคัญในชีวิตของเด็กที่พวกเขาดูแล พี่เลี้ยงเป็นมากกว่าคนดูแลเด็ก พวกเขามักจะทำหน้าที่เป็นพ่อครัวและแม่บ้านส่วนตัว ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้รับค่าตอบแทนเป็นอย่างดีและได้รับสภาพความเป็นอยู่ที่ดีเป็นการตอบแทนสำหรับการทำงานหนักของพวกเขา

หลายคนสามารถเป็นพี่เลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่ต้องมีการฝึกอบรมทางวิชาชีพ แต่บ่อยครั้งที่บริษัทและบริการที่รับเลี้ยงเด็กจากภายนอกต้องการให้พนักงานของตนมีหนังสือรับรองการดูแลเด็ก การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเด็กอาจเป็นโอกาสการจ้างงานที่คุ้มค่าสำหรับบุคคลใดก็ตามที่มีที่ในใจสำหรับเด็กพี่เลี้ยงควรเป็นบุคคลที่มีความรักต่อเด็กและปรารถนาที่จะดูแลเด็กภายใต้การดูแลของพวกเขาเติบโตและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่หล่อเลี้ยง พี่เลี้ยงควรเต็มใจทำกิจกรรมในบ้านที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เช่น ทำความสะอาดห้อง ซักผ้า ให้ความบันเทิง อบรมสั่งสอนพวกเขา สอนมารยาทและดูแลพวกเขาเมื่อป่วยหรืออารมณ์ไม่ดี พี่เลี้ยงทำงานเป็นหุ้นส่วนกับพ่อแม่เพื่อช่วยเลี้ยงลูกให้มีความรับผิดชอบและมีความสามารถ

พี่เลี้ยงหลายคนอาศัยอยู่ในบ้านของครอบครัวเพื่อให้พวกเขาสามารถดูแลเด็กหรือเด็กเมื่อจำเป็น พี่เลี้ยงอาจต้องรับผิดชอบในการดูแลผู้อยู่ในอุปการะแม้ว่าพ่อแม่จะอยู่บ้านก็ตาม พี่เลี้ยงบางคนได้รับการว่าจ้างให้ดูแลเด็กในขณะที่พ่อแม่ทำงานจากที่บ้าน สิ่งนี้ทำให้ผู้ปกครองมีเวลาทำงานสำคัญให้เสร็จลุล่วงโดยที่ยังมีบ้านอยู่ ขณะที่อีกคนหนึ่งให้ความใส่ใจอย่างใกล้ชิดและเอาใจใส่ต่อเด็ก ๆ และสิ่งอื่น ๆ ที่ต้องดูแลรอบ ๆ บ้าน

พ่อแม่บางคนจ้างพี่เลี้ยงที่ได้รับการรับรองให้สอนลูก ทำให้พวกเขามีโอกาสเรียนรู้ขั้นสูงแทนที่จะนั่งเด็ก เป้าหมายสูงสุดของพี่เลี้ยงที่ดีคือการให้การดูแลที่ดีกับเด็กในขณะที่พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขา

สถานที่ทำงานของพี่เลี้ยงจะแตกต่างกันไปในแต่ละครอบครัวที่พวกเขาทำงานด้วย บรรยากาศในที่ทำงานเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับจำนวนเด็กที่ต้องดูแล ความต้องการที่เด็กมี หน้าที่ (นอกเหนือจากการดูแลเด็ก) ที่คาดว่าจะทำ และชั่วโมงที่คาดว่าจะทำงาน เป็นต้น

พี่เลี้ยงหลายคนอาศัยอยู่ในบ้านของครอบครัวในฐานะสมาชิกหรือครอบครัวขยาย ครอบครัวมักต้องการจ้างพี่เลี้ยงที่เป็นสมาชิกในครัวเรือนอย่างสม่ำเสมอจนกว่าเด็กจะอายุครบกำหนด พี่เลี้ยงต้องมีความคิดแบบทีม ทำงานเคียงข้างครอบครัวในฐานะสมาชิกในทีมเพื่อให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ จะได้รับการเลี้ยงดูและดูแลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้พี่เลี้ยงเป็นผู้ให้บริการดูแลเด็กในบ้านที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเด็กและครอบครัวที่พวกเขาทำงานให้ แม้ว่าศูนย์รับเลี้ยงเด็กจะให้บริการดูแลเด็กในบางช่วงเวลาของวันเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงมักจะมีบทบาทสำคัญในชีวิตของเด็กที่พวกเขาดูแล พี่เลี้ยงเป็นมากกว่าคนดูแลเด็ก พวกเขามักจะทำหน้าที่เป็นพ่อครัวและแม่บ้านส่วนตัว ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้รับค่าตอบแทนเป็นอย่างดีและได้รับสภาพความเป็นอยู่ที่ดีเป็นการตอบแทนสำหรับการทำงานหนักของพวกเขา

หลายคนสามารถเป็นพี่เลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่ต้องมีการฝึกอบรมทางวิชาชีพ แต่บ่อยครั้งที่บริษัทและบริการที่รับเลี้ยงเด็กจากภายนอกต้องการให้พนักงานของตนมีหนังสือรับรองการดูแลเด็ก การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเด็กอาจเป็นโอกาสการจ้างงานที่คุ้มค่าสำหรับบุคคลใดก็ตามที่มีที่ในใจสำหรับเด็กพี่เลี้ยงควรเป็นบุคคลที่มีความรักต่อเด็กและปรารถนาที่จะดูแลเด็กภายใต้การดูแลของพวกเขาเติบโตและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดี พี่เลี้ยงควรเต็มใจทำกิจกรรมในบ้านที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เช่น ทำความสะอาดห้อง ซักผ้า ให้ความบันเทิง อบรมสั่งสอนพวกเขา สอนมารยาทและดูแลพวกเขาเมื่อป่วยหรืออารมณ์ไม่ดี พี่เลี้ยงทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อแม่เพื่อช่วยเลี้ยงลูกให้มีความรับผิดชอบและมีความสามารถ

พี่เลี้ยงหลายคนอาศัยอยู่ในบ้านของครอบครัวเพื่อให้พวกเขาสามารถดูแลเด็กเมื่อจำเป็น พี่เลี้ยงอาจต้องรับผิดชอบในการดูแลเด็กแม้ว่าพ่อแม่จะอยู่บ้านก็ตาม พี่เลี้ยงบางคนได้รับการว่าจ้างให้ดูแลเด็กในขณะที่พ่อแม่ทำงานจากที่บ้าน สิ่งนี้ทำให้ผู้ปกครองมีเวลาทำงานสำคัญให้เสร็จลุล่วงโดยที่ยังอยู่บ้าน ขณะที่มีพี่เลี้ยงคอยให้ความใส่ใจอย่างใกล้ชิดและเอาใจใส่ต่อเด็ก ๆ และสิ่งอื่น ๆ ที่ต้องดูแลรอบ ๆ บ้าน

พ่อแม่บางคนจ้างพี่เลี้ยงที่ได้มีความรู้และทักษะในการสอน ให้พี่เลี้ยงรับผิดชอบเรื่องสอนการบ้าน ทบทวนบทเรียน หรือสอนเสริมให้เด็ก เป้าหมายสูงสุดของพี่เลี้ยงที่ดีคือการให้การดูแลที่ดีกับเด็กในขณะที่พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขา

สถานที่ทำงานของพี่เลี้ยงจะแตกต่างกันไปในแต่ละครอบครัวที่พวกเขาทำงานด้วย บรรยากาศในที่ทำงานเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับจำนวนเด็กที่ต้องดูแล ความต้องการที่เด็กมี หน้าที่ (นอกเหนือจากการดูแลเด็ก) ที่คาดว่าจะทำ และชั่วโมงที่คาดว่าจะทำงาน เป็นต้น



เขตลาดพร้าว

เขตลาดพร้าว ด้วยชื่อที่คุ้นหูหลาย ๆ คน คุ้นเคยกับเขตลาดพร้าวมากที่สุดเขตหนึ่งของกรุงเทพ แต่เดิมนั้น เขตลาดพร้าวเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เขตบางกะปิ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า เป็นย่านอยู่อาศัยขนาดใหญ่ แต่เมื่อมีการปรับเปลี่ยนเขตการปกครองใหม่ ในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2545 กระทรวงมหาดไทยได้โอนพื้นที่บางส่วนของเขตวังทองหลางมาเป็นส่วนหนึ่งของแขวงลาดพร้าว รองรับการเจริญเติบโตของเมือง ลาดพร้าวก็แยกออกจากบางกะปิ โดยย่านลาดพร้าวมีถนนสายหลัก คือ ถนนลาดพร้าว โดยเขตนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 22.157 ตร.กม และมีประชากรอาศัยอยู่ 117,108คน โดยมีถนนหลักคือถนนลาดพร้าว ซึ่งมีจุดเริ่มต้นที่ห้าแยกลาดพร้าว เป็นจุดตัดกับถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดีรังสิต มีทิศทางมุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านจุดตัดกับถนนรัชดาภิเษก ผ่านแยกถนนโชคชัย 4 (ลาดพร้าว 53) ผ่านแยกประดิษฐ์มนูธรรม ผ่านแยกถนนลาดพร้าว 101 (วัดบึงทองหลาง) เข้าพื้นที่เขตบางกะปิ ผ่านสามแยกบางกะปิ ซึ่งเป็นจุดตัดกับถนนศรีนครินทร์ สิ้นสุดที่สี่แยกบางกะปิตัดกับถนนนวมินทร์และถนนพ่วงศิริ โดยจากแยกนี้ไปจะเป็นถนนเสรีไทย ส่วนที่มีความใกล้เมืองมากที่สุด คือ ย่านห้าแยกลาดพร้าว และย่านรัชดาฯ-ลาดพร้าว แต่กว่าจะเป็นย่านที่ได้รับความสนใจในทุกวันนี้ ย่านห้าแยกลาดพร้าวในอดีต ไม่ได้เป็นย่านที่นักลงทุนสนใจมากนัก เพราะเดิมความเจริญกระจุกตัวอยู่เฉพาะย่านจตุจักร บริเวณขนส่งหมอชิตเก่า และบริเวณเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวเท่านั้น โดยจุดเริ่มต้นความน่าสนใจของพื้นโดยที่บริเวณนี้เริ่มจากการเข้ามา ลงทุนเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ประมาณปี พ.ศ. 2525 เป็นศูนย์การค้าแบบครบวงจรแห่งแรกของกลุ่มเซ็นทรัล ที่มีทั้งศูนย์การค้าและโรงแรม ตั้งอยู่บนพื้นที่เช่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (และมีการขยายต่อสัญญาเรียบร้อยแล้ว) บริเวณถนนพหลโยธินที่ถัดจากห้าแยกลาดพร้าว คู่ขนานกับฝั่งถนนลาดพร้าว เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ดึงให้คนในพื้นที่ใกล้เคียงจากทุกฝั่งทั้งฝั่งพหลโยธิน ฝั่งลาดพร้าว ฝั่งวิภาวดีรังสิต ตัวพิกัดของสถานีรถไฟฟ้าห้าแยกลาดพร้าวที่ค่อนไปทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ ซึ่งอยู่ฝั่งถนนพหลโยธิน ก็จะยังคงทำให้ความเจริญเติบโตกระจุกตัวอยู่บริเวณเดิม นั่นคือ โซนศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ และมีแนวโน้มว่าอาคารพาณิชย์บริเวณนั้นจะถูกเปลี่ยนมือเพื่อการขยายตัวของการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่น่าสนใจและจับตามองว่าอนาคตของเขตลาดพร้าวนี้จะขึ้นกลายเป็นว่าที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ หรือ New CBD (Central Business District) ได้หรือไม่ ศูนย์การค้าและโรงแรม ตั้งอยู่บนพื้นที่เช่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (และมีการขยายต่อสัญญาเรียบร้อยแล้ว) บริเวณถนนพหลโยธินที่ถัดจากห้าแยกลาดพร้าว คู่ขนานกับฝั่งถนนลาดพร้าว เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ดึงให้คนในพื้นที่ใกล้เคียงจากทุกฝั่งทั้งฝั่งพหลโยธิน ฝั่งลาดพร้าว ฝั่งวิภาวดีรังสิต ตัวพิกัดของสถานีรถไฟฟ้าห้าแยกลาดพร้าวที่ค่อนไปทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯซึ่งอยู่ฝั่งถนนพหลโยธิน ก็จะยังคงทำให้ความเจริญเติบโตกระจุกตัวอยู่บริเวณเดิม นั่นคือ โซนศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯและมีแนวโน้มว่าอาคารพาณิชย์บริเวณนั้นจะถูกเปลี่ยนมือเพื่อการขยายตัวของการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่น่าสนใจและจับตามองว่าอนาคตของเขตลาดพร้าวนี้จะขึ้นกลายเป็นว่าที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯหรือ New CBD (Central Business District)



ทางเลือกสำหรับครอบชาวต่างชาติที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ

คำถามและความกังวลของชาวต่างชาติที่ต้องการย้ายถิ่นฐานและครอบครัวมากรุงเทพฯ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กมักจะเป็นห่วงเรื่องการศึกษาว่าจะมีโรงเรียนหรือศูนย์ดูแลเด็กที่เหมาะสำหรับบุตรหลานของตนหรือไม่แล้ว

กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของไทยที่มีความสะดวกสบายในด้านการดูแลเด็กครบครัน ตั้งแต่สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก และกลุ่มเพื่อนเล่น ไปจนถึงพี่เลี้ยงเด็กแบบส่วนตัว ทำให้พ่อแม่ชาวต่างชาติมั่นใจได้ว่ามีตัวเลือกมากมายที่จะทำให้เด็ก ๆ ของคุณปลอดภัยและสนุกสนาน ในประเทศไทยไม่มีระบบก่อนวัยเรียนที่บังคับ แต่โรงเรียนอนุบาลบางแห่งดำเนินการโดยโรงเรียนของรัฐโดยมีค่าธรรมเนียมในการบริหารเล็กน้อย และมีสถานรับเลี้ยงเด็กที่พูดภาษาอังกฤษได้ส่วนใหญ่ยินดีต้อนรับเด็กอายุตั้งแต่หนึ่งถึงสามขวบ เพราะในกรุงเทพฯ มีผู้ให้บริการดูแลเด็กที่ดีมากมาย

บริการดูแลเด็กหรือพี่เลี้ยงเด็ก

หาพี่เลี้ยงเด็กในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องยาก (บริการของ saiji.io ยินดีให้คำปรึกษา) อัตราค่าบริการพี่เลี้ยงเด็กในประเทศไทยได้ ยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก ซึ่งทำให้ชีวิตในฐานะผู้ปกครองสะดวกยิ่งขึ้น พ่อแม่ชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งอาจคุ้นเคยกับผู้ให้บริการดูแลเด็กที่ได้รับการรับรองในประเทศบ้านเกิดของคุณ แต่ในประเทศไทยไม่มีข้อบังคับสำหรับพี่เลี้ยง ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะมีคำแนะนำส่วนตัวจากเพื่อนที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาคนที่เหมาะสมในการดูแลเด็ก อย่างไรก็ตาม มีพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์จำนวนมากที่กำลังมองหาการจ้างงานโดยครอบครัวที่พูดภาษาอังกฤษ และคุณสามารถหาพวกเขาได้ที่ saiji.io

ระบบการศึกษาของประเทศไทย

การศึกษาในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พลเมืองไทยมีสิทธิ์ได้รับการศึกษาของรัฐฟรี 12 ปี อย่างไรก็ตาม มีเพียงหกปีของการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นสามปีเท่านั้นที่เป็นภาคบังคับ

โรงเรียนสองภาษาและนานาชาติในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ข้อมูลในปี 2563 พบว่าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีโรงเรียนนานาชาติเกือบ 100 แห่ง ซึ่งจำนวนนี้ยังไม่รวมโรงเรียนไทยที่มีหลักสูตรสองภาษา ดังนั้นพ่อแม่ชาวต่างชาติที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเรียน สามารถเลือกที่จะให้บุตรหลานของตนเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนที่มีโปรแกรมสองภาษาหรือภาษาอังกฤษ หรือในโรงเรียนนานาชาติ ความแตกต่างระหว่างโรงเรียนสองภาษาและโรงเรียนนานาชาติ คือ โรงเรียนสองภาษาจะจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรของชาติไทย แต่ชั้นเรียนส่วนใหญ่สอนเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนโรงเรียนนานาชาติจะปฏิบัติตามหลักสูตรของโปรแกรมระดับชาติอื่น เช่น หลักสูตรของอเมริกาหรืออังกฤษ คนไทยที่มีฐานะดีส่วนหนึ่งนิยมที่จะส่งลูกไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติมากกว่าโรงเรียนเอกชน เนื่องจากวิธีการสอนและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่า และมีการเตรียมการที่ดีกว่าสำหรับเด็กที่จะไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ชาวต่างชาติที่มีแผนจะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดในอนาคต การเลือกโรงเรียนในประเทศไทยที่มีโครงสร้างหลักสูตรที่สอดคล้องกับโรงเรียนในประเทศบ้านเกิดจะทำให้การเรียนมีความต่อเนื่องและสามารถโอนถ่ายผลการเรียนได้

อย่างไรก็ตาม โรงเรียนนานาชาติมีราคาแพงกว่าโรงเรียนเอกชน และโรงเรียนนานาชาติบางแห่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาอย่างเคร่งครัดสำหรับนักเรียนอายุไม่เกิน 12 ปี ในขณะที่โรงเรียนอื่นๆ รวมถึงโรงเรียนมัธยมศึกษาสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี