วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลสัตว์เลี้ยง
พี่เลี้ยงสัตว์ควรมีทักษะและคุณลักษณะดังต่อไปนี้
• มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งมีความแตกต่างกันในหลายๆด้าน
• รู้จักลักษณะนิสัยของสัตว์ และรักสัตว์
• ผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาเฉพาะทางหรือผ่านการฝึกอบรม แต่ควรมีความคุ้นเคยกับการดูแลสัตว์และเข้าใจพฤติกรรมของสัตว์ในทุก ๆ ด้าน
• พี่เลี้ยงสัตว์ทำหน้าที่คล้ายกับพี่เลี้ยงเด็ก คือ คอยดูแลใส่ใจรายละเอียดต่าง ๆ ของสัตว์ หากสัตว์เลี้ยงป่วยและปล่อยไว้นานและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
• พี่เลี้ยงสัตว์มีหน้าที่ให้น้ำและอาหาร พาสัตว์ไปออกกำลังกาย และรู้จักการให้ยาหรือดูแลเบื้องต้นเมื่อสัตว์ป่วย
• หากเป็นพี่เลี้ยงสัตว์ประเภท สุนัขหรือแมวจะต้องสามารถแปรงขนและทำความสะอาดฟันเบื้องต้นได้
• ทำความสะอาดอุจจาระหรือปัสสาวะของสัตว์เลี้ยง
• พี่เลี้ยงสัตว์ต้องคอยรายงานความเป็นอยู่ของสัตว์ให้เจ้าของได้รับทราบเป็นระยะ ๆ อาจมีการถ่ายรูปหรือคลิปส่งให้เจ้าของได้ดูเพื่อความมั่นใจและสบายใจด้วย
• พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงจะต้องอยู่ที่บ้านในขณะที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ ดังนั้น ควรมีความซื่อสัตย์และบุคลิกที่น่าไว้วางใจ
วันนี้เรามีวิธีการสังเกตอาการเบื้องต้นที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ควรมองข้ามมาแชร์ให้ทราบกันค่ะ
1 สัตว์เลี้ยงมีอาการซึมเศร้า ไม่ร่าเริง นอนมากกว่าปกติ ไม่กระฉับกระเฉง ไม่มาเล่น ไม่อ้อนเหมือนเคย
2 พฤติกรรมเบื่ออาหาร กินอาหารได้น้อยลง หากสัตว์เลี้ยงของเรามีอาการเบื่ออาหาร ทั้ง ๆ ที่ปกติกินเก่ง เจ้าของควรเฝ้าสังเกตอาการหรือนำไปให้คุณหมอตรวจ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงเริ่มป่วย แต่ทั้งนี้เจ้าของต้องแยกให้ได้ก่อนว่า อาการกินอาหารลดลงนั้นไม่ได้มาจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น อากาศร้อนเกินไป เปลี่ยนอาหารใหม่ ที่อาจเป็นสาเหตุให้สัตว์เลี้ยงกินน้อยลง
3 พบความผิดปกติ หรืออาการอื่นๆ เช่น มีขี้ตาเยอะ อาเจียน ตาแดง มีน้ำมูก มีกลิ่นตัวแรง เดินผิดปกติ ถ่ายเหลว
4 กินน้ำมากกว่าปกติ ก็เป็นสัญญาณเบื้องต้นที่อาจจะบ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงของเราป่วยได้เช่นกัน
5 สัตว์เลี้ยงอาจมีอาการ นอนไม่หลับ ตาเหล่ ตาเอียง ไม่มีแรงเดิน ซึ่งอาการเหล่านี้อาจจะเป็นสัญญาณของความผิดปกติทางระบบประสาทในสัตว์เลี้ยง
6 สัตว์เลี้ยงเดินวนไปวนมาในเวลากลางคืน เป็นอาการที่พบบ่อยว่าเกิดจากโรคสมองเสื่อมในสัตว์วัยชรา หรืออาจจะบ่งชี้ได้ว่ามีโรคทางสมองอยู่ จนทำให้วงจรการหลับมีปัญหา นอกจากนี้โรคเบาหวาน กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลำไส้อักเสบ ก็อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ตื่นขึ้นมากลางดึกก็เป็นได้
1. ข้อตกลงเรื่องค่าตอบแทน ในส่วนของค่าตอบแทนในการว่าจ้างพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแต่ละคนบนเว็บไซต์ใส่ใจได้ระบุเรทราคาจ้างไว้ชัดเจน นายจ้างจะต้องเลือกพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงโดยพิจารณาจากข้อมูลประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน รวมถึงเรทราคาค่าจ้างโดยตัวของท่านเอง
2. ข้อตกลงเรื่องช่วงเวลาในการทำงาน นายจ้างควรระบุเวลาที่ชัดเจนให้พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงรับรู้ หรือบางครั้งในกรณีที่ต้องยืดหยุ่นเวลาในการทำงานเนื่องจากเหตุจำเป็น เพื่อให้เงื่อนไขได้รับการยินยอมทั้งสองฝ่าย
3. แจกแจงหน้าที่ให้กับพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างชัดเจนก่อนเริ่มงาน นายจ้างจำเป็นต้องอธิบายหน้าที่ของพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงให้ชัดเจนว่าต้องทำอะไรบ้าง เช่น ให้อาหารและอาบน้ำสัตว์เลี้ยงเวลาไหน หรือควรพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่นออกกำลังกายเวลาไหนบ้าง เป็นต้น
4. สอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของบุคคลที่จะทำการว่าจ้างอีกครั้งให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงผ่านการฝึกอบรมด้านการดูแลสัตว์เลี้ยงมาโดยเฉพาะจะยิ่งเพิ่มความสบายใจให้กับนายจ้างมากยิ่งขึ้น
5. อธิบายข้อตกลงสำคัญหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ในกรณีที่เกิดอะไรขึ้นกับสัตว์เลี้ยงในระหว่างที่อยู่กับพี่เลี้ยง ควรอธิบายการแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้นให้กับพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงรับรู้อย่างชัดเจน
6. ลองพาพี่เลี้ยงไปพบกับสัตว์เลี้ยงคุณก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อสร้างความคุ้นเคยล่วงหน้าให้กับสัตว์เลี้ยงและไม่ให้พวกเขารู้สึกระแวงเมื่อต้องอยู่กับคนแปลกหน้า
หลังจากทำความเข้าใจรายละเอียดของเงื่อนไขต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องคอยกังวลเกี่ยวกับการจ้างบริการพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอีกต่อไป
ข้อควรรู้สำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขพันธุ์ใหญ่-โรคข้อสะโพกเสื่อม
สำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงหรือผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขพันธ์ใหญ่ ปัญหาสุขภาพประจำสุนัขเหล่านี้ เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์, ลาบราดอร์ รีทรีพเวอร์, เซนต์เบอร์นาร์ด และไซบีเรียน ฮัสกี้ เมื่อมีอายุมากขึ้น หรือน้ำหนักตัวมากเกินไป คือ โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip dysplasia) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติในการพัฒนากระดูกข้อสะโพก สะโพกตื้นกว่าปกติ กระดูกต้นขาไม่สามารถสวมเข้ากับเบ้าสะโพกได้พอดี ทำให้เกิดการอักเสบถาวร โรคข้อสะโพกเสื่อมเกิดจากหลายสายเหตุ ได้แก่
1. การถ่ายทอดทางพันธุกรรม มักพบในสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ที่เป็นสายพันธุ์แท้
2. สุนัขอายุมากขึ้น กระดูกเริ่มเสื่อมสภาพ และดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง
3. สุนัขมีน้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์มาตรฐาน
4. ความไม่สมดุลของมวลกล้ามเนื้อและการเจริญของระบบกระดูก
5. การเลี้ยงสุนัขบนพื้นลื่น
อาการของสุนัขที่เป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมที่สามารถสังเกตได้คือ
1. ลุกนั่งลำบาก ทำให้สุนัขไม่ค่อยเล่นหรือทำกิจกรรมต่างๆ
2. เดินขึ้นลงบันได หรือทางลาดชันไม่สะดวก
3. มีอาการขากะเผลก หรือวิ่งกระโดดเหมือนกระต่ายเพื่อลดอาการเจ็บปวด
4. เดินขาหลังปัดไปมา
5. ร้องเจ็บหรือแสดงอาการปวดเวลาลุกขึ้นนั่งหรือลงนอน
6. กล้ามเนื้อฝ่อลีบ
เมื่อสังเกตพบอาการดังกล่าว ควรนำสุนัขไปพบสัตวแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัย x-ray กระดูก และรักษาอย่างถูกวิธี ซึ่งการรักษาโรคข้อสะโพกเสื่อมในสุนัขอาจจะต้องใช้เวลาและทำร่วมกันหลายวิธี คือ
1. ควบคุมน้ำหนัก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของโรค
2. ให้ยาแก้ปวด ลดอักเสบ ร่วมกับอาหารเสริมพวกกลูโคซาไมด์และคอนดรอยติน เพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกอ่อน
3. การผ่าตัด สุนัขบางตัวที่มีอาการอักเสบรุนแรงอาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก และทำกายภาพบำบัดร่วมด้วยทั้งก่อนและหลังผ่าตัด
4. การทำกายภาพบำบัด เป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดีในการรักษา โดยใช้วิธีการใช้เลเซอร์ อัลตราซาวด์ หรือกระตุ้นไฟฟ้า เพื่อลดความเจ็บปวด และเป็นการช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อบริเวณรอบข้อ การทำกายภาพบำบัดอีกวิธีที่เป็นที่นิยมคือ การทำธาราบำบัด เช่นเดินสายพานน้ำ และการว่ายน้ำ เพราะจะเป็นการช่วยเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อขาหลัง ลดการเกร็งของข้อได้ดี ทำให้สุนัขกลับมาเดินได้ใกล้เคียงปกติที่สุด
หากเจ้าของสุนัขหมั่นสังเกตพฤติกรรมและอาการของสุนัข พาสุนัขไปพบสัตวแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อทำการป้องกันรักษาอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ สุนัขก็สามารถกลับมาเดินได้เกือบปกติและมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ 4 ของประเทศไทยอยู่ที่วัดโคกขาม สมุทรสาคร
วัดโคกขาม ตั้งอยู่ริมคลองโคกขาม บ้านโคกขาม ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร เป็นวัดเก่าแก่กว่า 300 ปี สร้างขึ้นราว พ.ศ.2222 สมัยกรุงศรีอยุธยา โบสถ์หลังเก่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา มีการแกะสลักลวดลายบนไม้ที่หน้าบันอย่างสวยงาม โบสถ์เก่าแห่งนี้เป็นโบสถ์มหาอุด คือโบสถ์ที่มีทางเข้าออกได้เพียงทางเดียว คือทางด้านประตูหน้า และไม่มีหน้าต่าง เพื่อทำให้ขลัง เชื่อว่าการเข้าโบสถ์มหาอุดสามารถช่วยแก้คุณไสยมนต์ดำ ขจัดเสนียดจัญไรได้ ภายในเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อสัมฤทธิ์” พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ 4 เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวสมุทรสาคร (พระพุทธสิหิงค์อีก 3 องค์ อยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ และหอพระสิงห์ จังหวัดนครศรีธรรมราช) พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ 4 เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามมาก อิ่มเอิบ หน้าตกกว้าง 66 ซม. สูง 83 ซม. รอบฐาน 153 ซม. เนื้อเป็นทองสีดอกบวบ ทรวดทรงอวบอ้วน พระพักตร์กลม ท่านั่งขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์วางในท่าปางมารวิชัย ลักษณะทั่วไปเป็นแบบเชียงแสนรุ่นแรก อายุเก่าแก่ประมาณ 300 ปี มีประวัติเล่าว่า ก่อนจะมาประดิษฐานที่วัดโคกขาม องค์พระเคยถูกลงรักปิดองค์จนดำตลอดทั้งตัวองค์พระ และนำไปซ่อนไว้ในสถานที่ลับเพื่อความปลอดภัย และรักที่ปิดองค์พระพุทธสิหิงค์ค่อยๆจางลงตามกาลเวลากว่า ทำให้เห็นเนื้อทองอย่างเด่นชัด พุทธศาสนิกชนชาวไทยจึงได้มีโอกาสสักการะพระพุทธสิหิงค์เพิ่มอีกหนึ่งองค์
นอกจากนี้วัดโคกขามยังเป็นที่เก็บโบราณวัตถุที่เกี่ยวพันกับพันท้ายนรสิงห์ไว้หลายอย่าง เช่น ชิ้นส่วนของเรือพระที่นั่งเอกชัย บุษบก และศาลเพียงตาเดิม การเดินทางมาที่วัดโคกขาม มีระยะทางจากตัวอำเภอเมือง 9 กิโลเมตร ตามถนนกิจมณี ข้ามคลองมหาชัย ไปทางวัดพันท้ายนรสิงห์ เลี้ยวซ้ายเข้าวัดพันท้ายนรสิงห์ไปประมาณ 3 กิโลเมตร หรือจะติดต่อเช่าเหมาเรือล่องคลองโคกขามจากท่าเรือตลาดสังวาล (ท่าเรือมหาชัย) หรือท่าเรือบ้านไร่ ก็ได้ ใช้เวลาล่องประมาณ 2-3 ชั่วโมง ราคาขึ้นอยู่กับขนาดเรือและสถานที่ที่ต้องการแวะชม
โรงเรียน “นาเกลือ” แหล่งเรียนรู้วิธีการทำนา
ระหว่างเส้นทางผ่านจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี เราจะเห็น นาเกลือขนาดกว้างใหญ่ไกลสุดตาไปถึงชายทะเล จังหวัดสมุทรสาคร เป็นจังหวัดที่มีการทำอาชีพนาเกลือมากที่สุดในประเทศไทย เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านและอาชีพดั้งเดิมที่สืบทอดกันมายาวนาน แต่ปัจจุบันเราจะเห็นผืนนาลดลงเพราะหนุ่มสาวสมัยใหม่ไม่ค่อยมีใครยึดอาชีพทำนาเกลือต่อจากรุ่นปู่ย่าตายายกันแล้ว อาจด้วยความเจริญทางอุตสาหกรรมด้านอื่นๆ เพราะจังหวัดสมุทรสาครเป็นอีกจังหวัดที่มีโรงงานตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ๆ อีกทั้งปัจจุบันฝนไม่ตกตามฤดูกาล ทำให้คาดคะเนการทำนาเกลือได้ยากขึ้น เนื่องจากจะไม่มีการทำนาเกลือในฤดูฝน หากเกลือที่ตากไว้ถูกฝนหลงฤดูชะล้าง จะทำให้เกลือละลายและไม่สามารถตากซ้ำได้ จำเป็นต้องเริ่มต้นกรรมวิธีการทำใหม่ทั้งหมด
การทำนาเกลือแบบโบราณจะใช้เครื่องกังหันลมผันน้ำเข้านา ต่อมาได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์สูบน้ำทะเลเข้านาเกลือแทนเพราะลมฟ้าอากาศไม่เอื้อต่อการใช้กังหัน แม้การใช้อุปกรณ์บางประเภทจะเปลี่ยนไป แต่กรรมวิธีการทำนาเกลือแบบโบราณยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ คือกรปล่อยน้ำทะเลในแปลงนา แล้วทิ้งให้น้ำระเหยจนกลายเป็นเม็ดเกลือ กรรมวิธีไม่ได้การผลิตเกลือสมุทรไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่มีอีกหลายขั้นตอน ใช้เวลา 1-2 เดือน ต่อการผลิตเกลือแต่ละครั้ง ทำวนไปจนกระทั่งเข้าฤดูฝนจึงหยุดการผลิต
สำหรับใครที่ต้องการศึกษาวิธีการทำนาเกลือแบบโบราณ สามารถชมการสาธิตการทำนาเกลือได้ที่ โรงเรียนนาเกลือ (ศูนย์การเรียนรู้การทำนาเกลือ) ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านสหกรณ์ เลขที่ 1 หมู่ที่ 3 ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เปิดทำการทุกวันและไม่เสียค่าใช้จ่าย โรงเรียนนาเกลือถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการทำนาเกลืออย่างละเอียดทุกขั้นตอน จัดแสดงเครื่องไม้เครื่องมือในแต่ละขั้นตอนการผลิต มีตัวอย่างเกลือแต่ละประเภท เช่น เกลือสมุทร 15 แดด เกลือสมุทร 10 แดด เกลือสมุทร 5 แดด เกลือตัวเมีย (เม็ดแบนเหลี่ยม) เกลือตัวผู้ (เม็ดยาวแหลม) ดอกเกลือ รวมไปถึงดินหนังหมา (ขี้แดดนาเกลือ) ซึ่งเป็นปุ๋ยธรรมชาติชั้นดีในการปลูกผลไม้ ทำให้ได้ผลผลิตสูงและเพิ่มรสหวานให้ผลไม้ มีป้ายเกร็ดความรู้ และมีเจ้าหน้าที่นำชม นอกจากนี้ยังสามารถทดลองลงมือปฏิบัติจริง ทดลองใช้อุปกรณ์ทำนาเกลือ หรือจะลองขับรถบดพื้นนาเพื่อเตรียมปรับหน้าดินก็ได้ ถ้ามาในช่วงเดือนมีนาคมสามารถขับต่อไปตามเส้นทาง Scenic Route จนถึง กม. 41 อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ชมเทศกาล Art of Salt ที่จัดขึ้นทุกปีได้อีกด้วย
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง