ช่างซ่อมบำรุง ใน เชียงใหม่

ช่างซ่อมบำรุง ใน เชียงใหม่

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

แอร์พังกระทันหัน ติดติอช่างจากใส่ใจมาตรวจสอบรวดเร็วทันใจมาก
Saijai
จริณทร์ สมใจ
3 ปีที่แล้ว
นี่ใช้บริการช่างล้างแอร์ แต่เครื่องทำน้ำอุ่นเสียพอดีเลยถือโอกาสลองถามช่างที่มาล้างแอร์ดู ตอบได้หมดดีมากกกก
Saijai
เมลาณี ภพพิกุล
3 ปีที่แล้ว
หาช่างแอร์ผ่าน SAIJAI ช่างบริการดี พูดจาดี แถมยังแนะนำการดูแลแอร์ให้อีก ใช้บริการซ้ำแน่นอน
Saijai
ดนัยนัฐ แซ่โจ
3 ปีที่แล้ว
ช่างที่ติดต่อผ่าน SAIJAI บริการดีมากครับ ครั้งหน้ามาใช้บริการอีกแน่นอน
Saijai
เจนภพ อรุณพิทักษ์
3 ปีที่แล้ว
ฝ้าเพดานเป็นเชื้อราและรั่วหนักมาก นี่คิดว่าคงต้องเปลี่ยนยกแผงเพื่อนเลยแนะนำว่าลองติดต่อผ่านใส่ใจดู เลยลองทักไปสอบถามแอดมิน บริการดีมาก ตอบคำถามไขข้อสงสัยนี่ได้หมดเลย เยียม
Saijai
สุเมธีร์ การณ์พิท
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ช่างซ่อมบำรุง

ทำไมการซ่อมบำรุงจึงมาความสำคัญ
ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสำคัญและความจำเป็นของ “การซ่อมบำรุง” หลายคนอาจจะมองว่า การซ่อมบำรุงเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ไม่อยากจ่าย หากอุปกรณ์เครื่องมือภายในบ้านหรือในออฟฟิศเกิดชำรุดหรือเสียหาย ก็แค่ซ่อม ในกรณีที่ซ่อมไม่ได้ก็แค่ซื้อใหม่ ไม่เห็นว่าจำเป็นต้องดูแลรักษา หรือซ่อมบำรุงกันอย่างสม่ำเสมอ
แต่ที่จริงแล้ว “การซ่อมบำรุง” หรือ บำรุงรักษา หมายถึง งานหรือกิจกรรมที่จัดให้มีขึ้นเพื่อให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ในสภาพที่พร้อมที่จะใช้งานได้ตลอดเวลา รวมถึงการรักษาอุปกรณ์ เครื่องมือ หรือเครื่องจักร ให้อยู่ในสภาพที่ดี และเป็นการทำสิ่งที่ชำรุดให้คืนดี
อันตรายที่เกิดจากใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ขาดการดูแลและ บำรุงรักษา ที่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม เช่น การเกิดไฟฟ้ารั่วเนื่องจากการติดตั้งใช้เดินสายไฟที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน การขาดการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้า การใช้งานที่ไม่ถูกต้อง ตลอดไปจนถึงการเสื่อมสภาพของฉนวนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้มาเป็นเวลานาน เป็นต้น
การละเลยขาดความใส่ใจในการซ่อมบำรุงและปล่อยให้เครื่องจักรเครื่องมือของเราเกิดปัญหา อาจทำให้การทำงานหยุดชะงักลงหรืออาจทำให้เครื่องจักรเครื่องมือของเรานั้นเกิดความเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายที่น้อยในตอนแรกนั้นมากขึ้นกว่าเดิม หรือเราอาจจะต้องเสียเงินซื้อเครื่องจักรและเครื่องมือใหม่เพราะอาจจะชำรุดจนไม่สามารถซ่อมบำรุงได้อีกต่อไป
เครื่องมือเครื่องจักรไม่ว่าจะเป็นในหน่วยงานใหญ่หน่วยงานเล็ก หรือแม้กระทั้งในบ้านของเรา ควรที่จะดูแลและบำรุงรักษา ให้พร้อมใช้งานเสมอในระยะยาว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่องมือเครื่องจักร และยังเป็นการป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากอุบัติที่เกิดจากเครื่องมืออุปกรณ์ที่ชำรุดจนถึงขั้นต้องรักษาพยาบาล และในบางกรณีอาจร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
ช่างซ่อมบำรุงที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร
ความซื่อสัตย์และการมีความรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่สำคัญในการทำงานทุก ๆ ประเภท การที่เราจะทำงานได้อย่างมีคุณภาพ และเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ความซื่อสัตย์และการมีความรับผิดชอบนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังสุภาษิตที่ว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” กล่าวคือ “ความซื่อสัตย์ทำให้คนเชื่อใจ มีคนนับถือ ไม่มีวันอดตาย มีคนคอยช่วยเหลือ แต่หากมีนิสัยคดโกง เมื่อถูกจับได้ย่อมไม่มีใครอยากช่วยเหลือหรือเกี่ยวข้องด้วย” แล้วช่างซ่อมบำรุงที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไรกันนะ
การมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จลุล่วงภายในระยะเวลาที่ได้ตกลงกับผู้ว่าจ้าง อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าการมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับนั้นเป็นสิ่งสำคัญและยังเป็นตัวชี้วัดคุณภาพในการทำงานของบุคคลนั้น ๆ ทำให้เห็นว่าบุคคลนั้น ๆ มีความใส่ใจต่องานมากน้อยเพียงใด ในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้
ความซื่อสัตย์เป็นอีกสิ่งที่สำคัญเช่นกัน การที่เรามีความซื่อสัตย์ไม่ว่ากับเพื่อนร่วมงานหรือผู้ว่าจ้างจะทำให้ตัวเรานั้นมีความน่าเชื่อถือ แต่ไม่ได้มีแค่สองสิ่งนี้ที่เป็นคุณสมบัติของช่างซ่อมบำรุง ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ความรู้ความสามารถในงานซ่อมบำรุงและมีความรอบรู้ในเชิงช่างทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ช่างซ่อมบำรุงจะต้องมีความรู้ในเรื่องเครื่องจักร เครื่องมือ วัสดุและอุปกรณ์ และยังต้องมีความกล้าที่จะตัดสินใจ มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ประสบผลสำเร็จก็เป็นคุณสมบัติที่ดีของช่างซ่อมบำรุงเช่นกัน
ซ่อมเองหรือเรียกช่าง แบบไหนจะดีกว่ากัน
งานติดตั้ง หรืองานซ่อมบำรุงบางอย่างอาจหาข้อมูล และทำความเข้าใจได้ แต่เราต้องการให้งานนั้นถูกต้องและเรียบร้อยที่สุด เราคงต้องใช้คนที่มีทักษะ หรือความชำนาญในการทำงานเฉพาะทาง และอุปกรณ์ที่เราอาจไม่มีด้วย สิ่งนี้จะทำให้งานของเรานั้นดีขึ้นอย่างมากแน่นอน งานซ่อมแซมบางอย่างอาจมีความเสี่ยงก่อให้เกิดอันตราย เช่น
- ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ควรเรียกช่างซ่อมบำรุงผู้ชำนาญการมาทำจะปลอดภัยกว่า เพราะเราทำเองบางครั้งอาจเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิต และสูญเสียทรัพย์สินได้
- บางครั้งปัญหาเล็กๆ อย่างหลอดไฟที่เคยสว่างอยู่ดีๆ เกิดกะพริบๆ มีเสียงดังขณะเปิด หรือกว่าจะสว่างก็ใช้เวลานาน หนักสุดคือ ดับไปเลย อาการเหล่านี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเป็นที่บัลลาสต์เสีย แกนหลวม หลอดไฟขาด หรือเสื่อมสภาพ หลอดไฟก็มีหลายแบบทั้งหลอดเกลียว แบบขาสปริง เราควรตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะนำมาใช้แล้ว ในกรณีที่หลอดไฟนั้นอยู่สูง ควรจะใช้บันไดไม่ควรใช้เก้าอี้ เพราะการใช้เก้าอาจทำให้เกิดอันตรายได้
- การเปลี่ยนก๊อกน้ำ การยิงซิลิโคน การเจาะผนัง การทะลวงท่อน้ำนั้นต้องใช้เครื่องมือมากมายในการแก้ปัญหา
- ส่วนของช่องสำหรับการซ่อมบำรุงอาจเป็นสิ่งที่ถูกละเลยมากที่สุดในบ้าน โดยเฉพาะระบบสายไฟบนเพดานที่มีฝ้าปิดทึบทั้งหมด หากบ้านที่คุณอยู่ไม่มีช่องเปิดฝ้า แล้วมีหนูหาทางขึ้นฝ้าไปกัดสายไฟจนขาด ก็จะเป็นเรื่องลำบากมากในการแก้ไขสายไฟให้กลับมาเป็นปกติ ดังนั้น บ้านทุกหลังจำเป็นต้องมีช่องสำหรับซ่อมบำรุงสายไฟบนฝ้าเผื่อไว้ด้วย โดยเฉพาะชั้นล่างหรือชั้นที่ไม่ได้ติดหลังคา ส่วนชั้นที่ติดหลังคาจะมีช่องปีนขึ้นฝ้าอยู่ ถ้าไม่มั่นใจเราก็สามารถเรียกช่างซ่อมบำรุงมาตรวจดูได้
คุณสามามารถหาช่างซ่อมบำรุงด้านใดได้บ้าง จากแพลตฟอร์ม SAIJAI
การบำรุงรักษาสิ่งต่าง ๆ ภายในบ้านของเรา นอกบ้าน หรือบริเวณพื้นที่ของบ้านนั้นจะทำให้บ้านของเราน่าอยู่มากขึ้น อีกทั้งยังสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอาศัยอยู่ให้ตัวเราเองอีกด้วย
เมื่อว่าด้วยเรื่องของการทาสีบ้านนั้น เป็นเรื่องที่ต้องยกให้มืออาชีพอย่าง “ช่างทาสี” โดยเฉพาะเพราะการทาสีบ้านนั้นเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียด ความใส่ใจ รวมถึงการเลือกสีที่มีความคงทนติดอยู่ได้นานเพื่อสร้างความสวยงามให้กับบ้านของเรา
การใช้บริการช่างจาก “ช่างปูกระเบื้อง” ที่มีความชำนาญนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพื่อที่เราจะได้รับงานที่มีคุณภาพ มีความละเอียดอ่อนและมีความสวยงาม
สำหรับฝ้าเพดานที่หลายคนมองข้ามนั้นก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้บ้านมีความลงตัวมากยิ่งขึ้น การเลือกฝ้าเพดานจึงเป็นอีกอย่างหนึ่งสำคัญ การใช้บริการช่าง “ช่างฝ้าเพดาน” เป็นสิ่งที่สมควรทำอย่างยิ่ง เพื่อจะเลือกฝ้าเพดานที่เหมาะสมกับบ้านของเรา ให้มีความทนทาน และสามารถคงอยู่ได้อย่างยาวนาน
การดูแลสวนเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนและความใส่ใจเป็นอย่างมาก การทำสวนไม่ใช่การทำแค่เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องทำให้สวนนั้นสามารถอยู่ได้อย่างยาวนาน การมี “คนดูแลสวน” จึงเป็นสิ่งที่เพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลาให้แก่ตัวเราขึ้นมาก ๆ
คุณภาพของสระว่ายน้ำจะดีได้นั้น จะต้องได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ การดูแลที่มีขั้นตอนมากมาย และยากลำบากสำหรับเจ้าของสระบางรายจึงทำให้ต้องมีการจ้าง “ช่างดูแลสระว่ายน้ำ” เพื่อการดูแลสระว่ายน้ำของเราที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

5 ข้อควรรู้ ก่อนปูกระเบื้องด้วยตัวเอง

1.เลือกชนิดกระเบื้องที่ต้องการ

เนื่องจากแผ่นกระเบื้อง มีให้เลือกอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องดินเผา กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแกรนิตโต้ กระเบื้องโมเสก กระเบื้องแก้ว ไปจนถึงหินอ่อน หรือหินธรรมชาติ ควรเลือกให้เข้ากับพื้นที่ โดยดูก่อนว่าจะปูกระเบื้องด้วยตัวเองที่ภายนอก ภายใน หรือปูที่ใด จะช่วยให้เลือกพื้นผิว และคุณสมบัติของแผ่นกระเบื้องให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด

2.คำนวณพื้นที่ก่อนซื้ออุปกรณ์

ควรคำนวณพื้นที่ก่อนเลือกซื้ออุปกรณ์ปูกระเบื้อง โดยใช้สูตรคำนวณพื้นที่ คือ

กว้าง (เมตร) x ยาว (เมตร) = ขนาดห้อง (ตารางเมตร)

อย่างไรก็ตาม จำนวนกระเบื้องก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแผ่นกระเบื้องด้วยเช่นกัน ควรซื้ออุปกรณ์เผื่อไว้ประมาณ 3-5% สำหรับการใช้ซ่อมแซม กรณีเกิดข้อผิดพลาด หรือซ่อมแซมความเสียหายในอนาคต

3.เลือกขนาดกระเบื้องให้เหมาะสม/

หากเป็นพื้นที่ขนาดเล็กอย่างห้องน้ำ ควรเลือกใช้กระเบื้องแผ่นเล็ก หากเป็นห้องใหญ่อย่างห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ควรเลือกใช้กระเบื้องแผ่นใหญ่ โดยเว้นร่องยาแนวเล็ก ๆ เพื่อปูให้ต่อเนื่องกัน สวยงาม ไร้รอยต่อ ช่วยเพิ่มความสวยงาม และเสริมความหรูหราได้อีกด้วย

สำหรับพื้นภายนอกบ้าน สามารถเลือกใช้กระเบื้องทั้งแผ่นเล็กไปจนถึงแผ่นใหญ่ แต่ที่สำคัญควรเลือกกระเบื้องที่แข็งแกร่ง ทนต่อสภาพอากาศ และการสัญจรผ่านเป็นประจำ ควรเป็นกระเบื้องผิวหยาบ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

4.ปูกระเบื้องให้ถูกวิธี

ควรเลือกปูกระเบื้องด้วยกาวซีเมนต์ แทนการปูแบบซาลาเปา เพราะถึงแม้จะดูเป็นวิธีที่ง่าย แต่การปูแบบนี้ จะทำให้ด้านหลังแผ่นกระเบื้องมีช่องว่าง ทำให้ความชื้นเข้าไปสะสม และเกิดปัญหากระเบื้องหลุดล่อนตามมาได้

5.เลือกกาวซีเมนต์และกาวยาแนวให้เหมาะสม

ควรเลือกกาวซีเมนต์และกาวยาแนว ให้เหมาะสมกับชนิดและขนาดกระเบื้อง เพื่อให้การปูกระเบื้องติดแน่น ห่างไกลจากปัญหาหลุดล่อน



กระเบื้องชื้น แก้ไขได้ แก้ง่าย

1.เปิดหน้าต่างให้ลมผ่าน

ในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง วิธีการเปิดหน้าต่าง ควรจะต้องหันไปทางทิศใต้ หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อลดระดับไอน้ำที่จะเข้ามาในห้อง ถ้าเป็นไปได้ ควรเปิดประตู และหน้าต่างทุกบาน ในตอนเที่ยงหรือวันที่มีแดดจัด เพื่อให้อากาศในห้องไหลเวียนดี ช่วยระเหยความชื้นบนกระเบื้อง

2.วางพรมบนพื้น

การวางพรมหน้าประตู หรือทางเข้าบ้าน พรมจะช่วยดูดซับความชื้นของน้ำที่เกาะมากับรองเท้า อย่าลืมเช็ดรองเท้าให้แห้งก่อนเข้าบ้าน หรือเปลี่ยนไปใส่สลิปเปอร์แทน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีไอน้ำจากภายนอกเข้ามาบริเวณภายในบ้าน และทำให้กระเบื้องเปียก

3.วางกระถางต้นไม้ในห้อง

หลาย ๆ บ้าน อาจชอบที่จะนำกระถางต้นไม้ ไม้ประดับ มาตกแต่งตามห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน นอกจากจะเพิ่มความสดชื่นให้ตัวบ้านแล้ว พืชเหล่านี้ ยังสามารถดูดซับไอน้ำจากกระเบื้องได้อีกด้วย โดยเฉพาะวันที่มีฝนตก ความชื้นในห้องจะสูง กระเบื้องก็อาจโดนความชื้นเล่นงานเข้าได้ ถ้าในห้องมีกระถางต้นไม้ พืชจะดูดซับความชื้นภายในห้อง โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องรดน้ำต้นไม้วันฝนตกเลย

4.หมั่นทำความสะอาดบ่อย ๆ

พื้นและผนังห้องน้ำ ส่วนมากจะปูด้วยกระเบื้องทั้งหมด และกระเบื้องจะอยู่กับความชื้นนั้น ตลอดเวลา จึงทำให้มีโอกาสที่จะเกิดเชื้อราได้ เพื่อให้พื้นและผนังสะอาด คุณต้องหมั่นทำความสะอาดพื้นผิวของกระเบื้องอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงทำความสะอาดช่องว่างระหว่างกระเบื้อง ร่องยาแนวด้วยการขัดด้วยแปรง เพื่อป้องกันโรคราน้ำ ค้างอยู่บริเวณร่องยาแนว

หากคุณลองทำตามวิธีที่เราแนะนำมาทั้งหมด แล้วปัญหาความชื้นบนกระเบื้องยังไม่หายกวนใจเสียที คุณอา0จะต้องไปย้อนดูว่าฐานคอนกรีตใต้ตัวบ้าน ได้มีการลงน้ำยากันความชื้นไว้หรือไม่ อาจจะสอบถามจากผู้รับเหมาสร้างบ้าน เมื่อเจอสาเหตุนี้ แล้วคุณก็จะแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น



รวมทริค กระเบื้องขาวไร้คราบ ด้วยของที่มีอยู่ใกล้ตัว

1.มะนาว

สำหรับบ้านไหนมีคราบสนิมมากวนใจ ลองใช้วิธีนี้มากำจัดคราบสนิมบนพื้นง่าย ๆ อย่าง “มะนาว” บอกได้เลยว่าวิธีนี้ง่ายมาก ๆ เพียงแค่บีบมะนาวให้ทั่วรอยคราบ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วนำแปรงสีฟันเก่า ๆ มาขัดถู โดยขั้นตอนนี้อาจจะต้องออกแรง และใช้เวลาสักหน่อย แต่รับรองได้เลยว่าจะไม่มีคราบหลงเหลืออยู่อีก

2.ยาสีฟัน

เพียงแค่ป้ายยาสีฟันลงบนรอยคราบ แล้วนำแปรงสีฟันมาถูเหมือนตอนแปรงฟัน จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่า เพียงเท่านี้ก็จะได้พื้นที่สะอาดไร้คราบสกปรก

3.สารฟอกขาว

นอกจากจะช่วยให้ผ้าขาวสะอาดแล้ว ยังนำมาใช้กับการทำความสะอาดพื้นกระเบื้องได้อีกด้วย โดยขั้นแรก ให้โรยสารฟอกขาวลงไปให้ทั่วรอยคราบ ไม่จำเป็นต้องใช้ปริมาณเยอะมาก แต่รอให้สารฟอกขาวเซตตัว ประมาณ 15 นาที จากนั้นก็ฉีดน้ำลงไปนิดหน่อย แล้วก็ขัดจนพื้นกระเบื้องสะอาด

4.มะเขือเทศกับเกลือหิน

มะเขือเทศที่เราชอบกิน ก็สามารถใช้ทำความสะอาดคราบสนิมบนกระเบื้องได้ โดยให้เราผ่ามะเขือเทศออกเป็นครึ่งซีก จากนั้นก็นำไปถูบนคราบ พร้อมบีบให้น้ำจากมะเขือเทศกระจายตัวอยู่บนคราบ เสร็จแล้วก็นำเกลือหินมาโรยบนน้ำมะเขือเทศอีกที แล้วจึงใช้แปรงสีฟันขัดคราบออกแบบวนเป็นวงกลมจนคราบหายไป

5.น้ำส้มสายชู

เป็นที่รู้กันดีว่า น้ำส้มสายชู ช่วยทำความสะอาด และกำจัดคราบต่าง ๆ ได้เพียบ ซึ่งแน่นอนว่าคราบสกปรกบนพื้นก็เช่นกัน โดยขั้นตอนก็ง่าย ๆ เพียงแค่ฉีดน้ำส้มสายชูลงไปบนรอยคราบ แล้วออกแรงขัดนิดหน่อย จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่น เท่านี้คราบสกปรกต่าง ๆ ก็จะไม่หลงเหลืออยู่บนพื้นของเราแล้ว