ช่างซ่อมบำรุง ใน ดอนตูม, นครปฐม

ช่างซ่อมบำรุง ใน ดอนตูม, นครปฐม

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่
ผู้ให้บริการช่างซ่อมบำรุง ใน ดอนตูม, นครปฐม:

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

รีโนเวทห้องเก็บของแล้วสภาพผนังห้องคือแย่มากก เคยได้ยินว่ามีบริการช่างทาสีจาก SAIJAI ผ่านๆ เลยลองติดต่อดู ผนังบ้านออกมาดูดีมาก ช่างเก่งจริง ๆ เก็บงานละเอียด
Saijai
ภูมินทร์ พฤกษ์
3 ปีที่แล้ว
ที่บ้านปลูกต้นไทรเกาหลีอยู่ตรงริมรั้วหน้าบ้านไม่ได้ตัดนานแล้วต้นไม้รกมากเรียกช่างทำสวนจากใส่ใจมาจัดการให้ งานละเอียดมาก ไม่ต้องมาตามเก็บเศษใบไม้ที่ร่วงอยู่ทีหลัง ช่างสวนจัดการให้หมด
Saijai
อันลิน พนพพันธ์
3 ปีที่แล้ว
จ้างช่างจากใส่ใจมาติดตั้งเพดานใหม่ คุณภาพงานดีเยี่ยมเหมือนไม่เคยพังมาก่อน
Saijai
พิมพร พรพิพันธ์
3 ปีที่แล้ว
อยากทาสีห้องใหม่แต่ไม่รู้จะหาช่างจากที่ไหน คนรู้จักเลยแนะนำให้ลองใช้บริการผ่านใส่ใจ ประทับใจมั่ก โอกาสหน้าจะมาใช้บริการอีกแน่นอนนน
Saijai
อลิสา จันดี
3 ปีที่แล้ว
บริการดี ช่างพูดจาสุภาพ งานละเอียดงานเนี๊ยบ รอบหน้าใช้บริการอีกแน่นอน
Saijai
เมธัต กิจเจริญ
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ช่างซ่อมบำรุง

ทำไมการซ่อมบำรุงจึงมาความสำคัญ
ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสำคัญและความจำเป็นของ “การซ่อมบำรุง” หลายคนอาจจะมองว่า การซ่อมบำรุงเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ไม่อยากจ่าย หากอุปกรณ์เครื่องมือภายในบ้านหรือในออฟฟิศเกิดชำรุดหรือเสียหาย ก็แค่ซ่อม ในกรณีที่ซ่อมไม่ได้ก็แค่ซื้อใหม่ ไม่เห็นว่าจำเป็นต้องดูแลรักษา หรือซ่อมบำรุงกันอย่างสม่ำเสมอ
แต่ที่จริงแล้ว “การซ่อมบำรุง” หรือ บำรุงรักษา หมายถึง งานหรือกิจกรรมที่จัดให้มีขึ้นเพื่อให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ในสภาพที่พร้อมที่จะใช้งานได้ตลอดเวลา รวมถึงการรักษาอุปกรณ์ เครื่องมือ หรือเครื่องจักร ให้อยู่ในสภาพที่ดี และเป็นการทำสิ่งที่ชำรุดให้คืนดี
อันตรายที่เกิดจากใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ขาดการดูแลและ บำรุงรักษา ที่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม เช่น การเกิดไฟฟ้ารั่วเนื่องจากการติดตั้งใช้เดินสายไฟที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน การขาดการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้า การใช้งานที่ไม่ถูกต้อง ตลอดไปจนถึงการเสื่อมสภาพของฉนวนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้มาเป็นเวลานาน เป็นต้น
การละเลยขาดความใส่ใจในการซ่อมบำรุงและปล่อยให้เครื่องจักรเครื่องมือของเราเกิดปัญหา อาจทำให้การทำงานหยุดชะงักลงหรืออาจทำให้เครื่องจักรเครื่องมือของเรานั้นเกิดความเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายที่น้อยในตอนแรกนั้นมากขึ้นกว่าเดิม หรือเราอาจจะต้องเสียเงินซื้อเครื่องจักรและเครื่องมือใหม่เพราะอาจจะชำรุดจนไม่สามารถซ่อมบำรุงได้อีกต่อไป
เครื่องมือเครื่องจักรไม่ว่าจะเป็นในหน่วยงานใหญ่หน่วยงานเล็ก หรือแม้กระทั้งในบ้านของเรา ควรที่จะดูแลและบำรุงรักษา ให้พร้อมใช้งานเสมอในระยะยาว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่องมือเครื่องจักร และยังเป็นการป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากอุบัติที่เกิดจากเครื่องมืออุปกรณ์ที่ชำรุดจนถึงขั้นต้องรักษาพยาบาล และในบางกรณีอาจร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
คุณสมบัติของช่างซ่อมบำรุง
การที่เราจะสามารถเป็นช่างที่ดีได้นั้นเราควรจะมีคุณสมบัติอย่างไร ควรวางตัวแบบไหน ควรมีแนวคิดหรือวิธีการคิดแบบไหนที่จะเป็นการส่งเสริมให้เรานั้นได้รับโอกาสในเส้นทางอาชีพของเรามากขึ้น SAIJAI จึงได้รวบรวมคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ช่างซ่อมบำรุงหรือช่างอื่น ๆ นั้นพึงมี ดังต่อไปนี้
1.ช่างซ่อมบำรุงควรเป็นคนที่ช่างสังเกต และช่างจดจำ รู้จักการคิดปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงสิ่งต่างๆ ให้เกิดประโยชน์
2.ช่างจะต้องมีนิสัยรักในการทำงาน มีความรับผิดชอบ ทำงานด้วยความปลอดภัย ไม่ประมาท และระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่อยู่เสมอ
3.ช่างจะต้องมีความรู้ความสามารถสูงในสาขาอาชีพของตนเอง และมีความรอบรู้ในเชิงช่างทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
4.ช่างนั้นจะต้องมีทักษะความสามารถทางช่าง มีความรู้ ความแม่นยำในเครื่องจักรเครื่องมือและอุปกรณ์ รู้จักวิเคราะห์ขั้นตอนการทำงานของเครื่องจักรเครื่องมือ และยังคงพัฒนาทักษะทางการช่างให้มีความเจริญกก้าวหน้า
5.ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นประโยชน์ต่อช่างซ่อมบำรุงมาก ความกล้าที่จะตัดสินใจและมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ประสบผลสำเร็จ และจะต้องคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกด้วย
6.การมีบุคลิกภาพและมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับช่างซ่อมบำรุง มันจะเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวช่างและลูกค้าที่พบเจอ เพื่อทำให้การทำงานร่วมกันนั้นดำเนินการร่วมกันได้เป็นอย่างดี และจะทำให้การประกอบอาชีพมีโอกาสสำเร็จมากยิ่งขึ้น
และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการทำงานไม่ว่าจะเป็นช่างซ่อมบำรุงหรืออาชีพอื่น ๆ นั่นคือความซื่อสัตย์ ดังสำนวน “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” ดังนั้นเราจึงจะต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ไม่เอารัดเอาเปรียบลูกค้า และมีมาตรฐานในการทำงานให้มีคุณภาพดีที่สุดเสมอต้นเสมอปลาย ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด เพื่อที่ลูกค้าจะได้ไว้วางใจให้เราทำงานในครั้งถัดไป
ทำไมการเรียกช่างซ่อมบำรุงจึงดีกว่าการซ่อมเอง
จริงอยู่ว่าปัญหาเครื่องมือเครื่องจักรเสียบางอย่างสามารถตรวจสอบและแก้ไขได้เองทันที ถึงอย่างนั้นก็มีปัญหาอีกหลายอย่างที่ต้องได้รับการซ่อมแซมจากช่างซ่อมบำรุงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขได้อย่างตรงจุด และเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการไม่รู้วิธีซ่อมของเรา หลายคนอาจจะพบเจอปัญหาเครื่องมือเครื่องจักรเสียอยู่บ่อย ๆ แม้ว่าเราจะใช้สิ่งของนั้น ๆ ตามคู่มือที่เรามีอย่างไว้อย่างละเอียด หรือข้อมูลการซ่อมแซมนั้นเราอาจจะสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายบนอินเทอร์เน็ต ปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเครื่องจักรเครื่องมือของเรานั้นอาจดูเหมือนซ่อมแซมได้ง่ายไม่จำเป็นต้องเรียกช่างซ่อมบำรุงก็ได้ แต่ในความเป็นจริงอาจเกิดจากสาเหตุที่ซับซ้อนกว่านั้น
หากคุณได้แต่คาดการณ์สาเหตุ โดยระบุสาเหตุไม่ได้ชัดเจนแล้ว "ลอง" ลงมือซ่อมเองตามวิธีที่เราคิดว่าน่าจะใช่นั้นย่อมเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายต่อตัวเราได้ง่าย ปัญหาเหล่านั้นอาจเป็นปัญหาที่อันตรายถึงชีวิต และการที่เรา "ลอง" ซ่อมแซมเครื่องจักรเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆเหล่านั้นด้วยตนเอง อาจจะทำให้คุณภาพของสิ่งของเหล่านั้นมีคุณภาพที่ลดลง หากคุณลองค้นหาวิธีซ่อมอุปกรณ์หรือแก้ไขมันด้วยตัวเองจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ จะพบว่าเว็บไซต์เหล่านั้นไม่แนะนำให้ซ่อมหรือแก้ไขด้วยตัวเอง แต่แนะนำให้ปรึกษาหรือเรียกช่างซ่อมบำรุงที่เป็นมืออาชีพมาดูแทน เพราะเครื่องมือเครื่องจักร อุปกรณ์ที่เราอาจจะไม่คุ้นชิน อีกทั้งยังไม่มีอุปกรณ์ซ่อมไฟพร้อมเท่ากับช่างซ่อมบำรุงมืออาชีพ
และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงควรเรียกช่างซ่อมบำรุงมืออาชีพมากกว่าลงมือซ่อมเครื่องจักรเครื่องมือเหล่านั้นด้วยตนเอง

คุณสามามารถหาช่างซ่อมบำรุงด้านใดได้บ้าง จากแพลตฟอร์ม SAIJAI
การบำรุงรักษาสิ่งต่าง ๆ ภายในบ้านของเรา นอกบ้าน หรือบริเวณพื้นที่ของบ้านนั้นจะทำให้บ้านของเราน่าอยู่มากขึ้น อีกทั้งยังสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอาศัยอยู่ให้ตัวเราเองอีกด้วย
เมื่อว่าด้วยเรื่องของการทาสีบ้านนั้น เป็นเรื่องที่ต้องยกให้มืออาชีพอย่าง “ช่างทาสี” โดยเฉพาะเพราะการทาสีบ้านนั้นเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียด ความใส่ใจ รวมถึงการเลือกสีที่มีความคงทนติดอยู่ได้นานเพื่อสร้างความสวยงามให้กับบ้านของเรา
การใช้บริการช่างจาก “ช่างปูกระเบื้อง” ที่มีความชำนาญนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพื่อที่เราจะได้รับงานที่มีคุณภาพ มีความละเอียดอ่อนและมีความสวยงาม
สำหรับฝ้าเพดานที่หลายคนมองข้ามนั้นก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้บ้านมีความลงตัวมากยิ่งขึ้น การเลือกฝ้าเพดานจึงเป็นอีกอย่างหนึ่งสำคัญ การใช้บริการช่าง “ช่างฝ้าเพดาน” เป็นสิ่งที่สมควรทำอย่างยิ่ง เพื่อจะเลือกฝ้าเพดานที่เหมาะสมกับบ้านของเรา ให้มีความทนทาน และสามารถคงอยู่ได้อย่างยาวนาน
การดูแลสวนเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนและความใส่ใจเป็นอย่างมาก การทำสวนไม่ใช่การทำแค่เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องทำให้สวนนั้นสามารถอยู่ได้อย่างยาวนาน การมี “คนดูแลสวน” จึงเป็นสิ่งที่เพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลาให้แก่ตัวเราขึ้นมาก ๆ
คุณภาพของสระว่ายน้ำจะดีได้นั้น จะต้องได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ การดูแลที่มีขั้นตอนมากมาย และยากลำบากสำหรับเจ้าของสระบางรายจึงทำให้ต้องมีการจ้าง “ช่างดูแลสระว่ายน้ำ” เพื่อการดูแลสระว่ายน้ำของเราที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

คราบผงขาว ๆ ติดบนผ้า มาจากไหน มาดูกัน

ในบางครั้งพบว่ามีคราบผงแป้งสีขาว ๆ ติดอยู่บนเสื้อผ้าหลังทำการซักเสร็จ หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินมา ว่าคราบเหล่านั้นเกิดจากการใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าที่มีส่วนผสมของแป้ง ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะว่าถ้าใส่แป้งลงไปจริง ๆ คงไม่พ้นเกิดเป็นคราบเหนียว ๆ หรือมีกลิ่นบูดเน่าติดผ้าเป็นแน่ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้น้ำละลายผงซักฟอกเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงไป ก็คือ CMC (carboxy methyl cellulose) ที่เติมลงไปในผงซักฟอกเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกย้อนกลับมาติดผ้านั่นเอง มันไม่ใช่แป้ง

ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดคราบ คือ โซเดียมคาร์บอเนต หรือโซดาแอช ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในผงซักฟอกที่หลาย ๆ คนใช้กัน สารตัวนี้ใช้เพื่อปรับสภาพน้ำ ทำให้มีความลื่นในน้ำผงซักฟอก และช่วยเพิ่มค่าความเป็นด่างให้กับน้ำ เมื่อจับตัวกับแคลเซียมไอออนในน้ำกระด้างจะเกิดเป็นตะกอนหินปูน (calcium carbonate) ที่สามารถเกาะเป็นคราบขาวบนผ้าได้ ถ้าไม่ได้ถูกทำให้กระจายตัวหรือละลายน้ำให้ดีเสียก่อน

ส่วนสารประกอบโพลีฟอสเฟตที่ผสมในผงซักฟอกเพื่อแก้ความกระด้างของน้ำเช่นเดียวกัน ถ้าอยู่ในสภาวะปกติมันจะกระจายตัวได้ดีในน้ำมากกว่า แต่ถ้าอยู่ในสภาวะที่เป็นด่างร้อน เช่น การซักในอุณหภูมิสูงเป็นเวลานานในสภาวะด่าง จะเกิดปฏิกิริยาจนกลายเป็นตะกอนขาว โดยเฉพาะเมื่อเจอกับความชื้นหรือน้ำ โดยที่ไม่ได้ตีกับน้ำให้ละลายดีเสียก่อน จะเกิดเป็นก้อนเหนียวและมาเกาะกับผ้าได้ง่าย

ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากผงซักฟอกเท่านั้น แม้แต่น้ำยาซักผ้าหลาย ๆ สูตรที่มีการเติมสารประกอบฟอสเฟตลงไป แม้ดูเหมือนว่าจะละลายหมดแล้วและไม่น่าเกิดคราบแป้งสีขาว (เพราะอยู่ในรูปของเหลว) ก็ยังมีโอกาสเกิดเป็นคราบขาว ๆ ได้เช่นกัน



เทคนิค ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มอย่างถูกต้อง ถูกวิธี

ก่อนใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ต้องแน่ใจว่าล้างผ้าจนสะอาดดีแล้ว มีความลื่นน้อยลงแล้ว พอมาถึงน้ำสุดท้ายที่ต้องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม มีวิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มอย่างถูกต้อง ที่ป้องกันการเกิดคราบ ดังนี้

1.เช็กให้แน่ใจก่อนว่าผ้าที่จะซักนั้นเหมาะจะใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจ ให้อ่านรายละเอียดบนป้ายสัญลักษณ์เกี่ยวกับดูแลรักษาเสื้อผ้าชิ้นนั้น ๆ ให้เข้าใจก่อน

2.กรณีการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า ไม่ควรเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงบนเสื้อผ้าโดยตรง ควรเทน้ำยาปรับผ้านุ่มในช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเท่านั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดคราบด่างติดเนื้อผ้า ซึ่งน้ำยาจะกระจายตัวได้ดีกว่า

3.หากซักด้วยมือ ให้สังเกตน้ำว่าน้ำก่อนหน้าที่จะใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มหายลื่นหรือยัง ถ้าหายลื่นแล้วค่อยนำผ้าไปแช่ในน้ำผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม โดยควรรองน้ำไว้ก่อน เมื่อได้ปริมาณที่ต้องการแล้วค่อย ๆ เทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไป กวนให้น้ำยากระจายตัวอย่างทั่วถึงก่อน แล้วใส่ผ้าลงไปแช่ไว้ 5-10 นาที

นอกจากนี้ ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษในการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อผ้าชนิดพิเศษ เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์ ผ้าขนหนู ชุดออกกำลังกาย รวมถึงเสื้อผ้าเด็ก หรือเสื้อผ้าที่ออกแบบมาให้กันน้ำหรือทนไฟ เพราะส่วนผสมบางอย่างในน้ำยาปรับผ้านุ่มจะลดประสิทธิภาพการดูดซับเหงื่อและน้ำ การดูดซับสิ่งสกปรก ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวบอบบาง หรือลดทอนคุณสมบัติเฉพาะของผ้านั้น ๆ ลง ทั้งยังอาจทิ้งสารเคมีตกค้างและกระตุ้นให้เกิดแบคทีเรียสะสมอีกด้วย จึงควรอ่านคำแนะนำก่อนใช้และใช้ในปริมาณที่ผู้ผลิตแนะนำ ที่สำคัญคือ ควรเลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มจากผู้ผลิตและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้แน่ใจว่ามีส่วนผสมที่ไม่เป็นอันตราย เมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมประสิทธิภาพที่ช่วยให้ผ้าหอมนาน นุ่มน่าสัมผัส



เมื่อน้ำยาปรับผ้านุ่มกลายเป็นตัวร้าย จะทำอย่างไรดี

คราบน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ติดตามเสื้อผ้า เป็นด่างเป็นดวง ดูแล้วไม่น่าพิสมัย ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำยาปรับผ้านุ่มตกค้างเพราะใช้ในปริมาณที่มากเกินไป หรือเกิดจากการเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงบนเนื้อผ้าโดยตรง หรือเพราะมีส่วนผสมบางอย่างในน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ล้างออกยากกว่าปกติ ซึ่งจะเห็นคราบได้ชัดหากเสื้อผ้าชิ้นนั้นเป็นสีเข้มและโดยมากมักเกิดขึ้นกับเสื้อผ้าที่ซักด้วยเครื่องซักผ้า

ป้องกันง่าย ๆ เพียงใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วยความใส่ใจ

วิธีซักผ้าให้สะอาดหมดจดนั้นไม่ยาก แต่ต้องอาศัยความใส่ใจ โดยเมื่อซักผ้าเสร็จ สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ต้องล้างให้สะอาด สำหรับมาตรฐานเครื่องซักผ้า (ที่มีการสลัดน้ำก่อน) มักจะล้าง 2 น้ำ หากเป็นการซักที่ไม่ได้สลัดน้ำผงซักฟอกออกก่อน แนะนำให้ล้าง 3 น้ำ เพื่อขจัดความลื่นของสารซักล้างออกให้มากที่สุด

จำไว้เสมอว่า ปัญหาการเกิดคราบขาว ๆ ส่วนมากไม่ได้เกิดจากขั้นตอนซัก แต่เกิดจากขั้นตอนการล้าง หากล้างไม่สะอาด สภาพความเป็นด่างจะไปมีผลกับน้ำยาปรับผ้านุ่ม

น้ำยาปรับผ้านุ่มส่วนใหญ่ที่มีขายโดยทั่วไปในท้องตลาดเป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มชนิดประจุบวก (cationic) ซึ่งให้ความนิ่มดีมาก และใช้ส่วนผสมราคาไม่แพง ต่างจากชนิดประจุลบ (anionic) ซึ่งให้ความนิ่มน้อยและส่วนผสมมีราคาแพง จึงไม่ได้รับความนิยม แต่ข้อเสียของน้ำยาปรับผ้านุ่มชนิดประจุบวก คือ ถ้าล้างไม่สะอาด จะมีโอกาสเกิดคราบได้ง่าย เพราะสภาพที่เป็นด่างจะทำให้น้ำยาปรับผ้านุ่มจับตัวเป็นก้อน

วิธีง่าย ๆ ในการจัดการคราบน้ำยาปรับผ้านุ่ม

สำหรับผ้าที่ซักและตากจนแห้งแล้วมาพบอีกทีว่ายังมีคราบของน้ำยาปรับผ้านุ่มติดอยู่ ไม่ต้องตระหนกตกใจ มีวิธีแก้ง่าย ๆ ดังนี้

- อุปกรณ์ที่ต้องใช้ คือ สบู่ก้อน กะละมังเล็ก น้ำ

- ระยะเวลาที่ใช้ ขึ้นอยู่กับว่ามีคราบมากน้อยแค่ไหน แต่โดยทั่วไปไม่เกิน 1-2 นาที

- วิธีขจัดคราบ คือ แช่ผ้าบริเวณที่มีคราบให้ชื้น แล้วใช้สบู่ก้อนถู จากนั้นจุ่มลงในน้ำ แล้วขยี้เบา ๆ เพื่อสลายคราบออก

หาตัวช่วยเบาแรงเรื่องงานบ้านด้วย ผู้ให้บริการแม่บ้านที่ SAIJAI