ช่างทาสี ใน บางกอกน้อย, กรุงเทพมหานคร

ในการทาสีภายในบ้านนั้นเราจะต้องเน้นในเรื่องของความง่ายของการทำความสะอาด ปลอดกลิ่นและสารเคมีต่าง ๆ สำหรับเมืองร้อนอย่างประเทศไทยสีที่เหมาะกับการทาภายในนั้นจะเป็นสีโทนอ่อนที่จะช่วยให้บ้านเย็นลง สีโทนเข้มดูจะไม่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราสักเท่าไหร่ เพราะสีเข้มจะดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์และแสงไฟ
การใช้สีโทนอ่อนจึงช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า และยังทำให้บ้านเย็นสบายอีกด้วย หากเราชอบสีเข้ม แนะนำให้การตกแต่งภายในบ้านนั้นใช้สีเข้มแทนการทาผนังภายในเป็นสีเข้ม
สีที่สร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ร่าเริง สดชื่น และให้ความรู้สึกอบอุ่น คือ สีเหลืองครีม สีเหลืองครีมเป็นสีที่เหมาะกับการทาในห้องนั่งเล่น หรือห้องครัว
สีที่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ดูร่มรื่นมีความเป็นธรรมชาติ และยังช่วยในการผ่อนคลายความเครียด คือ สีเขียว เป็นสีที่เหมาะสำหรับการทาในห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน
สีที่ทำให้ห้องของเรานั้นดูโล่ง กว้างและทำให้ห้องของเราดูปลอดโปร่ง ให้ความรู้สึกสงบ คือ สีฟ้า สีฟ้าเหมาะกับการทาในห้องทำงาน ห้องนอน หรือห้องน้ำ
สีที่ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน น่าค้นหา คือ สีชมพู และ สีม่วง เป็นสีที่เหมาะสำหรับการทาในห้องนั่งเล่น หรือห้องรับประทานอาหาร
สีที่ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง โล่ง สบาย และดูสะอาด คือ สีเทาอ่อน และ สีขาว เป็นสีที่เหมาะกับการทาทุกห้องยกเว้นห้องครัว
ก่อนที่เราจะลงสีหลักเหล่านี้อย่าลืมทาสีรองพื้นให้เรียบร้อย สีรองพื้นเป็นสีชั้นแรกที่ใช้ทาบนผนังก่อนลงสีหลักเพียง 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับผนังบ้านของเรา เช่น เชื้อรา สีซีดหลุดล่อน และยังช่วยยืดอายุสีให้ติดนาน ทนทาน

“สีทาบ้าน” เป็นสิ่งที่จะช่วยแต่งเติมสีสัน และสร้างบรรยากาศให้บ้านของเรา หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าสีทาบ้านนั้น มีกี่แบบ กี่ชนิด เมื่อเรารู้ถึงองค์ประกอบ คุณสมบัติและการใช้งานของสีทาบ้านแล้ว จะทำให้เลือกสีทาบ้านได้ง่ายขึ้น และเลือกสีที่มีคุณภาพ ทำให้บ้านสีสวยงาม สีติดทนนาน
สีทาภายนอกและสีทาภายในควรเลือกสีประเภท “อะคริลิก” สีอะคริลิกนั้นใช้น้ำเป็นตัวทำละลายเหมาะสำหรับใช้ทาบนพื้นผิวที่เป็น ปูน ซีเมนต์ คอนกรีต แต่สารเคมีในตัวสีสำหรับทาภายนอกและภายในนั้นมีความต่างกัน สีอะคริลิกที่ใช้ทาภายนอกจะปริมาณความเข้มข้นของสารเคมีมากกว่าสีอะคริลิกที่ใช้ทาภายใน เพราะการทาภายนอกนั้นสีจะต้องมีความทนทาน กันแดดและฝนส่วนสีที่ใช้ภายในไม่โดนแสงแดดและฝนจึงมีสารเคมีและกลิ่นที่เบากว่าและยังปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้อาศัยอีกด้วย
หากเราต้องการสีที่สามารถใช้ทาพื้นผิวที่เป็นโลหะหรือไม้ และยังสามารถเพิ่มความเงางามแก่พื้นผิวที่เราต้องการทา “สีน้ำมัน” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี สีน้ำมันนั้นเป็นสีที่ใช้น้ำมันหรือทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย ข้อเสียของสีน้ำมันคือมีราคาที่สูงและแห้งช้า และไม่นิยมใช้ทาบนพื้นผิวที่เป็นซีเมนต์หรือคอนกรีต
“สีทาไม้” สีชนิดนี้จะใช้สำหรับทาไม้เพื่อเพิ่มความสวยงาม ช่วยขับให้สีของเนื้อไม้ดูสดและเด่นชัดขึ้น สีทาไม้นั้นสามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นตัวบ้านที่ทำจากไม้ พื้นไม้ รั้วไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ ในปัจจุบันสีไม้แบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น สีย้อมไม้ แชล็ค
สีที่มีคุณสมบัติและรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ใช้กับเหล็กได้หลายประเภท คือ สีกัลวาไนซ์ เพราะทาง่ายไม่ต้องรองพื้นและยังแห้งเร็วภายใน 1-2 ชั่วโมงอีกด้วย ที่สำคัญยังมีความสามารถในการยึดเกาะสูงกว่าสีน้ำมันทั่วไป

การดูแลบ้านหลังทาสีเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้งานทาสีบ้านของคุณนั้นออกมาสมบูรณ์ การดูแลสีที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องดูแลรักษาพื้นผิว เพื่อยืดอายุของสีให้อยู่นาน คงทน ไม่สึกกร่อนตามกาลเวลา
SAIJAI ได้รวบรวมวิธีดูแลสีทาผนังบ้าน แบ่งออกเป็นการดูแลสีทาภายในบ้านและการดูแลสีทาภายนอกบ้าน ดังนี้
การดูแลสีทาภายในบ้าน
- การเลือกใช้ผ้าม่านกันแสง รังสีอัลตร้าไวโอเลต (UV) หรือแสงแดด ผ้าม่านจะช่วยป้องกันแสงแดดจากภายนอกไม่ให้ส่องเข้ามามากเกินไป และยังช่วยให้สีที่ทาภายในยังดูเหมือนใหม่ ไม่ถูกแสงอาทิตย์กลืนจนสีซีด
- การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรปล่อยให้ผนังเกิดคราบจนกลายเป็นรอยด่างดำเพราะจะทำให้การทำความสะอาดนั้นยากยิ่งขึ้น ในการทำความสะอาดผนังที่ทาสีเราอาจจะใช้ฟองน้ำชุบน้ำสบู่หมาด ๆ มาเช็ดบริเวณคราบเลอะหรือร่องรอยตำหนิบนผนังออกให้หมดจด
-การเลือกใช้สีทาบ้านที่มีคุณภาพ โดยเลือกใช้สีทาบ้านที่คุณสมบัติป้องกันเชื้อรา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราตามผนัง โดยเฉพาะในห้องน้ำที่สามารถเกิดเชื้อราได้ง่าย
การดูแลสีทาภายนอกบ้าน
- ให้เราฉีดน้ำทำความสะอาด เพื่อที่จะกำจัดคราบฝุ่นและสิ่งสกปรกไม่ให้เกาะตามผนังนอกบ้าน สิ่งนี้จะทำให้บ้านของเราไม่ดูเก่าและโทรม หากเพิ่งเริ่มทาสีบ้าน ควรทำความสะอาดด้วยการฉีดน้ำแรงดันสูงหลังจากผ่านไปแล้วประมาณ 5-6 ปี ในส่วนของระเบียงอาจจะทำความสะอาดปีละครั้ง
- เพื่อป้องกันไม่ให้ไม้ผุกร่อนตามเวลาเราจึงต้องเคลือบสีทาบ้าน
- การทาสีซ้ำ การทาพื้นผิวทั่ว ๆ ไปให้ทาสีซ้ำทุก ๆ 7-10 ปี เพื่อให้สีดูสดใหม่อยู่เสมอ
ในส่วนของพื้นผิวที่เป็นไม้ควรทาสีซ้ำสองครั้ง
การดูแลผนังบ้านทั้งภายในและนอกเหล่านี้จะทำให้ผนังบ้านของเรามีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีความทนทาน และทำให้บ้านของเราดูสวยงาม มองแล้วสบายตา แถมยังสบายใจอีกด้วย