วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก
1. ความอดทน พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเข้าใจในธรรมชาติและอดทนต่อพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
2. ทักษะการต่อรอง พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเทคนิคในการเจรจาสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับ
3. ทักษะแก้ปัญหา พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความสามารถในการจัดการและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องรายงานคุณพ่อคุณแม่หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
4. ความคิดสร้างสรรค์ พี่เลี้ยงเด็กควรมีความคิดสร้างสรรค์ หากิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เด็กได้เล่นเพลิดเพลินและฝึกช่วยเหลือตัวเอง
5. ตรงต่อเวลา พี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง คือต้องมาทำงานและเลิกงานตามเวลาที่ตกลงไว้กับคุณพ่อคุณแม่ หากมีเหตุสุดวิสัยทำให้มาสายควรแจ้งให้คุณพ่อคุณแม่ทราบโดยเร็วที่สุด
6. สุขภาพดี พี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมให้สะอาดอยู่เสมอ
7. วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที
1. ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีหากครอบครัวหรือเพื่อนของคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้แนะนำพี่เลี้ยงเด็กที่พวกเขารู้จัก อย่างน้อยก็มีคนรับรองพวกเขาได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องทำการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและตรวจสอบประวัติของคุณเองเพื่อให้แน่ใจว่าเชื่อถือได้มากที่สุด
2. สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาพี่เลี้ยงจากสื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค หรือไลน์ มองหาพี่เลี้ยงเด็กที่มีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการก่อนหน้า ใช้เวลาอ่านและศึกษารีวิวเหล่านั้น
3. เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน หากมีสัญญาณที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ เช่น พี่เลี้ยงเด็กดูเป็นคนไม่กระตือรือร้น หรือไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส จงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองที่ชี้ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับงาน
4. ตรวจสอบประวัติ คุณพ่อคุณแม่อาจร้องขอให้พี่เลี้ยงตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร( http://www.criminal.police.go.th/ ) เพื่อให้แน่ใจว่าพี่เลี้ยงเด็กไม่มีประวัติกระทำผิดกฎหมายทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและช่วยในการตัดสินใจ
1) ขอบเขตหน้าที่ที่คุณต้องการให้พี่เลี้ยงทำ เช่น ช่วยเลี้ยงลูกคุณขณะคุณไม่อยู่บ้าน ช่วยเตรียมกับข้าวให้ลูกน้อยรับประทานในแต่ละมื้อ ช่วยสอนการบ้านหากพี่เลี้ยงมีความสามารถ
2) วันและเวลาการทำงาน ในวันที่สัมภาษณ์คุณและพี่เลี้ยงจะต้องตกลงเรื่องวันเวลาการทำงานให้อย่างชัดเจน และคุณควรจะมีวันหยุดให้พี่เลี้ยงตาม กฎหมายกระทรวงแรงงาน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ และวันพักร้อน ได้ 6 วัน ต่อ ปี และต้องหยุดตามประเพณี ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน
3) ค่าจ้าง คุณจะต้องตกลงเรื่องค่าจ้างกับพี่เลี้ยงให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คุณควรที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กทำงานในวันหยุดนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน
4) ข้อตกลงในการอาศัยอยู่ในบ้าน หากคุณมีกฎระเบียบที่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้ คุณต้องแจ้งให้พี่เลี้ยงเด็กรับทราบก่อนเริ่มงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากให้ลูกติดโทรศัพท์ คุณควรแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบ และควรกำชับพี่เลี้ยงว่าไม่ให้ลูกของคุณเล่นโทรศัพท์ขณะที่คุณไม่อยู่ เพราะเด็กอาจได้รับผลกระทบจากการเล่นโทรศัพท์นานเกินไปจนส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นและส่งผลกับสายตา ดังนั้นพี่เลี้ยงจะต้องหากิจกรรมที่ให้เด็กได้พัฒนาตนเองมากกว่าการเล่นโทรศัพท์มือถือ
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ แหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจสำหรับเด็กๆ
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ (Naval Museum) เป็นพิพิธภัณฑสถานแบบพิเศษที่รวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอนุรักษ์วัตถุพิพิธภัณฑ์ ข้าวของเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับกองทัพเรือไทย อาทิเช่น อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เคยใช้ในการรบ เรือรบจำลองของไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นจนถึงปัจจุบัน เรือดำน้ำรุ่นแรกของราชนาวีไทย (เรือมัจฉานุ) เรือหลวงพระร่วง เรือเหรา รวมทั้งยุทธนาวีครั้งสำคัญๆ พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ ตรงข้ามกับโรงเรียนนายเรือ จากแยกบางนาไปสำโรงประมาณ 10 กิโลเมตร
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือแบ่งเป็น การจัดการแสดงกลางแจ้ง อาคาร 1 และ อาคาร 2
ในส่วนของ การจัดการแสดงกลางแจ้ง จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ โดยจัดตั้งไว้บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตัวอาคาร เช่น เรือดำน้ำ เรือ PBR เครื่องบิน HU-16B ปืนใหญ่โบราณ รถสะเทินน้ำสะเทินบก (LVT MK4) รถหุ้มเกราะ V-15 ปืนเรือ ขนาด 75/51 มม.และปืนล้อสนาม
อาคาร 1 เป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2515 ชั้นล่างแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ห้องแรกจัดเป็นห้องเทิดพระเกียรติ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ห้องที่ 2 เป็นห้องเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ห้องที่ 3 เป็นห้องจัดแสดงสรรพาวุธ
อาคาร 1 ชั้น 2 จัดแสดงห้องเทิดพระเกียรติ จอมพลเรือคนสำคัญ ห้องเครื่องลายคราม ห้องเครื่องแบบทหารเรือ ห้องธงราชนาวีและธงที่ใช้ในกองทัพเรือ
อาคาร 2 เป็นอาคาร 3 ชั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2530
ชั้นที่ 1 จัดแสดงประภาคารแห่งแรกของประเทศไทย เรือโบราณ และอาวุธยุทโธปกรณ์ เช่น ตอร์ปิโด ปืนเที่ยง และทุ่นระเบิด
ชั้นที่ 2 จัดแสดงเรือในพระราชพิธีและการจัดขบวนเรือ รวมถึงเรือสำคัญในพระราชพิธี เช่น เรือพระนั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช นอกจากนี้ยังมีเรือรบสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ครุฑหัวเรือ เครื่องมือเดินเรือและอุปกรณ์ของชาวเรือ
ชั้นที่ 3 เป็นส่วนนิทรรศการพิเศษ จัดแสดงเหตุการณ์การสู้รบและการทำสงครามของทหารเรือที่สำคัญต่างๆ เช่นยุทธนาวีที่เกาะช้าง สงครามมหาเอเชียบูรพา ยุทธการบ้านชำราก จังหวัดตราด และการรบที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ร.ศ. 112 เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือเปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09:00 – 15:00 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เดินทางสะดวก มีลานจอดรถรองรับเพียงพอ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่มีเด็กๆ เพื่อเป็นการศึกษาเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับราชนาวีไทย ได้เห็นอาวุธและเรือโบราณ โดยเฉพาะวันเด็กของทุกปี ทางพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดงานวันเด็ก มีกิจกรรมต่างๆเพื่อให้เด็กได้สนุกสนานเพลิดเพลิน พร้อมรับความรู้กลับบ้านไปด้วย
รวมโรงเรียนนานาชาติในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
ด้วยปัจจุบันมีการแข่งขันทางการศึกษาสูง ผู้ปกครองที่มีฐานะส่วนใหญ่ต้องการส่งเสริมให้บุตรหลานได้เรียนในโรงเรียนที่มีบรรยากาศการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ มีครูอาจารย์ชาวต่างชาติเป็นผู้สอนในแต่ละวิชาเป็นหลัก เพื่อเป็นการปูพื้นฐานก่อนจะส่งบุตรหลานไปเรียนต่อยังต่างประเทศเมื่อถึงเวลาอันสมควร จังหวัดสมุทรปราการเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งมาก และคาดว่าธุรกิจสถานศึกษานานาชาติจะยิ่งเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราได้รวบรวมโรงเรียนนานาชาติในเขตอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการมาไว้ที่นี่ เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้ผู้ปกครองที่กำลังวางแผนส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติต่อไป
1. โรงเรียนนานาชาติไทย-สิงคโปร์ (Thai-Singapore International School TSIS) ตั้งอยู่เลขที่ 1000 หมู่ 5 ถนนศรีนครินทร์ ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ มีหลักสูตร Singapore curriculum เน้นสอน 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ค่าเทอมเริ่มต้นที่ 150,000 บาท/ปี
2. โรงเรียนประภามนตรี (Praphamontree Affiliated School - PPMAS) ตั้งอยู่เลขที่ 99/551 หมู่ 8 ถนนศรีนครินทร์ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นโรงเรียนเด็กเล็ก ตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลและประถมศึกษาตอนต้น มีหลักสูตร Singapore curriculum เน้นสอน 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ค่าเทอมชั้นเตรียมอนุบาลเริ่มต้นที่ 200,000 บาท/ปี และชั้นประถมศึกษา เริ่มที่ 310,000 บาท/ปี
3. โรงเรียนไทยซิกซ์ (Thai Sikh International School - Senior Campus) ตั้งอยู่เลขที่ 1799 1-2 ถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง เปิดสอนชั้นปี 7-13 (key stage 3 -5) มีหลักสูตร UK Curriculum มีอัตราค่าเล่าเรียนที่ต่ำที่สุดประเทศไทยเมื่อเทียบกับโรงเรียนนานาชาติอื่นๆ ค่าเทอมเริ่มตั้งแต่ 228,000 บาท/ปี
4. Bangkok Chicago Christian International School ตั้งอยู่เลขที่ 99/558 หมู่ 8 ถนนศรีนครินทร์ ตำบลบางเมือง อำเภอเมืองสมุทรปราการ เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษา มีทั้งระบบจีน และระบบอเมริกา ค่าเทอมเริ่มตั้งแต่ 165,000 บาท/ปี ในระดับชั้นอนุบาล ไปจนถึง 420,000 บาท/ปี ในชั้นมัธยมศึกษา
5. Double Trees International School Srinakarin ตั้งอยู่เลขที่ 21 ซอย 43 (เกษม) ถนนสุขุมวิท อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นโรงเรียนนานาชาติอนุบาล รับเด็กอายุตั้งแต่ 1.5 – 6 ขวบ เน้นสอน 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน
ประโยชน์ของนมแม่
น้ำนมแม่ ถือเป็นอาหารชั้นเลิศของลูกวัยทารกในช่วง 6 เดือนแรก ช่วยเสริมภูมิคุ้มต้านทานโรค ทำให้มีร่างกายแข็งแรง ฟื้นตัวเร็วหากเจ็บป่วย ป้องกันการติดเชื้อทางเดินอาหาร โรคภูมิแพ้ อีกทั้งทำให้มีระดับไอคิวสูงเพราะนมแม่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมอง และเป็นการสร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูก ทำให้ทารกรู้สึกปลอดภัย
ส่วนข้อดีของตัวผู้เป็นแม่คือ ช่วยลดความเสี่ยงของการโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ โรคเบาหวาน ลดความเสี่ยงภาวะตกเลือดหลังคลอดบุตร และประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องซื้อนมผง สามารถช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาลของลูกน้องได้ เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคดี นอกจากนี้ยังช่วยลดน้ำหนักที่เพิ่มมาระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้รูปร่างคุณแม่กลับมาสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น
ควรให้นมลูกเมื่อไหร่
องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ แนะนำว่าควรให้นมลูกทันทีในช่วง 1 ชั่วโมงหลังคลอด และควรให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน จากนั้นก็กินต่อเนื่องควบคุมกับอาหารเสริมที่มีประโยชน์และปลอดภัยไปจนถึงอายุ 2 ขวบ สารอาหารในน้ำนมแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ 3 ระยะ ได้แก่
น้ำนมระยะที่ 1 (Colostrum) หรือระยะหัวน้ำนม ช่วง 1-3 วันแรก น้ำนมจะมีสีเหลือง เนื่องจากมีทีแคโรทีนสูง ประกอบด้วยโปรตีนต่างๆ ที่ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีเกลือแร่และวิตามิน รวมทั้งสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมองและการมองเห็น อีกทั้งยังช่วยขับขี้เทาของลูกด้วย
น้ำนมระยะที่ 2 (Transitional Milk) ช่วง 5 วัน – 2 สัปดาห์แรก น้ำนมจะเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น มีไขมันและน้ำตาลเพิ่มขึ้น
น้ำนมระยะที่ 3 (Mature Milk) หลังจาก 2 สัปดาห์แรกผ่านมาไป น้ำนมแม่จะเริ่มมีปริมาณมากขึ้น และมีสารอาหารหลักเพิ่มขึ้น ทั้งโปรตีน ไขมันที่เป็นกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย น้ำตาลแลคโตสซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตสายสั้นมากกว่า 200 ชนิด มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญอีกมากมาย เช่น วิตามิน A, B1, B2, B6, B12, C, D, E, K รวมถึงธาตุเหล็ก แคลเซียม และไอโอดีน
ช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด เด็กจะต้องการกินนมค่อนข้างถี่ ประมาณทุกๆ 1-2 ชั่วโมง ทารกจะกินนมครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยเพราะกระเพาะของเด็กแรกเกิดมีขนาดเพียงประมาณเท่าลูกเชอร์รี่ เมื่ออายุได้ 1 สัปดาห์จึงจะขยายขนาดเท่าประมาณลูกปิงปอง การกินถี่อาจทำให้ทารกมีอาการง่วง เพราะต้องตื่นทุก 3-4 ชั่วโมง และทารกจะสามารถนอนได้นานมากกว่า 6 ชั่วโมง หลังจากมีอายุ 3 เดือน
เมื่อน้ำนมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย จึงมีการสนับสนุนให้ทารกได้กินนมแม่จนถึง 6 เดือน หรือหากคุณแม่สามารถกระตุ้นน้ำนมให้มีน้ำนมได้นานถึง 1 ปี หรือ 2 ปี ให้ลูกได้กินควบคู่กับอาหารหลักตามวัยก็จะยิ่งดี
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง