เรียนออนไลน์ ใน สงขลา

เรียนออนไลน์ ใน สงขลา

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่
ผู้ให้บริการเรียนออนไลน์ ใน สงขลา:

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ธัญมัย ทรงอธิกมาศ
ธัญมัย ทรงอธิกมาศ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

การสอน เน้นมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน เน้นคิดวิเคราะห์ เน้นคีย์เวริ์ด และเน้นให้ นร หาหลักจำ หลักเข้าใจของนักเรียนแต่ะละคนเอง

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ส่วนตัวเราว่าค่าจ้างติวเตอร์ที่เราจองผ่านใส่ใจเป็นราคามาตรฐาน เพราะเคยเรียนกับครูติวเตอร์ข้างนอกเหมือนกัน ราคาก็ได้ ๆ กันเลยต่างกันไม่มาก แต่ส่วนตัวชอบวิธีการสอนของติวเตอร์ เพราะสอนสนุก ทำให้เราเข้าใจเนื้อหาที่เรียนจริง ๆ และยังเลือกเวลาเรียนได้เองด้วย
Saijai
คณิศร สุขถาวรรัตร์
4 ปีที่แล้ว
เราต้องการจ้างครูสอนพิเศษให้ลูก แต่อยากให้ลูกเรียนแบบออนไลน์มากกว่าเพราะกลัวโควิด ที่เว็บไซต์ใส่ใจมีครูสอนพิเศษแบบออนไลน์ด้วย เราเลือกจองผ่านทางนี้ เพราะทำจองง่ายมากไม่กี่ขั้นตอน ประทับใจมาก ๆ ค่ะ
Saijai
โสภิดา เรืองแก้ว
4 ปีที่แล้ว
มหาลัยให้เรียนแบบออนไลน์ รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ อาจารย์เหมือนแค่สอน ๆ ไปให้เวลาหมด เลยตัดสินใจหาติวเตอร์มาช่วยสอน แล้วก็ได้ติวเตอร์จากใส่ใจนี่แหละค่ะ สอนแบบออนไลน์เหมือนกัน แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเนื้อหามันยากเลยค่ะ เพราะพี่ติวเตอร์สอนดีมาก ๆ
Saijai
แพรไพลิน เทียนโพไชย
4 ปีที่แล้ว
มีให้เลือกรายวิชา เรียนซ้ำทบทวนได้ไม่อั้น มีครบ 3 วิชาหลัก ทั้งอังกฤษ วิทย์ คณิต ลงเรียนที่นี่ที่เดียวคุ้มเลยครับ ลงคอร์สแรกมาจะจบเทอมแล้ว เกรดเทอมนี้พุ่งแน่
Saijai
พัฒน์ พัฒนศิริสกุล
4 ปีที่แล้ว
ติวเตอร์มีเทคนิค เนื้อหาการสอนกระชับ ทบทวนเพิ่มเติมจากห้องเรียน คุณแม่แค่จัดมุม สงบๆให้น้องเรียน น้องสนใจดี วางแผนลงคอร์สต่อไป เราทีมสนับสนุนก็สบายใจค่ะ
Saijai
กนิษฐา ธนะโชควาณิช
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา เรียนออนไลน์

เรียนเสริม เรียนพิเศษ แบบออนไลน์มีข้อดีอย่างไร
ในยุคที่การใช้อินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนปัจจัยที่ 5 ในชีวิต เพราะสามารถสร้างความสะดวกสบายให้กับคนทุกช่วงวัยได้เข้าถึงข้อมูลทุกรูปแบบทั้ง สาระ ความรู้และความบันเทิง สำหรับนักเรียนนักศึกษาแล้ว การเรียนออนไลน์ หรือ E-Learning เป็นสิ่งจึงเป็นสิ่งที่เราสามารถเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบันเช่นกัน ซึ่งข้อดีของการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนตัวกลางในการเข้าถึงสื่อการเรียนการสอนต่าง ๆ นับว่าเป็นข้อดีอย่างมาก ทั้งหมดนี้รวมถึงการเรียนเสริมหรือเรียนพิเศษแบบออนไลน์ด้วย

ข้อดีของการเรียนแบบออนไลน์นั้นมีมากมายดังนี้

1. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสื่อการเรียนการสอน การเรียนแบบปกติจำเป็นต้องใช้สื่อการเรียนการสอน เช่น หนังสือ ชีทเรียน เป็นต้น บางครั้งนักเรียนนักศึกษาต้องเสียเงินไปกับค่าหนังสือ ค่าถ่ายเอกสารต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการเรียน แต่การเรียนออนไลน์นั้นสามารถช่วยให้เข้าถึงสื่อการเรียนการสอนได้ทันทีเพียงแค่กดดาวน์โหลดไฟล์ อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาได้อีกด้วยเช่นกัน
2. ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเรียนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาต่าง ๆ เพราะในบางครั้งนักเรียนอาจต้องเจอกับอุปสรรคต่าง ๆ ระหว่างการเดินทางเช่น รถติด กลับกันการเรียนออนไลน์นั้นสามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่กระทบต่อการเดินทางและค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน
3. การเรียนออนไลน์ช่วยให้ผู้เรียนทบทวนบทเรียนได้อยู่ตลอดเวลา และหากเรียนตรงไหนไม่เข้าใจผู้เรียนสามารถย้อนกลับไปทบทวนบทเรียนตรงนั้นได้ใหม่โดยไม่จำกัดครั้งเช่นกัน
4. ผู้เรียนสามารถบริหารเวลาในการเรียนได้ด้วยตนเอง โดยสามารถจัดการตารางเวลาเรียนได้เองตามความต้องการเพื่อความสะดวกของผู้เรียนเอง
5. หลักสูตรการเรียนออนไลน์นั้นมีตัวเลือกที่หลากหลาย ดังนั้นผู้เรียนสามารถเลือกเรียนหลักสูตรใดก็ได้ตามที่ตนเองสนใจ
คุณพ่อคุณแม่มีส่วนช่วยได้อย่างไรเมื่อลูกต้องเรียนพิเศษ หรือเรียนเสริมแบบออนไลน์
การเรียนการสอนแบบออนไลน์คือการเรียนผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยเป็นการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต สมาร์ตโฟน ฯลฯ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการเรียนได้มากยิ่งขึ้น เมื่อลูกของคุณต้องเรียนพิเศษหรือเรียนเสริมแบบออนไลน์ที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่มีส่วนช่วยให้การเรียนออนไลน์ของลูกตนเองเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดคาบเรียนได้ด้วยวิธีที่เราแนะนำมีต่อไปนี้

1. ช่วยจัดเตรียมสถานที่สำหรับการเรียนออนไลน์ที่เหมาะสมให้กับลูกของคุณ และต้องมั่นใจว่าสถานที่นั้นไม่มีสิ่งรบกวนอื่น ๆ ที่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของลูกคุณในระหว่างเรียน เช่น ให้ลูกของคุณเรียนในห้องหรือสถานที่สงบ หลีกเลี่ยงการเรียนหน้าทีวีเพราะทำให้ลูกของคุณไม่มีสมาธิในการเรียนได้
2. พ่อแม่ควรให้ความส่วนตัวแก่ลูก และไม่ควรรบกวนในขณะที่กำลังเรียนออนไลน์อยู่ เพราะจะทำให้เด็กไม่สามารถโฟกัสกับการเรียนออนไลน์ได้อย่างเต็มที่ และจะทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนลดลงในที่สุด
3. ตรวจสอบและจัดเตรียมอุปกรณ์ตัวช่วยต่าง ๆ สำหรับการเรียนออนไลน์ให้พร้อม ก่อนเริ่มเรียน เช่น สัญญาณการเชื่อมต่อของอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคต่าง ๆ ในระหว่างเรียนออนไลน์
4. พ่อแม่ผู้ปกครองควรแนะนำตารางเวลาในการเรียนออนไลน์ที่เหมาะสมให้กับเด็ก โดยมีการแบ่งเวลาเรียนและเวลาพักที่สมดุลกัน เพื่อไม่ให้เด็กเครียดจนเกินไป
5. จัดเตรียมอาหารว่างที่มีประโยชน์ให้กับเด็กในขณะพัก เพื่อเป็นการเติมพลังงานในการเรียนออนไลน์ของเด็ก
6. หมั่นสอบถามเด็กถึงความเข้าใจในบทเรียน และปัญหาต่าง ๆ ระหว่างเรียน คอยให้คำแนะนำต่าง ๆ และควรนำปัญหาเหล่านั้นไปปรึกษากับคุณครูที่สอนพิเศษด้วยเช่นกัน เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนแบบยุคใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ทั้งหมดนี้คือวิธีการง่าย ๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากมีส่วนช่วยให้การเรียนพิเศษแบบออนไลน์ของลูกเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
สถานที่และเวลาที่สะดวกในการเรียนพิเศษออนไลน์คือที่ไหนและเมื่อไหร่
จากวิกฤตโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างในการใช้ชีวิตของผู้คน การเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษานั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งผลกระทบที่มาจากการแพร่ระบาดของโรคนี้เช่นกัน ดังนั้น เรามักเห็นว่าการเรียนออนไลน์ในช่วงวิกฤตแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนที่จัดโดยสถาบันการศึกษา หรือจะเป็นการเรียนพิเศษ การเรียนเสริมโดยสถาบันกวดวิชาต่าง ๆ ก็ตาม ซึ่งการเรียนออนไลน์นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาภายในสถานการณ์ที่ผู้เรียนต้องเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ยังถือเป็นการช่วยเพิ่มความสะดวกสบายต่อผู้เรียนอีกด้วยเช่นกัน เนื่องจากการเรียนออนไลน์สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมั่นใจด้วยว่าสถานที่เหล่านั้นมีความเงียบสงบและปราศจากสิ่งรบกวนต่าง ๆ เพราะอาจทำให้ผู้เรียนไม่มีสมาธิกับการเรียนได้นั่นเอง ในขณะเดียวกันการเลือกสถานที่เรียนนั้นควรเป็นสถานที่ที่จะไม่ไปสร้างความรบกวนให้กับบุคคลรอบข้างด้วยเช่นกัน ซึ่งสถานที่ที่คนนิยมเรียนออนไลน์กันนอกเหนือจากที่บ้านตนเองแล้วมักจะเป็นสถานที่สาธารณะที่เงียบสงบและเหมาะสำหรับการเรียนออนไลน์เช่น ห้องสมุดและคาเฟ่ เป็นต้น ในส่วนของเวลาในการเรียนออนไลน์นั้น แน่นอนว่านักเรียนสามารถเลือกเรียนออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการจัดการตารางเวลาของแต่ละคน บางคนอาจชอบเรียนในเวลาเช้า เนื่องจากเป็นเวลาที่สมองปลอดโปร่ง ทำให้สามารถจดจำและทำความเข้าใจในบทเรียนง่ายยิ่งขึ้น บางคนอาจเลือกที่จะเรียนในเวลาเย็นหรือกลางคืน เพราะเป็นเวลาที่เงียบสงบ สามารถทำให้จดจ่อกับบทเรียนตรงหน้าได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นข้อสรุปได้ว่าการเรียนออนไลน์สามารถเรียนได้ทุกที่และทุกเวลา ขึ้นอยู่กับความสะดวกสบายของผู้เรียนทุกคน
คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการประเมินผลอย่างไรว่าเรียนออนไลน์ได้ผลหรือไม่
พ่อแม่ ผู้ปกครองที่ให้ลูก ๆ เรียนเสริมหรือเรียนพิเศษแบบออนไลน์ จะรู้ได้อย่างไรว่าการเรียนนั้น ๆ ได้ผลหรือไม่ เรามีหลักง่าย ๆ ที่จะช่วยให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ประเมินผลการเรียนมาแนะนำกันค่ะ

1 ก่อนเริ่มต้นเรียนออนไลน์ ควรมีการทดสอบและวัดผลประเมินความรู้ ความเข้าใจของนักเรียนเอาไว้ก่อน เพื่อที่จะได้นำมาเปรียบเทียบเมื่อนักเรียนเรียนจบในแต่ละครั้งว่ามีความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นหรือไม่ อย่างไร
2 ผู้สอนช่วยทำการประเมิน และส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น อธิบายเพิ่มเติม ทั้งยังมีการทดสอบย่อยๆระหว่างเรียน และเมื่อจบการเรียนออนไลน์แต่ละครั้งควรมีการทดสอบและส่งผลคะแนนต่างๆ ให้กับทางผู้ปกครองได้ทราบ ทำให้ผู้ปกครองสามารถทราบถึงพัฒนาการของบุตรหลานได้
3 คุณพ่อและคุณแม่ สามารถให้บุตรหลานทำแบบฝึกหัดท้ายบท และตรวจคำตอบจากเฉลย ซึ่งแบบทดสอบนั้นอาจเป็นได้ทั้งปรนัยและอัตนัย การทำแบบทดสอบแบบอัตนัยจะทำให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดมากขึ้น และเรียนรู้ที่จะทบทวนความรู้ด้วยตนเองหลังจากการเรียนออนไลน์จบไปในแต่ละครั้ง
4 ผู้ปกครองลองทดสอบคำถามด้วยปากเปล่า เพื่อทดสอบคร่าวๆว่าบุตรหลานสามารถอธิบายได้หรือไม่ หลังการเรียนออนไลน์ผ่านไปแล้วสักระยะหนึ่ง
5 ผู้ปกครองลองสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะเรียนออนไลน์ว่ามีความตั้งใจ เข้าใจ และสามารถตอบคำถามต่างๆ ได้หรือไม่ เพื่อจะได้ทราบว่าการเรียนสัมฤทธิผลมากน้อยแค่ไหน
6 สอบถามจากผู้สอนว่า นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในการเรียนออนไลน์หรือไม่ หรือมีปัญหาในการเรียนด้านใด และต้องพัฒนาในด้านใดบ้าง เพื่อจะได้ทราบว่าการเรียนได้ผลหรือไม่