เรียนออนไลน์ ใน ยานนาวา, กรุงเทพมหานคร

เรียนออนไลน์ ใน ยานนาวา, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ธัญมัย ทรงอธิกมาศ
ธัญมัย ทรงอธิกมาศ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

การสอน เน้นมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน เน้นคิดวิเคราะห์ เน้นคีย์เวริ์ด และเน้นให้ นร หาหลักจำ หลักเข้าใจของนักเรียนแต่ะละคนเอง

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ค่าจ้างติวเตอร์ไม่แพงเลยค่ะ เลยตัดสินใจเรียนกับติวเตอร์หลายวิชาเลย ไว้จะมาใช้บริการของใส่ใจอีกนะคะ
Saijai
ณัฐฎา พิทักษ์จงจิต
3 ปีที่แล้ว
ยังไม่ค่อยชินกับการปรับตัวมาเรียนแบบออนไลน์เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนติวหรือเรียนของโรงเรียนจะมีปัญหาเรื่องการคิดตามไม่ทันและไม่เข้าใจเนื้อหา แต่การเรียนออนไลน์ของทางใส่ใจผู้สอนพูดอธิบายและชี้แจงเนื้อหาต่าง ๆ ได้ชัดเจนและละเอียดมาก ๆค่ะ ค่าจ้างติวเตอร์ก็ไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับคุณภาพ อยู่ในระดับคุ้มค่าเลยค่ะ
Saijai
สมิทธิ์ วิรินธารา
3 ปีที่แล้ว
เรียนออนไลน์ ๆ ไม่น่าเบื่อเลยครับ ติวเตอร์อารมณ์ดี ตลกด้วย บางครั้งผมไม่เข้าใจในบทเรียนต่าง ๆ ติวเตอร์ก็ช่วยสอนจนผมเข้าใจจริง ๆ ประทับใจมาก ๆ ครับ
Saijai
ชารัฐ หวังดี
4 ปีที่แล้ว
เคยแอบดูลูกสาวตอนเรียน ติวเตอร์สอนเก่งไม่น่าเบื่อจริง ๆ ค่ะ แถมยังคอยทักมาถามตลอดว่าเข้าใจในสิ่งที่เรียนรึเปล่า ถ้าไม่เข้าใจติวเตอร์ก็พร้อมที่จะช่วยสอนเพิ่มเติมให้ค่ะ เยี่ยมมาก ๆ เลย
Saijai
ขวัญอ่อน ศรีสุขใจ
4 ปีที่แล้ว
เว็บของใส่ใจ ใช้งานง่ายครับ แสดงข้อมูลพร้อมราคาทำให้ผมตัดสินใจง่ายขึ้น ที่สำคัญทำจองง่ายมากครับ
Saijai
ฑัฒพร รักษาการ
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา เรียนออนไลน์

เพราะเหตุใดการเรียนออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น ข้อดีของการเลือกเรียนแบบออนไลน์กับครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ส่วนตัว
ในยุคสมัยปัจจุบัน การเรียนออนไลน์ ได้เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนแบบเดิม ด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยี เช่น อินเทอร์เน็ต มือถือ อีเมล เป็นต้น โดยหมดอุปสรรคด้านสถานที่และเวลา อีกทั้งในยุคของสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องมีการเว้นระยะห่าง (Social distancing) ทำให้เราต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบ New Normal เริ่มใช้วิธีการเรียนออนไลน์ ที่บ้านอย่างกว้างขวางมากขึ้น

ข้อดีของการเรียนออนไลน์มีอะไรบ้าง

1. ประหยัดค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าการเรียนออนไลน์ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพราะแค่เรามีอินเทอร์เน็ตก็สามารถนั่งเรียนอยู่ที่บ้านได้
2. การเรียนออนไลน์มีหลักสูตรที่ทันใหม่อยู่เสมอ และยังมีคอร์สเรียนที่หลากหลาย ทำให้ผู้เรียนไม่รู้สึกเบื่อ
3. ผู้เรียนสามารถทบทวนบทเรียนได้ตลอดเวลา เมื่อเรียนจบแล้ว ก็สามารถกลับมาทบทวนได้ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีจำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งต่างจากการลงคอร์สเรียนสด หรือการเรียนผ่าน Video ในห้องเรียน แต่การเรียนออนไลน์ ผู้เรียนสามารถทบทวนกี่ครั้งก็ได้จนกว่าจะเข้าใจ
4. การเดินทางไปเรียนในบางครั้งต้องเจออุปสรรค เช่น รถติด หรือต้องเดินทางไกล แต่หากเรียนออนไลน์ ผู้เรียนไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง ประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพราะสามารถเรียนที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน บนรถ หรือแม้จะไปท่องเที่ยวก็ยังคงเรียนออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
5. บริหารเวลาในการเรียนได้เอง คือ ความสะดวกของการเรียนออนไลน์ ทำให้ผู้เรียนสามารถแบ่งเวลา และจัดตารางเรียนของตัวเองได้เองตามความสะดวก

คุณพ่อคุณแม่มีส่วนช่วยได้อย่างไรเมื่อลูกต้องเรียนพิเศษ หรือเรียนเสริมแบบออนไลน์
การเรียนการสอนแบบออนไลน์คือการเรียนผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยเป็นการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต สมาร์ตโฟน ฯลฯ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการเรียนได้มากยิ่งขึ้น เมื่อลูกของคุณต้องเรียนพิเศษหรือเรียนเสริมแบบออนไลน์ที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่มีส่วนช่วยให้การเรียนออนไลน์ของลูกตนเองเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดคาบเรียนได้ด้วยวิธีที่เราแนะนำมีต่อไปนี้

1. ช่วยจัดเตรียมสถานที่สำหรับการเรียนออนไลน์ที่เหมาะสมให้กับลูกของคุณ และต้องมั่นใจว่าสถานที่นั้นไม่มีสิ่งรบกวนอื่น ๆ ที่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของลูกคุณในระหว่างเรียน เช่น ให้ลูกของคุณเรียนในห้องหรือสถานที่สงบ หลีกเลี่ยงการเรียนหน้าทีวีเพราะทำให้ลูกของคุณไม่มีสมาธิในการเรียนได้
2. พ่อแม่ควรให้ความส่วนตัวแก่ลูก และไม่ควรรบกวนในขณะที่กำลังเรียนออนไลน์อยู่ เพราะจะทำให้เด็กไม่สามารถโฟกัสกับการเรียนออนไลน์ได้อย่างเต็มที่ และจะทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนลดลงในที่สุด
3. ตรวจสอบและจัดเตรียมอุปกรณ์ตัวช่วยต่าง ๆ สำหรับการเรียนออนไลน์ให้พร้อม ก่อนเริ่มเรียน เช่น สัญญาณการเชื่อมต่อของอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคต่าง ๆ ในระหว่างเรียนออนไลน์
4. พ่อแม่ผู้ปกครองควรแนะนำตารางเวลาในการเรียนออนไลน์ที่เหมาะสมให้กับเด็ก โดยมีการแบ่งเวลาเรียนและเวลาพักที่สมดุลกัน เพื่อไม่ให้เด็กเครียดจนเกินไป
5. จัดเตรียมอาหารว่างที่มีประโยชน์ให้กับเด็กในขณะพัก เพื่อเป็นการเติมพลังงานในการเรียนออนไลน์ของเด็ก
6. หมั่นสอบถามเด็กถึงความเข้าใจในบทเรียน และปัญหาต่าง ๆ ระหว่างเรียน คอยให้คำแนะนำต่าง ๆ และควรนำปัญหาเหล่านั้นไปปรึกษากับคุณครูที่สอนพิเศษด้วยเช่นกัน เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนแบบยุคใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ทั้งหมดนี้คือวิธีการง่าย ๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากมีส่วนช่วยให้การเรียนพิเศษแบบออนไลน์ของลูกเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
ช่วงเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมกับการเรียนพิเศษออนไลน์ควรเป็นอย่างไร
น้อง ๆ นักเรียน ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการเรียนพิเศษออนไลน์เราสามารถเลือกเวลาเรียนตามที่เราต้องการ แต่คงจะดีกว่าถ้าเรารู้ช่วงเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมกับการเรียนพิเศษออนไลน์ที่สุด และบรรยากาศควรเป็นอย่างไร การเรียนพิเศษแบบออนไลน์เพื่อให้ได้ผลดีน้อง ๆ นักเรียนควรเลือกเรียนในช่วง “เวลาเช้า” เพราะเป็นช่วงที่สมองของเราปลอดโปร่ง หลังจากการพักผ่อนในช่วงกลางคืนอย่างเต็มที่ สมองได้พักผ่อนและจัดระเบียบความจำในขณะที่เรานอนหลับ ซึ่งในช่วงเช้าสมองของเราพร้อมสำหรับการใช้งาน เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยเพื่อคลายความง่วงและงัวเงีย เริ่มตั้งแต่เวลาเข้านอน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ น้อง ๆ นักเรียนควรเข้านอนก่อนสี่ทุ่ม และมีเวลาตื่นนอนที่แน่นอน เช่นตื่นนอนตอนตี 5 เป็นประจำทุกวัน ทำให้เกิดความเคยชินและตื่นได้เองในเวลาเดิมแบบอัตโนมัติ และรู้สึกนอนเต็มอิ่มอีกด้วย หลังจากที่เรานอนมาทั้งคืน 6-8 ชั่วโมงที่ร่างกายขาดน้ำ ลองดื่มน้ำเปล่าอุ่น ๆ แก้วใหญ่ ๆ เพื่อทำสมองปลอดโปร่ง พร้อมเปิดรับข้อมูล กระตุ้นร่างกายให้ตื่นเต็มที่ ด้วยการยืดเส้นยืดสายกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ ไหล่ แขน และฝ่ามือ ประมาณ 5-10 นาที เป็นการบอกร่างกายว่าเราพร้อมที่จะเริ่มวันใหม่แล้ว สภาพแวดล้อมมีผลเช่นเดียวกัน น้อง ๆ นักเรียนควรอาจเลือกห้องนอนที่เงียบสงบ หรือห้องที่ไม่มีเสียงรบกวนไว้สำหรับเรียนพิเศษออนไลน์ ความสงบนั้นยังช่วยให้คิดได้เร็ว และมีสมาธิสูง ขณะเดียวกันแสงสว่างเป็นสิ่งที่จำเป็น หากเป็นที่ที่แสงไฟไม่สว่างพอหรือไฟสลัว ๆ ดวงตาของเราจะทำงานหนัก และเมื่อยล้าเร็ว ดังนั้นจึงควรจัดแสงสว่างให้เพียงพอ เมื่อสมาธิและความตั้งใจมีมากพอแล้ว สมองจะสามารถจดจำเนื้อหาได้อย่างเป็นระบบ เมื่อถึงเวลาสอบ จึงไม่ยากเลยที่น้อง ๆ นักเรียนจะทำคะแนนได้ตามที่ตั้งใจไว้
วิธีการประเมินผลว่าเรียนออนไลน์ได้ผลหรือไม่
หากผู้ปกครองกำลังรู้สึกเป็นห่วงลูก ๆ ของคุณว่าจะสามารถปรับตัวกับการเรียนออนไลน์ได้หรือไม่นั้น ใส่ใจมีวิธีการประเมินผลง่าย ๆ มาให้ผู้ปกครองหลาย ๆ ท่านนำไปประยุกต์ใช้เพื่อประเมินดูว่าการเรียนออนไลน์ส่งผลสำเร็จต่อตัวเด็กมากน้อยแค่ไหน โดยวิธีต่าง ๆ มีดังนี้

1. มีการสอบประเมินผลก่อนการเริ่มเรียนออนไลน์ เพื่อวัดระดับความรู้เบื้องต้นของผู้เรียน และสอบประเมินผลหลังจากจบคลาสเรียนออนไลน์ เพื่อนำมาเปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อนและหลังการเรียนว่าผู้เรียนนั้นมีความเข้าใจในบทเรียนมากขึ้นแค่ไหน
2. คุณครูหรือติวเตอร์ผู้สอนควรช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยการช่วยอธิบายเทคนิคเพิ่มเติมต่าง ๆ และที่สำคัญควรมีการประเมินผลตลอดระยะเวลาของการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นการสอบประเมินต่าง ๆ ทำข้อสอบย่อย ทำรายงาน ฯลฯ เพื่อดูว่าผู้เรียนมีความเข้าใจในบทเรียนมากน้อยแค่ไหน
3. ผู้ปกครองควรสอบถามเด็กทุกครั้งหลังเรียนออนไลน์เสร็จ เกี่ยวกับเนื้อหาบทเรียนที่เรียนไป บางครั้งอาจขอให้เด็กเล่าถึงเนื้อหาคร่าว ๆ ในบทเรียน เพื่อเป็นการสังเกตว่าเด็กนั้นโฟกัสกับเนื้อหาระหว่างที่เรียนได้หรือไม่
4. ผู้ปกครองสามารถทำการประเมินผลได้ด้วยตนเอง โดยการให้เด็กทำแบบฝึกหัดหลังผ่านการเรียนไปได้ระยะหนึ่ง เพื่อดูว่าเด็กยังจดจำเนื้อหาที่เคยเรียนไปได้อยู่หรือไม่ อีกทั้งยังเป็นการช่วยทบทวนความรู้ให้แก่เด็กอีกด้วย
5. สอบถามจากครูผู้สอน เกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ของเด็กระหว่างเรียนออนไลน์ เพื่อนำมาพัฒนาและหาวิธีแก้ไขเพื่อให้การเรียนออนไลน์ครั้งต่อ ๆ ไปของเด็กมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการประเมินผลง่าย ๆ ที่จะทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถรับรู้ได้ว่าการเรียนออนไลน์นั้นส่งผลให้กับลูก ๆ ของคุณได้มากน้อยแค่ไหน