วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
สวัสดีค่ะ ดิฉันขื่อนางสาวภัทรวรรณ กลิ่นเพ็ชร อายุ 23 ปี ค่ะ มีประสบการณ์ในการเป็นพี่เลี้ยงติวเตอร์ให้แก่เด็ก 3,4 และ 9 ปีระยะเวลาในการทำงานเกือบจะ 2 ปีค่ะ โดยหน้าที่หลักๆแล้วจะช่วยซัพพอร์ทน้องๆในเรื่องการเรียนและทำกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการร่วมกับน้อง ไม่ว่าจะเป็น สอนการบ้านและมารยาททางสังคม วาดรูป ประดิษฐ์ ฝึกกล้ามเนื้อมือ และพาน้องออกไปทำกิจกรรมเรียนรู้ข้างนอกบ้าน เป็นต้น นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการดูแลความปลอดภัย เตรียมอาหาร เก็บของเล่น และพาอาบน้ำอีกด้วยค่ะ โดยนิสัยส่วนตัวของดิฉันนั้น เป็นคนใจเย็น สดใสร่าเริง ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเองสูงค่ะ
ชอบอยู่กับเด็กค่ะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดียวค่ะการที่เราใช้ชีวตกับเด็กๆๆๆเห็นรอยยิ้มเขามันคือความสุขของเรามันทำให้เรานึกถึงลูกขอวเราว่าพ่อแม่ฝากลูกเขาไว้กับเราเขาก็ต้องหวังว่าเราสามารถดูแลลูกเขาได้เหมือนทีเราก็รักลูกขอเราเหมือนกันค่ะ ใส่ใจเด็ก เป็นคนใจเย็นชอบคุยกับเด็กเป็นคนรักเด็กค่ะ และคนคนที่ตั้งใจกับงานมากค่ะไม่ว่างานอะไรถึงจะอายุยังน้อยแต่เป็นคนตั้งใจทำงานที่เขามอบหมายให้ทำค่ะ
มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมาบ้างค่ะ ปิดเทอมซัมเมอร์เลยอยากออกหาประสบการณ์เพราะโดยส่วนตัวรักเด็กค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คณะภาษาจีนธุรกิจ อังกฤษ-จีน สมามารถฟังพูดอ่านเขียนได้ค่ะ
I have some Au pair experience. I want to gain more my Au pair experience in summer and personally I love children. Now I’m studying at Mae Fah Luang university in major of Business Chinese. In my English and Chinese language skills, able to listen, speak, read and write.
我有一些互惠生的经验。 我想在夏天获得更多我的互惠生经验,我个人喜欢孩子。 现在我在Mae Fah Luang大学学习商务中文专业。 在我的英语和汉语能力方面,能够听、说、读、写。
จบปริญญาตรี ครุศาสตร์บัณฑิต เอกคอมพิวเตอร์
มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็ก มีลูก 3 คน เลี้ยงลูกเอง
สามารถ ฟัง พูด อ่านเขียน ภาษาอังกฤษได้ดี
เคยทำงานโรงแรมแผนกกีฬาและสันทนาการ อยู่ห้องเด็ก นำเด็กทำกิจกรรมต่างๆ เคยทำงานโรงเรียนนานาชาติ เป็นผู้ช่วยครูบรรณารักษ์ ดูแลเด็กและอ่านนิทานให้เด็กฟัง ผ่านการอบรมการดูแลเด็ก และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เป็นคนคล่องแคว่ง ว่องไว รักษาความสะอาด
สวัสดีค่ะ ดิฉันมีชื่อเล่นว่าจ๋า อายุ 21 ปีค่ะ อยากหารายได้พิเศษระหว่างเรียนค่ะ นิสัยส่วนตัวเป็นคนรักเด็กค่ะ แต่ยังไม่มีประสบการณ์ในการรับเลี้ยงเด็กค่ะ เป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง ชอบทำกิจกรรมค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค้าา ประสบการณ์การทำของดิฉัน จะเกี่ยวข้องกับงานพาร์ทไทม์เป็นส่วนใหญ่ค่ะ เช่น เสิร์ฟในโรงแรมหรือร้านอาหาร ขับรถรับ-ส่งแขกในสนามกอล์ฟ และเป็นผู้ช่วยไกด์ค่ะ
แสดงผล 1 ถึง 20 จาก 23 ผลการค้นหา
1 2ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก
1. ความอดทน พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเข้าใจในธรรมชาติและอดทนต่อพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
2. ทักษะการต่อรอง พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเทคนิคในการเจรจาสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับ
3. ทักษะแก้ปัญหา พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความสามารถในการจัดการและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องรายงานคุณพ่อคุณแม่หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
4. ความคิดสร้างสรรค์ พี่เลี้ยงเด็กควรมีความคิดสร้างสรรค์ หากิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เด็กได้เล่นเพลิดเพลินและฝึกช่วยเหลือตัวเอง
5. ตรงต่อเวลา พี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง คือต้องมาทำงานและเลิกงานตามเวลาที่ตกลงไว้กับคุณพ่อคุณแม่ หากมีเหตุสุดวิสัยทำให้มาสายควรแจ้งให้คุณพ่อคุณแม่ทราบโดยเร็วที่สุด
6. สุขภาพดี พี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมให้สะอาดอยู่เสมอ
7. วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที
1. ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีหากครอบครัวหรือเพื่อนของคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้แนะนำพี่เลี้ยงเด็กที่พวกเขารู้จัก อย่างน้อยก็มีคนรับรองพวกเขาได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องทำการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและตรวจสอบประวัติของคุณเองเพื่อให้แน่ใจว่าเชื่อถือได้มากที่สุด
2. สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาพี่เลี้ยงจากสื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค หรือไลน์ มองหาพี่เลี้ยงเด็กที่มีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการก่อนหน้า ใช้เวลาอ่านและศึกษารีวิวเหล่านั้น
3. เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน หากมีสัญญาณที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ เช่น พี่เลี้ยงเด็กดูเป็นคนไม่กระตือรือร้น หรือไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส จงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองที่ชี้ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับงาน
4. ตรวจสอบประวัติ คุณพ่อคุณแม่อาจร้องขอให้พี่เลี้ยงตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร( http://www.criminal.police.go.th/ ) เพื่อให้แน่ใจว่าพี่เลี้ยงเด็กไม่มีประวัติกระทำผิดกฎหมายทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและช่วยในการตัดสินใจ
1. วันเริ่มงาน ควรมีวันเริ่มงานให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์และไม่เป็นการเสียเวลาของทั้งคุณพ่อคุณแม่และพี่เลี้ยงเด็ก
2. ชั่วโมงการทำงานและวันหยุด ตกลงเรื่องเวลาทำงาน จำนวนชั่วโมงการทำงานในแต่ละวันและวันหยุด เพื่อให้ตารางการทำงานของพี่เลี้ยงเด็กสอดคล้องกับเวลาทำงานของพ่อคุณแม่มากที่สุด และทั้งสองฝ่ายควรรักษาเวลา
3. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ กำหนดความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน
4. ค่าแรงและกำหนดการจ่าย ค่าแรงของพี่เลี้ยงเด็กอาจขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงาน เช่นพี่เลี้ยงเด็กรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน ซึ่งกำหนดการจ่ายเงินอาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการทำงานนี้ด้วย
5. ค่าแรงในกรณีทำงานล่วงเวลา หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กทำงานล่วงเวลา ควรสอบถามความสมัครใจของพี่เลี้ยงและตกลงกันให้ชัดเจนเรื่องค่าแรง
6. การโพสต์รูปหรือข้อความเกี่ยวกับเด็กลงสื่อออนไลน์ (Social Medias) คุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้มีรูปภาพ หรือข้อความเกี่ยวกับลูก ๆ ถูกโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ค หรืออินสตาแกรม โดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรทำความตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
เมืองภูเก็ต รอยต่อของอุตสาหกรรม
บนเนื้อที่ 224 ตารางกิโลเมตร ทางด้านทิศตะวันออกของจังหวัดภูเก็ต มีประชากร ที่ขึ้นทะเบียนอาศัยอยู่ในเขตอำเภอเมืองประมาณ 2 แสน 5 หมื่นคน แต่เนื่องด้วยภูเก็ตเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงทำให้มีแรงงานหลั่งไหลเข้ามายังจังหวัดภูเก็ตอย่างต่อเนื่องทั้งคนไทย และแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้จำนวนประชากรจะแตกต่างกันไปตามขนาดของเศรษฐกิจบนเกาะภูเก็ต
ภูเก็ต ได้ชื่อว่าเป็น ดินแดนแห่งไข่มุกอันดามัน เคยเป็นดินแดนที่รุ่งโรจน์และมีความมั่งคั่งจากการทำเหมืองแร่ดีบุก ภูเก็ตมีแร่ดีบุกมากที่สุดในประเทศไทย มั่งคั่ง มีทั้งนายทุนที่เป็นคนไทยเอง ชาวจีน ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจที่นี่ ซึ่งการขุดแร่ดีบุกที่ภูเก็ต มีประวัติความเป็นมากว่า 500 ปีมาแล้ว จนวันหนึ่งธุรกิจเหมืองแร่ค่อยๆ ซบเซาลงตามความต้องการของตลาด และ อุตสาหกรรมใหม่ ก็เข้ามานั่นคืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ทำให้เมื่อเรานึกถึงภูเก็ตเชื่อว่าทุกๆ คนจะนึกถึงภาพชายหาดสวยงาม หาดทรายสวยงาม หรือ สถานบันเทิงที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติที่ มาท่องเที่ยวพักผ่อนประจำปี นอกเหนือจากนั้นล่องลอยความเจริญในยุคเหมืองแร่ก็ยังคงอยู่ ณ ใจกลางเมืองภูเก็ต ที่ที่เคยเป็น ศูนย์กลางการค้าขายแร่ดีบุก อาคารบ้านพักของผู้ที่เข้ามาทำเหมืองแร่ ไปจนถึง สถานที่ศูนย์ราชการที่ได้จัดวางไว้เป็นอย่างดี ปัจจุบันถ้าหากเราอยากสัมผัสชีวิตเมื่อครั้งเหมืองแร่ยังรุ่งเรืองเราสามารถ เดินดูได้ ณ ย่านเมืองเก่าภูเก็ต ลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีสคือการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุโรปและศิลปะจีน กล่าวคือ “สถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม” หรือ “อาคารแบบโคโลเนียล” (Colonial Style) ถ้าเป็นอาคารสองชั้นกึ่งร้านค้ากึ่งที่อยู่อาศัย (shop-house or semi-residential) จะมีด้านหน้าอาคารที่ชั้นล่างมีช่องโค้ง (arch) ต่อเนื่องกันเป็นอาคารห้องแถวยาวติดต่อกันตลอดสองข้างทาง บนถนนกลางเมืองภูเก็ต เช่น ถนนถลาง ถนนดีบุก เพื่อให้เกิดการเดินเท้า ที่ภาษาไทยเรียกทับศัพท์ว่า “อาเขต” (arcade) หรือที่ภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า “หง่อคาขี่” ซึ่งมีความหมายว่า ทางเดินกว้างห้าฟุต อีกเหตุผลหนึ่งที่จำเป็นต้องมีอาเขต ตลอดทางเดิน เพราะภูเก็ตเป็นเมืองที่มีปริมาณฝนตกมากจึงต้องทำทางเดินที่มีหลังคา นอกจากอาเขตที่เป็นเอกลักษณ์ของอาคารแบบนี้แล้ว อาคารแบบโคโลเนียลยังมีการนำลวดลายศิลปะตะวันตกแบบกรีกโรมันหรือเรียกว่า “สมัยคลาสสิก” เช่น หน้าต่างวงโค้งเกือกม้า หรือหัวเสาแบบโยนิก หรือไอโอนิก (แบบม้วนก้นหอย) และคอรินเทียน (มีใบไม้ขนาดใหญ่ประดับ) เป็นต้น ซึ่งนักวิชาการบางท่านอาจเรียกสถาปัตยกรรมแบบนี้ว่า “นีโอคลาสสิก” สถาปัตยกรรมจึงมีลักษณะผสมผสานกันระหว่างศิลปะตะวันตกและศิลปะตะวันออกเรียกว่า "อาคารแบบโคโลเนียล" จากนั้นก็ส่งอิทธิพลไปตามเมืองท่าต่างๆ อย่างสิงคโปร์และปีนังซึ่งมีสายสัมพันธ์โดยตรงกับภูเก็ต
เมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร
ภูเก็ตได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ในโครงการเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network) ประเภท “เมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร" (Creative City of Gastronomy) ภูเก็ตเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดประเทศไทย มีประชากรประมาณ 390,000 คน ที่มีความหลากหลายวัฒนธรรมมากว่า 200 ปีและที่นี่วัฒนธรรมการทำอาหารแบบดั้งเดิมถูกมองว่าเป็นตัวกระตุ้นสำหรับการสนทนาระหว่างวัฒนธรรมและระหว่างรุ่นและในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้รับประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความรู้ที่หลากหลาย ในขณะที่ภาคส่วนของการทำอาหารมีการสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญกว่า 100 ล้านบาทต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น ในแต่ละปีมีความพยายามอย่างสูงการผลิตและการใช้ประโยชน์อย่างสมดุลเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้น
ภายในเมืองภูเก็ตมีการทำอาหารที่มีบทบาทสำคัญเนื่องจากมีความสามารถในการถ่ายทอดและรักษาสูตรอาหารโบราณที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนภายในครอบครัวและชุมชน มีความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ และส่งเสริมการแสดงออกแบบดั้งเดิมนี้ได้รับการเน้นโดย จัดเทศกาลในย่านเมืองเก่าประจำปี ซึ่งจะฟื้นฟูความรู้โบราณในการทำอาหารงานฝีมือและศิลปะพื้นบ้านและทัศนศิลป์ วัฒนธรรมอาหารนี้ได้ดึงดูดผู้ชมทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 400,000 คน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเทศบาลเมืองภูเก็ตได้ลงทุนอย่างสูงในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับห่วงโซ่อาหารปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโครงการอาหารปลอดภัยภูเก็ตและครัวอันดามัน เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนจังหวัดภูเก็ตยังมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการสร้างขีดความสามารถและยกระดับความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศในด้านการวิจัยและพัฒนาด้วยการทำงานเพื่อให้บรรลุการผลิตและการบริโภคทรัพยากรอาหารในท้องถิ่นอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน
สาเหตุที่ยูเนสโกได้เลือกภูเก็ต เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหารมีอยู่ 5 เหตุผลดังนี้
1. ความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะวัฒนธรรมอาหารที่เกิดจากพหุสังคม เช่นคนไทย คนจีน คนมุสลิม และชาวต่างชาติที่อยู่ที่นี่ ได้เคยสร้างวัฒนธรรมอาหารที่กลมกลืนกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนภูเก็ต
2. อาหารภูเก็ตมีเอกลักษณ์และเป็นองค์ประกอบสำคัญในทุกเทศกาล รวมถึงพิธีการความเชื่อ วิถีชีวิตในครอบครัว
3. อาหารท้องถิ่นภูเก็ตหลายประเภทมีอัตลักษณ์หาทานที่อื่นไม่ได้ มีสูตรลับเฉพาะที่ถ่ายทอดผ่านคนในครอบครัว และหลายอย่างเป็นวัตถุดิบที่มีเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
4. ความเข้มแข็งและความร่วมมือจากภาคเอกชน ภาครัฐและสถาบันทางวิชาการในภูเก็ต สืบค้น จัดเทศกาล และนำเสนอ ให้กลมกลืนกับยุคสมัย ทำให้มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมบนพื้นฐานวิทยาการด้านอาหารหลากหลายอย่าง เช่น การจำหน่ายอาหารท้องถิ่น แปรรูปเป็นของฝาก ของที่ระลึก ฯลฯ
5. ชาวภูเก็ตมีน้ำใจ อัธยาศัยดีงาม มีความยินดีร่วมมือแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์กับเมืองอื่นๆ เช่นในเปอรานากัน (Peranakan กลุ่มนี้มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับกลุ่มเปอรานากันในประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และสิงคโปร์) ในเครือข่าย ภายใต้นโยบายที่ว่า "Good Food, Good Health, Good Spirit...in Phuket" กินดี อยู่ดี มีจิตใจงาม...ที่ภูเก็ต
เคล็ดลับส่งเสริมให้เด็กรักการเรียนรู้
1. ส่งเสริมให้เด็กมีส่วนร่วม ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาให้ความเห็นว่าสิ่งที่ทำให้ผลการเรียนของนักเรียนต่ำกว่าปกติเกิดจากการ "ขาดการมีส่วนร่วม" ในชั้นเรียน ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองอาจช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้โดย ถามเด็ก ๆ ว่าพวกเขาเรียนรู้อะไรที่โรงเรียนในวันนี้ ในการทำเช่นนี้ช่วยให้พวกเขาภาคภูมิใจกับความรู้ที่เพิ่งค้นพบ สิ่งที่เรียนรู้มา เด็กบางคนจะเพลิดเพลินกับโอกาสที่จะสอนบางสิ่งบางอย่างแก่พ่อแม่ของพวกเขา ดังนั้นการสนใจอยากรู้อยากเห็นและถามคำถามมากมายจะช่วยได้จริงๆ
2. ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก ดูหลักสูตรการบ้านหรือหนังสือเรียนของบุตรหลาน คุณจะพบตัวอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นแนวคิดและข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณสามารถนำไปใช้ในกิจกรรมที่พวกเขาชอบได้ สำหรับเด็กเล็ก อาจทำได้ง่ายๆ เช่น เล่นเกมนับเลขด้วยของเล่น หรือให้พวกเขาลองสะกดคำจากหนังสือเล่มโปรดสำหรับเด็กโตช่วยให้พวกเขาค้นพบความชอบและความสนใจ
3. สิ่งที่เรียนรู้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง โดยเฉพาะวัยรุ่นอาจจะรู้สึกหงุดหงิดเมื่อสิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้เป็นข้อมูลที่ "ไร้ประโยชน์" หรือ "ไม่เกี่ยวข้อง" กับสิ่งที่พวกเขาสนใจหรือต้องการทำ ต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจว่า ความรู้พื้นฐานที่ได้จากการเรียนในโรงเรียนซึ่งเกี่ยวข้องกับทักษะการแก้ปํญหา นั่นจะช่วยในการเรียนรู้ในอนาคต
4.มุ่งเน้นที่กระบวนการไม่ใช่ผลลัพธ์ นักเรียนจะรู้สึกกดดันเมื่อต้องการได้คะแนนที่ดี แต่ความกดดันกลับเป็นตัวทำลายความสามารถในการเรียนรู้ ทำให้เกิดความวิตกกังวลจนอาจนำไปสู่การหลีกเลี่ยงการไปโรงเรียนและการเข้าเรียน พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถช่วยเด็กได้โดยส่งเสริมให้เด็กมีความพยายามในการเรียนรู้ อธิบายถึงประโยชน์ที่เด็กจะได้รับ แต่ไม่ได้เน้นว่าเด็กต้องทำให้ได้คะแนนดี แค่ให้โอกาสได้สนุกกับการเรียน
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง