รับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง ใน พระโขนง, กรุงเทพมหานคร

รับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง ใน พระโขนง, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

อัญชินี วรคุณาลัย
อัญชินี วรคุณาลัย
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 25 ปี

สามารถเข้ากับน้องได้สามารถช่วยน้องในเรื่องกิจกรรมเสริมทักษะเคยเป็นอาสาสมัครดูแลเด็กที่โบสถ์ในช่วงสุดสัปดาห์และปิดเทอมส่วนใหญ่น้องจะอยู่ที่อายุประมาณ9-12เดือนเเละ1-12ปี สามารถพาน้องไปเที่ยวทำกิจกรรมหรือช่วยสอนการบ้านได้ไม่มากก็น้อยสามารถเข้ากับเด็กๆจะคอยหากิจกรรมเสริมพัฒนาการให้เด็กๆอยู่เรื่อยๆเรื่องภาษาอังกฤษสามารถสื่อสารได้ปานกลางถึงดี

แสดงเพิ่มเติม
เบญญาภา โฉมแพ
เบญญาภา โฉมแพ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี

สวัสดีคะ ชื่อเบญ จบป.ตรี มีประสบการณ์ครูพี่เลี้ยงเนอสซารี่ รร.นานาชาติ ครูพี่เลี้ยงตามบ้าน ไม่มีลูกคะ อยากมีลูกเลยมารับเลี้ยงเด็กแทน

แสดงเพิ่มเติม
Khaimuk  Homberg
Khaimuk Homberg
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กและทำงานร่วมกับเด็กมากกว่า 5 ปี

รักเด็กค่ะ พูดได้ 2 ภาษา ไทย-อังกฤษ สามารถสอนการบ้านน้องและช่วยเหลือในด้านอื่นๆได้

มีใบขับขี่ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
Narumon
Narumon
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

จบหลักสูตร NA ฝึกงานที่โรงพยาบาลสุขุมวิทหลักสูตรดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิดและผู้สูงอายุเป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ เคยดูแลเด็กตามบ้านผู้ว่าจ้างและเลี้ยงที่บ้านตัวเอง

แสดงเพิ่มเติม
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 47 ปี
ศิริวิมล ทรงศิริ
ศิริวิมล ทรงศิริ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 42 ปี

ที่บ้านมีห้องแอร์สถานที่ให้วิ่งเล่น เรียนได้เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.40 เรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า มีประสบการณ์ดูแลหลานๆของตนเองหลายคน มากกว่า5คน ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ถึง 15 ปี

แสดงเพิ่มเติม
พิมพ์พิชญา แสนลุน
พิมพ์พิชญา แสนลุน
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี
Saijai อายุ 19 ปี

ยิ้มเก่ง มีมารยาท รักเด็ก

แสดงเพิ่มเติม

ชื่อหนิงค่ะ ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ทำงานสอนดนตรี(กีตาร์คลาสสิก) สอนตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ รวมถึงสอนเด็กที่มีความพิเศษ(ออทิสติกด้วยค่ะ) มีกิจกรรมที่ทำกับเด็กอยู่เรื่อยๆค่ะ รักเด็ก ชอบอยู่กับเด็กๆค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี
กัญชพร เชื้อแถว
กัญชพร เชื้อแถว
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

งานประจำเป็นครูพี่เลี้ยงอยู่เนอสเซอรี่ ทำงานมา 6 ปี เป็นคนขี้เล่น เฟรนลี่ อยู่ที่ทำงานเป็นครูผู้นำสอนน้องทำกิจกรรมในด้านพัฒนาการต่างๆ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ผมช่วยแฟนหาที่ฝากเลี้ยงลูก เพราะบางวันเราทั้งสองคนไม่ว่างจริง ๆ เพราะติดงานทั้งคุ่ บ้านผมอยู่แถวฝั่งธน เจอที่รับฝากเลี้ยงเด็กผ่านเว็บของใส่ใจ สะดวกสบายไม่ไกลจากบ้านมาก แวะส่งลูกไว้กับพี่เลี้ยงตอนเช้า เลิกงานก็รับกลับได้เลยเพราะเป็นทางผ่าน พี่เลี้ยงดูแลดีมาก ผมกับภรรยาเข้าไปดูสถานที่ก่อนนำลูกไปฝาก ประทับใจเรื่องความสะอาด ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ
Saijai
พงษ์พันธ์ จันทร์ดี
3 ปีที่แล้ว
ขอชื่นชมในเรื่องของการบริการเลยค่ะ ถือว่าตอบโจทย์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องออกไปทำธุระด้านนอกอยู่บ่อย ๆ มาก เวลาที่พาเด็กไปฝากที่บ้านพี่เลี้ยงก็จะได้รับการต้อนรับอย่างดี ตอนมารับกลับบ้านพี่เลี้ยงก็จะคอยอัปเดตเรื่องต่าง ๆ ให้เราด้วยค่ะ
Saijai
ณัฐณิชา สวัสดิรักษ์
3 ปีที่แล้ว
เราวางแผนค่าใช้จ่าย สำหรับพี่เลี้ยงดูแลลูกในช่วงกลับไปทำงาน จากนั้นหาข้อมูลจนเจอกับใส่ใจ ด้วยค่าใช้จ่าย ใกล้เคียงกับที่วางไว้และ ไม่ไกลจากที่ทำงาน ผลออกมาคุ้มค่ามากคะ พี่เลี้ยงดูแลลูกเป็นอย่างดี บ้านสะอาดมาก ตอนนี้ติดกลิ่นลูกตอนไปรับ พี่เลี้ยงอาบน้ำให้ตัวหอมเลย ยืนยันว่าคุ้มค่าค่ะ
Saijai
ชุติมา กรกิจวัฒนะ
3 ปีที่แล้ว
เว็บไซต์ของใส่ใจนี่แหละค่ะ ให้ข้อมูลเกี่ยวบริการต่าง ๆ ครบถ้วนเลย ใช้งานง่าย ประทับใจมากค่ะ
Saijai
จิตรลดาวัลย์ มงคลกุล
4 ปีที่แล้ว
บ้านอยู่แถวบางนา มองหาที่ฝากเลี้ยงลูกมานานแล้วหายากมาก ๆ จนมาเจอเวปใส่ใจ สามารถหาที่ฝากเลี้ยงได้ง่ายมาก ไม่ผิดหวังจริงๆที่เลือกใช้งานเว็บใส่ใจ
Saijai
ศศิธร เรืองรอง
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา รับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง

ฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยงต่างจากการฝากเลี้ยงที่ศูนย์เลี้ยงเด็กอย่างไร
สมัยนี้พ่อแม่ไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูกด้วยตัวเอง ทำให้ต้องมองหาตัวช่วยเช่นพี่เลี้ยงที่รับดูแลเด็กที่บ้านหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก แต่เราคิดหรือไม่ว่าบ้านเลี้ยงเด็กกับสถานที่รับเลี้ยงเด็กต่างกันอย่างไร

เมื่อให้ลูกไปอยู่ที่บ้านรับเลี้ยงเด็กที่ค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก การเดินทางไม่ไกล เพราะพ่อแม่ต้องคุ้นเคยอยู่บ้างและสะดวกในการรับส่ง ในบ้านนั้นเด็กๆได้เรียนรู้การเข้าสังคม เพราะต้องอยู่กับเพื่อนๆหลายวัยที่ใกล้เคียงกัน ต้องมีการปรับตัวในการเข้าสังคม เป็นการฝึกพัฒนาการด้าน EQ ไปในตัว การรู้จักการรอคอยเมื่อต้องทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับเพื่อน สิ่งดึงดูดความสนใจ นิทาน เกมส์ หรือดนตรี ร้องเพลง ในบ้านที่มีลักษณะคล้ายๆบ้านที่เด็กเคยอยู่ ทำให้ปรับตัวได้ไม่ยาก นม ขนมหรืออาหาร พ่อแม่อาจเตรียมมาให้ เพราะได้จะได้คุยเคยกับสิ่งที่เคยทานมาก่อน ปัญหาที่จะเจอก็อาจเป็นแค่การปรับตัว ให้เข้ากับสังคมใหม่ๆ เด็กอาจทานได้น้อยลงเพราะแปลกสถานที่ แปลกคนป้อน แต่เป็นธรรมดาของมนุษย์ ที่เรียนรู้และปรับตัวได้เสมอ

สถานที่รับเลี้ยงเด็ก อย่างแรกที่แตกต่างคือการจัดการ พ่อแม่มีโอกาสได้พูดคุย ถึงวิธีการ แผนการดูแล ซึ่งมีการโฆษณาดึงดูดความสนใจ ปริมาณเด็กอาจมีถึง 25-30 คนต่อหนึ่งห้อง (จุดคุ้มทุนในการลงทุน) โดยมีพี่เลี้ยงเด็ก 1-2 คน พ่อและแม่อาจรู้พัฒนาการของลูกๆผ่าน สมุดบันทึกกิจกรรมให้พ่อแม่ดู ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรไปบ้าง เช่นน้องสนใจร้องเพลงดี แต่ทานข้าวได้น้อย น้องยังปรับตัวเข้ากับเพื่อนไม่ได้ ยังไม่แบ่งของเล่น ฯลฯ และเมื่อเด็กเล็กๆต้องอยู่รวมกันในสถานที่ใดที่หนึ่งปัญหาที่ตามมา ที่ยังแก้ได้ยาก คือการติดเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร เช่นโรค ไข้หวัดและท้องร่วง หรือแม้แต่อาจเกิดการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ จากการเล่นกับเพื่อน เรื่องการกินอาหาร เด็กๆจำนวนมากในสถานที่รับเลี้ยงเด็กมักรับประทานอาหารได้น้อย เพราะพี่เลี้ยงไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงข้อมูลนี้เป็นการสื่อสารสองด้านที่ผู้ปกครองรับรู้ และแน่นอนที่สุดค่าใช้จ่ายย่อมสูงกว่าการที่ให้ลูกไปบ้านเลี้ยงเด็ก เมื่อจ่ายมากกว่าบางครั้งความคาดหวังก็มากกว่าและสถานที่รับเลี้ยงก็มีความแตกต่างกันไป ผู้ปกครองควร ศึกษาข้อมูลและวางแผนก่อนตัดสินใจ

การปรับตัวและมีพัฒนาการตามแผนอายุของลูกๆ การส่งลูกไปบ้านรับเลี้ยงเด็กหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก อย่างน้อย 8 ชั่วโมงนั้น ลูกที่ห่างจากพ่อแม่ จะต้องได้รับการดูแลที่ดีดั่งพ่อแม่ตั้งใจไว้
คุณพ่อคุณแม่จะวางใจได้อย่างไรหากจำเป็นต้องฝากเลี้ยงลูก ๆ ที่บ้านพี่เลี้ยง
ด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันที่พ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องทำงานประจำนอกบ้านและไม่สามารถดูแลลูกได้เอง หลายๆ คนใช้บริการพี่เลี้ยง ซึ่งตัวเลือกของการบริการพี่เลี้ยงเด็กนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการให้พี่เลี้ยงมาดูแลเด็กอยู่ที่บ้านแบบประจำ หรือการฝากเด็กไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับบางครอบครัวที่มีข้อจำกัดเรื่องที่อยู่อาศัยที่ไม่เหมาะกับการเลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกฝากลูกไว้ที่บ้านพี่เลี้ยง เมื่อคุณพ่อคุณแม่อาจมีความกังวลเมื่อจำเป็นต้องใช้บริการฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยง คุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไรเพื่อให้คลายความกังวล

คุณพ่อคุณแม่ควรทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงเด็กให้ดีในระดับหนึ่ง โดยพี่เลี้ยงอาจจะเป็นคนที่คุณพ่อคุณแม่รู้จักดีอยู่แล้ว เช่น ญาติ หรือเพื่อนที่ไว้วางใจได้ หรือพี่เลี้ยงเป็นคนที่ได้รับการแนะนำมาจากคนที่รู้จักที่คุณไว้ใจได้ หรือพ่อแม่เองนั้นเคยมีประสบการณ์ตรงที่เคยใช้พี่เลี้ยงคนนั้นมาก่อน หากไม่สามารถหาพี่เลี้ยงที่เป็นคนคุ้นเคยได้ คุณพ่อคุณแม่ควรใช้เวลาสักระยะในการสังเกตดูพฤติกรรมของพี่เลี้ยงเด็กคนที่ท่านได้หมายตาไว้ หรือสอบถามจากเพื่อนบ้านใกล้เคียง

บ้านของพี่เลี้ยงเด็กไม่ควรอยู่ห่างไกลจากบ้านหรือที่ทำงานของคุณพ่อหรือคุณแม่ หรือใกล้กับญาติที่ท่านไว้วางใจได้ มีความสะดวกในการเดินทางเผื่อในกรณีฉุกเฉินท่านสามารถเดินทางหาลูกได้อย่างทันท่วงที
คุณพ่อคุณแม่ควรสำรวจหรือไปเยี่ยมเยียนบ้านของพี่เลี้ยงเด็กอยู่อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าสภาพแวดล้อมนั้นสะอาดและปลอดภัยต่อเด็ก ควรมีเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อพี่เลี้ยงได้มากกว่าหนึ่งเบอร์
ตัวช่วยทางเทคโนโลยี เช่นกล้องวงจรปิดไร้สาย ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถดูผ่านมือถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกหลายแบบและราคาไม่สูงมาก คุณพ่อคุณแม่อาจจะขอติดตั้งกล้องที่บ้านพี่เลี้ยงเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบก่อนใช้บริการฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยง
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบก่อนใช้บริการฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยง

1. สถานที่ตั้งและสภาพแวดล้อม ไม่ควรอยู่ไกลจากบ้านเพราะความสะดวกในการรับส่งลูกไปฝากเลี้ยงที่บ้านพี่เลี้ยง หากลูกต้องตื่นเช้ามากในทุก ๆวัน อาจทำให้เบื่อไม่อยากไปบ้านพี่เลี้ยง สภาพแวดล้อมใกล้บ้าน ไม่ควรอยู่ใกล้สถานที่ ที่สร้างเสียง กลิ่นและควัน เช่น อู่ซ่อมรถ โรงงานไม้ โรงงานเหล็ก หรือพ่นสี นอกจากนั้นความเป็นระเบียบภายนอกอาคารปลอดภัย การจัดเก็บขยะ หรือท่อระบายน้ำปิดมิดชิด ภายในห้องตู้ชั้นวางของวางเป็นระเบียบไม่เสี่ยงต่อการตกหล่น
2. การจัดการอาหารการกิน เพราะอย่างน้อยหนึ่งถึง 2 มื้อที่ลูกต้องทานอาหารที่บ้านพี่เลี้ยง การเตรียมอาหารที่เหมาะสมกับวัยและเพียงพอ การใส่ใจที่พี่เลี้ยงเด็กดูแลการรับประทานอาหารของลูก เพราะบ่อยครั้งที่เด็กจะถูกเบี่ยงเบนความสนใจโดยเพื่อน ๆ จนไม่สนใจอาหาร ความสะอาด รสชาติ วิธีการดึงดูดความสนใจ สำคัญที่สุด
3. ความปลอดภัยและสุขอนามัย การป้องกันลูกปีนขึ้น ลงจากที่สูงเช่นเก้าอี้ โต๊ะ บันได ควรมีการจัดวางป้องกันอย่างดี รวมถึงการทำความสะอาดอย่างถูกสุขอนามัย เพราะเด็กอาจนั่งเล่น นอนเล่นบนพื้นในบ้านของพี่เลี้ยงเด็ก
4. กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ๆ ส่งเสริมเชาวน์ปัญญา เพราะกว่า 8 ชั่วโมงที่ลูกใช้เวลากับพี่เลี้ยงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดต้องเหมาะสมกับวัย เพื่อพัฒนาการและดึงความสนใจให้ลูก ๆ สนุกสนาน เพลิดเพลิน จนกว่าจะถึงเวลาที่พ่อแม่มารับกลับบ้าน
5. ประวัติและประสบการณ์ของพี่เลี้ยงเด็ก เพราะความแตกต่างระหว่างเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ช่วงอายุ และความแตกต่างของหลายครอบครัว การที่คุณพ่อคุณแม่เตรียมคำถามก่อนเข้าไปพูดคุย เพื่อพิจารณาคำตอบให้ได้ถูกต้องตามความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ เพราะหลังจากการตัดสินใจแล้ว นั่นคือการฝากแก้วตาดวงใจให้พี่เลี้ยงดูแล
พฤติกรรมใดของลูก ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงเมื่อต้องใช้บริการรับฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยง
พฤติกรรมใดของลูก ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงเมื่อต้องใช้บริการรับฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยง

สำหรับบางครอบครัว การฝากลูกให้พี่เลี้ยงดูแลที่บ้านของพี่เลี้ยงอาจเป็นครั้งแรกที่เด็กต้องแยกจากพ่อแม่ ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ ใช้ชีวิตและทำกิจวัตรกับคนที่ไม่คุ้นเคย การปรับตัวเหล่านี้อาจเป็นเรื่องยากและสร้างความเครียดให้กับเด็กได้ โดยเฉพาะทารกและเด็กเล็กซึ่งยังไม่เข้าใจภาษา หากเด็กมีอาการงอแงมากกว่าปกติโดยไม่มีอาการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บร่วมด้วย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเด็กมีความคุ้นเคยกับพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา กลิ่น สัมผัส และน้ำเสียง เมื่อต้องอยู่กับพี่เลี้ยงซึ่งถือเป็นคนแปลกหน้าอาจนำมาซึ่งความกังวลและรู้สึกไม่ปลอดภัย ต้องให้เวลาเด็กและพี่เลี้ยงได้ปรับตัวและสร้างความคุ้นเคยสักระยะหนึ่ง แต่ถ้าเด็กงอแงจากการบาดเจ็บ มีรอยฟกช้ำ หรือไม่สบายบ่อย ๆ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะนั่นอาจหมายถึงการละเลยและไม่เอาใจใส่ของพี่เลี้ยง ที่ร้ายแรงกว่านั้นอาจมีการใช้ความรุนแรงกับเด็ก สำหรับเด็กโตหากเด็กเป็นคนสดใส ร่าเริง ช่างพูดคุย แต่เปลี่ยนเป็นซึมลง ไม่ร่าเริงอย่างเคย คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยกับเด็กเพื่อให้รู้ว่ามีอะไรรบกวนจิตใจ มีเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมหรือมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ หากเด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือใช้ความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนที่จะอยู่กับพี่เลี้ยง อาจเป็นได้ว่าเด็กลอกเลียนพฤติกรรมเหล่านี้จากพี่เลี้ยงหรือจากเด็กคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยงคนเดียวกัน

หากลูก ๆ ของท่านมีพฤติกรรมหรือความเปลี่ยนแปลงดังที่กล่าวมาข้างต้น คุณพ่อคุณแม่ควรเร่งหาสาเหตุและแก้ไขให้เร็วที่สุดเพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีของลูกน้อย