ดูแลผู้สูงอายุ ใน ดอนตูม, นครปฐม

ดูแลผู้สูงอายุ ใน ดอนตูม, นครปฐม

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

อธิวุฒิ สมัครการ
อธิวุฒิ สมัครการ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 35 ปี

เป็นคนใจเย็น รักการช่วยเหลือผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากมีที่พักให้เช่าใกล้สถานที่ทำงานจะดีมาก หรือจะให้อยู่บ้านเฝ้า 24 ชั่วโมงเลยก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม
เกษรา เชาวนานนท์
เกษรา เชาวนานนท์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี

รับดูแลเคสธรรมดา เฝ้าไข้อยู่เป็นเพื่อนค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ธมลวรรณ สังข์แก้ว
ธมลวรรณ สังข์แก้ว
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจ เข้าใจ สะอาด ดูแลเปรียญเสมือนญาติ

แสดงเพิ่มเติม

ผมไม่ได้จบ หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลท่านผู้สูงอายุครับ แต่ผมชอบที่จะนั่งฟัง หรือ ค่อยดูแลท่าน ทุกครั้งที่พบท่านผู้สูงอายุจะมีความรู้สึกเหมือนได้มาดูแลคนในครอบครัวครับ ปัจจุบันผมเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล และ เลขาประทานบริษัท ดีลโซลูชั่น จำกัด ครับ

แสดงเพิ่มเติม
นิตยา แสงหน่อ
นิตยา แสงหน่อ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 22 ปี

เป็นคนยิ้มง่าย ร่าเริง คุยเก่ง

แสดงเพิ่มเติม

ซื่อสัตย์ มุ่งมั่นในการทำงาน มีความพยายาม ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างตั้งใจ

ทำอาหารได้ เป็นพี่เลี้ยงได้ ขับรถได้

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ประทับใจในการให้บริการมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุดาพร มณีทอง
4 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเว็บไซต์ใส่ใจมาให้ เลยลองเข้าไปดู จ้างน้องมาดูแลแม่ น้องเขาทั้งสุภาพ เรียบร้อย ทำอาหารอร่อย แถมยังเคยฝึกอบรมการปฐมบาลเบื้องต้นมาด้วย คุณแม่ก็ดูจะชื่นชอบน้องเขามาก ๆ ค่ะ เราเลยรู้สึกสบายใจไปด้วย โดยรวมแล้วถือว่าน่าพอใจมากค่ะ
Saijai
อภิสรา ประภาสกุล
4 ปีที่แล้ว
ได้คนคอยดูแลแม่ผมอย่างดี และถ่ายภาพรายงานเรื่องแม่ให้ผมทางไลน์อีกด้วยครับ คุ้มราคามากครับ
Saijai
ปราโมทย์ มนตรา
4 ปีที่แล้ว
เราจ้างคนดูแลผู้สูงอายุมาดูแลคุณยายที่บ้าน พี่เขาทำงานดีมาก ๆ ที่สำคัญเลยคือพี่เขามีประสบการณ์ในการดูแลคนชรา เคยผ่านการอบรมมาแล้ว เลยทำให้เรามั่นใจ และ หายห่วงมาก ๆ
Saijai
นารีรัตน์ ภัทรบัณฑิต
4 ปีที่แล้ว
ย้ายตามสามีมาอยู่กรุงเทพ แล้วยังต้องดูแลแม่สามีที่สูงอายุ และมีโรคประจำตัวด้วย ตอนแรก ๆ ลำบากมาก เพราะต้องวุ่นวายเรื่องย้ายงานและหาคนดูแลผู้สูงอายุอีก จนมาเจอเว็บไซต์ใส่ใจ โชคดีมาก ๆ เลยค่ะ นอกจากจะได้คนดูแลผู้สูงอายุที่ราคาไม่แพงมากแล้ว ยังได้คนมีประสบการณ์ ไว้ใจได้ ทำงานคล่องแถมมาช่วยทำงานบ้านอีก ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ณฐาสัณห์ ถาวร
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

จ้างคนดูแลคนชราที่บ้านดีกว่าส่งไปบ้านพักคนชราอย่างไร?
ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย คือผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรานั่นเอง ครั้นเมื่อท่านทั้งหลายอายุมากขึ้นหน้าที่ของคนเป็นลูกเป็นหลานต้องคอยดูแลท่านให้ดีที่สุด หากเป็นไปได้คงไม่มีใครที่อยากให้ผู้สูงอายุที่เรารักต้องไปอยู่บ้านพักคนชราและอยู่ห่างไกลจากครอบครัวอย่างแน่นอน

แต่หากเราอยู่ดูแลท่านเองไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงานหรือมีภาระอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ควรจ้างคนมาดูแลที่บ้าน เพื่อความสะดวกของเราเองและความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลโดยเฉพาะ อย่างที่ทราบกันมานานสังคมไทยมีแนวคิดในแบบระบบครอบครัวใหญ่ โดยจะช่วยดูแลกันและกัน ซึ่งอาจแตกต่างจากสังคมของชาวตะวันตก ที่ส่วนมากมักมีค่านิยมให้ผู้สูงอายุไปอยู่บ้านพักคนชราในช่วงบั้นปลายชีวิต เพราะคิดว่าสะดวกสบายกว่า และผู้สูงอายุจะได้มีเพื่อนในสังคมวัยเดียวกัน แต่คนไทยโดยส่วนมากไม่คิดแบบนั้น ดังนั้นในครอบครัวของคนไทยจึงต้องการคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้ ความสามารถ อีกทั้งต้องไว้ใจให้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ของเราที่บ้านได้

ข้อดีของการมีคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

หลักๆ ก็คือ เราสามารถอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก ทั้งยังปลอดภัยมากกว่าเพราะยังอยู่ในสายตาของเราได้ตลอด แตกต่างกับการส่งไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลคนชรา ซึ่งอาจจะอยู่ห่างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางไปหา โดยเราสามารถเลือกบริการของคนที่จะมาดูแลแบบไปเช้า เย็นกลับ หรือคอยดูแล 24 ชั่วโมงสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป โดยส่วนมากแล้วทางบริษัทที่จัดหาคนดูแลผู้สูงอายุจะมีการคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพและมีความรู้ในด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและลดความกังวลของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
คุณสมบัติของผู้ดูแลผู้สูงอายุมีอะไรบ้าง
1. สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงเลยคือ คุณสมบัติทางด้านอารมณ์ความรู้สึก (moral attitude and belief) คือความพึงพอใจ ความศรัทธา เลื่อมใสที่จะใช้จริยธรรมมาเป็นแนวปฏิบัติงานดูแลผู้สูงอายุ
2. การฝึกอบรมเพื่อให้มีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ และมีความรู้ความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุให้ถูกวิธี เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
3. อุปนิสัย ผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องมีใจรักในงานบริการ มีบุคลิกชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีความจริงใจ มีความรัก ความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจ ปรารถนาดีต่อผู้สูงอายุ เข้าใจและรับฟังเรื่องราวของผู้สูงอายุ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุให้มีความสุข
4. รู้จักผิดชอบชั่วดี ต้องรู้จักแยกแยะว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำและเข้าใจในเหตุผลของความถูกต้องดีงาม (moral reasoning)
5. อายุที่เหมาะสม หลายคนอาจมองข้ามเรื่องของช่วงอายุไป แต่ต้องเข้าใจว่าช่วงอายุมีผลต่อวุฒิภาวะ ถ้าเด็กมากเกินไปก็อาจจะมีความอดทนที่ต่ำเพราะประสบการณ์การในชีวิตยังน้อย หรือถ้าอายุมากเกินไปก็ทำให้ความคล่องตัวในการดูแลผู้สูงวัยอาจจะมีน้อยลง
6. ประสบการณ์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะบ่งบอกว่าคนคนนั้นเคยผ่านงานดูแลผู้สูงวัยมาก่อน ทำให้เข้าใจเนื้องานได้อย่างรวดเร็ว เข้าใจรายละเอียดของการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งโดยรวมแล้วผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุจำเป็นต้องมีใจรักในงานเป็นพิเศษ ต้องใช้ความอดทนและใช้ความรู้ความสามารถที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้สามารถดูแลได้ถูกวิธีและถูกใจกันทุกฝ่ายอีกด้วย
7. เป็นผู้ประสานงานและเชื่อมโยงระหว่างบุตรหลานและญาติมิตรกับผู้สูงอายุ เมื่อได้รับความไว้วางใจให้มาดูแลผู้สูงอายุแล้ว ผู้ดูแลต้องสามารถสื่อสารส่งต่อข้อมูลที่จะช่วยให้ทำงานได้ดีและเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น
อะไรที่ช่วยให้คุณคลายความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุ คนชราอยู่กับผู้ดูแลตามลำพัง
แม้ว่าคุณจะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ดูแลที่ทำการว่าจ้างอย่างครบถ้วนและได้ตัดสินใจจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุมาแล้วนั้น เป็นเรื่องปกติหากคุณจะยังคงกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ อยู่ สิ่งที่จะช่วยให้คุณคลายความกังวลหากต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่กับผู้ดูแลตามลำพังที่บ้านมีดังนี้

1. ตรวจสอบประวัติย้อนหลังของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ทำการว่าจ้างมา เพื่อให้แน่ใจว่าคนดูแลที่จ้างมานั้นไม่เคยมีประวัติการกระทำที่ผิดกฎหมายมาก่อน โดยสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. สอบถามประวัติการทำงานต่าง ๆ ที่ผ่านมา โดยอาจสอบถามจากผู้ว่าจ้างโดยตรงว่าเคยดูแลผู้สูงอายุมาอย่างไรบ้าง มีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหนในการดูแลผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ขณะเดียวกันก็สามารถสอบถามจากผู้ว่าจ้างที่เคยทำการจ้างก่อนหน้านี้ได้เช่นเดียวกัน
3. ฝากฝังทางเพื่อนบ้านให้ช่วยสอดส่องดูแลอีกทีหนึ่ง ซึ่งเพื่อนบ้านจะสามารถติดต่อหาเราได้ทันทีหากมีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
4. หากว่าจ้างคนดูแลผู้สูงอายุโดยหาจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ควรศึกษาคำวิจารณ์หรือรีวิวจากผู้ใช้ก่อนหน้าว่ามีความคิดเห็นต่อการบริการอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าคนดูแลที่จ้างมานั้นน่าเชื่อถือและเป็นคนมีความเป็นมืออาชีพจริง ๆ
5. การติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณบ้านช่วยให้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ถือเป็นการป้องกันความปลอดภัยที่ดีอย่างหนึ่งเช่นกัน
สิ่งสำคัญที่คนจ้างจะต้องตกลงกับผู้ดูแลผู้สูงอายุคืออะไร
เมื่อคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุไว้คอยดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณ คุณควรมีข้อตกลงที่ชัดเจนก่อนทำการจ้าง ดังต่อไปนี้

1. มีการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความถูกต้องและความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุข้อวันเริ่มงาน ตกลงในเรื่องของเงินเดือน ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการและวันหยุดที่ควรจะได้รับตามกฎหมายแรงงาน
2. ทำความเข้าใจถึงความคาดหวังที่นายจ้างต้องการจากผู้ดูแล และหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ว่าอาจจะต้องทำงานอื่นนอกเหนือจากการดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องช่วยดูแลเพิ่มเติม ในเรื่องของความสะอาดต่างๆ ของเครื่องใช้ หรือความสะอาดในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอยู่
3. อธิบายข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เช่น ลักษณะนิสัย ความชอบส่วนตัว โรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ หรือ อาหารที่แพ้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและมีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
4. ควรใส่ใจในสุขภาพของคนที่จะมาเป็นคนดูแลผู้สูงอายุของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะแพร่มาสู่คนชราได้ คนดูแลจึงควรมีสุขภาพแข็งแรง และควรมีผลการตรวจสุขภาพมาเพื่อยืนยันกับผู้ว่าจ้าง
5. ทำความเข้าใจว่าหากคนดูแลผู้สูงอายุป่วยไข้ ผู้ว่าจ้างจะอนุญาตให้พักงาน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อสู่ผู้สูงอาย
6. หากผู้ว่าจ้างเลือกให้คนดูแลผู้สูงอายุพักอาศัยที่บ้านด้วย ควรมีห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนและมีการจัดหาอาหารให้ ควรอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนด้วยว่ามีอาหารให้กี่มื้อต่อวัน
7. คนดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการอบรมและตรวจสอบประวัติ และลายนิ้วมือ เพื่อประสิทธิภาพของงาน และความไว้วางใจของผู้ว่าจ้าง

2 กลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังคงอยู่ในอำเภอดอนตูม

จังหวัดนครปฐมมีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายเช่น คนมอญ ชาวไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง และลาวคั่ง หลายตำบลใน อำเภอดอนตูม เป็นพื้นที่ที่ประกอบไปด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ลาวคั่งมากถึง 90% โดยเฉพาะในตำบลห้วยด้วน กลุ่มชาติพันธุ์ลาวคั่งเหล่านี้สืบเชื้อสายมาจากหลวงพระบาง สมัยสงครามโลก เมื่อปี พ.ศ. 2556 สมัยที่นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มีการเปิดพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น กลุ่มชาติพันธุ์ลาวคั่ง ขึ้นที่อำเภอดอนตูม ตั้งอยู่ในวัดทุ่งผักกูด ตำบลห้วยด้วน พร้อมกับมีการเปิดศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยทรงดำ ที่บ้านหัวถนน ต. ดอนพุทรา อ. ดอนตูม ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายลาวโซ่งที่อพยพมาจากจังหวัดเพชรบุรี ลาวโซ่งกลุ่มนี้สืบเชื้อสายมาจากเมืองเดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม ปัจจุบันกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งสองกลุ่มยังคงสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีเดิม วัฒนธรรมการแต่งกาย อาหาร ภาษาพูด พิธีกรรมตามความเชื่อและวิถีการดำเนินชีวิตตามที่บรรพบุรุษได้ปฏิบัติไว้ ภายในพิพิธภัณฑ์ทั้งสองแห่งมีสิ่งของ เครื่องมือเครื่องใช้ที่ได้รับมาจากผู้นำชุมชนและชาวบ้านมากมาย ล้วนเป็นของที่เก็บสะสมมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเพื่อนำมาจัดแสดง เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรมและความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้แก่คนรุ่นหลัง จัดแสดงทั้งส่วนที่เป็นภาพถ่าย และการจำลองการดำรงชีวิต วิถีการเกษตร การแต่งกาย ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้แก่ชุมชนอีกด้วย พิพิธภัณฑ์เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 8:00-17:00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม จึงขอเชิญชวนผู้ที่ผ่านไปมา หรือผู้สนใจศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังคงอยู่ในปัจจุบันเข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ทั้งสองแห่งได้ทุกวันทำการ



หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม

จังหวัดนครปฐมเป็นอีกจังหวัดที่มีวัดดังหลายวัด มีชื่อเสียงในเรื่องพระเกจิอาจารย์ชื่อดังและเครื่องรางของขลังมากมาย มีตลาดพระที่องค์พระปฐมเจดีย์ทุกวันจันทร์ ทุกอำเภอจะมีวัดดังที่มีชื่อเสียงที่ทั้งคนในจังหวัดและต่างจังหวัดต่างพากันมาทำบุญไหว้พระ วัดสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม เป็นอีกวัดที่เป็นที่รู้จักของคนต่างจังหวัด ด้วยประวัติของวัดและชื่อเสียงของเครื่องรางของขลัง

วัดสามง่าม ตั้งอยู่บ้านสามง่าม เลขที่ 81 หมู่ 5 ต. สามง่าม อ. ดอนตูม จ. นครปฐม สร้างขึ้นโดยหลวงพ่อแดงและชาวบ้านในสมัยนั้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2444 โดยพัฒนาจากวัดร้างเก่าแก่สมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดดอนตูม เดิมทีสถานที่ตั้งวัดสามง่ามอยู่ไกลจากชุมชน ทำให้ชาวบ้านมาทำบุญลำบาก หลวงพ่อแดงจึงได้ย้ายไปสร้างวัดที่บ้านสามง่ามซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน โดยได้รับบริการที่ดินมาจากครอบครัวเจ๊กไป๋ เจ้าของโรงหีบอ้อยสมัยนั้น ในปี พ.ศ. 2447 ให้ชื่อวัดว่า “วัดอรัญญิการาม” หลวงพ่อแดงได้พาหลานชายชื่อเต๋มาอยู่ด้วย และบวชให้เด็กชายเต๋เป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 15 ปี ถือเพศสามเณรจนกระทั่งครบบวชพระ สามเรณเต๋ได้ทำการบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 21 ปี ในปี พ.ศ. 2454 โดยมีพระครูอุตตรการบดี (หลวงพ่อทา) วัดพะเนียงแตก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า คงทอง (ภายหลังเปลี่ยนเป็น คงสุวัณโณ แต่ชาวบ้านยังคงเรียกขานติดปากกันว่า หลวงพ่อเต๋ คงทอง) ได้มีโอกาสศึกษาวิชาจากหลวงพ่อทา เล่าเรียนพระปริยัติธรรม กัมมัฏฐาน และเรียนรู้สืบทอดพุทธาคมต่างๆ จนมาในปี พ.ศ. 2455 หลวงพ่อแดงมรณภาพ ท่านได้ฝากให้พระภิกษุเต๋ดูแลวัดสามง่ามต่อ

พระภิกษุเต๋ออกธุดงค์เป็นเวลา 17 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2455-2472 ระหว่างนี้พระภิกษุเต๋ได้ไปอยู่ที่วัดพะเนียงแตกกับหลวงพ่อทา และเมื่อหลวงพ่อทามรณภาพ ก็ย้ายไปอยู่กับหลวงพ่อแช่ม ศิษย์เอกหลวงพ่อทา ที่วัดตาก้อง จนกระทั่งธุดงค์ไปถึงเขาตะลุง กาญจนบุรี ได้พบกับสมณพราหม์เขมรท่านหนึ่งที่เชี่ยวชาญคาถาอาคมและวิชาไสยศาสตร์มาก พระภิกษุเต๋จึงฝากตัวเป็นศิษย์ รับถ่ายทอดวิชาต่างๆ จนได้รับมอบตำราและ “ฤๅษีปู่ครู” มาเป็นกรรมสิทธิ์ เมื่อพระภิกษุเต๋เดินทางกลับมายังวัดสามง่าม ได้มีการจัดพิธีไหว้ครูบูชา “ฤๅษีปู่ครู” ทุกปีที่วัด มาจนทุกวันนี้

เมื่อกลับมาจำพรรษาที่วัดสามง่าม มีการเปลี่ยนชื่อวัดจากวัดอรัญญิการามเป็นวัดสามง่าม ตามแนวปฏิบัติของทางการคณะสงฆ์ที่ให้ใช้ชื่อวัดตามตำบลที่อยู่ พระภิกษุเต๋ได้พัฒนาวัดสามง่ามต่อจากหลวงพ่อแดง สร้างอนามัย บ้านพักนายแพทย์และพยายาม สร้างโรงเรียนประถมและมัธยม สถานีตำรวจ และ ถนนหนทาง รวมทั้งขุดบ่อน้ำ บาดาล เพื่อความเจริญและความสะดวกสบายในชุมชน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2475 ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดสามง่าม และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลในปี พ.ศ. 2476 หลวงพ่อเต๋มีความเมตตาปรานีต่อศิษย์ทุกคน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อีกทั้งยังมีเมตตาต่อสัตว์เลี้ยงทั้ง สุนัข แมว ไก่ วัว และชะนี เป็นต้น ท่านจะให้ข้าวสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ก่อนจะฉันมื้อเช้าเสมอ นอกจากนี้หลวงพ่อเต๋ยังได้สร้างวัตถุมงคลไว้มากมาย ทั้งพระเนื้อดิน เนื้อผง เนื้อว่าน เหรียญรูปเหมือน พระกริ่ง ตะกรุด เครื่องรางของขลังมากมายที่มีพุทธคุณด้าน เมตตามหานิยม เป็นที่รู้จักโด่งดัง และวัตถุบูชาที่เป็นที่นิยมอย่างมากคือ กุมารทองเนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อเต๋มรณภาพอย่างสงบเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2524 สิริอายุ 80 ปี พรรษา 59 และปัจจุบันทางวัดได้บรรจุสังขารของหลวงพ่อเต๋ไว้ให้ลูกหลานได้ไปกราบบูชาจนทุกวันนี้



สัญญาณโรคพาร์กินสัน

โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) เป็นโรคที่เกิดจากเซลล์สมองของก้านสมองส่วนกลาง (Midbrain) ค่อยๆถูกทำลายจนเกิดความเสียหาย และแสดงอาการออกทางการเคลื่อนไหว (Motor symptoms) จนส่งผลให้การเคลื่อนไหวของร่างกายผิดปกติ คนไทยบางคนเรียกโรคนี้ว่า “โรคสันนิบาตลูกนก” โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.5 เท่า ซึ่งโรคนี้จะกระทบกับผู้ป่วยได้ในระยะยาว แล้วเราจะสังเกตได้จากอาการอะไรบ้างถึงจะทราบว่าผู้สูงอายุในบ้านเข้าข่ายเป็นกลุ่มผู้ป่วยโรคพาร์กินสันหรือไม่ โรคนี้มีสัญญาณเตือนดังนี้

1. มีอาการสั่นเล็กน้อยบริเวณ นิ้วมือ ข้อมือ เวลาอยู่เฉยๆ หรืออาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อร่วมด้วย แต่หากมีอาการสั่นที่มือหลังการออกกำลังกายหรือมีความเครียด วิตกกังวล อาจพบเจอได้ในคนปกติ

2. ลายมือเริ่มเปลี่ยนแปลง เวลาเขียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง ตัวหนังสือจะค่อยๆเล็กลง

3. สูญเสียการได้กลิ่นหรือรับรส โดยไม่เกี่ยวกับอาการเป็นหวัด คัดจมูก เนื่องจากการไม่ได้กลิ่นและไม่รับรสชาติอาหารต้องใช้ประสาทการรับกลิ่นช่วยด้วย

4. มีอาการนอนละเมอในลักษณะออกท่าทางมาก จนอาจเป็นสาเหตุให้มีอาการบาดเจ็บ ฟกช้ำได้

5. มีอาการเดินลำบาก หรือขยับตัวลำบาก แขนติดไม่แกว่งให้เป็นปกติ หรือก้าวขาไม่ค่อยออก หรือก้าวเดินสั้นๆ ล้มบ่อยๆ

6. ท้องผูก ถ่ายยากเป็นประจำ

7. พูดเสียงเบาเกินไป หรือมีอาการพูดไม่ค่อยชัด ฟังไม่ออก หรือในทางกลับกันอาจมีอาการพูดรัวเร็ว ฟังไม่รู้เรื่อง อาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคพาร์กินสัน

8. สีหน้าเฉยเมย ไม่แสดงอารมณ์ เวลาพูดมุมปากจะไม่ค่อยขยับ

9. วิงเวียนศีรษะ เป็นลม หรือมีอาการหน้ามืดเวลาเปลี่ยนแปลงท่าทางต่างๆ ซึ่งอาจมาจากความดันโลหิตต่ำขณะมีการเปลี่ยนแปลงท่าทาง

10. หลังโค้งงอ ยืดตัวตรงไม่ได้ เดินหลังโค้งลงมากกว่าปกติ หรือลำตัวเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง

โรคพาร์กินสันมีวิธีรักษาทั้งการรับประทานยา การทำกายภาพบำบัด และการผ่าตัด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีผู้ป่วยอาจจะพิการ หรือกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงได้ ดังนั้น ลูกหลานควรพยายามสังเกตผู้สูงอายุในบ้าน หากมีอาการดังกล่าวข้างต้นมากกว่า 1 ข้อ อาจเข้าข่ายเป็นโรคพาร์กินสันได้ ควรรีบพาพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป