ดูแลผู้สูงอายุ ใน ดอนตูม, นครปฐม

ดูแลผู้สูงอายุ ใน ดอนตูม, นครปฐม

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ศิวานนท์ ทาอิ
ศิวานนท์ ทาอิ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 28 ปี

ผมไม่ได้จบ หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลท่านผู้สูงอายุครับ แต่ผมชอบที่จะนั่งฟัง หรือ ค่อยดูแลท่าน ทุกครั้งที่พบท่านผู้สูงอายุจะมีความรู้สึกเหมือนได้มาดูแลคนในครอบครัวครับ ปัจจุบันผมเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล และ เลขาประทานบริษัท ดีลโซลูชั่น จำกัด ครับ

แสดงเพิ่มเติม
นิตยา แสงหน่อ
นิตยา แสงหน่อ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 22 ปี

เป็นคนยิ้มง่าย ร่าเริง คุยเก่ง

แสดงเพิ่มเติม
ธมลวรรณ สังข์แก้ว
ธมลวรรณ สังข์แก้ว
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจ เข้าใจ สะอาด ดูแลเปรียญเสมือนญาติ

แสดงเพิ่มเติม
อธิวุฒิ สมัครการ
อธิวุฒิ สมัครการ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 35 ปี

เป็นคนใจเย็น รักการช่วยเหลือผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากมีที่พักให้เช่าใกล้สถานที่ทำงานจะดีมาก หรือจะให้อยู่บ้านเฝ้า 24 ชั่วโมงเลยก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม
ธัญภา  มิ่งขวัญ
ธัญภา มิ่งขวัญ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี

ซื่อสัตย์ มุ่งมั่นในการทำงาน มีความพยายาม ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างตั้งใจ

ทำอาหารได้ เป็นพี่เลี้ยงได้ ขับรถได้

แสดงเพิ่มเติม
เกษรา เชาวนานนท์
เกษรา เชาวนานนท์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี

รับดูแลเคสธรรมดา เฝ้าไข้อยู่เป็นเพื่อนค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ประทับใจในการให้บริการมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุดาพร มณีทอง
3 ปีที่แล้ว
หาข้อมูล เจอเว็บใส่ใจ ที่มีพี่เลี้ยงดูแลผู้สูงอายุ ลองอ่านประสบการณ์เลย เจอจิต (พี่เลี้ยงดูแลพ่อ) ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลในเว็บทำให้พวกเราไม่ยากที่จะตัดสินใจ จิตทำงานดีมากเข้ากับคุณพ่อได้ดี ขอบคุณใส่ใจค่ะ
Saijai
พชร ต้นไกลสุทธฺ์
4 ปีที่แล้ว
พ่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน ผมเลยหาคนดูแลจากเว็บไซต์ของใส่ใจ ขั้นตอนต่าง ๆ ง่ายมากครับ และทางผู้ดูแลที่ทางใส่ใจส่งมา บริการได้น่าประทับใจมากครับ นอกจากจะใส่ใจคอยดูแลคุณพ่อผมแล้วยังคอยพูดคุยรับฟังเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย ตอนนี้ผมจ้างพี่เค้าดูแลตลอดจนกว่าพ่อจะหายเลยครับ
Saijai
อนันต์ บุญเกิด
4 ปีที่แล้ว
สะดวก ง่าย เพียงไม่กี่ขั้นตอนเราก็สามารถหาคนดูแลผู้สูงอายุได้ อีกอย่างในเว็บไซต์มีข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้เราได้ศึกษาก่อนทำการจ้างอีกด้วย พอได้อ่านข้อมูลทำให้เราได้รู้วิธีการเตรียมตัวก่อนจ้างคนดูแลมาดูแลคุณแม่ เป็นข้อแนะนำที่ดีมาก ๆเลยค่ะ ประทับใจมาก ๆ ค่ะ
Saijai
วิกานดา ทองดี
4 ปีที่แล้ว
ได้คนคอยดูแลแม่ผมอย่างดี และถ่ายภาพรายงานเรื่องแม่ให้ผมทางไลน์อีกด้วยครับ คุ้มราคามากครับ
Saijai
ปราโมทย์ มนตรา
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

จ้างคนดูแลคนชราที่บ้านดีกว่าส่งไปบ้านพักคนชราอย่างไร?
ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย คือผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรานั่นเอง ครั้นเมื่อท่านทั้งหลายอายุมากขึ้นหน้าที่ของคนเป็นลูกเป็นหลานต้องคอยดูแลท่านให้ดีที่สุด หากเป็นไปได้คงไม่มีใครที่อยากให้ผู้สูงอายุที่เรารักต้องไปอยู่บ้านพักคนชราและอยู่ห่างไกลจากครอบครัวอย่างแน่นอน

แต่หากเราอยู่ดูแลท่านเองไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงานหรือมีภาระอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ควรจ้างคนมาดูแลที่บ้าน เพื่อความสะดวกของเราเองและความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลโดยเฉพาะ อย่างที่ทราบกันมานานสังคมไทยมีแนวคิดในแบบระบบครอบครัวใหญ่ โดยจะช่วยดูแลกันและกัน ซึ่งอาจแตกต่างจากสังคมของชาวตะวันตก ที่ส่วนมากมักมีค่านิยมให้ผู้สูงอายุไปอยู่บ้านพักคนชราในช่วงบั้นปลายชีวิต เพราะคิดว่าสะดวกสบายกว่า และผู้สูงอายุจะได้มีเพื่อนในสังคมวัยเดียวกัน แต่คนไทยโดยส่วนมากไม่คิดแบบนั้น ดังนั้นในครอบครัวของคนไทยจึงต้องการคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้ ความสามารถ อีกทั้งต้องไว้ใจให้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ของเราที่บ้านได้

ข้อดีของการมีคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

หลักๆ ก็คือ เราสามารถอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก ทั้งยังปลอดภัยมากกว่าเพราะยังอยู่ในสายตาของเราได้ตลอด แตกต่างกับการส่งไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลคนชรา ซึ่งอาจจะอยู่ห่างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางไปหา โดยเราสามารถเลือกบริการของคนที่จะมาดูแลแบบไปเช้า เย็นกลับ หรือคอยดูแล 24 ชั่วโมงสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป โดยส่วนมากแล้วทางบริษัทที่จัดหาคนดูแลผู้สูงอายุจะมีการคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพและมีความรู้ในด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและลดความกังวลของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
คุณสมบัติของผู้ดูแลผู้สูงอายุมีอะไรบ้าง
1. สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงเลยคือ คุณสมบัติทางด้านอารมณ์ความรู้สึก (moral attitude and belief) คือความพึงพอใจ ความศรัทธา เลื่อมใสที่จะใช้จริยธรรมมาเป็นแนวปฏิบัติงานดูแลผู้สูงอายุ
2. การฝึกอบรมเพื่อให้มีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ และมีความรู้ความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุให้ถูกวิธี เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
3. อุปนิสัย ผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องมีใจรักในงานบริการ มีบุคลิกชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีความจริงใจ มีความรัก ความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจ ปรารถนาดีต่อผู้สูงอายุ เข้าใจและรับฟังเรื่องราวของผู้สูงอายุ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุให้มีความสุข
4. รู้จักผิดชอบชั่วดี ต้องรู้จักแยกแยะว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำและเข้าใจในเหตุผลของความถูกต้องดีงาม (moral reasoning)
5. อายุที่เหมาะสม หลายคนอาจมองข้ามเรื่องของช่วงอายุไป แต่ต้องเข้าใจว่าช่วงอายุมีผลต่อวุฒิภาวะ ถ้าเด็กมากเกินไปก็อาจจะมีความอดทนที่ต่ำเพราะประสบการณ์การในชีวิตยังน้อย หรือถ้าอายุมากเกินไปก็ทำให้ความคล่องตัวในการดูแลผู้สูงวัยอาจจะมีน้อยลง
6. ประสบการณ์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะบ่งบอกว่าคนคนนั้นเคยผ่านงานดูแลผู้สูงวัยมาก่อน ทำให้เข้าใจเนื้องานได้อย่างรวดเร็ว เข้าใจรายละเอียดของการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งโดยรวมแล้วผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุจำเป็นต้องมีใจรักในงานเป็นพิเศษ ต้องใช้ความอดทนและใช้ความรู้ความสามารถที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้สามารถดูแลได้ถูกวิธีและถูกใจกันทุกฝ่ายอีกด้วย
7. เป็นผู้ประสานงานและเชื่อมโยงระหว่างบุตรหลานและญาติมิตรกับผู้สูงอายุ เมื่อได้รับความไว้วางใจให้มาดูแลผู้สูงอายุแล้ว ผู้ดูแลต้องสามารถสื่อสารส่งต่อข้อมูลที่จะช่วยให้ทำงานได้ดีและเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล
เมื่อเราได้พิจารณาคุณสมบัติและตัดสินใจจ้างผู้ดูแลมาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของเราแล้ว เราอาจจะมีความกังวลด้านอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นควรจะเป็นผู้ดูแลชั่วคราวแบบไป-กลับ หรือผู้ดูแลแบบที่อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง เพราะการที่ต้องให้บุคคลภายนอกซึ่งเป็นคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ภายในบ้านของเรา ในระยะแรกอาจจะต้องมีการปรับตัวในการอยู่ร่วมกัน หากว่าเราอยู่ที่บ้านตลอดก็อาจช่วยลดความกังวลในด้านความปลอดภัยลงไปได้ แต่ถ้าสมาชิกในบ้านต้องออกไปทำงานนอกบ้านและต้องทิ้งผู้สูงอายุไว้เพียงลำพังกับผู้ดูแล ความกังวลย่อมเพิ่มมากขึ้นทั้งกับคนที่เรารักและทรัพย์สินมีค่าภายในบ้าน แนวทางที่ช่วยลดความกังวลของผู้ว่าจ้างจากที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แก่

1. ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของคนดูแลผู้สูงอายุ โดยสามารถร้องขอให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุทำการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. ตรวจสอบประวัติการทำงานกับนายจ้างคนเก่า ในกรณีที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุเคยผ่านประสบการณ์การทำงานมาก่อน
3. หากเป็นผู้ดูแลที่มาจากบริษัท ทางบริษัทควรจะมีการส่งตัวแทนจากบริษัทเข้ามาเยี่ยมและตรวจสอบการทำงานของผู้ดูแลเป็นระยะๆ
4. คนในครอบครัวหมั่นตรวจตราและสอดส่องการทำงานของผู้ดูแลคนสูงอายุอยู่ตลอดเวลาในระยะแรกๆของการทำงาน
5. หากมีเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ สามารถฝากให้เพื่อนบ้านช่วยสอดส่องดูแลขณะที่ผู้ดูแลอยู่ลำพังกับผู้สูงอายุ
6. ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ตลอด 24 ชม.
ผู้จ้างควรตกลงอะไรกับผู้ดูแลผู้สูงอายุก่อนทำการจ้าง?
ผู้ว่าจ้างควรตกลงอะไรกับผู้ดูแลผู้สูงอายุก่อนทำการจ้าง เพื่อความสะดวกและความเข้าใจตรงกันในดูแลผู้สูงอายุที่บ้านมีข้อตกลงต่าง ๆ อะไรบ้าง
จากข้อมูลสำรวจการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุ มีผู้ดูแลผู้สูงอายุ 2 รูปแบบ

รูปแบบที่ 1: ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ บุคคลเหล่านี้มีความเข้าใจผู้สูงอายุ และสามารถทำงานพยาบาลได้ เช่นช่วยอาบน้ำ ช่วยป้อนอาหาร ช่วยดูแลเรื่องยา ตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงดูแลสุขอนามัยของผู้สูงอายุ

รูปแบบที่ 2: แม่บ้านทั่วไป อาจมีความชำนาญเรื่องงานบ้านแต่เรื่องดูแลใส่ใจรายละเอียดอาจจะไม่เท่าผู้ที่ผ่านการอบรมมา

1. สิ่งที่ควรตกลงกันอย่างแรกคือขอบข่ายงานและวิธีการ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง เช่น งานอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้
2. ชั่วโมงการทำงาน ด้วยลักษณะงานของผู้ดูแลผู้สูงอายุ บางครั้งต้องมาอาศัยใกล้ชิดเพื่อดูแลผู้สูงอายุตลอดเวลา ตื่นพร้อมกันนอนพร้อมกัน หรือแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เราต้องการให้ผู้ดูแลเข้ามา ดูแลผู้สูงอายุ หากเกินเวลาที่ตกลงไว้จะต้องมีค่าจ้างพิเศษ หรือค่าล่วงเวลาที่ตามตกลงไว้ หากต้องการวันหยุดหรือวันลา ต้องแจ้งล่วงหน้าหรือหาคนมาทดแทนได้
3. ยุคปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการไว้ใจใครสักคนที่เข้ามาทำงานใกล้ชิดในบ้านนั้นยากยิ่ง ทางเลือกหนึ่งผู้ดูแลผู้สาอายุ ต้องยินยอมให้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม แม้ไม่อาจการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่อย่างน้อยเป็นการคัดกรองผู้ดูแลผู้สูงอายุที่จะเข้ามาใกล้ชิดบุคคลในครอบครัวได้ ประวัติการทำงานและประสบการณ์การทำงาน การได้พูดคุย ถึงประวัติการทำงาน ทำให้เราได้รู้จักผู้ดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น อาจมีการยกตัวอย่างเหตุการณ์ เพื่อเปรียบเทียบหากเกิดขึ้นกับเราต้องทำอย่างไร เราจะได้รู้ว่าผู้ที่จะเข้ามาดูแลผู้สูงอายุของเราจะทำอย่างไรในเหตุการณ์ที่เราสมมุติขึ้น หากเคยทำที่หนึ่งได้แต่ทำกับเราไม่ได้เราได้บอกผู้สูงอายุไว้ก่อน หรือตกลงกันก่อนจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง
4. ค่าจ้าง ควรพิจารณาให้เหมาะสมและคุ้มค่าตามเนื้องานในการดูแลผู้สูงอายุในแต่ละคน

2 กลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังคงอยู่ในอำเภอดอนตูม

จังหวัดนครปฐมมีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายเช่น คนมอญ ชาวไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง และลาวคั่ง หลายตำบลใน อำเภอดอนตูม เป็นพื้นที่ที่ประกอบไปด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ลาวคั่งมากถึง 90% โดยเฉพาะในตำบลห้วยด้วน กลุ่มชาติพันธุ์ลาวคั่งเหล่านี้สืบเชื้อสายมาจากหลวงพระบาง สมัยสงครามโลก เมื่อปี พ.ศ. 2556 สมัยที่นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มีการเปิดพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น กลุ่มชาติพันธุ์ลาวคั่ง ขึ้นที่อำเภอดอนตูม ตั้งอยู่ในวัดทุ่งผักกูด ตำบลห้วยด้วน พร้อมกับมีการเปิดศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยทรงดำ ที่บ้านหัวถนน ต. ดอนพุทรา อ. ดอนตูม ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายลาวโซ่งที่อพยพมาจากจังหวัดเพชรบุรี ลาวโซ่งกลุ่มนี้สืบเชื้อสายมาจากเมืองเดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม ปัจจุบันกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งสองกลุ่มยังคงสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีเดิม วัฒนธรรมการแต่งกาย อาหาร ภาษาพูด พิธีกรรมตามความเชื่อและวิถีการดำเนินชีวิตตามที่บรรพบุรุษได้ปฏิบัติไว้ ภายในพิพิธภัณฑ์ทั้งสองแห่งมีสิ่งของ เครื่องมือเครื่องใช้ที่ได้รับมาจากผู้นำชุมชนและชาวบ้านมากมาย ล้วนเป็นของที่เก็บสะสมมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเพื่อนำมาจัดแสดง เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรมและความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้แก่คนรุ่นหลัง จัดแสดงทั้งส่วนที่เป็นภาพถ่าย และการจำลองการดำรงชีวิต วิถีการเกษตร การแต่งกาย ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้แก่ชุมชนอีกด้วย พิพิธภัณฑ์เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 8:00-17:00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม จึงขอเชิญชวนผู้ที่ผ่านไปมา หรือผู้สนใจศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังคงอยู่ในปัจจุบันเข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ทั้งสองแห่งได้ทุกวันทำการ



หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม

จังหวัดนครปฐมเป็นอีกจังหวัดที่มีวัดดังหลายวัด มีชื่อเสียงในเรื่องพระเกจิอาจารย์ชื่อดังและเครื่องรางของขลังมากมาย มีตลาดพระที่องค์พระปฐมเจดีย์ทุกวันจันทร์ ทุกอำเภอจะมีวัดดังที่มีชื่อเสียงที่ทั้งคนในจังหวัดและต่างจังหวัดต่างพากันมาทำบุญไหว้พระ วัดสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม เป็นอีกวัดที่เป็นที่รู้จักของคนต่างจังหวัด ด้วยประวัติของวัดและชื่อเสียงของเครื่องรางของขลัง

วัดสามง่าม ตั้งอยู่บ้านสามง่าม เลขที่ 81 หมู่ 5 ต. สามง่าม อ. ดอนตูม จ. นครปฐม สร้างขึ้นโดยหลวงพ่อแดงและชาวบ้านในสมัยนั้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2444 โดยพัฒนาจากวัดร้างเก่าแก่สมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดดอนตูม เดิมทีสถานที่ตั้งวัดสามง่ามอยู่ไกลจากชุมชน ทำให้ชาวบ้านมาทำบุญลำบาก หลวงพ่อแดงจึงได้ย้ายไปสร้างวัดที่บ้านสามง่ามซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน โดยได้รับบริการที่ดินมาจากครอบครัวเจ๊กไป๋ เจ้าของโรงหีบอ้อยสมัยนั้น ในปี พ.ศ. 2447 ให้ชื่อวัดว่า “วัดอรัญญิการาม” หลวงพ่อแดงได้พาหลานชายชื่อเต๋มาอยู่ด้วย และบวชให้เด็กชายเต๋เป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 15 ปี ถือเพศสามเณรจนกระทั่งครบบวชพระ สามเรณเต๋ได้ทำการบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 21 ปี ในปี พ.ศ. 2454 โดยมีพระครูอุตตรการบดี (หลวงพ่อทา) วัดพะเนียงแตก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า คงทอง (ภายหลังเปลี่ยนเป็น คงสุวัณโณ แต่ชาวบ้านยังคงเรียกขานติดปากกันว่า หลวงพ่อเต๋ คงทอง) ได้มีโอกาสศึกษาวิชาจากหลวงพ่อทา เล่าเรียนพระปริยัติธรรม กัมมัฏฐาน และเรียนรู้สืบทอดพุทธาคมต่างๆ จนมาในปี พ.ศ. 2455 หลวงพ่อแดงมรณภาพ ท่านได้ฝากให้พระภิกษุเต๋ดูแลวัดสามง่ามต่อ

พระภิกษุเต๋ออกธุดงค์เป็นเวลา 17 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2455-2472 ระหว่างนี้พระภิกษุเต๋ได้ไปอยู่ที่วัดพะเนียงแตกกับหลวงพ่อทา และเมื่อหลวงพ่อทามรณภาพ ก็ย้ายไปอยู่กับหลวงพ่อแช่ม ศิษย์เอกหลวงพ่อทา ที่วัดตาก้อง จนกระทั่งธุดงค์ไปถึงเขาตะลุง กาญจนบุรี ได้พบกับสมณพราหม์เขมรท่านหนึ่งที่เชี่ยวชาญคาถาอาคมและวิชาไสยศาสตร์มาก พระภิกษุเต๋จึงฝากตัวเป็นศิษย์ รับถ่ายทอดวิชาต่างๆ จนได้รับมอบตำราและ “ฤๅษีปู่ครู” มาเป็นกรรมสิทธิ์ เมื่อพระภิกษุเต๋เดินทางกลับมายังวัดสามง่าม ได้มีการจัดพิธีไหว้ครูบูชา “ฤๅษีปู่ครู” ทุกปีที่วัด มาจนทุกวันนี้

เมื่อกลับมาจำพรรษาที่วัดสามง่าม มีการเปลี่ยนชื่อวัดจากวัดอรัญญิการามเป็นวัดสามง่าม ตามแนวปฏิบัติของทางการคณะสงฆ์ที่ให้ใช้ชื่อวัดตามตำบลที่อยู่ พระภิกษุเต๋ได้พัฒนาวัดสามง่ามต่อจากหลวงพ่อแดง สร้างอนามัย บ้านพักนายแพทย์และพยายาม สร้างโรงเรียนประถมและมัธยม สถานีตำรวจ และ ถนนหนทาง รวมทั้งขุดบ่อน้ำ บาดาล เพื่อความเจริญและความสะดวกสบายในชุมชน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2475 ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดสามง่าม และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลในปี พ.ศ. 2476 หลวงพ่อเต๋มีความเมตตาปรานีต่อศิษย์ทุกคน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อีกทั้งยังมีเมตตาต่อสัตว์เลี้ยงทั้ง สุนัข แมว ไก่ วัว และชะนี เป็นต้น ท่านจะให้ข้าวสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ก่อนจะฉันมื้อเช้าเสมอ นอกจากนี้หลวงพ่อเต๋ยังได้สร้างวัตถุมงคลไว้มากมาย ทั้งพระเนื้อดิน เนื้อผง เนื้อว่าน เหรียญรูปเหมือน พระกริ่ง ตะกรุด เครื่องรางของขลังมากมายที่มีพุทธคุณด้าน เมตตามหานิยม เป็นที่รู้จักโด่งดัง และวัตถุบูชาที่เป็นที่นิยมอย่างมากคือ กุมารทองเนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อเต๋มรณภาพอย่างสงบเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2524 สิริอายุ 80 ปี พรรษา 59 และปัจจุบันทางวัดได้บรรจุสังขารของหลวงพ่อเต๋ไว้ให้ลูกหลานได้ไปกราบบูชาจนทุกวันนี้



สัญญาณโรคพาร์กินสัน

โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) เป็นโรคที่เกิดจากเซลล์สมองของก้านสมองส่วนกลาง (Midbrain) ค่อยๆถูกทำลายจนเกิดความเสียหาย และแสดงอาการออกทางการเคลื่อนไหว (Motor symptoms) จนส่งผลให้การเคลื่อนไหวของร่างกายผิดปกติ คนไทยบางคนเรียกโรคนี้ว่า “โรคสันนิบาตลูกนก” โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.5 เท่า ซึ่งโรคนี้จะกระทบกับผู้ป่วยได้ในระยะยาว แล้วเราจะสังเกตได้จากอาการอะไรบ้างถึงจะทราบว่าผู้สูงอายุในบ้านเข้าข่ายเป็นกลุ่มผู้ป่วยโรคพาร์กินสันหรือไม่ โรคนี้มีสัญญาณเตือนดังนี้

1. มีอาการสั่นเล็กน้อยบริเวณ นิ้วมือ ข้อมือ เวลาอยู่เฉยๆ หรืออาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อร่วมด้วย แต่หากมีอาการสั่นที่มือหลังการออกกำลังกายหรือมีความเครียด วิตกกังวล อาจพบเจอได้ในคนปกติ

2. ลายมือเริ่มเปลี่ยนแปลง เวลาเขียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง ตัวหนังสือจะค่อยๆเล็กลง

3. สูญเสียการได้กลิ่นหรือรับรส โดยไม่เกี่ยวกับอาการเป็นหวัด คัดจมูก เนื่องจากการไม่ได้กลิ่นและไม่รับรสชาติอาหารต้องใช้ประสาทการรับกลิ่นช่วยด้วย

4. มีอาการนอนละเมอในลักษณะออกท่าทางมาก จนอาจเป็นสาเหตุให้มีอาการบาดเจ็บ ฟกช้ำได้

5. มีอาการเดินลำบาก หรือขยับตัวลำบาก แขนติดไม่แกว่งให้เป็นปกติ หรือก้าวขาไม่ค่อยออก หรือก้าวเดินสั้นๆ ล้มบ่อยๆ

6. ท้องผูก ถ่ายยากเป็นประจำ

7. พูดเสียงเบาเกินไป หรือมีอาการพูดไม่ค่อยชัด ฟังไม่ออก หรือในทางกลับกันอาจมีอาการพูดรัวเร็ว ฟังไม่รู้เรื่อง อาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคพาร์กินสัน

8. สีหน้าเฉยเมย ไม่แสดงอารมณ์ เวลาพูดมุมปากจะไม่ค่อยขยับ

9. วิงเวียนศีรษะ เป็นลม หรือมีอาการหน้ามืดเวลาเปลี่ยนแปลงท่าทางต่างๆ ซึ่งอาจมาจากความดันโลหิตต่ำขณะมีการเปลี่ยนแปลงท่าทาง

10. หลังโค้งงอ ยืดตัวตรงไม่ได้ เดินหลังโค้งลงมากกว่าปกติ หรือลำตัวเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง

โรคพาร์กินสันมีวิธีรักษาทั้งการรับประทานยา การทำกายภาพบำบัด และการผ่าตัด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีผู้ป่วยอาจจะพิการ หรือกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงได้ ดังนั้น ลูกหลานควรพยายามสังเกตผู้สูงอายุในบ้าน หากมีอาการดังกล่าวข้างต้นมากกว่า 1 ข้อ อาจเข้าข่ายเป็นโรคพาร์กินสันได้ ควรรีบพาพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป