ช่างปูกระเบื้อง ใน พัทยา, ชลบุรี

ช่างปูกระเบื้อง ใน พัทยา, ชลบุรี

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

เลิศ ไม่ต้องพูดเยอะใช้บริการกี่รอบ ๆ ก็ไม่ผิดหวัง
Saijai
กาญจน์ปุบผา ศรีทองอำพัน
2 ปีที่แล้ว
ปูพื้นห้องเองแต่ออกมาไม่ถูกใจได้ช่างปูพื้นจากใส่ใจมาช่วยแนะนำแลำทำการแก้ไข จนตอนนี้ได้แบบที่ถูกใจแล้ว
Saijai
สมจารี ผกากร
2 ปีที่แล้ว
ช่างชำนาญ ทำงานตรงตามเวลาที่ตกลงกันไว้
Saijai
อาภากร มวลอาชาศัย
2 ปีที่แล้ว
พื้นบ้านมีความโก่งเล็กน้อย ได้ช่างจากใส่ใจมาตรวจสอบและทำการแก้ไข
Saijai
อามานา คงสระมา
3 ปีที่แล้ว
ช่างทำงานดีมาก รอบหน้ามาใช้บริการอีกแน่นอน
Saijai
ยานิษ ใบไม้แดง
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ช่างปูกระเบื้อง

การปูกระเบื้องมีกี่แบบ
การเลือกใช้วิธีการปูกระเบื้องที่เหมาะสมกับชนิดกระเบื้อง จะเป็นการป้องกันความเสียหาย กระเบื้องไม่ได้ระดับ หลุดล่อน ไปจนถึงโก่งตัวหรือระเบิดได้ การปูกระเบื้องที่ได้รับความนิยมนั้นมีอยู่ 3 วิธีด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้มีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ดังนี้
1.การปูกระเบื้องแบบซาลาเปา คือการนำปูนมาโปะตรงกลางหลังกระเบื้องไม่เกลี่ยให้ทั่วแผ่น วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมใช้เพราะไม่เลอะเทอะ สะดวก และยังรวดเร็วอีกด้วย แต่การปูกระเบื้องด้วยวิธีนี้นั้นจะทำให้เกิดช่องว่างใต้กระเบื้อง ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการแตกร้าวและหลุดล่อนได้ง่าย
2.การปูกระเบื้องแบบกึ่งเปียก หรือเรียกว่า ปูนขี้หนู คือการใช้ปูนผสมทรายกับน้ำในอัตราส่วนน้อย ๆ ทำให้ปูนดูเป็นขุยเหมือน “ขี้หนู” แล้วนำไปเทปรับพื้นให้ได้ระดับที่ต้องการปาดกาวซีเมนต์ด้านหลังกระเบื้อง พรมน้ำบนปูนขี้หนูอีกเล็กน้อย นำกระเบื้องแปะลงไปแล้วเคาะให้ได้ระดับที่ต้องการ เป็นวิธีที่ช่างนิยมใช้เพราะทำได้ง่าย รวดเร็ว ข้อเสียของการปูกระเบื้องแบบนี้คือ ปูนที่อยู่ใต้กระเบื้องมีโอกาสเคลื่อนตัวหรือยุบตัว อีกทั้งมีโอกาสที่กระเบื้องหลุดล่อนในภายหลังเพราะเนื้อปูนยึดเกาะกับหลังกระเบื้องได้ไม่ดีนัก
3.การปูกระเบื้องแบบใช้กาวซีเมนต์ หรือ ปูนกาว วิธีนี้จะต้องเทปรับพื้นให้เรียบได้ระดับและเหลือความหนาไว้สำหรับปูกระเบื้องด้วย จากนั้นก็ทำการผสมปูนกาวแล้วก็นำไปปาดลงบนพื้นผนังด้วยเกรียงหวีตามขนาดที่เหมาะสม ข้อดีคือ การเตรียมส่วนผสมไม่ยุ่งยาก ติดแน่นมากกว่าสองวิธีแรกเพราะเป็นปูนกาว และไม่มีปัญหาเรื่องการยุบตัว แต่ข้อเสียคือต้องใช้เวลาในการเตรียมพื้นผิว
ประเภทของกระเบื้องกับการใช้งานที่เหมาะสม
ก่อนที่เราจะซื้อกระเบื้องปูพื้นหรือผนังบ้านนั้นเราต้องรู้ก่อนว่า กระเบื้องแต่ละแบบมีคุณสมบัติอย่างไร เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและเพื่อที่จะทำให้เรานั้นได้ใช้งานอย่างยาวนาน
กระเบื้องที่คนส่วนมากนิยมนำไปปูพื้น มีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย คือ กระเบื้องเซรามิก เนื้อกระเบื้องเซรามิกจะมีความแน่นและมีความแข็งแรงสูงเลยทีเดียว สามารถนำไปปูพื้นหรือผนังได้ นอกจากนี้กระเบื้องเซรามิกยังดูดซึมน้ำได้ดี เวลาเปียกน้ำ เนื้อกระเบื้องจะมีความลื่น ไม่ควรเอาไปปูพื้นห้องน้ำหรือบริเวณที่โดนน้ำ
กระเบื้องที่มีการนำมาใช้งานยาวนานที่สุด ใช้กันมาตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน คือ กระเบื้องดินเผา เนื้อกระเบื้องทำมาจากดินเหนียวที่ผ่านการเผา ทำให้เนื้อกระเบื้องมีความด้าน ไม่อมความร้อน และเก็บความชื้นได้ดี มีราคาถูก แต่น่าเสียดายที่เป็นกระเบื้องที่ไม่ค่อยมีความทนทาน ผุกร่อนง่าย และยังทำความสะอาดยากอีกด้วย
กระเบื้องที่มีส่วนผสมของดินขาวและแร่อื่น ๆ ผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูงจนกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น มีความแข็งแรง ไม่แตกง่าย ทนต่อการขูดขีด กระเบื้องชนิดนี้คือ กระเบื้องพอร์ซเลน เป็นกระเบื้องที่ง่ายต่อการทำความสะอาด ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค นิยมนำไปปูพื้นในบริเวณที่ใช้งานบ่อย
กระเบื้องที่มีขนาดเล็กที่สุด มีลักษณะเป็นกระเบื้องชิ้นเล็กๆ ชนิดนี้เรียกว่า กระเบื้องโมเสค มีคุณสมบัติระบายน้ำได้ดีจึงนิยมนำไปปูพื้นสระว่ายน้ำ ไม่เหมาะนำไปปูพื้นในบริเวณที่กว้างๆ เพราะมีขนาดเล็กอาจต้องใช้กระเบื้องจำนวนมาก มีราคาที่ค่อนข้างสูง และยังเป็นกระเบื้องที่ทำความสะอาดยากที่สุดอีกด้วย
กระเบื้องชนิดนี้จะมีความคล้ายกับกระเบื้องโมเสค คือ กระเบื้องแก้ว กระเบื้องแก้วเกิดจากการนำชิ้นแก้วมาขึ้นรูปเป็นแผ่นกระเบื้อง มีราคาค่อนข้างสูงแต่ข้อดีคือมีความทนทานมากกว่ากระเบื้องชนิดอื่น เหมาะกับการนำไปใช้ตกแต่งหรือใช้ปูในพื้นที่แคบ ๆ ไม่นิยมปูในพื้นที่กว้างๆ เพราะกระเบื้องชิ้นเล็กปูยาก และอย่างที่บอกเลยคือราคาค่อนข้างสูง
กระเบื้องชนิดนี้เกิดจากธรรมชาติ คือแผ่นหินที่เนื้อแข็ง ไม่กักเก็บความร้อน จุดเด่นคือมีความเย็นอยู่ในตัว จุดด้อยคือมีน้ำหนักเยอะ การดูรักษาค่อนข้างยุ่งยาก เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย กระเบื้องนี้ก็คือ กระเบื้องหินอ่อนนั้นเอง
กระเบื้องที่เหมาะกับการปูพื้นภายนอก
พื้นกลางแจ้งและพื้นในบ้านนั้นมีสภาพแวดล้อมที่ต่างกันมาก กระเบื้องที่จะใช้ปูในพื้นที่กลางแจ้งนั้นจะต้องมีความทนทานสูง เพราะจะโดดแดด โดนฝนทั้งวันทั้งคืน พื้นภายนอกบ้านนั้นมีความสำคัญไม่แพ้พื้นภายในบ้าน
กระเบื้องที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการปูพื้นภายนอกได้แก่
กระเบื้องพอร์ซเลน ลายหิน กระเบื้องชนิดนี้เป็นกระเบื้องที่มีความหนาแน่นและแข็งแรงมากเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับพื้นที่กลางแจ้งแต่ควรหลีกเลี่ยงกระเบื้องพอร์ซเลนที่มีผิวมันวาวเพราะเมื่อโดนน้ำจะทำให้ลื่นได้ง่าย
กระเบื้องซีเมนต์ กระเบื้องคอนกรีต นิยมใช้ตกแต่งอาคารภายนอกเพราะง่ายต่อการซ่อนฝุ่น มีพื้นผิวสัมผัสที่ค่อนข้างหยาบและด้าน
หินทราเวอร์ทีน(Travertine) ชื่อของหินชนิดนี้มีที่มาจาก Tivoli ในอิตาลี เป็นหินรูปแบบหนึ่งหินปูนรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการตกตะกอนของแร่ธาตุต่าง ๆ และน้ำพุใต้ดิน มีพื้นผิวและสีที่สวยงาม แต่พื้นผิวมีความเป็นหลุมเล็กน้อยซึ่งทำให้ง่ายต่อการเป็นที่สะสมของเชื้อแบคทีเรียเว้นแต่จะขัดผิวหน้าให้เรียบ คุณภาพของหินทราเวอร์ทีนจะมีความต่างกันตามที่มานั้นคือตำแหน่งที่ตั้งของเหมืองหิน
กระเบื้องหินแกรนิต หินแกรนิตเป็นหินที่นิยมใช้ปูทางเดินมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นหินที่มีคุณภาพสูง แต่ก็มีข้อเสียคือเมื่อใช้ปูพื้นกลางแจ้ง กระเบื้องแกรนินั้นจะมีความเงาสูง จะทำให้ลื่นเมื่อพื้นเปียก
หินปูน หินปูนคือตะกอนหินที่มีอยู่จำนวนมากในธรรมชาติ และมีกระบวนการผลิตที่ง่าย หินปูนโทนสีอ่อนนั้นสามารถสะท้อนความร้อนได้ดี ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีความหนาวจัด
กระเบื้องเซรามิก เป็นกระเบื้องที่ใช้งานได้สำหรับพื้นที่กลางแจ้ง กระเบื้องเซรามิกเหมาะสำหรับปูพื้นลานบ้านที่โดนแดดส่องน้อยที่สุด กระเบื้องชนิดนี้จะไม่แข็งแรงเท่ากับกระเบื้องที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ จึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระเบื้องปูพื้นมีความทนทานเพียงพอสำหรับใช้งานในลานบ้าน
ทริคน่ารู้ในการเลือกสีกระเบื้องปูพื้น
ปัจจัยที่เราต้องพิจารณาเมื่อเลือกสีกระเบื้องปูพื้นนั้นมีหลายอย่าง ทั้งขนาดห้อง และความเข้ากันของสีกระเบื้องกับผนังเพื่อให้เข้ากับห้องนั้น ๆ จะทำให้บรรยากาศภายในบ้านของเรานั้นดียิ่งขึ้นอีกด้วย แล้วสิ่งที่เราควรรู้มีอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ
สิ่งแรกที่เราจะต้องคำนึงถึงคือ ขนาดของห้อง ที่เราต้องการจะนำกระเบื้องไปปูพื้น เพราะสีของกระเบื้องเป็นสิ่งที่จะให้ห้องของคุณดูกว้างขึ้นหรือดูแคบได้ถึงแม้ว่าห้องจะมีขนาดเท่าเดิม หากห้องของเรานั้นใหญ่และกว้าง เราควรเลือกกระเบื้องปูพื้นโทนสีเข้มหรือสีโทนร้อน เช่น สีดำ สีเทา สีน้ำตาล จะทำให้ห้องของเราดูอบอุ่นและทำให้ห้องของเราดูเล็กลง แต่ถ้าหากห้องของเรามีขนาดที่เล็ก เราควรเลือกกระเบื้องสีโทนอ่อน เช่น สีขาว สีครีมหรือสีเบจ จะทำให้ห้องของเราดูโล่งปลอดโปร่ง และยังทำให้ห้องนั้นดูกว้างขึ้นอีกด้วย
ความเข้ากันของสีกระเบื้องและผนังก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ หากเราต้องการพื้นที่ที่มีชีวิตชีวา ให้ลองเลือกสีกระเบื้องที่ตรงข้ามกับการตกแต่งห้องของเรา และหากต้องการให้ห้องของเราดูสงบ ผ่อนคลาย ควรเลือกใช้กระเบื้องปูพื้นในเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีผนังห้องของเรา
ถึงแม้ว่าพื้นที่การใช้งานจะไม่ส่งผลต่อการเลือกสี แต่การเลือกสีให้เข้ากับการใช้งานจะช่วยสร้างบรรยากาศให้กับนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น การเลือกใช้สีฟ้า สีน้ำเงินหรือสีเขียว จะทำให้ห้องน้ำดูมีความสดชื่น และถ้าอยากให้ดูปลอดโปร่ง โล่ง ให้เลือกกระเบื้องปูพื้นสีโทนกลางหรือสีโทนอ่อนจะทำให้รู้สึกกว้างขวาง สบายตา