วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ดิฉัน มีประสบการณ์การณ์ สอนมาเกือบสิบ ปี เป็นอาชีพที่รักมากๆค่ะ ทำตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย สอนตั้งแต่ เด็กเล็ก จนถึงคนทำงาน คนเรียน ป โท วิธีการสอนจะเน้นดูพื้นฐานของผู้เรียนเป็นหลัก และ เสริมเพิ่มเติมให้ในสิ่งที่ผู้เรียน สนใจค่ะ
เคยสอน ที่ โรงเรียน tutor house
เตรียมอุดม น้อมเกล้า
เตรียมอุดม พัฒนาการ
โรงเรียนเทพลีลา
สอนตามบ้าน
สอนได้ทั้ง reading speaking listening และ writing
เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศสิงค์โปร ค่ะ
อดีตลูกเรือ บริษัท บางกอกแอร์แวย์
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ
โดยปกติแล้วครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษหรือติวเตอร์ส่วนตัวเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การสอนมาอย่างยาวนาน และมีความรู้เกี่ยวกับด้านภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ ติวเตอร์บางคนอาจจบการศึกษามาจากต่างประเทศ ทำให้มีความเข้าใจทั้งภาษา สำเนียง และวัฒนธรรมที่หลากหลายของประเทศเจ้าของภาษานั้น ๆ และสามารถนำความรู้ความเข้าใจเหล่านี้มาถ่ายทอดให้กับนักเรียนได้ ดังนั้นเราจึงมั่นใจได้แน่นอนว่าการเรียนพิเศษกับติวเตอร์ส่วนตัวจะช่วยให้เราได้รับความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย ครูสอนพิเศษมักมีเทคนิคการสอนที่หลากหลาย เช่น เทคนิควิธีการจำคำศัพท์ วิธีการเขียนเรียงความ (Essay) รวมไปถึงเทคนิคในการเก็งข้อสอบ เป็นต้น เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับนักเรียนได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีแผนการเรียนการสอนที่น่าสนใจเช่นกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างคลาสเพื่อส่งเสริมทักษะภาษาอังกฤษ เพื่อให้การเรียนในแต่ละครั้งสนุกสนานยิ่งขึ้น การเรียนแบบตัวต่อตัวนั้นนักเรียนจะได้รับการใส่ใจในการสอนอย่างใกล้ชิด หากนักเรียนไม่เข้าใจเนื้อหาส่วนไหนก็สามารถให้ติวเตอร์อธิบายอย่างละเอียดจนกว่าจะเข้าใจโดยไม่ขาดตกส่วนใดส่วนส่วนหนึ่งไปเหมือนตอนเรียนในห้องเรียนหลาย ๆ คน ที่สำคัญติวเตอร์ก็สามารถสังเกตจุดอ่อนและจุดแข็งของนักเรียน ดูว่ามีความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน และสามารถแก้ไขปัญหาของนักเรียนได้อย่างตรงจุดมากขึ้น
เห็นได้ชัดว่าการมีติวเตอร์หรือครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษมาสอนแบบตัวต่อตัวนั้นสามารถช่วยให้คุณเก่งภาษาอังกฤษขึ้นได้จริงอย่างแน่นอน ดังนั้น ลองหาครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษที่เก่ง ๆ สักคนเพื่อมาช่วยคุณดูสิ
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เด็กไทยอ่อนภาษาอังกฤษมีดังนี้
1. เด็กไทยมีความรู้ด้านคำศัพท์ค่อนข้างน้อย เพราะการรู้คำศัพท์มีความสำคัญในการเริ่มต้นคิดประโยคเพื่อพูดหรือสื่อสารนั่นเอง
2. บางครั้งเด็กไทยยึดติดกับไวยากรณ์หรือ Grammar มากเกินไป ทำให้กังวลที่จะพูดหรือสื่อสาร ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษดูยุ่งยากและเบื่อที่จะเรียนรู้ต่อไป
3. ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของคนไทย เด็กไทยส่วนมากมีโอกาสเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียน แต่เมื่อกลับไปที่บ้านก็ไม่ได้ทำการฝึกทักษะในส่วนนี้ ซึ่งจริง ๆแล้วการใช้บ่อย พูดบ่อย เขียนบ่อย ก็จะช่วยพัฒนาให้ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นเช่นกัน
4. ยึดติดกับหนังสือเรียนมากเกินไป แต่ในความเป็นจริงการพูดของชาวต่างชาติก็ไม่ได้ตรงตาม Grammar ทั้งหมด ซึ่งเหมือนกับภาษาไทยที่อาจจะใช้ไม่ถูกหลักไวยากรณ์แต่ยังสามารถสื่อสารกันได้ ดังนั้นหากเด็กกล้าที่จะพูดไปเรื่อย ๆ จะเรียนรู้ Grammar และวิธีการสื่อสารโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่าเรียนรู้จากประสบการณ์
5. บางครั้งเด็กไทยค่อนข้างอายในการพูดภาษาอังกฤษ เพราะความประหม่า กังวล กลัวผิดพลาด กลัวสื่อสารไม่เข้าใจ เป็นต้นเหตุให้ไม่ได้พัฒนาภาษาอังกฤษเท่าที่ควร
6. เด็กไทยยึดติดอยู่กับการท่องจำ เรียนเพื่อสอบเท่านั้น ไม่ได้มีใจรักในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ จริง ๆ การเริ่มทำอะไรสักอย่างต้องมาจากความชอบก่อนแล้วเราจะทำมันได้ดี แต่หากเรียนเพื่อการสอบเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องนำไปใช้จริงในการสื่อสารแล้วก็ไม่สามารถที่จะทำการสื่อสารได้ แถมยังส่งผลให้ไม่สนุกกับการเรียนอีกด้วย
TOEIC (Test of English for International Communication)
เป็นการวัดระดับภาษาอังกฤษเชิงการสื่อสาร คะแนน TOEIC มีไว้สำหรับการสมัครงาน เพื่อเป็นการรับรองว่าเรามีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้ตรงตามที่บริษัทกำหนดเอาไว้ โดยการสอบ TOEIC มี 2 ส่วน คือ
• การฟัง Listening
• การอ่าน Reading
โดยข้อสอบเป็นแบบเลือกตอบ (Multiple Choice) ทั้งหมด
TOEFL (The Test of English as a Foreign Language)
เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ (Academic English) ทั้งนี้เพื่อทดสอบว่าผู้สอบมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการมากน้อยแค่ไหน จุดประสงค์เพื่อใช้สำหรับการเรียนต่อต่างประเทศ สามารถนำคะแนนสอบไปใช้ยื่นเข้าเรียนต่อปริญญาโท และปริญญาเอกในคณะที่เป็นหลักสูตร International ได้ โดยข้อสอบ TOEFL มี 4 ส่วน
• การอ่าน Reading
• การฟัง Listening
• การพูด Speaking
• การเขียน Writing
IELTS (International English Language Testing System)
เป็นการสอบในระบบภาษาอังกฤษ โดยทดสอบภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ โดยถ้าต้องการไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็จะต้องใช้คะแนน IELTS
การสอบ IELTS ใช้ประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของผู้สมัครสอบ 4 ทักษะ คือ
• การฟัง Listening
• การอ่าน Reading
• การเขียน Writing
• การพูด รวมถึงความรู้ทางด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ Speaking including Grammatical and Vocabulary Knowledge
IELTS เป็นข้อสอบที่ร่วมมือกันของ 3 สถาบัน ได้แก่
• The University of Cambridge ESOL Examinations (Cambridge ESOL)
• British Council
• IDP : IELTS Australia
ซึ่งการสอบ IELTS ถือได้ว่าเป็นการสอบที่ใช้ประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้มาตรฐานระดับสูงสุด
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง