ดูแลเด็ก ใน กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

พี่เลี้ยงเด็กที่จ้างผ่านเว็บใส่ใจคือดีจริง ๆ พี่เลี้ยงเด็กมีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูเด็กและเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ทำให้คนเป็นแม่อย่างเราหายห่วงลูกเลยจริง ๆ หากใครที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก บริการของทางใส่ใจถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องทำงานนอกบ้าน
Saijai
กรรชัย วงศ์พานิชญ์
3 ปีที่แล้ว
ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
3 ปีที่แล้ว
บ้านอยู่แถว สุขุมวิท71 ลองใช้เว็บใส่ใจครั้งแรก เพราะเพื่อนๆ แนะนำมา อยากได้พี่เลี้ยงเด็ก มองหามาหลายที่ ที่นี่รายละเอียดครบ ราคาชัดเจน โทรปรึกษาพนักงานก็อธิบายเข้าใจง่ายมาก สะดวกสบาย ง่ายกว่า search หาเองใน Google ชอบมากๆ ค่ะ
Saijai
นงคราญ แซ่ตั้ง
3 ปีที่แล้ว
ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
3 ปีที่แล้ว
เราทำงานนอกบ้าน เลยหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลน้องที่บ้าน ค้นหาข้อมูลดูเวปนี้ให้รายละเอียดพี่เลี้ยงน่าสนใจ ราคาเรารับได้ เราเลยให้น้องมาทดลองงานก่อนเราไปทำงาน น้องมีประสบการณ์มา เลยปรับตัวไม่ยาก เวลาเราอยู่น้องจะช่วยหยิบจับของทำโน่นทำนี่ไป ประทับใจคะ สองเดือนแล้วน้องทำงานดี มีระเบียบเรียบร้อย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เราไว้ใจให้น้องคนนี้ดูแล
Saijai
แม่น้องกัญ
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานนอกบ้านและไม่มีเวลาเลี้ยงลูกเอง ลองเปรียบเทียบกันระหว่างส่งลูกไปเนอสเซอรี่และจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกที่บ้าน อะไรจะตรงใจคุณพ่อคุณแม่มากที่สุด
บริการรับเลี้ยงเด็กในปัจจุบันมีหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หรือเนอสเซอรี่ เรามาดูข้อดีข้อเสียกันเลยค่ะ

ข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กที่บ้านมีดังนี้

1) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณได้อย่างใกล้ชิด ลูกของคุณจะได้รับความเอาใจใส่ที่ส่งผลต่อพัฒนาการเด็กทางด้านอารมณ์
2) พี่เลี้ยงสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านการทำกิจกรรมต่าง
3) พ่อแม่ประหยัดเวลามากขึ้น หากจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลที่บ้าน
4) เด็กจะไม่ป่วยบ่อย เนื่องจากเด็กจะอยู่ในบ้านของตนเอง

ข้อดีของเนอสเซอรี่

1) เด็ก ๆ จะรู้จักการเข้าสังคม
2) เนอสเซอรี่มีบริเวณกว้างเพื่อให้เด็กได้ทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ
3) เด็กจะได้ฝึกดูแลตัวเอง เพราะครูพี่เลี้ยงไม่ได้ดูแลเด็กแบบใกล้ชิด

ข้อเสียของพี่เลี้ยง

1) ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเข้าศูนย์เนอสเซอรี่
2) เด็กอาจจะติดพี่เลี้ยงเกินไป
3) ลดความเป็นส่วนตัวของครอบครัว

ข้อเสียของเนอสเซอรี่

1) เด็กป่วยบ่อยเพราะมีภูมิคุ้มกันที่น้อยเนื่องจากอยู่กับเด็กหลายคน
2) ลูกจะไม่ได้รับการดูแลใกล้ชิดแบบตัวต่อตัวอาจส่งผลถึงอารมณ์ของเด็กได้
3) เด็กจะอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาบริการพี่เลี้ยงเด็ก ใส่ใจมีบริการพี่เลี้ยงมืออาชีพที่พร้อมจะให้บริการคุณค่ะ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว ใส่ใจขอแนะนำให้คุณพ่อคุณมองหาคุณสมบัติและทักษะเหล่านี้ในตัวพี่เลี้ยงเด็กเพื่อให้ได้คนที่ตรงใจที่สุดค่ะ

1. ความอดทน พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเข้าใจในธรรมชาติและอดทนต่อพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
2. ทักษะการต่อรอง พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเทคนิคในการเจรจาสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับ
3. ทักษะแก้ปัญหา พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความสามารถในการจัดการและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องรายงานคุณพ่อคุณแม่หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
4. ความคิดสร้างสรรค์ พี่เลี้ยงเด็กควรมีความคิดสร้างสรรค์ หากิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เด็กได้เล่นเพลิดเพลินและฝึกช่วยเหลือตัวเอง
5. ตรงต่อเวลา พี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง คือต้องมาทำงานและเลิกงานตามเวลาที่ตกลงไว้กับคุณพ่อคุณแม่ หากมีเหตุสุดวิสัยทำให้มาสายควรแจ้งให้คุณพ่อคุณแม่ทราบโดยเร็วที่สุด
6. สุขภาพดี พี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมให้สะอาดอยู่เสมอ
7. วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที
หากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง ควรทำอย่างไร
ใส่ใจขอพูดถึงข้อกังวลและแนวทางแก้ไขเมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกๆ ที่บ้าน

1. ความปลอดภัยของลูกน้อย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลมากที่สุดคือความปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือการกระทำรุนแรงของพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูกน้อยทั้งทางร่างกายและพฤติกรรม ควรพูดคุย ซักถามเด็กอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับกิจกรรมระหว่างวันที่ลูก ๆ ทำกับพี่เลี้ยง การติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้านเป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจขึ้น
2. ประสบการณ์การทำงาน บางครั้งพี่เลี้ยงเด็กอาจไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานและความชำนาญของตน นอกจากการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจจะให้มีการทดลองงานสักระยะหนึ่งเพื่อดูว่าพี่เลี้ยงเด็กมีความชำนาญหรือสามารถทำงานได้ตามมอบหมายหรือไม่
3. พี่เลี้ยงเด็กหยิบฉวยทรัพย์สินในบ้าน หลายครั้งที่คุณพ่อคุณแม่เจอพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์แต่ยังกังวลว่าพี่เลี้ยงเด็กอาจพยายามขโมยสิ่งของมีค่าภายในบ้าน แนวทางป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คือ ไม่วางสิ่งของมีค่าไว้ในที่เปิดเผย ล็อคลิ้นชักเก็บของและประตูห้องที่พี่เลี้ยงเด็กไม่จำเป็นต้องใช้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ภายในบ้านเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาได้อีกทาง
ในวันสัมภาษณ์พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงเด็ก
ขั้นตอนของการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่คุณจะได้ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงที่คุณจะจ้าง แต่ในขั้นตอนนี้คุณต้องทำการตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน ดังนั้นวันนี้ใส่ใจมีข้อแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและพูดคุยถึงข้อตกลงที่สำคัญมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

1) ขอบเขตหน้าที่ที่คุณต้องการให้พี่เลี้ยงทำ เช่น ช่วยเลี้ยงลูกคุณขณะคุณไม่อยู่บ้าน ช่วยเตรียมกับข้าวให้ลูกน้อยรับประทานในแต่ละมื้อ ช่วยสอนการบ้านหากพี่เลี้ยงมีความสามารถ
2) วันและเวลาการทำงาน ในวันที่สัมภาษณ์คุณและพี่เลี้ยงจะต้องตกลงเรื่องวันเวลาการทำงานให้อย่างชัดเจน และคุณควรจะมีวันหยุดให้พี่เลี้ยงตาม กฎหมายกระทรวงแรงงาน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ และวันพักร้อน ได้ 6 วัน ต่อ ปี และต้องหยุดตามประเพณี ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน
3) ค่าจ้าง คุณจะต้องตกลงเรื่องค่าจ้างกับพี่เลี้ยงให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คุณควรที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กทำงานในวันหยุดนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน
4) ข้อตกลงในการอาศัยอยู่ในบ้าน หากคุณมีกฎระเบียบที่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้ คุณต้องแจ้งให้พี่เลี้ยงเด็กรับทราบก่อนเริ่มงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากให้ลูกติดโทรศัพท์ คุณควรแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบ และควรกำชับพี่เลี้ยงว่าไม่ให้ลูกของคุณเล่นโทรศัพท์ขณะที่คุณไม่อยู่ เพราะเด็กอาจได้รับผลกระทบจากการเล่นโทรศัพท์นานเกินไปจนส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นและส่งผลกับสายตา ดังนั้นพี่เลี้ยงจะต้องหากิจกรรมที่ให้เด็กได้พัฒนาตนเองมากกว่าการเล่นโทรศัพท์มือถือ

ทำความรู้จักกับกรุงเทพมหานครกัน

กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน มรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์

ได้ยินเพลงนี้ทุกคนจะนึกถึงจังหวัดที่เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย นั่นคือ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่มีชื่อยาวที่สุดในโลก สมัยก่อนชาวต่างชาติเรียกกรุงเทพฯว่า บางกอก ซึ่งแปลมาจากคำว่า Bangkok ในภาษาอังกฤษนั่นเอง กรุงเทพเป็นเมืองหลวงที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศไทย และยังเป็นศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การคมนาคม การเงิน และการสื่อสาร สำหรับการปกครอง กรุงเทพเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศไทย ในส่วนของแม่น้ำสายสำคัญในกรุงเทพ ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งไหลผ่านฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี สำหรับคำขวัญของกรุงเทพ คือ “กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง เมืองศูนย์กลางการปกครอง วัด วัง งามเรืองรอง เมืองหลวงของประเทศไทย” และต้นไม้ประจำกรุงเทพ คือ ต้นไทรย้อยใบแหลม

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงเทพ ได้แก่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว), วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์), พระบรมมหาราชวัง, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร, พระที่นั่งวิมานเมฆ, พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด, ตลาดนัดสวนจตุจักร, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร, ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี และอีกมากมายหลายสถานที่ด้วยกัน โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นที่นิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงเทพ



การคมนาคมในกรุงเทพมหานคร

การคมนาคมในกรุงเทพมหานคร ใช้การเดินทางทางบกโดยพาหนะส่วนตัวเป็นหลัก แต่หากไม่มีรถยนต์ส่วนบุคคล การเดินทางในกรุงเทพก็มีตัวเลือกอีกมากมายหลายรูปแบบทั้งทางบกและทางน้ำ ตัวอย่างเช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถไฟ หรือ เรือ

ตัวอย่างการเดินทางในกรุงเทพในรูปแบบต่างๆ ได้แก่

การเดินทางโดยรถตุ๊กตุ๊ก โดยส่วนมากรถประเภทนี้จะรอผู้โดยสารอยู่ตามจุดเดินทางต่างๆ และมีการคิดค่าบริการตามระยะทางที่เดินทาง ซึ่งอาจจะทำการตกลงต่อรองราคากันได้ เพราะรถแบบนี้จะไม่มีมิเตอร์ ดังนั้นจึงไม่มีราคาที่เป็นมาตรฐาน

การเดินทางโดยรถแท๊กซี่มิเตอร์ การเดินทางแบบนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในกรุงเทพมหานคร สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็วในการเดินทาง ซึ่งรถแท๊กซี่จะจอดรอรับผู้โดยสารอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วไป โดยการคิดอัตราค่าโดยสารจะขึ้นอยู่กับระยะทางและเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และอาจจะมีค่าบริการพิเศษเพิ่มเติมเช่น ค่าทางด่วน ระหว่างการเดินทางอีกด้วย

การเดินทางโดยรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง การเดินทางแบบนี้เน้นความสะดวกและรวดเร็วเป็นหลัก โดยเฉพาะในสถานการณ์รถติดในกรุงเทพ การใช้รถรับจ้างแบบนี้จะทำให้ผู้โดยสารไปถึงจุดหมายได้ในเวลาอันรวดเร็วและไม่พลาดการนัดหมาย

การเดินทางโดยรถไฟฟ้ามหานคร การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า โดยปกติจะเปิดทำการตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืนในทุกๆวัน การเดินทางแบบนี้จะเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพ เพราะเป็นการเดินทางที่สะดวกและประหยัดค่าเดินทางได้เป็นอย่างมาก รถไฟฟ้า MRT มีเส้นทางเดินรถรวมระยะทางกว่า 20 กิโลเมตรเป็นโครงการใต้ดินตลอดสาย มีสถานีทั้งหมด 18 สถานี เป็นสถานีใต้ดินทั้งหมด ระยะห่างระหว่างสถานี โดยเฉลี่ย 1 กม.



วิถีชีวิตของคนกรุงเทพมหานคร

กรุงเทพเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความศิวิไลซ์ และเคยได้รับการโหวตให้เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลกอีกด้วย แต่หากวิเคราะห์ความเป็นอยู่ของชาวกรุงเทพแล้ว วิถีชีวิตเมืองกรุงนั้นต้องพบเจอกับความวุ่นวายมากมายหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ตอนเช้าที่ต้องเจอ สภาวะรถติด คนกรุงเทพมักจะเคยชินกับการต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทางไปยังที่ทำงาน หรือเด็กเดินทางไปโรงเรียน การเดินทางใช้เวลาหลายชั่วโมงถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนกรุงเทพไปแล้ว ที่ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาบนรถยนต์ส่วนตัวหรือใช้เวลาอยู่บนรถเมล์ หรือรถไฟฟ้า เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ กรุงเทพฯ ครองแชมป์เมืองรถติดที่สุดของอาเซียน จากผลสำรวจของ Boston Consulting Group (BCG) ซึ่งคนกรุงเทพฯ เสียเวลารถติดบนท้องถนนนานถึง 72 นาที/วัน ดังนั้น การเดินทางของคนกรุงเทพหากเดินทางผ่านการขนส่งสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถเมล์หรือรถไฟฟ้าล้วนต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเพิ่ม เนื่องจากการจราจรที่ติดขัดทำให้การเดินทางไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนได้ จนบางครั้งอาจจะต้องเลือกใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้างเข้ามาเป็นตัวเลือกเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีเสี่ยงด้านความปลอดภัยเพราะอาจจะมีอุบัติเหตุได้ง่าย แต่ในช่วงเร่งด่วนแล้ว รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ด้านอาหารการกินของคนกรุงเทพ ส่วนมากจะมีอาหารมากมายหลายอย่างขายทั้งริมทางเท้า(Street Food)และร้านอาหารในห้างต่างๆ โดยสิ่งสำคัญที่คนกรุงเทพต้องเผชิญก็คือ ค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง ทั้งของกินและของใช้ต่างๆ จะมีราคาค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่าจะมีงานลดราคาสินค้าที่จัดขึ้นมาค่อนข้างบ่อย แต่ก็ยังทำให้คนกรุงเทพต้องดิ้นรนเพื่อหาเงินให้เพิ่มมากขึ้น