รับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง ใน ตลิ่งชัน, กรุงเทพมหานคร

รับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง ใน ตลิ่งชัน, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่
ผู้ให้บริการรับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง ใน ตลิ่งชัน, กรุงเทพมหานคร:

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

Narumon
Narumon
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

จบหลักสูตร NA ฝึกงานที่โรงพยาบาลสุขุมวิทหลักสูตรดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิดและผู้สูงอายุเป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ เคยดูแลเด็กตามบ้านผู้ว่าจ้างและเลี้ยงที่บ้านตัวเอง

แสดงเพิ่มเติม
เบญญาภา โฉมแพ
เบญญาภา โฉมแพ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี

สวัสดีคะ ชื่อเบญ จบป.ตรี มีประสบการณ์ครูพี่เลี้ยงเนอสซารี่ รร.นานาชาติ ครูพี่เลี้ยงตามบ้าน ไม่มีลูกคะ อยากมีลูกเลยมารับเลี้ยงเด็กแทน

แสดงเพิ่มเติม
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 42 ปี

ชื่อหนิงค่ะ ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ทำงานสอนดนตรี(กีตาร์คลาสสิก) สอนตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ รวมถึงสอนเด็กที่มีความพิเศษ(ออทิสติกด้วยค่ะ) มีกิจกรรมที่ทำกับเด็กอยู่เรื่อยๆค่ะ รักเด็ก ชอบอยู่กับเด็กๆค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
กัญชพร เชื้อแถว
กัญชพร เชื้อแถว
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

งานประจำเป็นครูพี่เลี้ยงอยู่เนอสเซอรี่ ทำงานมา 6 ปี เป็นคนขี้เล่น เฟรนลี่ อยู่ที่ทำงานเป็นครูผู้นำสอนน้องทำกิจกรรมในด้านพัฒนาการต่างๆ

แสดงเพิ่มเติม
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 47 ปี
ศิริวิมล ทรงศิริ
ศิริวิมล ทรงศิริ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 42 ปี

ที่บ้านมีห้องแอร์สถานที่ให้วิ่งเล่น เรียนได้เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.40 เรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า มีประสบการณ์ดูแลหลานๆของตนเองหลายคน มากกว่า5คน ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ถึง 15 ปี

แสดงเพิ่มเติม
พิมพ์พิชญา แสนลุน
พิมพ์พิชญา แสนลุน
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี
Saijai อายุ 20 ปี

ยิ้มเก่ง มีมารยาท รักเด็ก

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ขอชื่นชมในเรื่องของการบริการเลยค่ะ ถือว่าตอบโจทย์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องออกไปทำธุระด้านนอกอยู่บ่อย ๆ มาก เวลาที่พาเด็กไปฝากที่บ้านพี่เลี้ยงก็จะได้รับการต้อนรับอย่างดี ตอนมารับกลับบ้านพี่เลี้ยงก็จะคอยอัปเดตเรื่องต่าง ๆ ให้เราด้วยค่ะ
Saijai
ณัฐณิชา สวัสดิรักษ์
4 ปีที่แล้ว
เราไปส่งลูกเช้า เย็นรับกลับ พี่เลี้ยงดูแลดีมาก ๆ ค่ะ ทั้งเรื่องสอนนั้นนี่ให้น้อง อาหารการกิน ลูกมาชมให้ฟังทุกวันว่ากับข้าวอร่อยมาก พี่เลี้ยงก็ไม่ดุ คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปจริงๆค่ะ
Saijai
มารีน่า บุญนำ
4 ปีที่แล้ว
จองพี่เลี้ยงจากเว็บใส่ใจ เป็นมากกว่าพี่เลี้ยงเด็กอีกค่ะ นอกจากช่วยดูแลเรื่องทั่ว ๆ ไปของเด็กแล้ว ยังใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับลูกของเราอยู่ตลอด เป็นทั้งพี่และเพื่อนให้ลูกสาวไปเลยค่ะ น้องมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่เลี้ยง ผู้ปกครองอย่างเราก็สบายใจหายห่วงไปด้วยค่ะ
Saijai
อนุรักษ์ ทิศาวลัย
4 ปีที่แล้ว
เราวางแผนค่าใช้จ่าย สำหรับพี่เลี้ยงดูแลลูกในช่วงกลับไปทำงาน จากนั้นหาข้อมูลจนเจอกับใส่ใจ ด้วยค่าใช้จ่าย ใกล้เคียงกับที่วางไว้และ ไม่ไกลจากที่ทำงาน ผลออกมาคุ้มค่ามากคะ พี่เลี้ยงดูแลลูกเป็นอย่างดี บ้านสะอาดมาก ตอนนี้ติดกลิ่นลูกตอนไปรับ พี่เลี้ยงอาบน้ำให้ตัวหอมเลย ยืนยันว่าคุ้มค่าค่ะ
Saijai
ชุติมา กรกิจวัฒนะ
4 ปีที่แล้ว
เว็บไซต์ของใส่ใจนี่แหละค่ะ ให้ข้อมูลเกี่ยวบริการต่าง ๆ ครบถ้วนเลย ใช้งานง่าย ประทับใจมากค่ะ
Saijai
จิตรลดาวัลย์ มงคลกุล
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา รับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง

ฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยงต่างจากการฝากเลี้ยงที่ศูนย์เลี้ยงเด็กอย่างไร
สมัยนี้พ่อแม่ไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูกด้วยตัวเอง ทำให้ต้องมองหาตัวช่วยเช่นพี่เลี้ยงที่รับดูแลเด็กที่บ้านหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก แต่เราคิดหรือไม่ว่าบ้านเลี้ยงเด็กกับสถานที่รับเลี้ยงเด็กต่างกันอย่างไร

เมื่อให้ลูกไปอยู่ที่บ้านรับเลี้ยงเด็กที่ค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก การเดินทางไม่ไกล เพราะพ่อแม่ต้องคุ้นเคยอยู่บ้างและสะดวกในการรับส่ง ในบ้านนั้นเด็กๆได้เรียนรู้การเข้าสังคม เพราะต้องอยู่กับเพื่อนๆหลายวัยที่ใกล้เคียงกัน ต้องมีการปรับตัวในการเข้าสังคม เป็นการฝึกพัฒนาการด้าน EQ ไปในตัว การรู้จักการรอคอยเมื่อต้องทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับเพื่อน สิ่งดึงดูดความสนใจ นิทาน เกมส์ หรือดนตรี ร้องเพลง ในบ้านที่มีลักษณะคล้ายๆบ้านที่เด็กเคยอยู่ ทำให้ปรับตัวได้ไม่ยาก นม ขนมหรืออาหาร พ่อแม่อาจเตรียมมาให้ เพราะได้จะได้คุยเคยกับสิ่งที่เคยทานมาก่อน ปัญหาที่จะเจอก็อาจเป็นแค่การปรับตัว ให้เข้ากับสังคมใหม่ๆ เด็กอาจทานได้น้อยลงเพราะแปลกสถานที่ แปลกคนป้อน แต่เป็นธรรมดาของมนุษย์ ที่เรียนรู้และปรับตัวได้เสมอ

สถานที่รับเลี้ยงเด็ก อย่างแรกที่แตกต่างคือการจัดการ พ่อแม่มีโอกาสได้พูดคุย ถึงวิธีการ แผนการดูแล ซึ่งมีการโฆษณาดึงดูดความสนใจ ปริมาณเด็กอาจมีถึง 25-30 คนต่อหนึ่งห้อง (จุดคุ้มทุนในการลงทุน) โดยมีพี่เลี้ยงเด็ก 1-2 คน พ่อและแม่อาจรู้พัฒนาการของลูกๆผ่าน สมุดบันทึกกิจกรรมให้พ่อแม่ดู ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรไปบ้าง เช่นน้องสนใจร้องเพลงดี แต่ทานข้าวได้น้อย น้องยังปรับตัวเข้ากับเพื่อนไม่ได้ ยังไม่แบ่งของเล่น ฯลฯ และเมื่อเด็กเล็กๆต้องอยู่รวมกันในสถานที่ใดที่หนึ่งปัญหาที่ตามมา ที่ยังแก้ได้ยาก คือการติดเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร เช่นโรค ไข้หวัดและท้องร่วง หรือแม้แต่อาจเกิดการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ จากการเล่นกับเพื่อน เรื่องการกินอาหาร เด็กๆจำนวนมากในสถานที่รับเลี้ยงเด็กมักรับประทานอาหารได้น้อย เพราะพี่เลี้ยงไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงข้อมูลนี้เป็นการสื่อสารสองด้านที่ผู้ปกครองรับรู้ และแน่นอนที่สุดค่าใช้จ่ายย่อมสูงกว่าการที่ให้ลูกไปบ้านเลี้ยงเด็ก เมื่อจ่ายมากกว่าบางครั้งความคาดหวังก็มากกว่าและสถานที่รับเลี้ยงก็มีความแตกต่างกันไป ผู้ปกครองควร ศึกษาข้อมูลและวางแผนก่อนตัดสินใจ

การปรับตัวและมีพัฒนาการตามแผนอายุของลูกๆ การส่งลูกไปบ้านรับเลี้ยงเด็กหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก อย่างน้อย 8 ชั่วโมงนั้น ลูกที่ห่างจากพ่อแม่ จะต้องได้รับการดูแลที่ดีดั่งพ่อแม่ตั้งใจไว้
เมื่อต้องฝากเลี้ยงลูก ๆ ที่บ้านพี่เลี้ยง คุณพ่อคุณแม่จะมีวิธีการอย่างไรให้คลายกังวล
เมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องฝากลูกให้พี่เลี้ยงดูแลที่บ้านพี่เลี้ยง คุณพ่อคุณแม่อาจเกิดความกังวลในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะอาด ความปลอดภัยของสภาพแวดล้อม อาหารที่ลูก ๆ รับประทานจะถูกปากหรือไม่ ฯลฯ มีวิธีการใดบ้างที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มีวิธีคลายกังวลลงได้

อย่างแรกเลยคุณพ่อคุณแม่ต้องมีการสื่อสารพูดคุยอย่างจริงจังกับพี่เลี้ยงเด็กเพื่อส่งต่อและรับข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและวิธีการดูแล หากคุณพ่อคุณแม่มีคำถามหรือข้อสงสัย ควรพูดคุยและทำความเข้าใจให้ตรงกัน การเก็บความสงสัยไว้คนเดียวโดยไม่ได้พูดคุยกับพี่เลี้ยงเด็ก ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาและไม่ได้ช่วยคลายกังวลของคุณพ่อคุณแม่ลงเลย

นอกจากการเลือกพี่เลี้ยงเด็กและบ้านเลี้ยงเด็กแล้ว การสอบถามลูกว่าได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างตอนอยู่บ้านพี่เลี้ยง เป็นความใส่ใจและได้สังเกตพัฒนาการของลูก หากลูกยังเป็นเด็กเล็ก ให้คุณพ่อคุณแม่ลองทำกิจกรรมเล่นกับลูกและใช้คำสั่งง่าย ๆ เพื่อดูการโต้ตอบ จะช่วยให้สามารถเรียนรู้ถึงพัฒนาการได้ เช่น คุณพ่อคุณแม่ลองขอบอล ขอหนังสือจากลูก ๆ แล้วดูว่าลูกมีปฏิกิริยาอย่างไร
คุณพ่อคุณแม่ควรไปรับส่งลูกที่บ้านพี่เลี้ยงด้วยตัวเองทุกครั้ง เพราะสามารถสังเกตสภาพแวดล้อมภายในบ้านว่าสะอาดเรียบร้อยดีหรือไม่ อาจเสนอแนะให้พี่เลี้ยงเด็กระวังเป็นพิเศษในจุดที่เป็นอันตรายและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่น เหลี่ยมเสา มุมโต๊ะ บริเวณพื้นต่างระดับ ชั้นว่างของ หรือขั้นบันไดที่เด็กจะปีนป่ายได้

ด้วยเทคโนโลยีสื่อสารในปัจจุบัน คุณพ่อคุณแม่สามารถตั้งไลน์กลุ่ม (LINE Group) หรือช่องทางแชทอื่น ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถ วิดีโอคอลหา (Video Call) พี่เลี้ยงเด็กในระหว่างวัน หรือสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ของเด็กคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยงเด็กคนเดียวกัน เป็นอีกวิธีที่คุณพ่อคุณแม่จะช่วยกันเป็นหูเป็นการให้แน่ใจว่าเด็กได้รับการดูแลที่ดีและปลอดภัย
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบก่อนใช้บริการฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยง
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบก่อนใช้บริการฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยง

1. สถานที่ตั้งและสภาพแวดล้อม ไม่ควรอยู่ไกลจากบ้านเพราะความสะดวกในการรับส่งลูกไปฝากเลี้ยงที่บ้านพี่เลี้ยง หากลูกต้องตื่นเช้ามากในทุก ๆวัน อาจทำให้เบื่อไม่อยากไปบ้านพี่เลี้ยง สภาพแวดล้อมใกล้บ้าน ไม่ควรอยู่ใกล้สถานที่ ที่สร้างเสียง กลิ่นและควัน เช่น อู่ซ่อมรถ โรงงานไม้ โรงงานเหล็ก หรือพ่นสี นอกจากนั้นความเป็นระเบียบภายนอกอาคารปลอดภัย การจัดเก็บขยะ หรือท่อระบายน้ำปิดมิดชิด ภายในห้องตู้ชั้นวางของวางเป็นระเบียบไม่เสี่ยงต่อการตกหล่น
2. การจัดการอาหารการกิน เพราะอย่างน้อยหนึ่งถึง 2 มื้อที่ลูกต้องทานอาหารที่บ้านพี่เลี้ยง การเตรียมอาหารที่เหมาะสมกับวัยและเพียงพอ การใส่ใจที่พี่เลี้ยงเด็กดูแลการรับประทานอาหารของลูก เพราะบ่อยครั้งที่เด็กจะถูกเบี่ยงเบนความสนใจโดยเพื่อน ๆ จนไม่สนใจอาหาร ความสะอาด รสชาติ วิธีการดึงดูดความสนใจ สำคัญที่สุด
3. ความปลอดภัยและสุขอนามัย การป้องกันลูกปีนขึ้น ลงจากที่สูงเช่นเก้าอี้ โต๊ะ บันได ควรมีการจัดวางป้องกันอย่างดี รวมถึงการทำความสะอาดอย่างถูกสุขอนามัย เพราะเด็กอาจนั่งเล่น นอนเล่นบนพื้นในบ้านของพี่เลี้ยงเด็ก
4. กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ๆ ส่งเสริมเชาวน์ปัญญา เพราะกว่า 8 ชั่วโมงที่ลูกใช้เวลากับพี่เลี้ยงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดต้องเหมาะสมกับวัย เพื่อพัฒนาการและดึงความสนใจให้ลูก ๆ สนุกสนาน เพลิดเพลิน จนกว่าจะถึงเวลาที่พ่อแม่มารับกลับบ้าน
5. ประวัติและประสบการณ์ของพี่เลี้ยงเด็ก เพราะความแตกต่างระหว่างเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ช่วงอายุ และความแตกต่างของหลายครอบครัว การที่คุณพ่อคุณแม่เตรียมคำถามก่อนเข้าไปพูดคุย เพื่อพิจารณาคำตอบให้ได้ถูกต้องตามความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ เพราะหลังจากการตัดสินใจแล้ว นั่นคือการฝากแก้วตาดวงใจให้พี่เลี้ยงดูแล
สัญญาณอะไรบ้างที่บอกว่าอาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกคุณ เมื่อคุณต้องฝากเลี้ยงลูก ๆ ที่บ้านพี่เลี้ยง
เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองเลือกใช้บริการฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยงนั้น เด็ก ๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาตลอดเวลา ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความเป็นอยู่ในแต่ละวัน หรือวิธีการเลี้ยงดูของพี่เลี้ยงได้ทุกเวลา

พ่อแม่ควรลองสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกคุณได้ดังนี้

1. สังเกตสภาพร่างกายของลูกว่ามีรอยฟกช้ำดำเขียว แผล ถลอก ต่าง ๆ ที่ผิดปกติ หากพบเห็นบ่อย ต้องพูดคุยและสอบถามจากทั้งตัวลูกของคุณเอง และ จากทางพี่เลี้ยงว่าร่องรอยเหล่านั้นเกิดจากสาเหตุใด
2. พยายามสังเกตอารมณ์และการแสดงออกของลูกว่าผิดปกติไปจากเดิมก่อนฝากเลี้ยงที่บ้านพี่เลี้ยงหรือไม่ เด็กมีการงอแง มีอาการหวาดกลัว หรือไม่อยากไปบ้านพี่เลี้ยงหรือเปล่า ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สำคัญ เพราะหากเด็กมีความรู้สึกเช่นนั้นแสดงว่าเด็กต้องพบเจอ หรือประสบเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้หวาดกลัว และไม่อยากกลับไปที่บ้านพี่เลี้ยงอีก ซึ่งในบางครั้งเหตุการณ์ที่เด็กประสบอาจจะไม่ได้เกิดจากการกระทำของพี่เลี้ยงโดยตรง แต่อาจเป็นสิ่งที่เด็กพบเห็นจากสภาพแวดล้อมใกล้เคียงหรือรอบบ้านพี่เลี้ยง
3. พ่อแม่ควรใส่ใจสังเกตพฤติกรรมของลูก ก่อนและหลังไปบ้านพี่เลี้ยง ควรชวนลูกคุย เพื่อสอบถาม หรือชักชวนให้ลูกเล่าให้ฟังว่าแต่ละวันทำอะไรบ้าง การเป็นอยู่เป็นแบบไหนหรือการเลี้ยงดูของพี่เลี้ยงนั้นเป็นอย่างไร มีสิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง ควรพูดคุยให้เพลิดเพลินโดยไม่ใช้การบังคับหรือเค้นเอาความจริง
4. พ่อแม่จำเป็นต้องสังเกต พัฒนาการการเจริญเติบโตในภาพรวมของเด็กอย่างใกล้ชิด โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เช่นเกณฑ์มาตรฐานเรื่องสภาพร่างกาย น้ำหนัก ส่วนสูง ที่จะต้องได้มาตรฐานไม่สูงหรือต่ำกว่าเกณฑ์จนเกินไป หรือ พัฒนาการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามช่วงอายุหรือไม่ เด็กสองถึงสามเดือน เริ่มยิ้ม เริ่มชันคอ หรือจำหน้าแม่ได้ หรือ สี่ถึงหกเดือนเริ่มคว่ำได้ หรือนั่งแบบใช้มือยัน เจ็ดถึงสิบก็เริ่มนั่ง เริ่มหาที่เกาะเพื่อยืน หรือเริ่มคลานได้ เป็นต้น พัฒนาการเหล่านี้จะบ่งชี้ให้เห็นว่าพี่เลี้ยงดูแลเด็กได้เหมาะสมหรือไม่ และหากไม่เป็นไปตามเกณฑ์อย่างไร จะได้หาวิธีแก้ไขได้ทันท่วงที