ดูแลเด็ก ใน เมืองสมุทรปราการ, สมุทรปราการ

ดูแลเด็ก ใน เมืองสมุทรปราการ, สมุทรปราการ

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

Khaimuk  Homberg
Khaimuk Homberg
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กและทำงานร่วมกับเด็กมากกว่า 5 ปี

รักเด็กค่ะ พูดได้ 2 ภาษา ไทย-อังกฤษ สามารถสอนการบ้านน้องและช่วยเหลือในด้านอื่นๆได้

มีใบขับขี่ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 47 ปี
	ปรีชญา ขัดเรือน
ปรีชญา ขัดเรือน
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
Saijai อายุ 30 ปี

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 26 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
นันทิรา ระยับศรี
นันทิรา ระยับศรี
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี

ตอนนี้ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่โรงเรียนนานาชาติ เป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสเข้ากับเด็กได้ดีสามารถสอนพื้นฐานให้เด็กวัยก่อนเข้าเรียนได้ ตามพัฒนาการของน้องค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ลัดดา เหล่าทา
ลัดดา เหล่าทา
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมากกว่า 10 ปี

แสดงเพิ่มเติม
ณัฐวรินทร์ ภานุโรจนรัศมี
ณัฐวรินทร์ ภานุโรจนรัศมี
Saijai ประสบการณ์ 4-5 ปี

รักเด็ก, ใจเย็น, ละเอียด, รักสะอาด, ยืดหยุ่น, รับฟังและพร้อมเรียนรู้

แสดงเพิ่มเติม
ณัฐวิกา พุ่มมาก
ณัฐวิกา พุ่มมาก
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี

เป็นครูอนุบาล มีใบประกอบวิชาชีพค่ะ เรียนจบการศึกษาปฐมวัยผ่านสังเกตการสอน ฝึกสอน มีประสบการณ์ในการทำงานค่ะ รักเด็กชอบเด็กเลี้ยงเด็กเหมือนลูกตัวเองใส่ใจทุกรายละเอียดของเด็กค่ะ นิสัยร่าเริง ชอบร้องเพลง ชอบพาเด็กๆทำอาหาร ขนม และทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
ณัฎฐ์ชญานิศ ศรีสุขรัตนา
ณัฎฐ์ชญานิศ ศรีสุขรัตนา
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

เป็นคนรักเด็ก ถึงแม้ตัวเองจะไม่มีบุตร เคยรับเลี้ยงเด็กในซอยวัยก่อนเข้าเรียน เพราะพ่อแม่เด็กต้องทำงาน จะซื้อของเล่นและพาไปเที่ยวในละแวกใกล้ หรือถ้าพ่อแม่อนุญาตก็พาไปไกลได้ ชอบซื้อขนมและสิ่งของต่างๆแจกเด็กในซอย

แสดงเพิ่มเติม
บุญตา สุอังคะวาทิน
บุญตา สุอังคะวาทิน
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 54 ปี

ผ่านหลักสูตร คุรุศาสตร๋มหาบัณฑิตด้วยค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
วนิดา ชัยวร
วนิดา ชัยวร
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 33 ปี
อานนท์ ทองแสง
อานนท์ ทองแสง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 30 ปี

ผมเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ยุ่งอบายมุข ไม่พูดคำหยาบ ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย ทำได้ทุกอย่างครับ สอนได้ทุกวิชา ค่าจ้างเป็นต่อชั่วโมงหรือให้เป็นรายเดือนก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

พี่เลี้ยงเด็กที่จ้างผ่านเว็บใส่ใจคือดีจริง ๆ พี่เลี้ยงเด็กมีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูเด็กและเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ทำให้คนเป็นแม่อย่างเราหายห่วงลูกเลยจริง ๆ หากใครที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก บริการของทางใส่ใจถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องทำงานนอกบ้าน
Saijai
กรรชัย วงศ์พานิชญ์
3 ปีที่แล้ว
ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
3 ปีที่แล้ว
ลาคลอดได้แค่ 3 เดือน ค่ะ ต้องกลับไปทำงานต่อ จะฝากลูกไว้กับยายก็กลัวแกจะดูไม่ไหว เลยลองหาพี่เลี้ยงจากเว็บใส่ใจดู ตอนแรกก็กังวลอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่กล้าทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยง แต่ก็วางใจอย่างนึงว่าพี่เลี้ยงมีประสบการณ์ ตอนนี้ทุกอย่างลงตัว โอเคมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุชาดา มิ่งมงคล
3 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
4 ปีที่แล้ว
ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานนอกบ้านและไม่มีเวลาเลี้ยงลูกเอง ลองเปรียบเทียบกันระหว่างส่งลูกไปเนอสเซอรี่และจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกที่บ้าน อะไรจะตรงใจคุณพ่อคุณแม่มากที่สุด
บริการรับเลี้ยงเด็กในปัจจุบันมีหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หรือเนอสเซอรี่ เรามาดูข้อดีข้อเสียกันเลยค่ะ

ข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กที่บ้านมีดังนี้

1) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณได้อย่างใกล้ชิด ลูกของคุณจะได้รับความเอาใจใส่ที่ส่งผลต่อพัฒนาการเด็กทางด้านอารมณ์
2) พี่เลี้ยงสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านการทำกิจกรรมต่าง
3) พ่อแม่ประหยัดเวลามากขึ้น หากจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลที่บ้าน
4) เด็กจะไม่ป่วยบ่อย เนื่องจากเด็กจะอยู่ในบ้านของตนเอง

ข้อดีของเนอสเซอรี่

1) เด็ก ๆ จะรู้จักการเข้าสังคม
2) เนอสเซอรี่มีบริเวณกว้างเพื่อให้เด็กได้ทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ
3) เด็กจะได้ฝึกดูแลตัวเอง เพราะครูพี่เลี้ยงไม่ได้ดูแลเด็กแบบใกล้ชิด

ข้อเสียของพี่เลี้ยง

1) ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเข้าศูนย์เนอสเซอรี่
2) เด็กอาจจะติดพี่เลี้ยงเกินไป
3) ลดความเป็นส่วนตัวของครอบครัว

ข้อเสียของเนอสเซอรี่

1) เด็กป่วยบ่อยเพราะมีภูมิคุ้มกันที่น้อยเนื่องจากอยู่กับเด็กหลายคน
2) ลูกจะไม่ได้รับการดูแลใกล้ชิดแบบตัวต่อตัวอาจส่งผลถึงอารมณ์ของเด็กได้
3) เด็กจะอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาบริการพี่เลี้ยงเด็ก ใส่ใจมีบริการพี่เลี้ยงมืออาชีพที่พร้อมจะให้บริการคุณค่ะ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว ใส่ใจขอแนะนำให้คุณพ่อคุณมองหาคุณสมบัติและทักษะเหล่านี้ในตัวพี่เลี้ยงเด็กเพื่อให้ได้คนที่ตรงใจที่สุดค่ะ

1. ความอดทน พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเข้าใจในธรรมชาติและอดทนต่อพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
2. ทักษะการต่อรอง พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเทคนิคในการเจรจาสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับ
3. ทักษะแก้ปัญหา พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความสามารถในการจัดการและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องรายงานคุณพ่อคุณแม่หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
4. ความคิดสร้างสรรค์ พี่เลี้ยงเด็กควรมีความคิดสร้างสรรค์ หากิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เด็กได้เล่นเพลิดเพลินและฝึกช่วยเหลือตัวเอง
5. ตรงต่อเวลา พี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง คือต้องมาทำงานและเลิกงานตามเวลาที่ตกลงไว้กับคุณพ่อคุณแม่ หากมีเหตุสุดวิสัยทำให้มาสายควรแจ้งให้คุณพ่อคุณแม่ทราบโดยเร็วที่สุด
6. สุขภาพดี พี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมให้สะอาดอยู่เสมอ
7. วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที
อะไรที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง
เมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูก ๆ ของคุณ ความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจ คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการใดบ้างที่จะหาพี่เลี้ยงที่วางใจได้ ใส่ใจมีวิธีการที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักตัวตนของพี่เลี้ยงเด็กมากขึ้น

1. ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีหากครอบครัวหรือเพื่อนของคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้แนะนำพี่เลี้ยงเด็กที่พวกเขารู้จัก อย่างน้อยก็มีคนรับรองพวกเขาได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องทำการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและตรวจสอบประวัติของคุณเองเพื่อให้แน่ใจว่าเชื่อถือได้มากที่สุด
2. สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาพี่เลี้ยงจากสื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค หรือไลน์ มองหาพี่เลี้ยงเด็กที่มีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการก่อนหน้า ใช้เวลาอ่านและศึกษารีวิวเหล่านั้น
3. เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน หากมีสัญญาณที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ เช่น พี่เลี้ยงเด็กดูเป็นคนไม่กระตือรือร้น หรือไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส จงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองที่ชี้ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับงาน
4. ตรวจสอบประวัติ คุณพ่อคุณแม่อาจร้องขอให้พี่เลี้ยงตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร( http://www.criminal.police.go.th/ ) เพื่อให้แน่ใจว่าพี่เลี้ยงเด็กไม่มีประวัติกระทำผิดกฎหมายทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและช่วยในการตัดสินใจ
ในวันสัมภาษณ์พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงเด็ก
ขั้นตอนของการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่คุณจะได้ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงที่คุณจะจ้าง แต่ในขั้นตอนนี้คุณต้องทำการตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน ดังนั้นวันนี้ใส่ใจมีข้อแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและพูดคุยถึงข้อตกลงที่สำคัญมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

1) ขอบเขตหน้าที่ที่คุณต้องการให้พี่เลี้ยงทำ เช่น ช่วยเลี้ยงลูกคุณขณะคุณไม่อยู่บ้าน ช่วยเตรียมกับข้าวให้ลูกน้อยรับประทานในแต่ละมื้อ ช่วยสอนการบ้านหากพี่เลี้ยงมีความสามารถ
2) วันและเวลาการทำงาน ในวันที่สัมภาษณ์คุณและพี่เลี้ยงจะต้องตกลงเรื่องวันเวลาการทำงานให้อย่างชัดเจน และคุณควรจะมีวันหยุดให้พี่เลี้ยงตาม กฎหมายกระทรวงแรงงาน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ และวันพักร้อน ได้ 6 วัน ต่อ ปี และต้องหยุดตามประเพณี ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน
3) ค่าจ้าง คุณจะต้องตกลงเรื่องค่าจ้างกับพี่เลี้ยงให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คุณควรที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กทำงานในวันหยุดนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน
4) ข้อตกลงในการอาศัยอยู่ในบ้าน หากคุณมีกฎระเบียบที่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้ คุณต้องแจ้งให้พี่เลี้ยงเด็กรับทราบก่อนเริ่มงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากให้ลูกติดโทรศัพท์ คุณควรแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบ และควรกำชับพี่เลี้ยงว่าไม่ให้ลูกของคุณเล่นโทรศัพท์ขณะที่คุณไม่อยู่ เพราะเด็กอาจได้รับผลกระทบจากการเล่นโทรศัพท์นานเกินไปจนส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นและส่งผลกับสายตา ดังนั้นพี่เลี้ยงจะต้องหากิจกรรมที่ให้เด็กได้พัฒนาตนเองมากกว่าการเล่นโทรศัพท์มือถือ

พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ แหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจสำหรับเด็กๆ

พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ (Naval Museum) เป็นพิพิธภัณฑสถานแบบพิเศษที่รวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอนุรักษ์วัตถุพิพิธภัณฑ์ ข้าวของเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับกองทัพเรือไทย อาทิเช่น อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เคยใช้ในการรบ เรือรบจำลองของไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นจนถึงปัจจุบัน เรือดำน้ำรุ่นแรกของราชนาวีไทย (เรือมัจฉานุ) เรือหลวงพระร่วง เรือเหรา รวมทั้งยุทธนาวีครั้งสำคัญๆ พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ ตรงข้ามกับโรงเรียนนายเรือ จากแยกบางนาไปสำโรงประมาณ 10 กิโลเมตร

พิพิธภัณฑ์ทหารเรือแบ่งเป็น การจัดการแสดงกลางแจ้ง อาคาร 1 และ อาคาร 2

ในส่วนของ การจัดการแสดงกลางแจ้ง จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ โดยจัดตั้งไว้บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตัวอาคาร เช่น เรือดำน้ำ เรือ PBR เครื่องบิน HU-16B ปืนใหญ่โบราณ รถสะเทินน้ำสะเทินบก (LVT MK4) รถหุ้มเกราะ V-15 ปืนเรือ ขนาด 75/51 มม.และปืนล้อสนาม

อาคาร 1 เป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2515 ชั้นล่างแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ห้องแรกจัดเป็นห้องเทิดพระเกียรติ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ห้องที่ 2 เป็นห้องเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ห้องที่ 3 เป็นห้องจัดแสดงสรรพาวุธ

อาคาร 1 ชั้น 2 จัดแสดงห้องเทิดพระเกียรติ จอมพลเรือคนสำคัญ ห้องเครื่องลายคราม ห้องเครื่องแบบทหารเรือ ห้องธงราชนาวีและธงที่ใช้ในกองทัพเรือ

อาคาร 2 เป็นอาคาร 3 ชั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2530

ชั้นที่ 1 จัดแสดงประภาคารแห่งแรกของประเทศไทย เรือโบราณ และอาวุธยุทโธปกรณ์ เช่น ตอร์ปิโด ปืนเที่ยง และทุ่นระเบิด

ชั้นที่ 2 จัดแสดงเรือในพระราชพิธีและการจัดขบวนเรือ รวมถึงเรือสำคัญในพระราชพิธี เช่น เรือพระนั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช นอกจากนี้ยังมีเรือรบสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ครุฑหัวเรือ เครื่องมือเดินเรือและอุปกรณ์ของชาวเรือ

ชั้นที่ 3 เป็นส่วนนิทรรศการพิเศษ จัดแสดงเหตุการณ์การสู้รบและการทำสงครามของทหารเรือที่สำคัญต่างๆ เช่นยุทธนาวีที่เกาะช้าง สงครามมหาเอเชียบูรพา ยุทธการบ้านชำราก จังหวัดตราด และการรบที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ร.ศ. 112 เป็นต้น

พิพิธภัณฑ์ทหารเรือเปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09:00 – 15:00 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เดินทางสะดวก มีลานจอดรถรองรับเพียงพอ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่มีเด็กๆ เพื่อเป็นการศึกษาเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับราชนาวีไทย ได้เห็นอาวุธและเรือโบราณ โดยเฉพาะวันเด็กของทุกปี ทางพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดงานวันเด็ก มีกิจกรรมต่างๆเพื่อให้เด็กได้สนุกสนานเพลิดเพลิน พร้อมรับความรู้กลับบ้านไปด้วย



รวมโรงเรียนนานาชาติในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

ด้วยปัจจุบันมีการแข่งขันทางการศึกษาสูง ผู้ปกครองที่มีฐานะส่วนใหญ่ต้องการส่งเสริมให้บุตรหลานได้เรียนในโรงเรียนที่มีบรรยากาศการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ มีครูอาจารย์ชาวต่างชาติเป็นผู้สอนในแต่ละวิชาเป็นหลัก เพื่อเป็นการปูพื้นฐานก่อนจะส่งบุตรหลานไปเรียนต่อยังต่างประเทศเมื่อถึงเวลาอันสมควร จังหวัดสมุทรปราการเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งมาก และคาดว่าธุรกิจสถานศึกษานานาชาติจะยิ่งเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราได้รวบรวมโรงเรียนนานาชาติในเขตอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการมาไว้ที่นี่ เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้ผู้ปกครองที่กำลังวางแผนส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติต่อไป

1. โรงเรียนนานาชาติไทย-สิงคโปร์ (Thai-Singapore International School TSIS) ตั้งอยู่เลขที่ 1000 หมู่ 5 ถนนศรีนครินทร์ ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ มีหลักสูตร Singapore curriculum เน้นสอน 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ค่าเทอมเริ่มต้นที่ 150,000 บาท/ปี

2. โรงเรียนประภามนตรี (Praphamontree Affiliated School - PPMAS) ตั้งอยู่เลขที่ 99/551 หมู่ 8 ถนนศรีนครินทร์ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นโรงเรียนเด็กเล็ก ตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลและประถมศึกษาตอนต้น มีหลักสูตร Singapore curriculum เน้นสอน 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ค่าเทอมชั้นเตรียมอนุบาลเริ่มต้นที่ 200,000 บาท/ปี และชั้นประถมศึกษา เริ่มที่ 310,000 บาท/ปี

3. โรงเรียนไทยซิกซ์ (Thai Sikh International School - Senior Campus) ตั้งอยู่เลขที่ 1799 1-2 ถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง เปิดสอนชั้นปี 7-13 (key stage 3 -5) มีหลักสูตร UK Curriculum มีอัตราค่าเล่าเรียนที่ต่ำที่สุดประเทศไทยเมื่อเทียบกับโรงเรียนนานาชาติอื่นๆ ค่าเทอมเริ่มตั้งแต่ 228,000 บาท/ปี

4. Bangkok Chicago Christian International School ตั้งอยู่เลขที่ 99/558 หมู่ 8 ถนนศรีนครินทร์ ตำบลบางเมือง อำเภอเมืองสมุทรปราการ เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษา มีทั้งระบบจีน และระบบอเมริกา ค่าเทอมเริ่มตั้งแต่ 165,000 บาท/ปี ในระดับชั้นอนุบาล ไปจนถึง 420,000 บาท/ปี ในชั้นมัธยมศึกษา

5. Double Trees International School Srinakarin ตั้งอยู่เลขที่ 21 ซอย 43 (เกษม) ถนนสุขุมวิท อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นโรงเรียนนานาชาติอนุบาล รับเด็กอายุตั้งแต่ 1.5 – 6 ขวบ เน้นสอน 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน



ประโยชน์ของนมแม่

น้ำนมแม่ ถือเป็นอาหารชั้นเลิศของลูกวัยทารกในช่วง 6 เดือนแรก ช่วยเสริมภูมิคุ้มต้านทานโรค ทำให้มีร่างกายแข็งแรง ฟื้นตัวเร็วหากเจ็บป่วย ป้องกันการติดเชื้อทางเดินอาหาร โรคภูมิแพ้ อีกทั้งทำให้มีระดับไอคิวสูงเพราะนมแม่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมอง และเป็นการสร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูก ทำให้ทารกรู้สึกปลอดภัย

ส่วนข้อดีของตัวผู้เป็นแม่คือ ช่วยลดความเสี่ยงของการโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ โรคเบาหวาน ลดความเสี่ยงภาวะตกเลือดหลังคลอดบุตร และประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องซื้อนมผง สามารถช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาลของลูกน้องได้ เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคดี นอกจากนี้ยังช่วยลดน้ำหนักที่เพิ่มมาระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้รูปร่างคุณแม่กลับมาสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น

ควรให้นมลูกเมื่อไหร่

องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ แนะนำว่าควรให้นมลูกทันทีในช่วง 1 ชั่วโมงหลังคลอด และควรให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน จากนั้นก็กินต่อเนื่องควบคุมกับอาหารเสริมที่มีประโยชน์และปลอดภัยไปจนถึงอายุ 2 ขวบ สารอาหารในน้ำนมแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ 3 ระยะ ได้แก่

น้ำนมระยะที่ 1 (Colostrum) หรือระยะหัวน้ำนม ช่วง 1-3 วันแรก น้ำนมจะมีสีเหลือง เนื่องจากมีทีแคโรทีนสูง ประกอบด้วยโปรตีนต่างๆ ที่ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีเกลือแร่และวิตามิน รวมทั้งสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมองและการมองเห็น อีกทั้งยังช่วยขับขี้เทาของลูกด้วย

น้ำนมระยะที่ 2 (Transitional Milk) ช่วง 5 วัน – 2 สัปดาห์แรก น้ำนมจะเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น มีไขมันและน้ำตาลเพิ่มขึ้น

น้ำนมระยะที่ 3 (Mature Milk) หลังจาก 2 สัปดาห์แรกผ่านมาไป น้ำนมแม่จะเริ่มมีปริมาณมากขึ้น และมีสารอาหารหลักเพิ่มขึ้น ทั้งโปรตีน ไขมันที่เป็นกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย น้ำตาลแลคโตสซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตสายสั้นมากกว่า 200 ชนิด มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญอีกมากมาย เช่น วิตามิน A, B1, B2, B6, B12, C, D, E, K รวมถึงธาตุเหล็ก แคลเซียม และไอโอดีน

ช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด เด็กจะต้องการกินนมค่อนข้างถี่ ประมาณทุกๆ 1-2 ชั่วโมง ทารกจะกินนมครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยเพราะกระเพาะของเด็กแรกเกิดมีขนาดเพียงประมาณเท่าลูกเชอร์รี่ เมื่ออายุได้ 1 สัปดาห์จึงจะขยายขนาดเท่าประมาณลูกปิงปอง การกินถี่อาจทำให้ทารกมีอาการง่วง เพราะต้องตื่นทุก 3-4 ชั่วโมง และทารกจะสามารถนอนได้นานมากกว่า 6 ชั่วโมง หลังจากมีอายุ 3 เดือน

เมื่อน้ำนมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย จึงมีการสนับสนุนให้ทารกได้กินนมแม่จนถึง 6 เดือน หรือหากคุณแม่สามารถกระตุ้นน้ำนมให้มีน้ำนมได้นานถึง 1 ปี หรือ 2 ปี ให้ลูกได้กินควบคู่กับอาหารหลักตามวัยก็จะยิ่งดี