เสริมสวย ใน ดอนเมือง, กรุงเทพมหานคร

เสริมสวย ใน ดอนเมือง, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา เสริมสวย

ความงาม คือ อะไร
สำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า "ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง" ยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ครีมบำรุง เครื่องสำอาง วิตามิน อาหารเสริม แพ็คเกจทำสวย สปา นวดหน้า ไปจนถึงการทำศัลยกรรม ถูกนำมาใช้เสริมเติมและปรุงแต่งความสวยงามกันอย่างแพร่หลาย แทบจะเรียกได้ว่า “สวยสั่งได้” หรือ “สวยเสกได้” กันเลยทีเดียว
ในท้องตลาดทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ สินค้าและบริการเกี่ยวกับความสวย ความงาม ถือเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมแบบไม่ตกยุค ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยินดีลงทุนตามกำลังทรัพย์เพื่อให้ตัวเองดูดี ใช้ครีมบำรุงเพราะอยากมีหน้าใส ผิวดูมีสุขภาพดี รูปร่างสมส่วน(แบบที่ตัวเองชอบ) ทั้งออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือใช้ทางลัดเพื่อให้ตัวเองสวย หล่อ ดูดีตามต้องการ
ปัจจุบันการเสริมความงามไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะคุณผู้หญิงเท่านั้น แต่คุณผู้ชายอีกจำนวนมากที่ทุ่มทุนเสริมหล่อกันแบบไม่ยอมแพ้สาวเลย หลายให้ความสำคัญกับความงามและรูปลักษณ์ภายนอก จนดูเหมือนว่าต่างคนต่างพยายามปรุงแต่งตัวเองเพื่อให้สวยตามมาตรฐานและค่านิยมของสังคม จนบางครั้งลดทอนคุณค่าของตัวเอง ขาดความมั่นใจ หรือบางคนถึงขั้นกลายเป็นปัญหากระทบจิตใจจนกลายเป็นความทุกข์ไปเลย
แล้วแบบไหนหรืออย่างไรจึงเรียกได้ว่าเป็นมาตรฐานของความสวย ความหล่อ เพราะค่านิยมความงามในแต่ละยุคย่อมแตกต่างกันออกไปตามช่วงเวลานั้น ๆ หรือแตกต่างกันไปตามพื้นที่ เฉพาะมุมมองความงามของคนไทยเองแค่ประเทศเดียวก็ใช้ว่าจะเหมือนกันหมดทั้งประเทศ เพราะต่างคนต่างมีรสนิยมและความชอบที่แตกต่างกันออกไป คนไทยอาจจะมองว่า แบบฝรั่ง แบบเกาหลี นั้นสวย แต่ถ้าข้ามไปฝั่งยุโรป อเมริกา ผู้คนแถบประเทศนั้น กลับมองว่าสไตล์ไทยนี่แหละสวย
หรือที่จริงแล้วความสวย ความหล่อไม่สามารถวัดได้ด้วยมาตรฐานที่ตายตัว เพราะแต่ละคนก็มีรสนิยม ความชอบที่ต่างกันออกไป เอาเป็นว่าสวยกันคนละแบบ ดูดีกันคนละสไตล์ พูดง่าย ๆ ก็คือเอาที่สบายใจดีกว่า
เทคนิคเปลี่ยนทรงผมให้หน้าดูเด็กลง
ไม่ว่าผู้หญิงจะอายุเท่าไหร่ ทุกคนก็อยากจะดูดี อ่อนเยาว์และสวยงาม คงไม่ใช่เรื่องยากตอนที่อายุยังน้อย ๆ แต่พออายุขึ้น ริ้วรอยแห่งวัยเพิ่มมากขึ้น คุณผู้หญิงต่างสรรหาวิธีที่จะช่วยลดอายุ ไม่ว่าจะเป็นศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า ครีมลดริ้วรอย การนวดหน้า หรือสปาหน้าเด็ก นอกจากการดูแลผิวพรรณให้อ่อนวัยแล้ว ทรงผมยังเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้คุณดูเด็กลง รวมทรงผมที่จะช่วยเปลี่ยนลุคและกระชากวัยคุณลงได้เป็น 10 ปี
ทรงผมสั้นดัดลอน ช่วยทำให้คุณดูมีบุคลิกที่เด็กลงด้วยผมดัดลอนใหญ่ อย่าดัดผมลอนเล็กเพราะจะทำให้ผมหยิกเกินไป และหน้าอาจจะดูแก่ไปเลย การดัดผมลอนใหญ่จะช่วยให้ผมดูหนาขึ้นและมีวอลลุ่ม เป็นทรงผมที่เข้าได้กับทุกบุคลิกและแต่งตัวได้ง่าย
ทรงผมสไลด์สร้างวอลลุ่ม ทรงนี้เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวสบาย ๆ ไม่ต้องแต่หน้า แต่งผมเยอะ ๆ สระเสร็จ เพียงแต่เป่าให้แห้ง ไดร์ให้เข้าทรง หวีครั้งเดียวอยู่ทรงได้ทั้งวัน วอลลุ่มผมจะช่วยให้หน้าอ่อนลง
ทรงบ็อบสั้นตรง หรือทรงนักเรียน ทรงผมยอดฮิตตลอดกาล อาจเพิ่มความสดใสด้วยการทำสีผมให้อ่อนลง จะทำให้หน้าดูละมุนและอ่อนเยาว์
ทรงผมปลายงุ้ม หรือลอนตัวซี จะให้อารมณ์แบบสาวญี่ปุ่นดูคาวาอี ทำได้ทั้งผมสั้น ผมประบ่า และผมยาว ลอนผมที่งุ้มเข้า จะช่วยทำให้กรอบหน้าคุณดูเล็กลง เหมาะกับคนที่มีแก้มนิด ๆ
ทรงผมปลายสวอน อีกทรงที่เหมาะกับผู้ที่ใบหน้ากลมคือ ทรงผมประบ่าสวอนปลาย เป็นลุคทันสมัย เป็นทรงสวยใสสไตล์เกาหลี ดัดยกโคนขึ้นเล็กน้อยเพิ่มความละมุน ดูธรรมชาติมากขึ้น ทรงนี้ยังช่วยเพิ่มความยาวให้ใบหน้า ดูทันสมัย
สิ่งจำเป็นในการดูแลผิวหน้าสำหรับผู้หญิงวัย 40+
30 ยังแจ๋ว หรือต่อให้ปาไป 40 แล้วก็ยังสวยได้ถ้าดูแลตัวเองดี ๆ อาจฟังดูน่าตกใจเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงอายุช่วง 40 ปี ที่ถือว่าเป็น “วัยกลางคน” (midlife) ซึ่งมักจะมาพร้อมกับ Midlife Crisis ที่ทำให้เราได้มองย้อนกลับไป ในช่วงชีวิตเราผ่านมานี่ครึ่งทางแล้วเหรอ แล้วต่อไปจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี แล้วเราจะสามารถเตรียมตัวเตรียมใจตัวเองให้พร้อมกับก้าวเข้าสู่วัย 40 อย่างมีความสุขอย่างไร
สิ่งที่ควรเตรียมตัวเพื่อให้คุณก้าวเข้าสู่วัย 40 อย่างมีความสุข
1. สุขภาพที่ดี “อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
เรื่องสุขภาพต้องมาก่อน การมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์ แข็งแรง ถือเป็นต้นทุนของทุกสิ่ง เมื่อคุณมีสุขภาพดี คุณจะสามารถทำอะไรที่อยากทำโดยไม่ต้องกังวลถึงข้อจำกัดด้านสุขภาพ หลักพื้นฐานที่สามารถทำให้คุณเป็นคนที่มีสุขภาพดีคือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้เบิกบานไม่คิดลบ ไม่เครียด และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดดูเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ สิ่งเหล่านี้ที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วกลับไม่ได้ทำง่ายอย่างที่คิด ด้วยข้อจำกัดของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป และการสร้างสุขภาพที่ดีไม่ใช่สิ่งที่สามารถสร้างได้ภายในวันเดียวหรือสองวัน ดังนั้นหากคุณอยากเป็นคนวัยสี่สิบที่สุขภาพดี คุณต้องเริ่มต้นดูแลและไม่ทำสิ่งที่บั่นทอนสุขภาพตั้งแต่เนิ่น ๆ
2. ความมั่นคงทางการเงิน การทำงานในบริษัทเอกชนแม้จะมีรายได้หรือเงินเดือนสูงกว่างานราชการ แต่ความเสี่ยงเรื่องความมั่นคงดูเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เลยหากคุณตกงานในวัย 40 ยิ่งหางานใหม่ยากเข้าไปอีก โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด หรือภาวะสงคราม คุณควรมีแผนสำรองหรืออาชีพเสริมตั้งแต่เนิ่น ๆ ระลึกไว้เสมอว่ารายรับไม่สำคัญเท่าเงินเหลือ ออมเงินตั้งแต่เริ่มทำงาน ลงทุนเพื่อให้มีรายได้พิเศษนอกจากงานหลัก สร้างความมั่นคงทางการเงินเพื่อลดความกังวลเมื่ออายุมากขึ้น
3. ปรับปรุงและเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านเทคโนโลยี ติดตามข่าวสาร รู้ทันโลก ทำในสิ่งที่ชอบ และปล่อยวางในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ยิ่งอายุมากขึ้น คุณต้องยิ่งเข้าใจในธรรมชาติของคน ไม่มีอะไรที่จะถูกใจเราทั้งหมด คุณไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงใครให้เป็นไปในแบบที่คุณต้องการได้ แต่สิ่งที่คุณทำได้คือปรับจิตใจตัวเองให้ยอมรับในความแตกต่างและความเป็นไปรอบข้าง สิ่งที่ควรมีมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นคือ สติ
แก้ปัญหาผิวแพ้ง่ายให้แข็งแรงอีกครั้ง
สิ่งที่ผู้มีปัญหาผิวแพ้ง่ายควรใส่ใจมากเป็นพิเศษคือ การทำความสะอาดผิวหน้าและการดูแลรักษาความสะอาดของของใช้ส่วนตัวที่มีโอกาสสัมผัสกับผิว เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองหรืออักเสบ ตามด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังว่ามีความอ่อนโยนต่อผิว ที่สำคัญต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เป็นการรบกวนผิว
คำแนะนำสำหรับการดูแลผิวแพ้ง่าย
ล้างและเช็ดหน้าเบา ๆ
เบามือในทุกขั้นตอนของการทำความสะอาดผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดเครื่องสำอาง การล้างและการเช็ดหน้า ควรทำแต่เพียงเบา ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง การถู แคะ แกะ เกาหน้าแรง ๆ นอกจากจะทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออักเสบแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาริ้วรอยอีกด้วย
ไม่รบกวนผิวหน้า
บรรดาผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีเม็ดบีดสครับ รวมถึงการขัด พอก ลอก กรอ หรือทำเลเซอร์ผิว เป็นการรบกวนผิวหน้า และจะไปกระตุ้นให้ผิวหน้าแพ้ง่ายกว่าเดิม
ดูแลไม่ให้ผิวแห้ง
ดูแลผิวด้วยการใช้ครีมบำรุงที่มีความอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย หากคุณมีผิวแห้งมากควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นน้ำมันเคลือบผิว ทาหลังอาบน้ำและซับผิวภายในระยะเวลาประมาณ 5 นาที เพื่อให้ผิวยังคงชุ่มชื้น
เพียงแค่นี้ก็ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแพ้ง่ายเผชิญกับปัญหาสิวหรือผิวบอบบางได้แล้ว

พาช็อปหมวดความงาม ร้านเจ๊เล้งดอนเมือง

ใครที่ผ่านย่านดอนเมืองเป็นประจำต้องรู้จักร้านขายของชื่อดังใกล้สนามบินดอนเมืองอย่าง “เจ้เล้ง พลาซ่า” ร้านขายเครื่องสำอาง น้ำหอม อาหารขนมเครื่องดื่ม ที่นำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเจ้าของร้านก็คือ เจ้เล้ง อารียฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล สินค้าบางอย่างร้านเจ๊เล้งก็เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงแต่ผู้เดียว ใครไปต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถูกมากเมื่อเทียบกับการซื้อตามห้างทั่วไปโดยไม่ต้องบินไปถึงต่างประเทศ ที่สำคัญร้านเจ๊เล้งก็ยังโดดเด่นในด้านของการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด คอยแนะนำลูกค้าและนำเสนอสินค้าโดยใช้เสียงตามสาย ร้านจะเป็นอาคารสี่ชั้นครึ่ง ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีความแตกต่างกันไปจากของแต่ละประเภท โดยชั้นล่างจะเป็นเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ชุดชั้นใน น้ำหอม น้ำยาทำสีผมซึ่งมีให้เลือกมากมาย โดยแบ่งโซนความงามได้เป็นดังนี้

ZONE A : สกินแคร์ เมคอัพ อยู่บริเวณชั้น1 สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องสำอางและสกินแคร์จากเคาน์เตอร์แบรนด์และครีมบำรุงทั่วไปในราคาที่เอื้อมถึงเช่น NYX, Kate, Revlon, Etude, NYLA และยังมีอีกหลายแบรนด์ในโซนนี้

ZONE C : อุปกรณ์ผม ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม  โซนนี้จะอยู่ซ้ายมือทางเข้า เป็นผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม ครีมหมักผมและผลิตภัณฑ์อื่นๆเกี่ยวกับผมไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หายากหรือแบรนด์ต่างประเทศรับรองมาที่นี่จะไม่ผิดหวัง ข้างกันนี้ก็จะมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฟัน ปาก ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บ และทาเล็บอีกด้วย

ZONE E : น้ำหอม เป็นอีกโซนโปรดของหลายๆคน เพราะมีทั้งน้ำของผู้หญิงและผู้ชาย สามารถลองน้ำหอมในบริเวณนี้ได้ รับรองว่าจะได้กลิ่นที่หอมและเข้ากับตัวเองแน่นอน



เผยเคล็ดลับหน้าใส ฉบับแอร์โฮสเตส

เชื่อว่าอาชีพในฝันของสาวๆส่วนใหญ่ก็ต้องมีอาชีพ แอร์โฮสเตส อยู่ในลิสต์แน่นอน ไปสนามบินดอนเมืองทีไร เจอแอร์โฮสเตสสวยๆก็แอบอิจฉาเบาๆ เดินผ่านหน้าแต่ละทีเหมือนมีประกายวิ้งวับรอบตัว แต่รู้หรือเปล่าว่าแอร์ฯ เค้าไม่ได้ใช้แค่ความสวยในการทำงานเท่านั้น ไหนจะต้องดูแลผู้โดยสาร บินแต่ละไฟลต์ก็กินนอนไม่เป็นเวลา แล้วแบบนี้ทำไมหน้ายังสวยกันอีก ใส่ใจขออาสาพาทุกคนไปส่องความลับฉบับนางฟ้ากับวิธีดูแลผิวหน้าของสาวแอร์โฮสเตสกันค่ะ

1.อย่าปล่อยให้ผิวขาดน้ำ ควรดื่มน้ำบ่อยๆ อากาศบนเครื่องบินอาจส่งผลให้ผิวเกิดอาการแห้งได้ ทำให้เหล่านางฟ้าต้องหมั่นดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อรักษาผิวสวยๆ ใครที่ต้องขึ้นเครื่อง ก่อนขึ้นพยายามหาซื้อน้ำเปล่าขนาดพกพาติดตัวเอาไว้ คอแห้งเมื่อไหร่ก็หยิบมาจิบเบาๆได้แบบไม่ขาดตอน นอกจากน้ำจะดีกับผิวและยังดีต่อสุขภาพภายในอีกด้วยค่ะ

2.ไม่ควรลงเมคอัพให้หนัก เพื่อให้ผิวได้พักหายใจ เคยสังเกตหรือไม่ว่าแอร์โฮสเตสผิวหน้าจะเป๊ะปังตลอดเวลา เห็นแบบนี้อย่าเพิ่งคิดว่าเค้าจะโบกเมคอัพตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องนะคะ บอกเลยว่าแอร์โฮสเตสส่วนใหญ่จะนิยมแต่งหน้าแบบงานผิวเบาๆ เพื่อให้ผิวพักและไม่ทำงานหนักระหว่างไฟลต์บินโดยจะเน้นไปที่การแต่งตา และทาลิปสติกด้วยสีสดๆ เพื่อให้หน้าดูสดใส สวย เด่น

3.อย่าลืมทาครีมกันแดด ถึงจะอยู่บนฟ้าก็ใช่ผิวว่าจะไม่โดนแดด นอกจากจะต้องบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ดีๆแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือการทาครีมกันแดดเพราะอยู่บนเครื่องบินผิวมีสิทธิ์โดนแดดทำลายได้ง่ายกว่าตอนอยู่บนพื้นดินและยังมีแสงไฟ LED บนเครื่องที่สามารถทำร้ายผิวได้พอกับแสงแดดอีกด้วย

4.ทาเซรั่มก่อนบิน ถ้าอยากมีผิวสวยออร่าขอแนะนำให้ขยันโบกเซรั่มเข้าผิว แม้แอร์โฮสเตสจะพักผ่อนน้อย ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง แต่ก็ไม่เคยทิ้งการดูแลผิว ซึ่งเคล็ดลับหนึ่งที่ทำให้ผิวของแอร์ฯ ดูเฟรชคือการทาเซรั่มก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อล็อคความชุ่มชื้นแบบยาวๆ ที่สำคัญคือต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่สามารถบำรุงผิวได้อย่างเร่งด่วน



ข้อดีของการเปลือยหน้าสด

เชื่อว่าหลายคนเคยเป็น ถ้าหากไม่ได้แต่งหน้าจะไม่กล้าออกจากบ้าน แม้กระทั่งไปหน้าปากซอยหรือเซเว่น รู้สึกไม่ค่อยมีความมั่นใจจนไม่อยากออกจากบ้านหรือบางครั้งก็นึกสงสัยทำไมคนอื่นที่ออกจากบ้านด้วยหน้าสดแต่ไม่โทรม แถมดูดีอีกต่างหาก จนทำให้เราสูญเสียความมั่นใจไปด้วย ซึ่งการไม่แต่งหน้าจะช่วยให้ผิวของเราได้พัก ส่งผลดีกับผิวหน้าในระยะยาว

1.ผิวมีเวลาหายใจ ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ลดการเกิดสิวและทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ เมื่อเราไม่ได้แต่งหน้าผิวของเราก็จะไม่ถูกรบกวนจากเครื่องสำอางหรือแปรงแต่งหน้าจนมากเกินไป การแต่งหน้าบ่อยๆบวกกับการเช็ดผิวหน้าล้างเครื่องสำอางซ้ำๆอาจทำให้ผิวบอบช้ำได้ ก่อให้เกิดปัญหาสิวตามมา ผิวหน้าก็ต้องการพักผ่อนเหมือนคน ฉะนั้นควรปล่อยให้หน้ามีเวลาพักบ้าง

2.สิวอุดตัน จุดด่างดำดูจางลง นอกจากจะทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดโอกาสของการเกิดสิวต่างๆพร้อมทั้งช่วยฟื้นฟู บำรุงผิวหน้า ให้กลับมามีสุขภาพดีขึ้น เครื่องสำอางมีสารเคมีที่อาจตกค้างอยู่บนผิว ก่อให้เกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบขึ้นได้ ต่อให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมันแต่ก็ยังมีสารตกค้างดังนั้นควรพักการแต่งหน้าบ้าง

3.ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร การมีผิวที่ดูแก่ก่อนวัยอันควรทำให้สาวๆหลายคนไม่มีความมั่นใจ จนหันไปพึ่งโบท็อกซ์ในคลินิกเสริมความงามที่มีราคาแสนแพง ทางที่ดีควรป้องกันไม่ให้ผิวหน้าอ่อนแอได้แก่การบำรุงผิว กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ รวมไปถึงการเปลือยหน้าสดก็มีส่วนช่วย เพราะการแต่งหน้าบ่อยๆจะทำให้ผิวรบกวนและโดนทำร้าย

4.มีเงินเก็บเยอะขึ้น เครื่องสำอางต่างๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งไม่ว่าจะเป็นรองพื้น มาสคาร่า ที่เขียนคิ้ว แปรงปัดแก้ม หากคำนวณมูลค่าออกมาแล้ว อาจจะตกใจกับตัวเลขเหล่านี้ เพราะสามารถเอาไปทำอะไรได้อีกมากมาย หากจำเป็นจริงก็อาจจะลดการแต่งหน้าลง หรืออาจจะแต่งหน้าในโอกาสสำคัญจริงๆ ก็จะมีเงินเก็บมากขึ้น