สอนหลักสูตรการศึกษา ใน หนองใหญ่, ชลบุรี

สอนหลักสูตรการศึกษา ใน หนองใหญ่, ชลบุรี

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่
ผู้ให้บริการสอนหลักสูตรการศึกษา ใน หนองใหญ่, ชลบุรี:

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

Saijai
ยังไม่มีข้อมูลการรีวิว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา สอนหลักสูตรการศึกษา

บริการรับสอนพิเศษของทางใส่ใจมีสอนในระดับใดบ้าง
หากว่าท่านกำลังมองหา ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์คุณภาพมากประสบการณ์ในด้านการสอน ที่จะช่วยสอนน้อง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องการเรียน โดยสามารถเลือกคุณสมบัติของ “ติวเตอร์” ที่ต้องการ พร้อมเลือกสถานที่ที่ต้องการเรียนได้ เช่น เรียนพิเศษที่บ้าน เรียนพิเศษนอกสถานที่ หรือเรียนพิเศษทางออนไลน์ สามารถเลือกเวลาเรียนได้ตามความสะดวกอีกด้วย ลองค้นหาติวเตอร์จากแพลตฟอร์ม ใส่ใจ เลย ตอนนี้

1. ระดับอนุบาล ติวเตอร์จะช่วยดูแลเรื่องการบ้าน และติวเข้าชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีเทคนิคสนุกๆ สอนเน้นความเข้าใจ ช่วยเพิ่มทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน สอนได้ทั้งคณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และช่วยเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา
2. ระดับประถมศึกษา ช่วยดูเรื่องรายงาน หรือการบ้าน ติวเข้าชั้นมัธยมปีที่ 1 เน้นการทบทวน เสริมเทคนิคต่าง ๆ และฝึกทักษะขั้นพื้นฐานของทุก ๆ วิชา
3. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ช่วยสอนการบ้าน ติวเข้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ช่วยทบทวนความรู้ก่อนเข้าสอบวิชาต่าง ๆ ติวเพื่อช่วยสอบเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
4. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ติวสอบตรง ตามความถนัดของวิชาต่าง ๆ ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ หรือ สอบไปเรียนต่อต่างประเทศ
5. ระดับมหาวิทยาลัย เน้นการสอนแบบตัวต่อตัว และแบบเป็นกลุ่มย่อย ๆ ในระดับการศึกษามหาวิทยาลัยทุกภาควิชา ทุกคณะทั้งหลักสูตรปกติ หรือหลักสูตรแบบอินเตอร์ เช่น ด้านบัญชี เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย ฟิสิกส์ วิศวะ ฯลฯ
ช่วงระดับการศึกษาของนักเรียนไทยที่สูงขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันที่มากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไร และนักเรียนควรรับมืองอย่างไร
เมื่อนักเรียนเรียนในระดับที่สูงขึ้นการแข่งขันจะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบทั้งต่อตัวนักเรียนเองและผู้ปกครองในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจที่พ่อแม่ผู้ปกครองอาจต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อให้บุตรหลานได้เรียนพิเศษหรือเรียนกวดวิชา ตัวนักเรียนอาจรู้สึกกดดันที่ต้องพยายามแข่งขันกับนักเรียนคนอื่น ๆ เพื่อให้ได้คะแนนดี ๆ และมีผลการเรียนเป็นที่น่าพอใจ

พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถช่วยให้เด็กรับมือกับสิ่งเหล่านี้ด้วยวิธีการดังนี้ค่ะ

1. การมอบความรักเอาใจใส่อย่างเต็มที่ เพราะการที่เด็กจะประสบความสำเร็จในการเรียนนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของโรงเรียนเพียงอย่างเดียวแต่ที่ส่งผลต่อความสำเร็จมากกว่าคือความเอาใจใส่ของพ่อแม่ผู้ปกครอง อ้างอิงจากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนอร์ทแคโรไลนา ด้วยการทดสอบกลุ่มตัวอย่างของเด็กวัยรุ่นกว่าหนึ่งหมื่นคน
2. พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเข้าใจและไม่บังคับกดดันลูกจนเกินไป เนื่องจากภาวะความกดดันจากตัวเด็กเองมีมากแล้ว ที่ต้องตกอยู่ในภาวะการแข่งขันด้านการศึกษา หากได้รับแรงกดดันจากผู้ปกครองอีกจะเกิดผลเสียต่อตัวเด็กได้
3. ให้การสนับสนุนการศึกษาของลูกอย่างเต็มที่ ปัจจัยที่ทำให้เด็กสามารถพัฒนาตัวเอง นำไปสู่การแข่งขันได้นั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยที่พร้อม ผู้ปกครองควรสนับสนุนอย่างเต็มที่

เพราะเหตุใดนักเรียนในระดับบชั้นมัธยมปลายจะต้องรักษาเกรดเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ระะดับมหาวิทยาลัย และนักเรียนควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อเข้าเรียนในคณะที่ชอบ
ผลการเรียนหรือที่เราเรียกกันว่าเกรดเฉลี่ยในระดับมัธยมปลายมีความสำคัญมากเพราะใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัย!!!! ถ้าเป็นสอบตรงบางมหาวิทยาลัยกำหนดเกรดเฉลี่ยขั้นต่ำไว้ เช่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) หรือคณะวิทยาศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่พิจารณาเกรดเฉลี่ยขั้นต่ำในการรับตรง ส่วนมหาวิทยาลัยมหิดลนอกจากพิจารณาเกรดเฉลี่ยขั้นต่ำในการรับต้องและต้องใช้ในการคิดคะแนนในรอบแอดมิชชั่นอีกด้วย ดังนั้นน้อง ๆ มัธยมปลายควรรักษาเกรดเฉลี่ยให้อยู่ในระดับที่ดี หรือควรเกิน 3.00 ไว้ การหาข้อมูลว่าคณะที่สนใจจะสมัคร เปิด TCAS (Thai University Center Admission System) โดยเฉพาะTCASรอบ 1 2 และ 4 ที่ใช้เกรดเฉลี่ยคิดค่าน้ำหนักคะแนน หรือเป็นเกณฑ์การพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับเข้าเรียน รอบไหนบ้าง ใช้คะแนนสอบอะไรบ้าง และมีเกณฑ์ขั้นต่ำ หรือมีค่าน้ำหนักคะแนนเท่าไหร่บ้าง ต้องดูคะแนนสูงสุด – ต่ำสุดของปีก่อน ๆ เป็นสถิติมากน้อยแค่ไหน เราต้องทำให้ได้คะแนนประมาณไหนถึงจะสอบติด

เพื่อเป็นแนวทางในการยื่นคะแนนและเตรียมตัวสอบ สำหรับเด็ก ม.4 – ม.5 ทำการทบทวนให้เข้าใจ ทำเกรดให้ได้ดีที่สุด และสำหรับเด็ก ม.6 สรุปที่เรียนมาและวางแผนดูคะแนน การจัดระเบียบชีวิตทำให้เรามีวินัยมากขึ้นและสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้สำเร็จ เช่น อ่านหนังสือวิชาไหน อ่านวิชาละกี่ชั่วโมง ฝึกทำโจทย์หรือข้อสอบวันไหนบ้าง เพราะถ้าเรามีความขยันและตั้งใจพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น ความสำเร็จก็อยู่อีกไม่ไกล ไม่ควรหักโหมอ่านหนังสือ หรือติวอย่างหนักโดยไม่หยุดพักเลย อาจทำให้เครียดมากเกินไป ต้องแบ่งเวลาให้ตัวเอง และทำให้สมองปลอดโปร่ง ใช้เวลาร่วมกับครอบครัว / เพื่อน หรือทำกิจกรรมที่ชอบ
ช่วงระดับการศึกษาใดที่นักเรียนนิยมเรียนพิเศษมากที่สุด เพราะเหตุใด
บ่อยครั้งที่เราเห็นเด็กนักเรียนตามสถาบันกวดวิชาต่าง ๆ ในเวลาหลังเลิกเรียน หรือแม้กระทั่งวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีนักเรียนหลายระดับการศึกษาปะปนกันไป ซึ่งหากเราลองสังเกตดูดี ๆ แล้วจะพบว่านักเรียนส่วนใหญ่ที่มาเรียนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาเหล่านั้นจะเป็นนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับชั้น ม.6 เนื่องจากการศึกษาในระดับชั้นมัธยมปลายจำเป็นต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย และคณะที่ต้องการ

ดังนั้นหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมปลายจึงเป็นหลักสูตรแบบเฉพาะเจาะจงรายวิชา เพื่อให้นักเรียนสามารถทำความเข้าใจและเข้าถึงเนื้อหาในวิชาที่ตัวเองถนัดมากยิ่งขึ้น และทำการตัดสินใจเลือกเข้าเรียนต่อในหลักสูตรคณะที่ตรงต่อความต้องการของตัวเองในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป

บางครั้งการเรียนการสอนในห้องเรียนอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้นักเรียนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมรอบข้าง สิ่งอำนวยความสะดวกและข้อจำกัดของระยะเวลาในการเรียนการสอน ไปจนถึงปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่ไม่ดีพอ จึงทำให้เด็กนักเรียนต้องหาสถาบันกวดวิชาหรือจ้างติวเตอร์มาเพื่อสอนพิเศษเพิ่มเติมแทน

อีกหนึ่งสิ่งที่นักเรียนในชั้นมัธยมปลายต้องให้ความสำคัญคือ การเตรียมความพร้อมในการสอบวัดระดับความรู้ระดับประเทศ อย่าง GAT/PAT ซึ่งมีหลักสูตรและแนวข้อสอบที่เหมือนกันหมด ขึ้นอยู่กับว่าที่โรงเรียนจะสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนได้มากน้อยแค่ไหน หากยังไม่ตรงต่อความต้องการของเด็ก การเรียนพิเศษจึงเป็นตัวเลือกที่สามารถช่วยให้เด็กได้รับเทคนิคเสริมต่าง ๆ ที่อาจไม่มีสอนในห้องเรียนนั่นเอง เช่น เทคนิคในการเก็งข้อสอบ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามการเรียนพิเศษนั้นได้กลายเป็นค่านิยมในปัจจุบันไปแล้ว เหมือนเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวผู้เรียนเอง ว่าหากตนได้เรียนพิเศษและรู้เทคนิคเพิ่มเติมในการเรียนทางลัดจะช่วยให้หลักสูตรวิชานั้น ๆ ง่ายขึ้น และสามารถทำให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำระดับประเทศได้เช่นกัน ดังนั้น ทั้งผู้ปกครองและเด็กหลาย ๆ คนจึงให้ความสำคัญกับการเรียนพิเศษเป็นอย่างยิ่งนั่นเอง