วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ช่างซ่อมบำรุง
การมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จลุล่วงภายในระยะเวลาที่ได้ตกลงกับผู้ว่าจ้าง อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าการมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับนั้นเป็นสิ่งสำคัญและยังเป็นตัวชี้วัดคุณภาพในการทำงานของบุคคลนั้น ๆ ทำให้เห็นว่าบุคคลนั้น ๆ มีความใส่ใจต่องานมากน้อยเพียงใด ในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้
ความซื่อสัตย์เป็นอีกสิ่งที่สำคัญเช่นกัน การที่เรามีความซื่อสัตย์ไม่ว่ากับเพื่อนร่วมงานหรือผู้ว่าจ้างจะทำให้ตัวเรานั้นมีความน่าเชื่อถือ แต่ไม่ได้มีแค่สองสิ่งนี้ที่เป็นคุณสมบัติของช่างซ่อมบำรุง ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ความรู้ความสามารถในงานซ่อมบำรุงและมีความรอบรู้ในเชิงช่างทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ช่างซ่อมบำรุงจะต้องมีความรู้ในเรื่องเครื่องจักร เครื่องมือ วัสดุและอุปกรณ์ และยังต้องมีความกล้าที่จะตัดสินใจ มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ประสบผลสำเร็จก็เป็นคุณสมบัติที่ดีของช่างซ่อมบำรุงเช่นกัน
- ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ควรเรียกช่างซ่อมบำรุงผู้ชำนาญการมาทำจะปลอดภัยกว่า เพราะเราทำเองบางครั้งอาจเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิต และสูญเสียทรัพย์สินได้
- บางครั้งปัญหาเล็กๆ อย่างหลอดไฟที่เคยสว่างอยู่ดีๆ เกิดกะพริบๆ มีเสียงดังขณะเปิด หรือกว่าจะสว่างก็ใช้เวลานาน หนักสุดคือ ดับไปเลย อาการเหล่านี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเป็นที่บัลลาสต์เสีย แกนหลวม หลอดไฟขาด หรือเสื่อมสภาพ หลอดไฟก็มีหลายแบบทั้งหลอดเกลียว แบบขาสปริง เราควรตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะนำมาใช้แล้ว ในกรณีที่หลอดไฟนั้นอยู่สูง ควรจะใช้บันไดไม่ควรใช้เก้าอี้ เพราะการใช้เก้าอาจทำให้เกิดอันตรายได้
- การเปลี่ยนก๊อกน้ำ การยิงซิลิโคน การเจาะผนัง การทะลวงท่อน้ำนั้นต้องใช้เครื่องมือมากมายในการแก้ปัญหา
- ส่วนของช่องสำหรับการซ่อมบำรุงอาจเป็นสิ่งที่ถูกละเลยมากที่สุดในบ้าน โดยเฉพาะระบบสายไฟบนเพดานที่มีฝ้าปิดทึบทั้งหมด หากบ้านที่คุณอยู่ไม่มีช่องเปิดฝ้า แล้วมีหนูหาทางขึ้นฝ้าไปกัดสายไฟจนขาด ก็จะเป็นเรื่องลำบากมากในการแก้ไขสายไฟให้กลับมาเป็นปกติ ดังนั้น บ้านทุกหลังจำเป็นต้องมีช่องสำหรับซ่อมบำรุงสายไฟบนฝ้าเผื่อไว้ด้วย โดยเฉพาะชั้นล่างหรือชั้นที่ไม่ได้ติดหลังคา ส่วนชั้นที่ติดหลังคาจะมีช่องปีนขึ้นฝ้าอยู่ ถ้าไม่มั่นใจเราก็สามารถเรียกช่างซ่อมบำรุงมาตรวจดูได้
- ช่างทาสี การทาสีนั้นอาจจะดูเหมือนง่ายแต่ก็ไม่ง่ายไปซะทีเดียว การทาสีผนังบ้านใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จกับการทาสีผนังบ้านเก่านั้นมีการเตรียมพื้นผิวในการทาสีและมีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทาสีที่ต่างกัน ดังนั้นจึงจำเป็นในการที่เราจะให้ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทาสีเพื่อความสวยงามของบ้านที่เรารักและจะอาศัยอยู่ไปอีกนาน
- ช่างปูกระเบื้อง การใช้บริการช่างจากช่างปูกระเบื้องที่มีความชำนาญนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพื่อที่เราจะได้รับงานที่มีคุณภาพ มีความละเอียดอ่อนและมีความสวยงาม
- ช่างฝ้าเพดาน เพื่อป้องกัน ในแสงแดดที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวของเราและ เพื่อเก็บโครงสร้างใต้หลังคาให้บ้านดูสวยงาม โดยฝ้าเพดานนั้นก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท มีความสวยงามเหมาะกับการแต่งบ้านแต่ละแบบต่างกันออกไป
- คนดูแลสวน การดูแลสวนเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนและความใส่ใจเป็นอย่างมาก การทำสวนไม่ใช่การทำแค่เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องให้สวนนั้นสามารถอยู่ได้อย่างยาวนาน
- ช่างดูแลสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำของเราจะสะอาดได้นั้น ต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เราอาจจะคิดว่าเราสามารถที่จะดูสระว่ายน้ำด้วยตัวเองได้ แต่ในความเป็นจริงมีรายละเอียดปลีกย่อยในการดูแลและบำรุงรักษาสระว่ายน้ำอีกมากพอสมควรที่เราอาจจะยังไม่รู้ ดังนั้นการเรียงช่างที่เป็นดูแลสระว่ายน้ำนั้นจะช่วยให้เราสะดวกในการดูแลมากกว่าเดิม เพราะสระว่ายน้ำเป็นสิ่งก่อสร้างที่ถาวรเหมือนกับบ้านและตึกที่เราอาศัย การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก
4 ขั้นตอน ซ่อมที่นอนส่งเสียงดังรบกวนทำตามง่าย ๆ
ขั้นตอนที่ 1
ขั้นตอนแรกเราจะต้องหาที่มาของเสียงจากเตียงนอนของเรานั้นว่ามาจากที่ไหน มันอาจจะมาจากตัวที่นอน ฐานเตียงนอน หรือขอบเตียงนอน วิธีการที่จะรู้ให้แน่ชัดที่สุดคือต้องแยกชิ้นส่วนออกมาเป็นชิ้น ๆ และลองทดสอบทีละชิ้น ถ้าหากห้องนอนของเพื่อน ๆ ค่อนข้างเล็กเกินไปที่จะแยกชิ้นส่วนเตียงนอนออกมาทั้งหมดได้ ก็ให้แยกมาทีละชิ้นก็พอ
ขั้นตอนที่ 2
โดยปกติแล้วที่นอนจะไม่ส่งเสียงดังออกมาเวลานอนหรือขยับตัว อย่างไรก็ตามหากที่นอนสปริง หรือที่นอนไฮบริดที่มีสปริงไม่ได้รับการดูแลที่ดี มีการวางของหนัก กระโดด ยืนบนที่นอน หรือมีอายุนานมาก ๆ ก็อาจมีปัญหาเรื่องของสปริงภายในที่ล้ม หรือเสื่อมสภาพ นำมาสู่การส่งเสียงดังได้เช่นเดียวกัน วิธีการคือให้เอาที่นอนแยกออกมาจากเตียงนอนและฐาน ลองนั่ง นอน กลิ้งไปกลิ้งมา กดส่วนต่าง ๆ บนที่นอนดูว่าเกิดเสียงหรือไม่ ถ้าหากเกิดเสียงดังขึ้น งานนี้ก็เป็นปัญหาจากที่นอนแล้วล่ะ ก็ต้องมานั่งเช็คประกันก่อนว่ายังมีอายุคุ้มครองอยู่ไหม ถ้ามีก็ลองสอบถามไปดู แต่ถ้าไม่งานนี้ก็คงต้องซื้อที่นอนใหม่เท่านั้น เพราะค่าซ่อมรับรองว่าไม่คุ้มค่าแน่นอน
ขั้นตอนที่ 3
หากตรวจสอบที่นอน แล้วไม่พบว่ามีปัญหาอะไร ลำดับต่อมาที่ต้องตรวจสอบก็คือฐานรองที่นอน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่มักจะเป็นต้นตอของปัญหาเสียงดังในเตียงนอน วิธีการตรวจสอบก็คล้าย ๆ กับที่นอน แยกออกมาแล้วลองนั่ง นอน กลิ้งไปกลิ้งมา ลองกดส่วนต่าง ๆ ดูว่ามีเสียงไหม ถ้ามีก็ถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว
ขั้นตอนที่ 4
เมื่อตรวจสอบที่นอน และฐานรองที่นอนแล้ว เรายังคงแนะนำให้ทดสอบส่วนอื่น ๆ ของเตียงนอนด้วย ไม่ว่าจะเป็นหัวเตียงมุมต่าง ๆ โดยเฉพาะขาเตียง เป็นอีกหนึ่งจุดที่มักจะมีปัญหาส่งเสียงดังเป็นประจำ หากพบว่ามีส่วนใดหลุดออกมา เพื่อน ๆ ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่มีสว่าน และตะปู นอกจากนั้นแล้วหากคุณพบว่ามีส่วนบางส่วนในเตียงนอนที่เสียดสีกับส่วนข้าง ๆ เป็นประจำ ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสารหล่อลื่นเข้าไปในจุดเหล่านั้น
5 ทริค จัดห้องนอน ให้ดูเรียบร้อย น่าอยู่
ห้องนอนมักเป็นห้องที่รกที่สุดในบ้าน นั่นเป็นเพราะห้องนอนคือห้องที่เรามักจะเอาสิ่งของที่ไม่มีที่เก็บมาสุมไว้รวมกัน ซึ่งทำให้ห้องดูรก แต่ไม่ต้องกลัว วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการแก้ปัญหาความรกและวิธีเก็บห้องนอน โดยเพียงแค่ใช้เวลาไม่นาน ห้องของคุณก็จะสะอาดเป็นระเบียบขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ทั้งนี้ คุณต้องมีการวางแผนที่ดีอย่ารอช้า ยิ่งคุณลงมือเร็วเท่าไหร่ คุณก็จะได้ห้องที่น่าอยู่กลับคืนมาเร็วขึ้นเท่านั้น
1. ดูว่าคุณต้องรับมือกับอะไรบ้าง
ก่อนอื่น เขียนรายการที่เก็บของทั้งหมดในห้อง (จากซ้ายไปขวา หรือจากมุมในสุดห้องมาถึงประตู ตามที่คุณสะดวก) ซึ่งอาจจะได้แก่ ตู้เสื้อผ้า ตู้ลิ้นชัก ใต้เตียง ชั้นหนังสือ กล่อง หรือตะกร้าใส่ของขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้อง
2. นำทุกสิ่งออกมากองรวมกัน
เอาของทุกชิ้นที่อยู่ในตู้หรือชั้นเก็บของทั้งหมดออกมา ไม่ว่าจะในตู้เสื้อผ้าหรือลิ้นชัก แล้วนำมากองรวมกันไว้ที่กลางห้อง
3. คัดแยกสิ่งของในห้องตามแต่ละประเภท
การคัดแยกสิ่งของนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณจะนำไปจัดเก็บไว้ในที่ใด เราแนะนำให้แยกตามประเภท เมื่อคัดแยกเรียบร้อยแล้ว คุณก็จะเริ่มมองเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าสิ่งของที่คุณมีนี้จะต้องใช้พื้นที่ในห้องนอนของคุณเท่าใด และรู้ว่าควรจะนำไปเก็บไว้ตรงไหนบ้าง
วิธีเก็บห้องขั้นต่อไปก็คือการนำสิ่งของที่คุณแน่ใจว่าไม่มีที่พอจะใส่ไว้ในห้องมากองแยกไว้ จากนั้นคัดแยกสิ่งที่คุณจะต้องเอาออกจากห้องนอน เรารู้ว่าการทิ้งของสะสมแสนรักสมัยวัยรุ่นนั้นเป็นเรื่องอาจจะตัดใจอยากอยู่สักหน่อย แต่ท้ายที่สุดแล้ว นั่นคือสิ่งที่คุณควรทำ ถ้าคุณไม่อยากทิ้งของเหล่านั้นไปโดยเปล่าประโยชน์ อาจจะนำสิ่งของเหล่านั้นไปบริจาคหรือขายต่อ
4. กำหนดสิ่งของแต่ละกองสำหรับชั้นหรือกล่องสำหรับจัดเก็บแต่ละจุด
ชั้นหนังสือควรใช้เก็บหนังสือ ตู้เสื้อผ้าควรใช้สำหรับใส่เสื้อผ้า และอื่น ๆ ตามความเหมาะสม
5. จัดเก็บสิ่งของตามที่วางแผนไว้
เมื่อจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว รับรองได้ว่าห้องของคุณจะสะอาดเอี่ยม ดูเป็นระเบียบและกว้างขวางขึ้นมาทันตา จนคุณแทบจะจำไม่ได้เลย
How to จัดตู้เสื้อผ้า แยกสีตามประเภท
ต้องบอกก่อนเลยว่า คำแนะนำเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เราต้องการนำมาบอกต่อสำหรับคนที่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ในการที่จะจัดตู้เสื้อผ้าครั้งใหม่ ไปดูกันเลย
คำแนะนำในการจัดตู้เสื้อผ้านั้น ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : นำเสื้อผ้าทั้งหมดออกมารวมกัน
ให้เก็บรวบรวมเสื้อผ้าทั้งหมดมากองรวมกัน ในห้องโล่งสักห้องในบ้าน แล้วแยกเสื้อผ้าเป็นกอง ๆ โดยแบ่งจากวาระการใช้สอย คือ เสื้อที่นาน ๆ ใช้ที เช่น เสื้อผ้าสำหรับตะลุยเมืองหนาว ชุดออกงานหรู หรือชุดที่ใส่ในฤดูร้อนบนชายหาด
ขั้นตอนที่ 2 : แยกกลุ่มเสื้อผ้าเป็นหมวดหมู่
ค่อย ๆ จัดการแยกกลุ่มเสื้อผ้าที่ใส่ประจำ เสื้อเชิ้ต กระโปรง เสื้อคอกลม คอปาด กางเกง สูท ฯลฯ แขวนใส่ไม้แขวนให้เรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 3 : เครื่องประดับ เครื่องตกแต่งเสื้อผ้า
เข็มขัด ผ้าผูกเอว ผ้าพันคอผืนเล็ก หรือที่เป็นผ้าต่าง ๆ มีสองตัวเลือกคือ แขวนไว้กับชุดนั้นเลย หรือเก็บไว้ในกล่องรวมกัน เป็นกล่องใส่ของพวกนี้โดยเฉพาะ จะทำให้หาง่าย และเก็บง่ายมากขึ้น
ขั้นตอนที่ 4 : การแขวนเสื้อผ้า
การนำเสื้อขึ้นไม้แขวน ควรระวังเรื่องเนื้อผ้า ผ้าชนิดที่ผสมเส้นใยที่ให้ความยืดตัว เวลานำขึ้นไม้แขวนเสื้ออาจเป็นรอยปูดโปน ควรหาไม้แขวนแบบพิเศษ (บุนวม หรือช่วงบ่าโค้งลาด) อย่าใช้แต่ไม้แขวนแบบเป็นโครงเหล็กดัด เพราะไม้แขวนแบบนั้นเหมาะสำหรับเสื้อเนื้อบางเท่านั้น
ขั้นตอนที่ 5 : การแยกสีสันเสื้อผ้า
การแขวนเสื้อแบบแยกสีเสื้อ จะดีมากสำหรับการแต่งกายแบบผสมผสาน
ขั้นตอนที่ 6 : พับเสื้อผ้า
บางคนชอบแขวนให้เห็นทั้งหมด แต่สำหรับคนที่มีพื้นที่น้อย เสื้อผ้าที่พับได้ เสื้อยืด ชุดอยู่บ้าน ชุดชั้นใน กรณีพวกชุดชั้นใน ถุงน่อง ถุงเท้า ให้แยกไว้อย่างเป็นระเบียบในลิ้นชัก จะทำให้ประหยัดพื้นที่มากกว่า
ขั้นตอนที่ 7 : ชุดชั้นในบางประเภท
ถ้าเป็นชั้นในที่นาน ๆ ใส่ที เช่น กางเกงในสเตย์แบบรัดรูป สำหรับสวมกับชุดราตรี ให้ใส่ถุงซิปล็อกก่อนจัดไว้ในลิ้นชัก เวลาใช้จะได้หาง่าย
สุดท้ายแล้ว หมั่นคอยเช็คตู้เสื้อผ้าเป็นระยะ ไม้แขวนไหนที่ไม่ดีก็ทิ้งไป เสื้อผ้าที่เก่าแล้วก็นำไปทำประโยชน์อย่างอื่น ดีกว่าเก็บเก่าอยู่ในตู้ สาว ๆ บางคนถือคติ ทิ้งของเก่า เพื่อซื้อของใหม่ แบบนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิด
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง