วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ช่างแอร์
1.แอร์ไม่ตัด,แอร์ตัดบ่อย
- แอร์ไม่ตัด เกิดจากการที่ความเย็นไม่ถึงระดับ การที่จะเกิดความเย็นไม่ถึงระดับมีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น การเลือกใช้แอร์ไม่เหมาะกับขนาดห้อง หรือมีฝุ่นเกาะแอร์เยอะเกินไปจนส่งผลให้ความเย็นไม่ถึงระดับ
-แอร์ตัดบ่อย เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ตัดระบบทำงานเร็วเกินกว่าที่ควร คือตัดก่อนที่แอร์จะเย็นถึงระดับ หรืออาจมีสาเหตุมาจากการที่แอร์ร้อนเกินไปจบระบบหยุดสั่งงาน
2.แอร์ลมไม่ออก มีสาเหตุดังนี้
- ใบพัดหมุนผิดทิศทาง แก้ไขได้ด้วยการใช้ไม้ยาวๆ มาเขี่ยใบพัดให้หมุนไปในทิศทางที่ถูกต้อง
- มอเตอร์ภายในชำรุดเสียหาย ห้ามเปิดใช้แอร์และจำเป็นต้องให้ช่างแอร์ที่มีความเชี่ยวชาญมาทำการตรวจสอบและทำการซ่อมแซม
3.แอร์ลมออกแต่ไม่เย็น
หากไม่ได้ทำความสะอาดล้างแอร์เป็นเวลานาน ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่น เป็นสิ่งที่จะทำให้ระบบเปลี่ยนลมร้อนเป็นลมเย็นทำงานได้ไม่เต็มที่และทำให้แอร์ไม่เย็น น้ำยาแอร์รั่วก็เป็นอย่างหนึ่งที่ทำให้แอร์ไม่เย็น
4.แอร์มีเสียงดัง เกิดได้จากหลายสาเหตุ
- ใบพัดเสื่อมสภาพ เกิดจากจาระบีน้ำมันหล่อลื่นภายในแห้ง แก้ไขได้โดยการหยอดจาระบีเข้าไป หรือบพัดมีฝุ่นเกาะเยอะเกินไปจนทำให้การเหวี่ยงของใบพัดเสียศูนย์
- ตลับลูกปืนเสื่อมสภาพ ให้เปลี่ยนตลับลูกปืนใหม่
- น้ำยาแอร์มากหรือน้อยเกินไป
- การล้างแอร์นั้นจะช่วยในเรื่องการประหยัดค่าไฟ เพราะหากแอร์มีฝุ่นเกาะอย่างแน่นหนาจะทำให้แอร์นั้นต้องทำงานหนักในการหมุนเวียนอากาศ หากล้างแอร์ก็จะช่วยให้แอร์ทำงานน้อยลงและกินกระแสไฟฟ้าน้อยลง
- การล้างแอร์นั้นจะช่วยลดกลิ่นอับและป้องกันการเกิดเชื้อรา
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องปรับอากาศ การล้างแอร์จะช่วยให้เครื่องทำงานสะดวกและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำให้แอร์เย็นขึ้นอีกด้วย
- การล้างแอร์จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น
ในการล้างแอร์นั้นอย่างน้อยเราควรล้างปีละ 2 ครั้งที่เราควรทำเพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานของแอร์และเครื่องปรับอากาศนั้นสามารถที่จะทำงานได้อย่างเต็มที่ ในกรณีที่เรามีความรู้ในการล้างแอร์สามารถล้างเองได้แต่หากไม่มั่นใจก็สามารถจ้างช่างแอร์ได้ เพื่อป้องกันการเกิดความผิดพลาด
ผลกระทบจากการไม่ล้างเครื่องปรับอากาศในระยะยาว
- ละอองฝุ่นที่สะสมอยู่ในแอร์นั้นจะเป็นแหล่งแพร่กระจายฝุ่น อาจทำให้ผู้ใช้งานเกิดเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้
- เครื่องปรับอากาศมีกลิ่นอับชื้น
- เกิดการอุดตันภายในเครื่องปรับอากาศส่งผลให้เครื่องทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
น้ำยาแอร์ที่นิยมใช้ในประเทศไทยมี 3 ชนิด ได้แก่
1.น้ำยาแอร์ชนิด R22 สารทำความเย็นชนิดนิยมนำมาใช้ในบ้านเรือนทั่วไป ข้อดีคือถูกว่าน้ำยาแอร์ชนิดอื่น ๆ แต่ข้อเสียคือ ทำลายชั้นโอโซน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกซึ่งเป็นข้อเสียที่ส่งผลร้ายแรง
2.น้ำยาแอร์ชนิด R32 สารทำความเย็นชนิดนี้ถูกพัฒนามาเพื่อใช้แทนสารทำความเย็นชนิด R22 ข้อดีคือ ค่า ODP นั้นมีความต่ำกว่าสารทำความเย็นชนิดที่หนึ่ง ทำให้ไม่ทำลายชั้นโอโซน ถึงแม้ว่าจะไม่ทำลายชั้นโอโซนแต่ก็ยังส่งผลต่อภาวะเรือนกระจก และมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าสารทำความเย็นชนิดแรกที่กล่าวมา
3.น้ำยาแอร์ชนิด R410A เป็นสารทำความเย็นชนิดล่าสุด ผลิตขึ้นเพื่อช่วยในการประหยัดพลังงาน ลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก เป็นสารทำความเย็นที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด และมีราคาถูกกว่าสารทำความเย็นชนิด R32 อีกด้วย
อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการดูแลเครื่องปรับอากาศของเรานั้นก็คือ น้ำยาล้างแอร์ นั้นเองค่ะซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1.น้ำยาล้างคอยล์ เป็นน้ำยาที่มีความสามารถในการกัดกร่อนคราบได้อย่างดี แต่เพราะน้ำยาล้างคอยล์นั้นเต็มไปด้วยสารกัดกร่อน หากใช่บ่อยเกินไปอาจทำให้น้ำยานั้นกัดกร่อนส่วนต่าง ๆ ของคอยล์เย็นได้ ถูกใช้งานโดยช่างแอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นหลัก
2.น้ำยาล้างแอร์ชนิดโฟม น้ำยาชนิดนี้สามารถหาซื้อได้ง่ายเหมาะสำหรับคนที่ต้องการล้างแอร์ด้วยตนเอง สามารถใช้งานได้ง่ายแต่จะไม่สะอาดหมดจดเท่ากับการจ้างช่างแอร์มาล้าง
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง