สัตวแพทย์นอกสถานที่ ใน นครปฐม

สัตวแพทย์ คือ ผู้ที่จบการศึกษาในสาขาวิชาสัตวแพทย์ เป็นแพทย์ที่คอยดูแลสัตว์ วินิจฉัย รักษาโรค และคิดค้นยาและพัฒนาวิธีการรักษาโรคสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ประเภทอื่น ๆ โดยใช้การสอบถามประวัติสัตว์ป่วยจากเจ้าของก่อน แล้วจึงสังเกตอาการที่สัตว์แสดงออกมา เอามาประกอบกับผลทางห้องปฏิบัติการ เพื่อทำการรักษาสัตว์และทำให้สัตว์มีชีวิตรอด

สัตวแพทย์ทำงานได้ทั้งในคลินิกและโรงพยาบาลสัตว์ นอกจากนี้บางครั้งอาจต้องทำงานนอกสถานที่ เช่น ทำการผ่าตัดนอกสถานที่ในกรณีที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายสัตว์ป่วยได้ สัตวแพทย์ต้องคอยให้คำปรึกษาเรื่องการดูแล การรักษา และโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้นในสัตว์เลี้ยง อีกส่วนหนึ่งก็คือการทำงานร่วมกับกรมปศุสัตว์และหน่วยงานอื่น ๆ ในการวิเคราะห์หาสาเหตุ ดำเนินการเฝ้าระวัง ตลอดจนควบคุมโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง อย่างเช่น โรงงานอุตสาหกรรมอาหารและพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายจนส่งผลต่อคน การจะเป็นสัตวแพทย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สัตวแพทย์ที่ออกนอกสถานที่ก็เช่นกัน ยิ่งต้องมีความลำบากมากกว่าเพราะต้องเดินทางไปรักษาสัตว์ในที่ต่าง ๆ ต้องอาศัยความอดทนและจิตใจที่รักในการรักษาสัตว์เป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้าของสามารถไว้วางใจในตัวสัตวแพทย์ได้อย่างแน่นอน

ยิ่งถ้าหากมีสถานการณ์ฉุกเฉิน สัตว์ป่วยหรือบาดเจ็บและไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ สัตวแพทย์นอกสถานที่จะมีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากในการช่วยเหลือชีวิตสัตว์เหล่านั้นได้ทันเวลา เพราะหากต้องเดินทางไปคลินิกซึ่งเสียเวลาไปมากพอสมควรก็อาจจะทำให้สัตว์เสียชีวิตได้เลย เพราะสัตว์ไม่สามารถพูดสื่อสารและบอกอาการเจ็บปวดได้เหมือนมนุษย์ ดังนั้นสัตวแพทย์จะเป็นผู้ที่สามารถเข้าใจและดูแลการรักษาได้ดีเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับเจ้าของหรือบุคคลทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานในการดูแลรักษาสัตว์มาก่อน

ค่าบริการในการรักษาสัตว์เลี้ยงโดยปกติราคาจะขึ้นอยู่กับประเภทของการรักษา ขอยกตัวอย่างคร่าวๆ ดังต่อไปนี้

1. ตรวจโรคทั่วไป ในบางคลินิกมีการคิดค่ารักษาสัตว์ตั้งแต่พบสัตวแพทย์ถึงแม้เมื่อวินิจฉัยแล้ว สัตว์เหล่านั้นไม่มีอาการป่วย ก็ต้องมีค่าบริการซึ่งอาจจะอยู่ที่ 50-100 บาท แต่หากมีการฉีดยาหรือมีการจ่ายยาให้กลับบ้าน ค่าบริการก็จะมีราคาสูงขึ้นไปอีก อาจจะตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับกรณีความยากง่ายของการรักษา แต่ในส่วนของสัตวแพทย์นอกสถานที่ส่วนมากจะมีการบวกเพิ่มในส่วนของค่าเดินทาง โดยบางที่แบ่งราคาตามเขตอำเภอเมืองหรือนอกเขตอำเภอเมือง หรือราคาจะบวกเพิ่ม เริ่มต้นที่ 50 บาทและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับระยะทาง
2. การทำคลอดสัตว์ ค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูง เริ่มต้นตั้งแต่ 200-500 บาท และการออกไปทำคลอดนอกสถานที่ต้องมีอุปกรณ์เสริมที่ใช้ดูแลสัตว์เวลาคลอด รวมทั้งค่าเดินทาง ยิ่งทำให้ค่าใช้จ่ายสูงเพิ่มมากขึ้น ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 300-1,000 บาทขึ้นไปสำหรับการทำคลอดให้สัตว์นอกสถานที่
3. การดูแลและทำแผลให้สัตว์ ค่าบริการในส่วนนี้ราคาไม่ค่อยสูงเพราะเป็นงานที่ค่อนข้างง่าย ราคาเริ่มต้นส่วนมากอยู่ที่ 50 – 300 บาท ขึ้นอยู่กับว่าใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมมากน้อยแค่ไหน เช่น ปลาสเตอร์ปิดแผล ยาที่ใช้หยอดแผลต่าง ๆ และหากเป็นการดูแลนอกสถานที่มักมีราคาบวกเพิ่ม เริ่มต้นตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป
4. ค่าบริการตรวจเลือด โดยปกติหากสัตว์ป่วยและสัตวแพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้ สิ่งแรกๆ ที่สัตวแพทย์แนะนำให้ตรวจคือ ตรวจเลือด เพราะสามารถทราบสาเหตุของโรคได้อย่างรวดเร็ว ส่วนมากราคาการตรวจเลือดจะเริ่มต้นจาก 400-500 บาท แต่หากเป็นการตรวจนอกสถานที่สัตวแพทย์อาจจะต้องนำผลเลือดกลับไปตรวจที่คลินิก แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการเดินทางไปตรวจอีกเช่นกัน

จากตัวอย่างข้างต้นเป็นการแจกแจงค่ารักษาสัตว์เลี้ยงอย่างคร่าวๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละจังหวัดและแต่ละคลินิกก็จะมีความแตกต่างกันไป ดังนั้นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถเลือกใช้บริการขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ของแต่ละบุคคล โดยสามารถทำการตรวจสอบราคาก่อนใช้บริการได้

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดการระบาดของ COVID-19 ไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยนั้น ช่วงที่ต้องนำสัตว์เลี้ยงที่กำลังป่วยไปรับบริการจากสถานพยาบาลสัตว์หรือสัตวแพทย์ตามคลินิก จึงไม่สะดวกนักทั้งเรื่องการเดินทาง ทั้งความกังวลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับตัวเราและสัตว์เลี้ยง ทำให้คนส่วนนึงหลีกเลี่ยงการใช้บริการสถานพยาบาลหรือสถานที่ที่มีคนเยอะ ๆ

ส่วนผู้ประกอบการเองทั้งสถานพยาบาลหรือสถานบริการต่าง ๆ ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ โดยปรับเป็นรูปแบบบริการแบบออนไลน์หรือบริการนอกสถานที่กันมากขึ้น เป็นการลดการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น เว้นระยะห่างในสังคม เพื่อช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 เพื่อให้ผู้ติดเชื้อมีจำนวนลดลง จนสามารถควบคุมได้

เมื่อเราเว้นระยะห่างกัน (Social Distancing) ไม่มีการสัมผัสกัน โอกาสติดเชื้อก็จะลดลงไป ถึงแม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่การปรับเปลี่ยนสู่วิถีชีวิตใหม่ (New normal) นอกจากจะเป็นการป้องกันแล้ว ยังเป็นความสะดวกสบาย ทั้งสัตว์เลี้ยงเองไม่เครียดการการเดินทาง และ ผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงสามารถกำหนดเวลาได้ และสามารถมั่นใจมาตารฐาน การใช้อุปกรณ์ทุกอย่างที่ทางโรงพยาบาลสัตว์ หรือคลินิก ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ เพื่อความปลอดภัยไร้เชื้อ COVID-19 ก่อนที่นำมาดูแลสัตว์เลี้ยง วิถีชีวิตใหม่ นอกจากจะเปลี่ยนตารางชีวิตประจำวันเราแล้ว ยังนำมาซึ่ง ความปลอดภัยทั้งตัวเราเองและสัตว์เลี้ยง