ติว PAT

ติว PAT

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ธีรกานต์ อาจสอน
ธีรกานต์ อาจสอน
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

เป็นติวเตอร์ที่รับผิดชอบ ตรงต่อเวลา สอนสนุกค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

รีวิวล่าสุด

ดูตัวเลือกและรายละเอียดเงื่อนไขต่าง ๆ แล้วถือว่าไม่แพงเลยค่ะ แถมได้ติวเตอร์ฝีมือคุณภาพเหมาะสมกับราคาเลย
Saijai
อรทัย ใจงาม
3 ปีที่แล้ว
ลงคอร์สติวแพทญี่ปุ่นกับติวเตอร์ ขั้นตอนและวิธีการจองง่ายและรวดเร็วมากเลยค่ะ
Saijai
สุชาดา จงใจรัก
3 ปีที่แล้ว
หลังจากติวไปสักพัก ผมรู้สึกมีความมั่นใจในการทำโจทย์มากขึ้น ตัวของพี่ติวเตอร์นอกจากจะหาโจทย์มาให้ทดลองทำแล้วยังคอยอธิบายเหตุผลและสาเหตุที่ผมตอบผิดหรือจุดที่ผมพลาดไปให้ด้วยครับ
Saijai
ศิวกร อุดมภักดี
3 ปีที่แล้ว
จ้างติวเตอร์ส่วนตัวอาจจะราคาสูงกว่าเรียนเป็นกลุ่มใหญ่ แต่คุณพ่อคุณแม่ผมยอมลงทุนเพื่อแลกกับความสำเร็จของผม ตอนนี้ผมสอบติดแล้ว ใครต้องการที่จะเรียนติวก่อนสอบ ผมแนะนำเลย รับรองเลยว่าคุณจะไม่ผิดหวัง
Saijai
วรากรณ์ เรืองแก้ว
4 ปีที่แล้ว
ติวเตอร์ทำให้หนูเข้าใจในเนื้อหาที่ยาก ๆ ได้ แถมมีวิธีคิดแบบลัด ๆ หนูชอบมาก ทำให้หนูรู้สึกว่าเรียนง่ายขึ้น หนูต้องสอบเข้าคณะที่อยากเรียนให้ได้ค่ะ
Saijai
กรณ์ภัชรมล ตระการ
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ติว PAT

PAT คืออะไร สำคัญต่อเด็กไทยหรือไม่
PAT คืออะไร

PAT เป็นการทดสอบวิชาความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (Professional and Academic Aptitude Test) คือ การวัดความรู้ที่เป็นพื้นฐาน กับศักยภาพที่จะเรียนในวิชาชีพนั้น ๆ ให้ประสบความสำเร็จมี 7 วิชา คือ
PAT 1 คือ ความถนัดทางคณิตศาสตร์
PAT 2 คือ ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
PAT 3 คือ ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
PAT 4 คือ ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT 5 คือ ความถนัดทางวิชาชีพครู
PAT 6 คือ ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
PAT 7 คือ ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ ประกอบด้วย
PAT 7.1 ความถนัดทางภาษาฝรั่งเศส
PAT 7.2 ความถนัดทางภาษาเยอรมัน
PAT 7.3 ความถนัดทางภาษาญี่ปุ่น
PAT 7.4 ความถนัดทางภาษาจีน
PAT 7.5 ความถนัดทางภาษาอาหรับ
PAT 7.6 ความถนัดทางภาษาบาลี

PAT เป็นการสอบเพื่อประเมินว่านักเรียนคนหนึ่งมีแววเข้าสู่เส้นทางอาชีพในคณะที่เลือกหรือไม่ ข้อสอบในส่วนนี้แต่ละคณะสามารถเลือกได้ว่าจะใช้วิชาไหนในการยื่นคะแนนบ้าง แบ่งออกย่อยๆ เป็นข้อสอบทั้งหมด 7 วิชาครับ แต่ละวิชามีคะแนนเต็ม 300 คะแนน ใช้เวลาในการสอบ 3 ชั่วโมงเต็ม ทั้งหมดเป็นข้อสอบที่ยากที่สุดในระบบแอดมิชชั่น เช่น ข้อสอบ PAT ที่2 ซึ่งรวมเอาสามวิชาคือ ฟิสิกส์ เคมี และชีวะ รวมเข้าในวิชาวิทยาศาสตร์วิชาเดียว สอบ 3 ชั่วโมง ที่เราเรียนกันในโรงเรียนแยกเป็นสามวิชา แต่ละวิชาหน่วยกิตหนักๆ ทั้งนั้น แต่ตอนสอบเอามารวมกันเป็นวิชาเดียว ข้อสอบ PAT ถือเป็นข้อสอบที่ยาก ถ้าใครคิดว่าอ่านหนังสือแล้วจะไปสอบได้ต้องคิดใหม่แล้ว สมมุติว่ามีเวลา 4 เดือนในการเตรียมตัวสอบ PAT ลองแบ่งเวลา 1 เดือนแรกในการให้ติวเตอร์ ติวทบทวนเนื้อหาให้หมด และให้ความสำคัญกับ 3 เดือนที่เหลือในการเน้นทำข้อสอบ PAT ปีเก่าๆ ให้หมด ทำหลายๆ รอบจนกว่าจะเห็นข้อสอบปุ๊บบอกได้ปั๊บเลยว่าข้อนี้ใช้เนื้อหาอะไรบ้าง ต้องคิดอย่างไร สับขาหลอกตรงไหน ซึ่งตรงนี้แหละที่ติวเตอร์มีส่วนช่วยเพราะถ้าเราลองทำเองแล้วทำไม่ได้เอามาก ๆ เกิดความท้อไม่อยากไปต่อ แต่หากมีคนคอยแนะแนวทางให้แก้ข้อสงสัยให้ เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะสามารถทำคะแนน PAT ได้สูงแน่นอน
Pat คืออะไรมีความสำคัญอย่างไรต่อนักเรียนที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย
ตั้งแต่ปี 2561 ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ได้ออกแบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย (ทปอ.) ที่เรียกว่าTCAS หรือ Thai University Center Admission System เป็นระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย และ 4 ใน 5 ขั้นตอนในการรับนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย ต้องใช้คะแนน PAT ร่วมด้วย ซึ่ง PAT หรือชื่อเต็มว่า (Professional and Academic Aptitude Test) เป็นการทดสอบความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ คือ วัดความรู้พื้นฐานกับศักยภาพที่จะเรียนวิชาชีพนั้น ๆ โดยมีทั้งหมด 7 วิชา คือ
PAT1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
PAT2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
PAT3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
PAT4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
PAT6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
PAT7 ความถนัดทางภาษา
คะแนน GAT/PAT นำไปยื่น TCAS ในรอบ 2, 3, 4, 5 แล้วแต่มหาวิทยาลัยกำหนด แต่ละรอบให้ความค่าน้ำหนักกับคะแนนไม่เท่ากัน
- รอบ 2 โควต้า (Quota)โครงการส่วนใหญ่เป็นโควตา สอบสัมภาษณ์ หรือสอบวิชาเฉพาะ มีบางโครงการที่ใช้คะแนน GAT/PAT แต่ยังเป็นแค่ส่วนน้อย
- รอบ 3 รับตรงร่วมกัน รอบนี้จะเน้นใช้คะแนน 9 วิชาสามัญ และ GAT/PAT แล้วแต่คณะ/สาขาวิชากำหนด บางที่ใช้ GAT/PAT อย่างเดียว บางที่ใช้ 9 วิชาสามัญ อย่างเดียว บางที่ใช้ทั้งสองอย่าง!
- รอบ 4 แอดมิชชั่น (Admission) GAT/PAT คือหัวใจสำคัญของรอบนี้ ใครไม่มีคะแนน GAT บอกเลยว่า สมัครรอบนี้ไม่ได้ เพราะใช้ GAT ทุกสาขาวิชา! ส่วน PAT ตามคณะ/สาขากำหนด
- รอบ 5 รับตรงอิสระ เป็นรับตรงเก็บตก ทางมหาวิทยาลัยจะกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกเอง แต่ส่วนใหญ่จะใช้เกณฑ์เดียวกับ รอบ 3 และ รอบ 4
ตลอดสามปีที่นักเรียน เรียนในระดับมัธยมปลายความรู้จะถูกนำมาเป็นข้อสอบความถนัด (PAT) เพื่อชี้วัดตัวนักเรียนเองเข้าไปศึกษาในคณะที่ฝันมหาวิทยาลัยที่ชอบ
อยากเข้าคณะที่ต้องการ ควรเลือกสอบ PAT วิชาไหน
น้อง ๆ ที่กำลังจะสอบ GAT/PAT ต้องสอบวิชาไหนให้ตรงกับคณะที่เราใฝ่ฝัน เราจะได้วางแผนเตรียมตัวกันได้อย่างถูกต้องตรงวิชาและไม่พลาด มาดูกันค่ะ

1. วิทยาศาสตร์สุขภาพ ประกอบด้วย คณะสัตวแพทยศาสตร์, คณะเทคนิคการแพทย์, คณะพยาบาลศาสตร์, คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา, คณะทันตแพทยศาสตร์, คณะเภสัชศาสตร์, คณะจิตวิทยา (วิชาที่ต้องสอบ GAT, PAT1, PAT2)
2. วิทยาศาสตร์กายภาพ/ชีวภาพและเทคโนโลยี ประกอบด้วย คณะวิทยาศาสตร์, คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ, คณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, คณะวิทยาศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติ (วิชาที่ต้องสอบ GAT, PAT1, PAT2)
3. วิศวกรรมศาสตร์ (วิชาที่ต้องสอบ GAT, PAT1, PAT2, PAT3)
4. สถาปัตยกรรมศาสตร์ (วิชาที่ต้องสอบ GAT, PAT4)
5. เกษตรศาสตร์ ประกอบด้วย คณะเกษตรศาสตร์, คณะประมง, คณะวนศาสตร์, คณะเทคโนโลยีการเกษตร, คณะอุตสาหกรรมการเกษตร (วิชาที่ต้องสอบ GAT, PAT1, PAT2)
6. บริหาร คณะบริหารธุรกิจ, คณะพาณิชยศาสตร์, คณะการบัญชี, คณะเศรษฐศาสตร์, คณะการท่องเที่ยว โรงแรม การบิน (วิชาที่ต้องสอบ GAT, PAT)
7. ครุศาสตร์ ประกอบด้วย คณะครุศาสตร์, คณะศึกษาศาสตร์ (วิชาที่ต้องสอบ GAT, PAT5)

ข้อสอบ PAT ถือเป็นข้อสอบที่ยาก คนที่จะทำข้อสอบ PAT ได้คะแนนสูงกว่าคนอื่นคือ คนที่ตั้งใจมากและหมั่นทำข้อสอบเก่าๆ เพื่อที่จะได้ทำคะแนน PAT สูง อย่างไรก็ตามแนะนำว่าให้ลองอ่านข้อมูลและศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการสอบ GAT/PAT ในคณะที่ตนเองสนใจอยู่ตลอด เพราะบางคณะอาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล เพื่อจะได้วางแผนเตรียมตัวกันได้อย่างถูกต้องตรงวิชาและไม่พลาดกันนะคะ
ค่าสมัครสอบ PAT เท่าไหร่
ก่อนอื่นน้อง ๆ นักเรียนต้องดูว่าในคณะที่เราเลือกใช้คะแนน PAT อะไร จากทั้งหมด 7 วิชา การวัดจากคณะที่เราเลือก และระเบียบการของคณะในแต่ละมหาวิทยาลัยจะเป็นตัวกำหนดเองว่า ใช้คะแนนอะไรในการพิจารณา ถ้ามีระบุว่าใช้ GAT/PAT ด้วย เราต้องสมัครสอบในวิชา GAT/PAT นั้น ๆ เช่น ถ้าน้อง ๆ ต้องการเข้าคณะ วิทยาศาสตร์ คะแนน GAT/PAT ที่ต้องใช้คือ GAT + PAT1 + PAT2 เท่ากับว่าน้องๆ นักเรียน ต้อง สอบ GAT และ PAT 1 คือ ความถนัดทางคณิตศาสตร์ และ PAT 2 คือ ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ นั่นหมายความว่า ถ้าน้องต้องการคณะนี้ก็สอบ PAT เพียง 2 วิชานี้พอ อีกตัวอย่างหนึ่ง การสอบเข้า คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มี 3 รูปแบบ รูปแบบที่ 1 GAT ,รูปแบบที่ 2 GAT + PAT4 (ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์) และ รูปแบบที่ 3 GAT + PAT1 (ความถนัดทางคณิตศาสตร์) + PAT2 ( ความถนัดทางวิทยาศาสตร์) + PAT4 (ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์) นั้นหมายความว่า แต่ละมหาวิทยาลัย มีแนวการรับที่แตกต่างกัน น้องๆ นักเรียน ต้องศึกษาระเบียบการให้ละเอียดถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด จากตัวอย่างสองคณะที่แสดงให้เห็นจะเห็นได้ว่า น้องๆ นักเรียนไม่ต้องสมัคร PAT ทั้งหมด เพราะเราสอบไปคะแนนที่ได้มาก็ไม่ได้ใช้ แถมเปลืองเงินค่าสมัครอีกด้วย ค่าสมัครสอนนั้นอยู่ที่วิชาละ 140 บาท อีกทั้งเราได้มีเวลาเตรียมตัวในการทำข้อสอบเฉพาะวิชาที่ต้องใช้ ได้อย่างเต็มที่ ส่วนการสมัครสอบ สามารถเข้าไปสมัครในเว็บไซต์ของหน่วยงานที่ดูแลเรื่องข้อสอบและการสอบ คือ สทศ “GAT/PAT ย้ำต้องสมัครที่เว็บไซต์ สทศ.” คือ
หัวข้อที่มีการค้นหามากที่สุด หัวข้อที่มีการค้นหามากที่สุด หัวข้อที่มีการค้นหามากที่สุด