แม่บ้านและบริการเสริม

ขอบเขตการทำงานของแม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยงเด็กมีดังนี้

1. ทำความสะอาดงานบ้าน รวมตั้งแต่การเก็บกวาด เช็ดถู จัดข้าวของภายในบ้าน ไปจนถึงการซักเสื้อผ้า ทำอาหาร และหน้าที่ทั่วไปที่แม่บ้านปกติต้องทำ
2. ดูแลเด็ก ไม่ว่าจะเด็กอ่อน หรือเด็กโตที่เข้าโรงเรียนแล้ว ซึ่งการเลี้ยงเด็กขึ้นอยู่กับหน้าที่ของผู้ปกครองเด็กที่มอบหมายให้ เช่นเด็กเล็กอาจดูเรื่องของอาหารการกิน ป้อนนม รวมถึงทำความสะอาดเรื่องของการขับถ่าย และเด็กที่เข้าโรงเรียนแล้ว พี่เลี้ยงอาจจะต้องสอนการบ้าน ดูแลเรื่องกิจวัตรประจำวันโดยทั่วไปตั้งแต่การตื่นนอน แต่งตัวไปโรงเรียน จนถึงการเข้านอน

โดยสรุป ขอบเขตการทำงานนั้นเหมือนและไม่ต่างจากหน้าที่เดิมของแม่บ้านแต่อย่างใด เพียงแต่เพิ่มหน้าที่ของการดูแลในเรื่องของกิจวัตรประจำวันของเด็ก ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงค่ำ เพียงแค่แม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยงเด็กนั้นจะต้องจัดการตารางเวลาให้ดีว่าเวลาใดดูแลเด็กและเวลาใดจะต้องทำความสะอาดบ้าน สรุปได้ว่าแม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยงนั้นจะมีหน้าที่รับผิดชอบมากกว่าแม่บ้านทั่วไป หากท่านกำลังมองหาผู้ให้บริการที่สามารถทำงานบ้านและดูแลเด็กได้ ลองค้นหาจากผู้ให้บริการงานแม่บ้านบนเว็บไซต์ ที่มีผู้ให้บริการในหลากหลายรูปแบบและประเภทงานบริการ

หลายท่านกังวลและมีคำถามในใจ ว่าการจ้างแม่บ้านทั่วไป แม่บ้านจะสามารถทำงานพี่เลี้ยงเด็กได้หรือไม่ เพราะเมื่อดูจากอัตราค่าจ้าง อัตราค่าจ้างแม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยงจะสูงกว่าแม่บ้านทั่วไป เพราะลักษณะงานที่หน้าที่และรายละเอียดในการทำงานมากกว่า โดยหน้าที่หลักของแม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยงจะให้ความสำคัญไปที่พี่เลี้ยง ที่ต้องดูแลสุขลักษณะของเด็กจัดเตรียมอาหาร อาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม ดังนั้นการจ้างแม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยงจึงมีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ 12,000-15,000 บาท ซึ่งสูงกว่าแม่บ้านทั่วไป ที่อยู่ที่ 9,000-10,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน แม่บ้านที่อยู่ประจำหรือไปกลับ รวมไปถึงประสบการณ์ที่แม่บ้านได้อบรมมา แม่บ้านที่ผ่านการอบรมหรือมีประสบการณ์ในการดูแลเด็กทำให้มีทักษะในการทำงานมากกว่า และเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ค่าใช้จ่ายมากกว่า

การใช้บริการแม่บ้านกึ่งดูแลผู้สูงอายุนั้นนับว่ามีข้อดีอย่างมาก เพราะนอกจากแม่บ้านจะสามารถทำงานบ้านต่าง ๆ ตามที่เราต้องได้แล้วนั้น ยังสามารถช่วยดูแลผู้สูงอายุให้ในยามที่เราไม่ว่างได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลในเรื่องของกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ เช่น การป้อนข้าว ป้อนยา พาไปออกกำลังกาย เป็นต้น ในส่วนของงานดูแลผู้สูงอายุนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าต้องใช้ความละเอียดไม่ต่างกับการเลี้ยงเด็กหรือดูแลสัตว์เลี้ยงเลย ดังนั้น ผู้ดูแลจึงต้องมีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก เพื่อความปลอดภัยของผู้สูงอายุนั่นเอง

เนื่องจากงานแม่บ้านกึ่งผู้ดูแลผู้สูงอายุเป็นงานที่ต้องสามารถรับผิดชอบในการดูแลได้ทั้งสองอย่าง จึงทำให้อัตราค่าจ้างของแม่บ้านกึ่งผู้ดูแลผู้สูงอายุนั้นแพงกว่าอัตราค่าจ้างของแม่บ้านปกติ เพราะแม่บ้านจำเป็นต้องมีทักษะต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่มักเป็นทักษะเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นทักษะในเรื่องของการทำอาหาร แม่บ้านกึ่งผู้ดูแลผู้สูงอายุจึงจำเป็นต้องใส่ใจและพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้สูงอายุนั่นเอง ที่สำคัญควรให้ความใส่ใจในเรื่องของการดูแลสภาพจิตใจของผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน เช่น ในระหว่างที่แม่บ้านทำความสะอาดบริเวณต่าง ๆ ภายในบ้าน ก็สามารถชวนผู้สูงอายุพูดคุยเรื่องต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุรู้สึกเหงานั่นเอง เรียกได้ว่างานแม่บ้านกึ่งผู้ดูแลผู้สูงอายุนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้ทั้งความสามารถในการทำงานบ้าน และความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุได้ในเวลาเดียวกัน จึงเป็นเหตุผลให้ค่าจ้างนั้นแพงกว่าแม่บ้านแบบปกตินั่นเอง