วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ติวเตอร์วิทยาศาสตร์
วิธีการเตรียมตัวก่อนสอบเข้าเรียนสายวิทย์นั้นมีอะไรบ้าง?
1. มีความมุ่งมั่นและวินัยในการจัดการเวลาทบทวนบทเรียน การสอบเข้าเรียนสายวิทย์นั้นจำเป็นต้องอ่านหนังสือเยอะมาก โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เป็นต้น น้อง ๆ นักเรียนควรแบ่งเวลาเพื่อทบทวนบทเรียนอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงต่อวัน โดยสามารถจัดตารางเวลาพักให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน
2. เน้นทบทวนวิชาที่เราถนัดน้อยที่สุดก่อน เมื่อเราหมั่นฝึกฝนและพัฒนาระดับความรู้ในวิชานั้นบ่อย ๆ ทำให้วิชานั้นไม่ได้ยากสำหรับเราอีกต่อไป
3. จดจำและทำสรุปเนื้อหาย่อไว้เพื่อทำให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น เวลาที่เราทบทวนอ่านบทเรียน หากเจอเนื้อหาส่วนไหนที่คิดว่ามีความสำคัญ ไฮไลต์เน้นเนื้อหาตรงนั้นและจดสรุปย่อ เพราะเคล็ดลับเหล่านี้จะทำให้น้อง ๆ จดจำเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว
4. การทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ เป็นที่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับใครที่ต้องการเข้าเรียนในสายนี้ เพราะวิชาในสายวิทย์นั้นไม่ได้อาศัยการท่องจำเพียงอย่างเดียว แต่ต้องหมั่นฝึกฝนทำแบบฝึกหัด แก้โจทย์อยู่บ่อย ๆ เพื่อให้เกิดความเคยชินในรูปแบบคำถาม
5. เรียนพิเศษเพิ่มเติม เป็นอีกวิธีที่แนะนำสำหรับน้อง ๆ ทุกคน เพราะบางครั้งการเรียนในห้องเรียนอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เข้าใจเนื้อหาทั้งหมดได้ ลองหาสถานที่เรียนพิเศษ หรือจ้างติวเตอร์สอนแบบตัวต่อตัวที่บ้านเพื่อเรียนรู้เทคนิคเพิ่มเติมที่ไม่มีสอนในห้องเรียนดูสิ การเลือกแผนการเรียนนั้นนับว่าเป็นอีกการตัดสินใจหนึ่งที่สำคัญในชีวิตมาก เพราะแผนการเรียนในระดับชั้นมัธยมปลายตลอดระยะเวลาสามปีเปรียบเสมือนใบเบิกทางสู่การเลือกเรียนคณะสาขาของมหาวิทยาลัยที่เราใฝ่ฝันในอนาคต
1. ระดับชั้นอนุบาล โดยปกติการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กในวัยนี้ต้องอาศัยการเรียนรู้จากการสังเกตธรรมชาติและสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว เมื่อเด็กได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ จะเกิดการตั้งคำถามและเป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กได้เริ่มคิด และวิเคราะห์เกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มทักษะในการคิดและวิเคราะห์ให้กับเด็กได้ดีเลยทีเดียว
2. ระดับชั้นประถมศึกษา หลักสูตรการเรียนการสอนทั่วไปในระดับชั้นประถมนั้นจะมีวิชาวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว ซึ่งเด็กในวัยนี้จะเริ่มเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยการทดลองบางสิ่งบางอย่าง ทำให้เด็กมีความสนใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะต่าง ๆ การเรียนพิเศษโดยครูสอนส่วนตัวนั้นจะยิ่งช่วยให้เด็กได้รับการเรียนรู้เพิ่มเติมที่อาจไม่ได้มีอยู่ในตำราเรียนด้วยเช่นกัน
3. ระดับชั้นมัธยมศึกษา วิชาวิทยาศาสตร์ในหลักสูตรการเรียนการสอนของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมจะเน้นเนื้อหาเชิงลึกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคิดวิเคราะห์ การทำความเข้าใจสูตรต่าง ๆ เกี่ยวกับเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา เป็นต้น เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกเรียนคณะสาขาที่ต้องการในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป
4. ระดับมหาวิทยาลัย การเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมในระดับมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนแบบกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับทฤษฎีและการปฏิบัติ เพื่อช่วยเพิ่มทักษะในการเรียนวิทยาศาสตร์ในแขนงต่าง ๆ ที่หลากหลายยิ่งขึ้นในระดับมหาวิทยาลัย และสามารถเป็นใบเบิกทางสำหรับอาชีพในอนาคต
1. วิชาฟิสิกส์ เป็นวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต สสาร พลังงาน และการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ รวมไปถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยศึกษาค้นคว้าจากการทดลอง สังเกต และจดบันทึกรวบรวมข้อมูลเพื่อมาทำการวิเคราะห์สรุปผล นอกจากนี้ความรู้ทางด้านฟิสิกส์ยังสามารถนำไปเป็นความรู้พื้นฐานในการนำไปใช้กับเทคโนโลยีเพื่อทำการผลิตสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล ยานพาหนะ จะเห็นได้ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ล้วนใช้หลักในการผลิตมาจากความรู้ทางฟิสิกส์ทั้งสิ้น
2. วิชาเคมี เหตุผลสำคัญที่ต้องเรียนวิชาเคมีเนื่องจากวิชาเคมีเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์พื้นฐานที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งเป็นผลจากการค้นพบและการประยุกต์ใช้กฎต่างๆ ทางเคมี การศึกษาวิชาเคมีประกอบด้วยกระบวนการ 3 ขั้นตอน คือ
- การสังเกต (Observation)
- การแสดงผล (Representation)
- การแปลความหมายข้อมูล (Interpretation)
เราจึงจำเป็นต้องศึกษาเคมีเพื่อจะได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในวิชาชีพ และในการดำรงชีวิตประจำวัน
3. วิชาชีววิทยา เป็นการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเชิงวิทยาศาสตร์ โดยการอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการศึกษา ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับชีววิทยาเพื่อเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง