ดูแลสัตว์เลี้ยง ใน คลองเตย, กรุงเทพมหานคร

ดูแลสัตว์เลี้ยง ใน คลองเตย, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

มองหาพี่เลี้ยงสัตว์ที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยดูแลเค้าที่บ้าน เจอเว็บใส่ใจ ลองเข้าไปดูรายละเอียดและสามารถสอบถามราคาได้อย่างชัดเจน ก่อนที่เราจะตัดสินใจจ้าง แถมราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด เยี่ยมไปเลยค่ะ
Saijai
ปัทมา เลิศชนะ
3 ปีที่แล้ว
หลังจากได้ทดลองใช้บริการดูแลสัตว์เลี้ยงมา 2 ครั้ง ตอนนี้สัมผัสได้ถึงนิสัยของน้องหมาที่เปลี่ยนไปเลยค่ะ เหมือนอาการชอบกัดและชอบข่วนของในบ้านจะหายไปเลย น้องหมาเรียบร้อยขึ้นมาก เพราะก่อนหน้าที่ได้แจ้งน้องที่ดูแลสัตว์เลี้ยงไปว่าน้องหมาชอบกระโดดกัดแขนมากแถมยังชอบขย่ำโซฟาอยู่บ่อยๆ คือแค่จะบอกให้น้องระวังตัวเฉยๆ แต่ไม่คิดว่าน้องเค้าจะช่วยดูแลและแก้นิสัยน้องหมาให้ขนาดนี้ คิดว่าจะใช้บริการต่อไปเรื่อยๆทุกครั้งที่มีโอกาส อยากขอบคุณมากๆเลยค่ะ
Saijai
อารียา หรรษา
3 ปีที่แล้ว
น้องแมว 2 ตัว ไม่สามารถเดินทางไปกับครอบครัวเราได้ ลูกสาวจึงหาที่ดูแล เจอเว็บใส่ใจ ที่ฝากเลี้ยงอยู่ใกล้บ้าน จึงฝากใส่ใจให้ดูแล ห้องพักแยกออกมาเป็นสัดส่วน น้องมีของเล่น คลายเหงา
Saijai
วรากร พงศ์ศิริพัฒน์
3 ปีที่แล้ว
ชอบมากเลย บริการคือดีมาก ดูแลน้องหมาเราดี ปลื้มสุด
Saijai
อรอนงค์ วาร์ด
3 ปีที่แล้ว
โชคดีที่ได้มาเจอเว็บไซต์ของใส่ใจเพราะมีบริการคนดูแลสัตว์เลี้ยงหลากหลายรูปแบบ ประทับใจมาก ๆ ครับ นอกจากจะมีพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังมีบริการฝึกสอนสัตว์เลี้ยง อาบน้ำตัดขน อีกทั้งยังมีบริการสัตว์แพทย์นอกสถานที่ บอกได้เลยว่าครบวงจรจริง ๆ
Saijai
ศราวุติ ชัยเกตุ
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลสัตว์เลี้ยง

ความสำคัญของการมีสัตว์เลี้ยง
การมีสัตว์เลี้ยงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในงานอดิเรกของหลาย ๆ คนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งสัตว์เลี้ยงที่คนนิยมเลี้ยงกันก็มีมากมายหลายชนิด แน่นอนว่านั่นหมายถึงการที่เราต้องใช้เวลาไปกับการดูแลเอาใจใส่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นทั้งการดูแลเรื่องอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย สุขภาพ รวมไปถึงสภาพจิตใจของสัตว์เหล่านี้ด้วย

การดูแลเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงในทุก ๆ ด้านที่กล่าวมาข้างต้นนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะมันส่งผลดีให้กับทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยง ในมุมมองของเจ้าของ การได้ให้อาหาร หรือการเล่นกับสัตว์เลี้ยงนั้นเปรียบเสมือนความสุขอย่างหนึ่ง ในวันที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน หากได้กลับมาเจอสัตว์เลี้ยงนั่งรออยู่ที่หน้าประตู เพียงเท่านี้ก็ช่วยคลายความเหนื่อยไปได้เยอะเลยทีเดียว กลับกันในมุมของสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างครบถ้วนนั้นจะส่งผลดีให้กับพวกเขาเช่นกัน สัตว์เลี้ยงสัมผัสได้ถึงความรักที่ได้รับจากเจ้าของ ในขณะเดียวกันพวกเขาจะมอบความรักกลับคืนให้เจ้าของเช่นเดียวกัน

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญของการมีสัตว์เลี้ยงในบ้านคือ สามารถเยียวยาสภาพจิตใจของผู้เลี้ยงได้ ซึ่งการได้ใช้เวลาทำกิจกรรมดี ๆ ร่วมกันระหว่างคนและสัตว์เลี้ยงช่วยลดอาการตึงเครียดและภาวะซึมเศร้าได้ ทั้งยังช่วยให้ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย เช่นการพาสัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่นทำให้ผู้เลี้ยงเองได้ออกกำลังกายไปด้วย

เห็นได้ชัดว่าการมีสัตว์เลี้ยงนั้นมีประโยชน์ต่อคนมากมาย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพราะฉะนั้น ก่อนเลี้ยงต้องมั่นใจว่าคุณจะมีความรับผิดชอบมากพอที่จะดูแลเขา เพราะสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนมนุษย์เช่นกัน หากคุณอยากมีสัตว์เลี้ยงไว้ที่บ้าน แต่ไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงของคุณ การใช้บริการรับดูแลสัตว์เลี้ยงก็นับว่าเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว
ทักษะสำคัญในการดูแลสัตว์เลี้ยงมีอะไรบ้าง
หากคุณกำลังมองหาพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพื่อที่จะดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณ นี่คือลักษณะและทักษะที่สำคัญ 4 ประการที่พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ดีควรมี

1. สุขุมและเข้าใจสัตว์เลี้ยง พี่เลี้ยงน้องหมา น้องแมวทุกคนรู้ดีว่าการดูแลน้องเหล่านี้มักไม่เป็นไปตามแผนที่เราคิดไว้เสมอไป ดังนั้นพี่เลี้ยงต้องอดทนเวลาที่น้องหมา น้องแมว ดื้อและไม่ปฏิบัติตามที่คาดหวังไว้ ควรสงบสติอารมณ์เพื่อไม่ให้พวกเขารู้สึกกลัวและตอบสนองต่อความวิตกกังวล จะทำให้สามารถดูแลสัตว์เลี้ยงได้ดี
2. อ่อนโยน พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ดีตระหนักถึงความต้องการของสัตว์เลี้ยงของเราและตอบสนองต่อความต้องการนั้นมองสัตว์เลี้ยงของเราด้วยความรักใคร่และไม่ใช้กำลังหรือการลงโทษทางร่างกาย เช่นตี หรือ ลากสายจูงสุนัขของคุณระหว่างเดินเล่น
3. มีประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัตว์เลี้ยงของเรามีความต้องการดูแลเป็นพิเศษ การจ้างพี่เลี้ยงสัตว์ดูแลสัตว์เลี้ยง ควรจ้างผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงที่มีประสบการณ์มากเช่น หากเรามีสุนัขเยอรมันเชพเพิร์ด(German Shepherd)ตัวใหญ่ เราต้องการคนที่เคยดูแลสุนัขขนาดใหญ่มาก่อน ถ้าคนคนนั้นสามารถแสดงใบรับรองเกียรติบัตรที่แสดงถึงประสบการณ์ในการดูแลสุนัขเยอรมันเชพเพิร์ดตัวใหญ่จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของสุนัขยิ่งขึ้น หากสัตว์เลี้ยงของเรามีอาการป่วยหรือต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เราต้องมองหาพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือได้ในด้านนั้น ๆ มาดูแลสัตว์เลี้ยงของเรา
4. มีความรักที่แท้จริงต่อสัตว์เลี้ยง ลองถามคำถามที่น่าสนใจในระหว่างการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงดูเพื่อให้รู้สึกถึงบุคลิกของผู้สมัคร เช่น อะไรคือสิ่งที่สนุกที่สุดหรือน่าอายที่สุดที่คุณเคยสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง ๆ ) ผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงที่ดีจะแสดงความรักที่แท้จริงต่อสัตว์เลี้ยงในการตอบคำถามของคุณ หรือถามเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่พวกเขาเคยเป็นเจ้าของหรือดูแลมาก่อน - คนที่รักสัตว์จะกระตือรือร้นที่จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาให้คุณฟัง การพูดคุยแบบนี้คุณสามารถวัดความรักของพวกเขาที่มีต่อสัตว์และระดับความตื่นเต้นเกี่ยวกับโอกาสในการทำงานนี้ได้เลยทีเดียว
สัญญานที่บ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงของคุณมีอาการป่วยมีอะไรบ้าง
สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยง การสังเกตพฤติกรรมในแต่ละวันของสัตว์เป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะหลายๆครั้งกว่าที่เราจะรู้ว่าสัตว์เลี้ยงที่เรารักมีอาการป่วยก็ต่อเมื่อพวกเขามีอาการหนักแล้ว ใส่ใจอยากแบ่งปันความรู้กันและวิธีการสังเกตอาการเบื้องต้นที่เหมือนเป็นสัญญาณอันตรายที่เราไม่ควรมองข้าม เพื่อให้เราได้สังเกตและช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่เรารักได้ทันเวลา

1. พบอาการป่วย หรือพบความผิดปกติอื่นๆที่สังเกตได้ เช่น มีขี้ตาเกรอะกรัง ตาแดง มีน้ำมูก หายใจติดขัด ขนร่วงเป็นหย่อมๆ มีสะเก็ดหรือมีกลิ่นตัวแรง เดินกะเผลก อาเจียน ถ่ายเหลว น้ำหนักลดลงในเวลาอันรวดเร็ว หรือแม้กระทั่งกินน้ำมากกว่าปกติ เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่อาจจะบ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงของเรากำลังป่วยก็เป็นได้
2. มีพฤติกรรมเบื่ออาหาร กินอาหารได้น้อยลง เป็นสิ่งที่เห็นชัดที่สุด หากสัตว์เลี้ยงของเรามีอาการเบื่ออาหาร ทั้งๆ ที่นิสัยเดิมกินเก่ง เจ้าของควรเฝ้าสังเกตอาการหรือนำไปให้คุณหมอตรวจสุขภาพ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงเริ่มป่วย แต่ทั้งนี้เจ้าของต้องแยกให้ได้ก่อนว่า อาการกินอาหารลดลงนั้นไม่ได้มาจากสภาพแวดล้อมภายนอกอื่นๆ เช่น วัยที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนอาหารใหม่ อากาศที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล หรือมีสิ่งมากวนใจที่อาจเป็นสาเหตุให้สัตว์เลี้ยงตัวน้อยกินได้ลดลง
3. มีอาการซึมไม่ร่าเริง นอนมากผิดปกติ เวลาเจ้าของเรียกจะไม่กระฉับกระเฉง ไม่มาเล่น ไม่มาหาเหมือนเคย เช่นสุนัขมีอาการ หาวบ่อย หากสุนัขดูอ่อนเพลีย ง่วง อยากพักผ่อน เกิดอาการหาวบ่อยครั้ง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนว่าน้องหมากำลังเครียด เบื่อ หรือกระวนกระวายใจ แต่หากเป็นสัตว์เลี้ยงที่อายุมากแล้ว อาจจะร่าเริงน้อยลง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้อาการซึมอาจเกิดมาจากอาการเหงา ซึมเศร้า ซึ่งนับเป็นอาการป่วยทางใจ อันอาจเป็นผลมาจากเจ้าของไม่ค่อยมีเวลาให้ก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อเรามีสัตว์เลี้ยงแล้ว การมีเวลาการเอาใจใส่ การได้สัมผัสก็ช่วยป้องกันและรักษาอาการป่วยทางใจได้
ผู้ว่าจ้างควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงก่อนทำการจ้าง
ผู้ว่าจ้างควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงก่อนทำการจ้าง เจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เป็นห่วงและต้องการพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงและมาดูแลสัตว์เลี้ยงในช่วงเวลาที่ไม่อยู่บ้านหรือไม่มีเวลาพาน้อง ๆ ไปเดินเล่น มักมองหาผู้ช่วยงานในส่วนนี้และก่อนที่จะเริ่มงานกันต้องมีข้อตกลงกัน เพื่อให้พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงและผู้ว่าจ้างรู้สึกสบายใจกันทั้งสองฝ่าย

1. สอบถามประสบการณ์ของพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงทุกคนรู้ดีว่าการเลี้ยงสัตว์ แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันตามสายพันธุ์ ต้องมีความรู้ความเข้าใจเป็นพิเศษที่จะดูแลสัตว์นั้นๆ เพราะมีหน้าที่มากกว่าการให้อาหาร หรือ พาสัตว์เข้านอน การชวนสัตว์เลี้ยงเล่นหรือทำกิจกรรม หรือเคยดูแลสัตว์ชนิดไหน สายพันธุ์อะไรมาก่อน
2. ระยะเวลาในการทำงาน อาจจะไม่ต้องตลอดทั้งวันหรือเป็นบางช่วงเวลา การพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่น ไปทำกิจกรรมในเวลาเช้า หรือเวลาเย็น หรือต้องดูแลตลอดทั้งวันในช่วงที่เจ้าของต้องไปทำงาน
3. ค่าจ้างในการทำงานของพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ขึ้นอยู่กับประเภทของสัตว์เลี้ยง หน้าที่ความรับผิดชอบ เช่น ต้องให้อาหารกี่ครั้ง ต้องพาไปเดินเล่นหรือไม่ ต้องทำความสะอาดด้วยหรือเปล่า และความยากง่ายในการดูแลตามชนิดและสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงนั้น ๆ
4. ลองถามคำถามที่น่าสนใจในระหว่างการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงดูเพื่อให้รู้สึกถึงบุคลิกของผู้สมัคร เช่น อะไรคือสิ่งที่สนุกที่สุดหรือน่าอายที่สุดที่คุณเคยสัมผัสกับสัตว์ตัวหนึ่ง ผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงที่ดีจะแสดงความรักที่แท้จริงต่อสัตว์เลี้ยงในการตอบคำถามของคุณ ถามเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่พวกเขาเคยเป็นเจ้าของหรือดูแลมาก่อน คนที่รักสัตว์จะกระตือรือร้นที่จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของตนเองให้คุณฟัง จากการพูดคุยในลักษณะนี้คุณสามารถวัดความรักที่มีต่อสัตว์และระดับความตื่นเต้นเกี่ยวกับโอกาสในการทำงานนี้ได้เลยทีเดียว

จะดีหรือไม่ถ้ามีใครที่เชื่อถือได้พร้อมให้คำแนะนำและพร้อมทำตามข้อตกลง ด้วยใจรักต่อสัตว์เลี้ยงจากใจจริงที่จะดูแลสัตว์เลี้ยงให้กับท่านทุกความกังวลก็จะหมดไป

ความต้องการพื้นฐานของสัตว์เลี้ยงที่ผู้ดูแลควรรู้

มันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่ต้องการมีสัตว์เลี้ยง เพราะคนทุกคนไม่ได้เหมาะที่จะเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง การมีสัตว์เลี้ยงต้องมีความรับผิดชอบ ทั้งผู้ดูแลและเจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องเข้าใจก่อนว่าสัตว์เลี้ยงแต่ละประเภทย่อมมีความต้องการพื้นฐานที่แตกต่างกันไป ผู้ดูแลและเจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องสามารถดูแลความต้องการขั้นพื้นฐานของสัตว์เลี้ยงได้ และนี่คือความต้องการพื้นฐานของสัตว์เลี้ยงที่ผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงหรือเจ้าของสัตว์เลี้ยงควรพิจารณา

1. อาหาร

สัตว์เลี้ยงต้องการอาหารเหมือนมนุษย์เพราะมันให้พลังงาน อาหารมีความสำคัญสำหรับสัตว์เลี้ยงทุกชนิด แต่ควรคำนึงด้วยสัตว์เลี้ยงของคุณได้รับอาหารที่เหมาะสมและในปริมาณที่เพียงพอ จำไว้ว่าการให้อาหารน้อยเกินไปหรือมากเกินไปเป็นการปฏิบัติที่ผิด เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณมีปัญหาด้านสุขภาพมากขึ้น อย่าลืมว่าต้องให้อาหารสดทุกวันและเพื่อให้ชามอาหารสะอาดอยู่เสมอ ไม่ก่อให้เกิดโรคและปัญหาสุขภาพ นอกจากนี้ต้องรู้ว่าอะไรไม่ดีสำหรับสัตว์เลี้ยง อาหารบางชนิดที่ดูเป็นอาหารปกติสำหรับคนแต่อาจทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์เกี่ยวกับอาหารที่จะให้สัตว์เลี้ยงเป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงที่สุด

2. น้ำ

นอกจากอาหารสัตว์เลี้ยงต้องการน้ำดื่มด้วย พวกเขาสามารถรอดชีวิตได้หากต้องอดอาหารหนึ่งวัน แต่การอดน้ำอาจสร้างผลเสียอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ให้สัตว์เลี้ยงของคุณได้ดื่มน้ำจากภาชนะที่สะอาดและควรเปลี่ยนน้ำในภาชนะทุกวัน

3. ที่พักอาศัย

ที่พักอาศัยก็เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานเช่นกัน อย่าปล่อยให้สัตว์เลี้ยงของคุณนอนที่ใดก็ได้ภายใต้ความร้อนที่แผดเผาของดวงอาทิตย์หรือความหนาวเย็นในตอนกลางคืน ในฐานะสัตว์เลี้ยงพวกเขามีสิทธิ์อยู่ในสถานที่ที่สะดวกสบายปลอดภัยและปกป้องพวกเขาจากอันตรายใด ๆ สัตว์เลี้ยงต้องรู้สึกปลอดภัยเหมือนมนุษย์ สัตว์เลี้ยงของคุณอาจอาศัยอยู่กลางแจ้งหรือในร่มแล้วแต่ประเภทของสัตว์เลี้ยง

4. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายไม่ได้จำเป็นเฉพาะเจ้าของสัตว์เลี้ยงเท่านั้น สัตว์เลี้ยงของคุณก็ต้องการเช่นกัน สัตว์เลี้ยงจำเป็นต้องออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงและตื่นตัว เช่นเดียวกับมนุษย์



สารอาหารจำเป็นเสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ผู้ดูแลควรรู้

แมวต้องการสารอาหารที่แตกต่างจากสุนัขหรือไม่ ส่วนผสมในอาหารของสัตว์เลี้ยงต้องมีอะไรบ้าง เจ้าของสัตว์เลี้ยงหรือผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงรู้หรือไม่ว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจำเป็นต้องได้รับวิตามินเสริมหรือไม่ คุณอาจมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการให้อาหารสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้อง วิธีที่ดีที่สุดในการหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้คือการเริ่มเรียนรู้พื้นฐานของโภชนาการสัตว์เลี้ยง

1. สัตว์เลี้ยงทุกตัวต้องการโปรตีนจากอาหาร โปรตีนเกิดจากกรดอะมิโน ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานที่ช่วยให้ร่างกายสัตว์เลี้ยงของคุณดำรงชีวิตได้ตามปกติ จากกรดอะมิโน 20 ชนิดหรือมากกว่านั้น มี 10 ชนิดที่จำเป็นสำหรับสุนัข ในขณะที่ 11 ชนิดจำเป็นสำหรับแมว เพราะสัตว์เลี้ยงไม่สามารถผลิตกรดอะมิโนได้ในร่างกายของตัวเองหรือไม่สามารถสร้างได้เพียงพอ กรดอะมิโนที่จำเป็นคือกรดอะมิโนที่จำเป็นต้องได้รับในอาหาร โปรตีนในอาหารมาจากส่วนผสมต่างๆ เช่น เนื้อสัตว์ ปลา และสัตว์ปีก

2. ไขมันเป็นแหล่งพลังงานที่เข้มข้นที่สุด ไขมันในอาหารมักมาจากไขมันสัตว์และน้ำมันจากเมล็ดพืช และจำเป็นสำหรับโครงสร้างร่างกายและการทำงานของเซลล์ ไขมันให้กรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายผลิตได้ไม่เพียงพอ และไขมันยังช่วยเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัสของอาหาร ซึ่งช่วยกระตุ้นให้สัตว์เลี้ยงที่ป่วยอยากอาหาร แม้ว่าในสุนัขและแมวจะไม่มีความเสี่ยงเรื่องไขมันอุดตันหลอดเลือดแดงแบบคน แต่การบริโภคไขมันมากเกินไปอาจส่งผลเสียได้ ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงกินอาหารที่มีไขมันสูง เพราะการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงอย่างกะทันหันอาจทำให้ตับอ่อนอักเสบได้ ผลเสียอีกอย่างของการให้สัตว์เลี้ยงกินอาหารที่มีไขมันสูง คือโรคอ้วน

3. คาร์โบไฮเดรตช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร คาร์โบไฮเดรตรวมถึงแป้ง น้ำตาล และไฟเบอร์จากแหล่งที่รู้จักกันดี เช่น มันเทศ มันฝรั่ง และถั่ว นอกจากการให้พลังงานแล้ว คาร์โบไฮเดรต เช่น ไฟเบอร์ ยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างถูกต้อง ใยอาหารบางชนิดถูกเพิ่มเข้าไปในอาหารเพื่อช่วยให้สัตว์เลี้ยงที่มีน้ำหนักเกินรู้สึกอิ่ม สัตวแพทย์อาจแนะนำเส้นใยเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณเพื่อช่วยรักษาระบบขับถ่ายให้สมบูรณ์

4. กรดอะมิโน 2 อย่างที่สำคัญสำหรับแมวคือทอรีนและอาร์จินีน แมวที่ขาดทอรีนอาจทำให้ตาบอด หัวใจล้มเหลว หูหนวก และพิการแต่กำเนิด หากแมวไม่ได้รับอาร์จินีนที่เพียงพอ แมวจะมีปัญหาในการขจัดแอมโมเนียออกจากร่างกาย ส่งผลให้น้ำลายไหล อาเจียน ชัก และถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากพืชไม่สามารถให้กรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับแมวได้เพียงพอ แมวจะไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยอาหารมังสวิรัติหากไม่มีการเสริมกรดอะมิโนเพิ่มเติม อันที่จริงอาหารแมวสำหรับผู้ใหญ่ต้องมีโปรตีนอย่างน้อย 26 เปอร์เซ็นต์ (ในทางตรงกันข้าม สุนัขต้องการโปรตีน 18 เปอร์เซ็นต์) และความต้องการกรดอะมิโนบางอย่างสำหรับแมวนั้นเป็นสองเท่าของความต้องการสำหรับสุนัข นี่คือเหตุผลที่ไม่ควรให้แมวกินอาหารสุนัข

5. แมวมักจะแพ้แลคโตส นมวัวอาจเป็นอาหารที่ย่อยยากสำหรับลูกแมวส่วนใหญ่ โดยทั่วไปแล้วแมวไม่มีแลคเตสซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ช่วยให้ย่อยนมในปริมาณที่เพียงพอ แม้ว่าแมวบางตัวอาจจะกินนมได้ แต่แมวบางตัวอาจอาเจียนหรือท้องเสียเมื่อกินนม

6. โปรตีนเป็นสาเหตุของการแพ้อาหารส่วนใหญ่การศึกษาในปี 2559 โดยการวิจัยทางสัตวแพทย์ พบว่า 1- 2% ของอาการคันในสัตว์เลี้ยงไม่ได้มาจากเห็บหมัดหรือแพ้สภาพแวดล้อม แต่เกิดจากการแพ้อาหารมากกว่า

7. สัตว์เลี้ยงมักไม่ต้องการวิตามินเสริม หากฉลากอาหารสัตว์เลี้ยงระบุว่าอาหารนั้นจัดทำขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านโภชนาการ สำหรับช่วงอายุของสัตว์เลี้ยงของคุณ หรือว่ามันได้ผ่านการทดลองให้อาหารสัตว์แล้ว การควบคุมอาหารควรครบถ้วนและสมดุลกับสารอาหารทั้งหมด วิตามินและแร่ธาตุที่สัตว์เลี้ยงของคุณต้องการ จึงไม่จำเป็นที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงหรือผู้ดูแลสัตว์ต้องให้วิตามินเสริมแก่สัตว์เลี้ยงอีก



ข้อมูลทั่วไป

เมื่อเอ่ยชื่อคำนี้ว่าเชื่อว่ากว่า 90% ของคนที่ได้ยินชื่อนี้จะนึกถึงแหล่งชุมชนแออัด ก่อนที่จะคิดถึงท่าเรือที่เป็นท่าเรือหลักของประเทศ เขตคลองเตย เป็นเขตในใจกลางกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันมานานสำหรับสลัม ล้อมรอบด้วยแม่น้ำเจ้าพระยาและมีท่าเรือที่สำคัญ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของตลาดหลักอย่างตลาดคลองเตยอีกด้วย ด้วยกันนั้นมีพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ (ตามเข็มนาฬิกาจากทิศเหนือ): เขตวัฒนา เขตพระโขนง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ (ข้ามเจ้าพระยา) เขตยานนาวา เขตสาทร และเขตปทุมวัน เขตคลองเตยพื้นที่มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปถึง 80 ปีที่แล้ว คลองเตยเป็นท่าเรือไปยังเมืองต้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ปากน้ำพระประแดง (ตรงข้ามกับอำเภอพระประแดงในปัจจุบัน) ที่สร้างขึ้นในพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก คลองถนนตรงเป็นคลองและเป็นถนนคู่ขนานที่สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณ พ.ศ. 2500 ต่อมาส่วนต่างๆ ของคลองกลายเป็นที่รู้จักในชื่อคลองเตยและคลองหัวลำโพง คลองเตย หมายถึง 'คลองใบเตย' เนื่องจากพืชเติบโตตามริมฝั่งด้านใต้ของคลอง ถนนพระราม 4 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นถนนพระราม 4 โดยพระเจ้าวชิราวุธในปี 2462 ในปี พ.ศ. 2490 คลองเตยส่วนใหญ่ถูกเติมเต็มเพื่อขยายผิวถนนพระราม 4 พื้นที่นี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอพระโขนง แต่เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 ได้แยกตัวเป็นอำเภอคลองเตยใหม่ เดิมทีคลองเตยประกอบด้วย 6 ตำบล สามตำบลซึ่งต่อมาได้ก่อตั้งอำเภอวัฒนาแห่งใหม่ (ประกาศเมื่อ 14 ตุลาคม 2540 มีผล 6 มีนาคม 2541) การตั้งถิ่นฐานนอกระบบสัมโนประชากรในพื้นที่ชุมชนแออัดได้รับการสำรวจในปี พ.ศ. 2514 และเป็นหนึ่งในสลัมที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ในปี 2549 คาดว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ที่นั่นระหว่าง 80,000 ถึง 100,000 คน ท่าเรือคลองเตย หรือที่รู้จักในชื่อ ท่าเรือกรุงเทพ เดิมเป็นท่าเรือหลักเพียงแห่งเดียวของประเทศไทยในการขนส่งสินค้าทางทะเล การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2481 และแล้วเสร็จหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ท่าเรืออยู่บนแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอ่าวไทย เนื่องจากความจุที่จำกัดและปัญหาการจราจรที่เกิดจากรถบรรทุกกึ่งพ่วง การดำเนินงานหลายแห่งได้ย้ายไปที่ท่าเรือแหลมฉบังในจังหวัดชลบุรีตั้งแต่เปิดทำการในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2524 เขตคลองเตยถือเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่และการพัฒนาตามแนววงแหวนอุตสาหกรรมของกรุงเทพมหานคร