รับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง ใน คลองหลวง, ปทุมธานี

รับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง ใน คลองหลวง, ปทุมธานี

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี
กัญชพร เชื้อแถว
กัญชพร เชื้อแถว
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

งานประจำเป็นครูพี่เลี้ยงอยู่เนอสเซอรี่ ทำงานมา 6 ปี เป็นคนขี้เล่น เฟรนลี่ อยู่ที่ทำงานเป็นครูผู้นำสอนน้องทำกิจกรรมในด้านพัฒนาการต่างๆ

แสดงเพิ่มเติม
วลัยลักษณ์ ตาใจ
วลัยลักษณ์ ตาใจ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี

ค่าบริการสำหรับ วันละ 10 ชั่วโมง

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

เราไปส่งลูกเช้า เย็นรับกลับ พี่เลี้ยงดูแลดีมาก ๆ ค่ะ ทั้งเรื่องสอนนั้นนี่ให้น้อง อาหารการกิน ลูกมาชมให้ฟังทุกวันว่ากับข้าวอร่อยมาก พี่เลี้ยงก็ไม่ดุ คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปจริงๆค่ะ
Saijai
มารีน่า บุญนำ
3 ปีที่แล้ว
เว็บไซต์ของใส่ใจนี่แหละค่ะ ให้ข้อมูลเกี่ยวบริการต่าง ๆ ครบถ้วนเลย ใช้งานง่าย ประทับใจมากค่ะ
Saijai
จิตรลดาวัลย์ มงคลกุล
4 ปีที่แล้ว
ใช้บริการฝากลูกไว้ที่บ้านพี่เลี้ยง เพราะเราไม่สะดวกที่จะจ้างพี่เลี้ยงมาเลี้ยงลูกเราที่บ้าน แต่ก่อนพาไปฝาก เราเช็คประวัติพี่เลี้ยง ไปดูสถานที่จริงเองด้วย เพื่อความสบายใจ บ้านพี่เลี้ยงมีเด็กสามสี่คน หลังจากฝากเลี้ยงลูกกับพี่เลี้ยง เราถามลูกตลอดว่าเป็นไงบ้าง ลูกบอกสนุกค่ะ มีเพื่อนเยอะเลย
Saijai
แพรวนภา กาญจนวานิจย์
4 ปีที่แล้ว
บ้านอยู่แถวบางนา มองหาที่ฝากเลี้ยงลูกมานานแล้วหายากมาก ๆ จนมาเจอเวปใส่ใจ สามารถหาที่ฝากเลี้ยงได้ง่ายมาก ไม่ผิดหวังจริงๆที่เลือกใช้งานเว็บใส่ใจ
Saijai
ศศิธร เรืองรอง
4 ปีที่แล้ว
ปลื้มมากเว่อร์ ในที่สุดชั้นก็เจอเว็บไซต์ที่หาพี่เลี้ยงได้ตรงใจมาก แฮปปี้ค้าา
Saijai
กรกนก กิจสมานทวี
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา รับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง

ข้อดีของฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยงมีอะไรบ้าง
พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนเลือกใช้บริการฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยงซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับท่านที่ไม่สามารถทำหน้าที่ดูแลลูกได้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่ทั้งพ่อและแม่มีความจำเป็นต้องทำงานประจำทั้งสองท่าน ไม่มีความพร้อมในด้านที่อยู่อาศัย หรือการเดินทางมาอยู่ที่บ้านของเด็ก หรือการเดินทางไปกลับมาทำงานที่บ้านของเด็กนั้นอาจยากลำบากเกินไปสำหรับผู้ที่จะทำหน้าที่เลี้ยงเด็ก การฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยงมีข้อดีดังต่อไปนี้:

• เป็นการแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ผู้ปกครองในระหว่างที่ต้องทำงาน โดยไม่ต้องห่วงกังวลว่าใครจะดูแลลูก ซึ่งประเด็นนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะคงจะเป็นสิ่งที่อาจทำให้พ่อแม่ต้อง เสียสุขภาพหากต้องมานั่งกังวลเกี่ยวกับลูก และในกรณีที่แย่มาก ๆ อาจเป็นเหตุทำให้ต้องเสียงานไปด้วยเนื่องจากทำงานไม่เต็มที่
• ค่าใช้จ่ายหรืออัตราค่าบริการที่ถูกลงกว่าให้พี่เลี้ยงมาอยู่ที่บ้าน หรือต้องเดินทางมาดูแลเด็กทุกวัน
• เป็นทางออกอีกทางหนึ่งสำหรับพ่อแม่ หรือครอบครัวที่มีความจำกัด หรือมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัยที่ไม่อำนวย หรือ ไม่เหมาะสมกับการเลี้ยงดูเด็ก
• พ่อแม่สามารถควบคุมเวลาในการเริ่มและสิ้นสุดการทำงาน เพราะพ่อแม่ต้องเป็นผู้นำเด็กไปส่งที่บ้านของพี่เลี้ยง
• หากเป็นกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กมีเด็กมากกว่าหนึ่งคน จะเป็นการฝึกฝนและเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้การเข้าสังคม รู้จักเพื่อนใหม่ หรือใช้ชีวิตร่วมกับเด็กคนอื่น และทำให้เด็กสามารถเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นได้ ในกรณีนี้เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุหนึ่งขวบขึ้นไป
คุณพ่อคุณแม่จะทำอย่างไรได้บ้างให้คลายกังวลใจหากต้องฝากเลี้ยงลูก ๆ ที่บ้านพี่เลี้ยง
บางครั้งการฝากลูก ๆ ไว้ที่บ้านพี่เลี้ยงอาจสร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ไม่น้อย ใส่ใจจะมาแนะนำวิธีที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายความกังวลเมื่อต้องฝากลูกน้อยไว้ที่บ้านของพี่เลี้ยงในแต่ละวันดังนี้

1. เพื่อลดความกังวลของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและอธิบายให้เด็กเข้าใจถึงความจำเป็นที่เด็กจะต้องอยู่กับพี่เลี้ยงก่อนพาเด็กไปฝากที่บ้านพี่เลี้ยง เพื่อไม่ให้เด็กเกิดความกังวลว่าจะถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ลองให้สัญญากับเด็กดูว่าหากเชื่อฟังพี่เลี้ยงได้รางวัลตอบแทน ซึ่งทำให้เด็กคลายความกังวลและสามารถปรับตัวได้ในที่สุด
2. พูดคุยสอบถามกับเด็กทุกครั้งหลังจากที่รับกลับมาจากบ้านพี่เลี้ยง สอบถามถึงความเป็นอยู่ กิจกรรมที่ทำในแต่ละวันว่ามีอะไรบ้าง วันนี้ทานอาหารอะไรบ้าง ฯลฯ การสังเกตพฤติกรรมของเด็กทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถคาดเดาได้ว่าพี่เลี้ยงดูแลเด็กและปฏิบัติต่อเด็กอย่างไร
3. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์และเบอร์ฉุกเฉินเอาไว้ และสอนให้ลูกของคุณใช้โทรศัพท์มือถือเผื่อในกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ และในขณะเดียวกันคุณพ่อคุณแม่สามารถโทรสอบถามความเป็นอยู่จากพี่เลี้ยงในระหว่างวันได้เช่นกัน
4. แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่หาบริการพี่เลี้ยงเด็กที่ใกล้บ้านและสะดวกในการเดินทางไปส่ง-รับเด็กในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อเวลางานของคุณพ่อคุณแม่มากเกินไป
5. ก่อนทำการประกาศหาพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรลองสอบถามจากคนใกล้ชิดก่อน ว่าพอจะรู้จักใครที่มีความสามารถในการดูแลเด็กหรือไม่ เนื่องจากการแนะนำจากคนรู้จักนั้นน่าจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือได้มากกว่า
6. คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกคนที่มีประสบการณ์ในการดูแลเด็ก ไม่ว่าจะเคยดูแลลูกหลานของตนเอง ดูแลเด็กตามบ้าน หรือดูแลเด็กที่สถานรับเลี้ยง เพื่อให้มั่นใจว่าพี่เลี้ยงจะสามารถดูแลลูกของคุณได้อย่างแน่นอน
ก่อนตัดสินใจนำลูก ๆ ไปฝากเลี้ยงที่บ้านพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรเช็คอะไรบ้าง
คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่กำลังมองหาหรือตัดสินใจส่งลูกไปฝากเลี้ยงที่บ้านพี่เลี้ยงเด็กมีดังต่อไปนี้

1. ควรมีการพูดคุยสัมภาษณ์พี่เลี้ยงหลายครั้งเพื่อให้รู้ถึง บุคลิก หรือ ลักษณะนิสัยที่แท้จริงของพี่เลี้ยงนั้น เพราะการพูดคุยแค่ครั้ง หรือสองครั้งอาจไม่สามารถทราบ หรือสัมผัสได้ถึงบุคลิกที่แท้จริง
2. ตรวจสอบประวัติการทำงานของพี่เลี้ยงคนนั้นจากหลายคนทั้งเพื่อน คนใกล้ชิด และนายจ้างที่เคยใช้บริการมาก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าพี่เลี้ยงคนดังกล่าวมี พฤติกรรม หรือมีประวัติอย่างไร ซึ่งวิธีนี้เป็นการช่วยให้พ่อแม่มีข้อมูลในการตัดสินใจ หากจากการตรวจสอบประวัติ คุณได้รับข้อมูลในทางลบจากหลาย ๆ คน เช่น หาก 3 ใน 5 คนของผู้ที่เคยใช้บริการมีประสบการณ์ในแง่ลบ จะช่วยให้พ่อแม่สามารถพิจารณาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
3. ตรวจสอบความรู้หรือหลักสูตรต่าง ๆ ที่พี่เลี้ยงผ่านการอบรมหรือทดสอบมาจริง โดยอาจมีการสอบถามกับสถาบันผู้ออกประกาศนียบัตรแต่ละฉบับนั้น
4. เพื่อความสบายใจและเป็นการยืนยันว่าพี่เลี้ยงนั้นไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน ควรขอให้พี่เลี้ยงตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองพิสูจน์หลักฐานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าพี่เลี้ยงปฏิเสธอาจทำให้สงสัยได้ว่าพี่เลี้ยงคนนั้นมีอะไรปิดปัง หรือไม่บริสุทธิ์ใจ
5. ตรวจสอบที่ตั้งของบ้านของพี่เลี้ยงเด็กว่าตั้งอยู่ที่ไหน ไม่ควรไกลจากบ้าน หรือ ที่ทำงานของพ่อแม่ หรือญาติสนิทที่สามารถไว้วางใจได้ ตรวจสอบถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบ บรรยากาศของบ้าน นอกเหนือจากพี่เลี้ยงเด็กแล้วมีใครอาศัยอยู่ในบ้านนั้นด้วยบ้างไหม เพื่อนบ้านรอบข้าง หรือในพื้นที่ใกล้เคียงมีลักษณะเป็นอย่างไร มีพื้นที่ให้ลูกของคุณได้วิ่งเล่นหรือไม่ เพราะสภาพแวดล้อมเป็นหนึ่งปัจจัยที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของเด็ก
6. ทดลองพาลูกของคุณไปทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง ไปพบพี่เลี้ยงที่บ้านโดยที่คุณอยู่ด้วยตลอดเวลา เพื่อสังเกตดูว่าเด็กสามารถเข้ากับพี่เลี้ยงได้ดีหรือไม่ ลูกชอบสถานที่ สภาพแวดล้อมหรือไม่
ทั้งหมดนี้คือคำแนะนำของทางใส่ใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจส่งลูกไปฝากที่บ้านพี่เลี้ยงค่ะ
สัญญาณอะไรบ้างที่บอกว่าอาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกคุณ เมื่อคุณต้องฝากเลี้ยงลูก ๆ ที่บ้านพี่เลี้ยง
เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองเลือกใช้บริการฝากเลี้ยงเด็กที่บ้านพี่เลี้ยงนั้น เด็ก ๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาตลอดเวลา ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความเป็นอยู่ในแต่ละวัน หรือวิธีการเลี้ยงดูของพี่เลี้ยงได้ทุกเวลา

พ่อแม่ควรลองสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกคุณได้ดังนี้

1. สังเกตสภาพร่างกายของลูกว่ามีรอยฟกช้ำดำเขียว แผล ถลอก ต่าง ๆ ที่ผิดปกติ หากพบเห็นบ่อย ต้องพูดคุยและสอบถามจากทั้งตัวลูกของคุณเอง และ จากทางพี่เลี้ยงว่าร่องรอยเหล่านั้นเกิดจากสาเหตุใด
2. พยายามสังเกตอารมณ์และการแสดงออกของลูกว่าผิดปกติไปจากเดิมก่อนฝากเลี้ยงที่บ้านพี่เลี้ยงหรือไม่ เด็กมีการงอแง มีอาการหวาดกลัว หรือไม่อยากไปบ้านพี่เลี้ยงหรือเปล่า ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สำคัญ เพราะหากเด็กมีความรู้สึกเช่นนั้นแสดงว่าเด็กต้องพบเจอ หรือประสบเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้หวาดกลัว และไม่อยากกลับไปที่บ้านพี่เลี้ยงอีก ซึ่งในบางครั้งเหตุการณ์ที่เด็กประสบอาจจะไม่ได้เกิดจากการกระทำของพี่เลี้ยงโดยตรง แต่อาจเป็นสิ่งที่เด็กพบเห็นจากสภาพแวดล้อมใกล้เคียงหรือรอบบ้านพี่เลี้ยง
3. พ่อแม่ควรใส่ใจสังเกตพฤติกรรมของลูก ก่อนและหลังไปบ้านพี่เลี้ยง ควรชวนลูกคุย เพื่อสอบถาม หรือชักชวนให้ลูกเล่าให้ฟังว่าแต่ละวันทำอะไรบ้าง การเป็นอยู่เป็นแบบไหนหรือการเลี้ยงดูของพี่เลี้ยงนั้นเป็นอย่างไร มีสิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง ควรพูดคุยให้เพลิดเพลินโดยไม่ใช้การบังคับหรือเค้นเอาความจริง
4. พ่อแม่จำเป็นต้องสังเกต พัฒนาการการเจริญเติบโตในภาพรวมของเด็กอย่างใกล้ชิด โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เช่นเกณฑ์มาตรฐานเรื่องสภาพร่างกาย น้ำหนัก ส่วนสูง ที่จะต้องได้มาตรฐานไม่สูงหรือต่ำกว่าเกณฑ์จนเกินไป หรือ พัฒนาการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามช่วงอายุหรือไม่ เด็กสองถึงสามเดือน เริ่มยิ้ม เริ่มชันคอ หรือจำหน้าแม่ได้ หรือ สี่ถึงหกเดือนเริ่มคว่ำได้ หรือนั่งแบบใช้มือยัน เจ็ดถึงสิบก็เริ่มนั่ง เริ่มหาที่เกาะเพื่อยืน หรือเริ่มคลานได้ เป็นต้น พัฒนาการเหล่านี้จะบ่งชี้ให้เห็นว่าพี่เลี้ยงดูแลเด็กได้เหมาะสมหรือไม่ และหากไม่เป็นไปตามเกณฑ์อย่างไร จะได้หาวิธีแก้ไขได้ทันท่วงที