วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา เรียนภาษาต่างประเทศ
1. เรียนกับครูเจ้าของภาษา หรือ Native Speaker ซึ่งเป็นที่นิยมเพราะผู้เรียนจะได้เรียนรู้สำเนียงเจ้าของภาษาด้วย อัตราค่าเรียนกับติวเตอร์เจ้าของภาษาโดยเฉพาะเป็นติวเตอร์ที่มีประสบการณ์และคุณวุฒิด้านการสอนจะมีราคาค่อนข้างสูง ยิ่งเรียนแบบตัวต่อตัว (Private) ที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาภาษาได้อย่างรวดเร็ว ราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 500 บาทขึ้นไปต่อคน ต่อชั่วโมง หากเรียนแบบกลุ่มราคาอาจจะลดลงตามขนาดกลุ่มของผู้เรียนคือยิ่งเรียนกลุ่มใหญ่ราคายิ่งลดลง
2. เรียนกับครู Non-Native Speaker อาจจะเป็นครูชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่มีความรู้ในภาษานั้น ๆ อัตราค่าเรียนในกรณีที่เรียนแบบตัวต่อตัวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 450 บาทขึ้นไปต่อคน ค่าเรียนจะลดลงเมื่อเรียนแบบกลุ่ม
3. การเรียนแบบเรียนตามระดับชั้นรียน เช่น
- ระดับอนุบาล
- ระดับประถม
- ระดับมัธยมต้น
- ระดับมัธยมปลาย
- ระดับมหาวิทยาลัย
- บุคคลทั่วไป
ราคาเริ่มต้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 200 บาทขึ้นไปต่อคน ซึ่งค่าเรียนขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเนื้อหา ยิ่งเรียนในระดับสูงที่มีความซับซ้อนด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ค่าเรียนจะยิ่งสูงขึ้นด้วย
4. รูปแบบและสื่อที่ใช้ในการเรียนการสอน เช่นการเรียนแบบออนไลน์หรือต้องการให้ครูผู้สอนไปสอนที่บ้าน ซึ่งหากให้ผู้สอนไปสอนนอกสถานที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนของค่าเดินทางเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
อยากเก่งภาษาคงไม่สามารถทำได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน ต้องอาศัยความพยายามและการฝึกฝนอย่าง ตราบใดที่มีความพยายามและวิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้อง เชื่อว่าคุณจะประสบความสำเร็จด้านภาษาอย่างแน่นอน
1. สะสมคำศัพท์ ยิ่งเรารู้ศัพท์มากเท่าไร เรายิ่งมาเรียงเป็นประโยคได้มากเท่านั้น ท่องคำศัพท์ เขียนคำศัพท์และคำแปล เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนคำศัพท์มากขึ้นทำให้เราเข้าใจภาษามากขึ้น
2. ใช้เวลากับภาษาที่เราอยากเรียนรู้ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปในระยะเริ่มต้น ใช้เวลาว่างทบทวนคำศัพท์ ลองหาบทความในภาษานั้น ๆ มาอ่าน โดยหาเรื่องที่เราที่เราสนใจจะทำให้เราสนุกไปกับการอ่าน เข้าใจง่ายและจำได้มากขึ้น
3. ฝึกอย่างจริงจังและทบทวน อ่านออกเสียงเพื่อให้ได้ยินเสียงของตัวเอง ฝึกเขียนจะได้ใช้ศัพท์ที่เราท่องจำมา ทำซ้ำบ่อย ๆ เปิดพจนานุกรม (Dictionary) ในภาษานั้นๆเพื่อหาความหมายหากไม่เข้าใจ
4. เรียนเพิ่มเติม การลงทุนเรียนที่สถาบันสอนภาษาหรือเรียนกับครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ ทำให้เราได้มีโอกาสฝึกทักษะและใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องปรับวิธีการใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา
5. หาจุดอ่อน คุณควรหาจุดอ่อนในการเรียนของตัวเองให้เจอ เพื่อที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ อย่างเช่น ถ้าเราเป็นคนไม่กล้าพูด ไม่กล้าสื่อสาร ซึ่งเป็นปัญหาในการพัฒนาทางด้านภาษาเราต้องหาโอกาสสร้างโอกาส ในการพูด อาจเริ่มจากให้ห้องเรียน เพื่อนในชั้นเรียนด้วยกัน
6. หาโอกาสใช้ภาษาบ่อย ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับภาษานั้น ๆ ให้ได้มากที่สุด การพูดคุยกับเจ้าของภาษา หาบทความที่เราสนใจ ฟังเพลง หรือดูหนังเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับสำเนียงเจ้าของภาษา
การได้เรียนรู้ในทุก ๆ ทักษะ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน และทักษะการเขียน หากได้เรียนกับเจ้าของภาษาโดยตรง เจะทำให้มีพื้นฐานทางด้านภาษาที่แข็งแรงกว่า เพราะเราจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำกว่า โดยเฉพาะในเรื่องสำเนียงจากเจ้าของภาษา
แต่หากเราอยู่ในครอบครัวที่ฐานะปานกลางเราจะเก่งภาษาได้หรือไม่? แน่นอนค่ะว่าเราทำได้ เพราะมีตัวอย่างจากคนรอบ ๆ ตัวมากมาย ที่ไปเรียนเมืองนอกหรือทำงานเมืองนอกมาเป็น 10 ปี แต่กลับพูดภาษานั้น ๆ ไม่ได้มากเท่าที่ควร อาจเป็นเพราะอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เป็นคนไทยและสื่อสารด้วยภาษาไทยมากกว่าภาษาต่างประเทศ หรือไปอยู่ต่างประเทศแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อกลับมาเมืองไทย ไม่ได้ฝึกภาษาและไม่ได้ใช้ภาษาต่างประเทศอีก ค่อย ๆ ลืมภาษานั้น ๆ ไป เพราะธรรมชาติของภาษา คือ ต้องหัด ต้องใช้บ่อย ๆ หมั่นบริหารทักษะ
หลักการง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณเก่งภาษาคือ พยายามคลุกคลีอยู่กับภาษานั้น ๆ ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เล่น social network ต่าง ๆ หรือแม้แต่การเรียนกับครูสอนภาษาต่างประเทศในเมืองไทย เพื่อที่เราจะได้ฝึกภาษาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะที่เรียนหรือที่บ้านก็หมั่นฝึกฝนได้ นอกเหนือจากการทำกิจกรรมที่แนะนำไปข้างต้นแล้ว อยากแนะนำว่าอย่าอายที่จะใช้ภาษาต่างประเทศ กล้าพูด กล้าคุยกับคนต่างชาติแค่นี้ก็สามารถพัฒนาภาษาได้โดยไม่ต้องไปเมืองนอกอย่างแน่นอน
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง