ดูแลผู้สูงอายุ ใน สมุทรสาคร

ดูแลผู้สูงอายุ ใน สมุทรสาคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ธมลวรรณ สังข์แก้ว
ธมลวรรณ สังข์แก้ว
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจ เข้าใจ สะอาด ดูแลเปรียญเสมือนญาติ

แสดงเพิ่มเติม
อธิวุฒิ สมัครการ
อธิวุฒิ สมัครการ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 35 ปี

เป็นคนใจเย็น รักการช่วยเหลือผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากมีที่พักให้เช่าใกล้สถานที่ทำงานจะดีมาก หรือจะให้อยู่บ้านเฝ้า 24 ชั่วโมงเลยก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ประทับใจในการให้บริการมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุดาพร มณีทอง
3 ปีที่แล้ว
สะดวก ง่าย เพียงไม่กี่ขั้นตอนเราก็สามารถหาคนดูแลผู้สูงอายุได้ อีกอย่างในเว็บไซต์มีข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้เราได้ศึกษาก่อนทำการจ้างอีกด้วย พอได้อ่านข้อมูลทำให้เราได้รู้วิธีการเตรียมตัวก่อนจ้างคนดูแลมาดูแลคุณแม่ เป็นข้อแนะนำที่ดีมาก ๆเลยค่ะ ประทับใจมาก ๆ ค่ะ
Saijai
วิกานดา ทองดี
4 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเว็บไซต์ใส่ใจมาให้ เลยลองเข้าไปดู จ้างน้องมาดูแลแม่ น้องเขาทั้งสุภาพ เรียบร้อย ทำอาหารอร่อย แถมยังเคยฝึกอบรมการปฐมบาลเบื้องต้นมาด้วย คุณแม่ก็ดูจะชื่นชอบน้องเขามาก ๆ ค่ะ เราเลยรู้สึกสบายใจไปด้วย โดยรวมแล้วถือว่าน่าพอใจมากค่ะ
Saijai
อภิสรา ประภาสกุล
4 ปีที่แล้ว
ได้คนคอยดูแลแม่ผมอย่างดี และถ่ายภาพรายงานเรื่องแม่ให้ผมทางไลน์อีกด้วยครับ คุ้มราคามากครับ
Saijai
ปราโมทย์ มนตรา
4 ปีที่แล้ว
ย้ายตามสามีมาอยู่กรุงเทพ แล้วยังต้องดูแลแม่สามีที่สูงอายุ และมีโรคประจำตัวด้วย ตอนแรก ๆ ลำบากมาก เพราะต้องวุ่นวายเรื่องย้ายงานและหาคนดูแลผู้สูงอายุอีก จนมาเจอเว็บไซต์ใส่ใจ โชคดีมาก ๆ เลยค่ะ นอกจากจะได้คนดูแลผู้สูงอายุที่ราคาไม่แพงมากแล้ว ยังได้คนมีประสบการณ์ ไว้ใจได้ ทำงานคล่องแถมมาช่วยทำงานบ้านอีก ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ณฐาสัณห์ ถาวร
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

ข้อดีของการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน
การจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุหรือคนชราที่บ้านมีข้อดีอย่างไรบ้าง ใส่ใจขออธิบายข้อดีต่าง ๆ ให้คุณได้ทำความเข้าใจดังนี้

1) การจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้านช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับลูกหลานที่มีเวลาไม่เพียงพอในการดูแลผู้สูงอายุของตน หลาย ๆ คนอาจมีงานหรือภารกิจที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จนทำให้ไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลผู้สูงอายุตลอดเวลา การจ้างคนดูแลที่มีความเป็นมืออาชีพจึงเหมือนการได้ผู้ช่วยดูแลผู้สูงอายุในยามที่คุณไม่สะดวกด้วยเช่นกัน
2) ผู้สูงอายุจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงการดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่อเปรียบเทียบกับการดูแลที่ศูนย์ดูแล บ้านพักคนชราหรือ เนอสซิ่งโฮม(Nursing Home)แล้ว จำนวนผู้สูงอายุที่มีมากอาจทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ดังนั้น การจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้านจึงเป็นวิธีที่สะดวกกว่ามาก
3) ผู้ดูแลส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลด้านต่าง ๆ เพราะผ่านการฝึกอบรมการปฏิบัติงานโดยเฉพาะ และมีประสบการณ์โดยตรง ไม่ว่าจะการดูแลกิจวัตรประจำวัน เช่น ป้อนข้าว อาบน้ำ เช็ดตัว หรือความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยาและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และยังสามารถพูดคุยและอยู่เป็นเพื่อนผู้สูงอายุเพื่อให้ไม่รู้สึกเหงาด้วยเช่นกัน
4) ผู้สูงอายุไม่รู้สึกแปลกสถานที่เนื่องจากความเคยชินเพราะได้อยู่ที่บ้าน และไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือห่างไกลจากลูกหลาน อีกทั้งยังคงได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกในครอบครัวของตนเอง ที่สำคัญสภาพแวดล้อมภายในบ้านสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลาย และไม่วิตกกังวลจนเกินไป

เมื่อรับรู้ข้อดีของการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้านตามข้อมูลข้างต้นแล้ว หากต้องการคนเพื่อมาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของคุณ ทางใส่ใจมีบริการจัดหาผู้ดูแลผู้สูงอายุที่น่าไว้ใจให้คุณ

ทักษะสำคัญที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุควรมี
การที่เราจะเลือกใครสักคนมาดูแลผู้สูงอายุในบ้านของเรา แน่นอนว่าต้องมีปัจจัยและคุณสมบัติหลายอย่างในการตัดสินที่จะรับบุคคลภายนอกเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวของเราทั้งในช่วงเวลาที่เราอยู่หรือไม่อยู่บ้านก็ตาม คุณสมบัติที่คนส่วนใหญ่คาดหวังสำหรับคนดูแลผู้สูงอายุ มีดังต่อไปนี้

1. เป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ คืออายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล มีวุฒิภาวะที่ดี
2. เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คนดูแลผู้สูงอายุจึงควรเป็นคนที่มีความรู้ทั้งในเรื่องจิตวิทยา และด้านโภชนาการอาหาร รวมทั้งความสะอาดทั่วไปด้วย แม้ว่าการจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าการจ้างคนทั่วไป แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะหากผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ไม่ดี คนดูแลขาดความรู้แล้ว อาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย
3. มีความน่าไว้วางใจ เมื่อจ้างคนดูแลผู้สูงอายุเข้ามาอยู่ในบ้าน อาจจะต้องรับรู้ในส่วนของที่เก็บของต่างๆ รู้ตารางชีวิตประจำวันของคนในครอบครัว คนดูแลผู้สูงอายุจึงต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ มีประวัติที่ดี และมีทัศนคติที่ดี
4. มีความอดทน เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางครั้งอาจจะต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุอีกด้วย โดยเฉพาะหากเป็นผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยหรือโรคประจำตัว ก็จะมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
5. ควรจบหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หรือสาขาที่เกี่ยวข้องและหากมีประสบการณ์มักจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่หากไม่จบหลักสูตรดังกล่าว แต่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุมาก่อน ก็จะได้รับการพิจารณาเช่นกัน
6. มีความซื่อสัตย์สุจริต เนื่องจากในบางครั้งอาจจะต้องอยู่กับผู้สูงอายุเพียงลำพัง
7. มีความขยันและสามารถช่วยเหลืองานอย่างอื่นได้ตามความเหมาะสม
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล
เมื่อเราได้พิจารณาคุณสมบัติและตัดสินใจจ้างผู้ดูแลมาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของเราแล้ว เราอาจจะมีความกังวลด้านอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นควรจะเป็นผู้ดูแลชั่วคราวแบบไป-กลับ หรือผู้ดูแลแบบที่อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง เพราะการที่ต้องให้บุคคลภายนอกซึ่งเป็นคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ภายในบ้านของเรา ในระยะแรกอาจจะต้องมีการปรับตัวในการอยู่ร่วมกัน หากว่าเราอยู่ที่บ้านตลอดก็อาจช่วยลดความกังวลในด้านความปลอดภัยลงไปได้ แต่ถ้าสมาชิกในบ้านต้องออกไปทำงานนอกบ้านและต้องทิ้งผู้สูงอายุไว้เพียงลำพังกับผู้ดูแล ความกังวลย่อมเพิ่มมากขึ้นทั้งกับคนที่เรารักและทรัพย์สินมีค่าภายในบ้าน แนวทางที่ช่วยลดความกังวลของผู้ว่าจ้างจากที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แก่

1. ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของคนดูแลผู้สูงอายุ โดยสามารถร้องขอให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุทำการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. ตรวจสอบประวัติการทำงานกับนายจ้างคนเก่า ในกรณีที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุเคยผ่านประสบการณ์การทำงานมาก่อน
3. หากเป็นผู้ดูแลที่มาจากบริษัท ทางบริษัทควรจะมีการส่งตัวแทนจากบริษัทเข้ามาเยี่ยมและตรวจสอบการทำงานของผู้ดูแลเป็นระยะๆ
4. คนในครอบครัวหมั่นตรวจตราและสอดส่องการทำงานของผู้ดูแลคนสูงอายุอยู่ตลอดเวลาในระยะแรกๆของการทำงาน
5. หากมีเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ สามารถฝากให้เพื่อนบ้านช่วยสอดส่องดูแลขณะที่ผู้ดูแลอยู่ลำพังกับผู้สูงอายุ
6. ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ตลอด 24 ชม.
สิ่งสำคัญที่คนจ้างจะต้องตกลงกับผู้ดูแลผู้สูงอายุคืออะไร
เมื่อคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุไว้คอยดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณ คุณควรมีข้อตกลงที่ชัดเจนก่อนทำการจ้าง ดังต่อไปนี้

1. มีการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความถูกต้องและความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุข้อวันเริ่มงาน ตกลงในเรื่องของเงินเดือน ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการและวันหยุดที่ควรจะได้รับตามกฎหมายแรงงาน
2. ทำความเข้าใจถึงความคาดหวังที่นายจ้างต้องการจากผู้ดูแล และหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ว่าอาจจะต้องทำงานอื่นนอกเหนือจากการดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องช่วยดูแลเพิ่มเติม ในเรื่องของความสะอาดต่างๆ ของเครื่องใช้ หรือความสะอาดในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอยู่
3. อธิบายข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เช่น ลักษณะนิสัย ความชอบส่วนตัว โรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ หรือ อาหารที่แพ้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและมีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
4. ควรใส่ใจในสุขภาพของคนที่จะมาเป็นคนดูแลผู้สูงอายุของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะแพร่มาสู่คนชราได้ คนดูแลจึงควรมีสุขภาพแข็งแรง และควรมีผลการตรวจสุขภาพมาเพื่อยืนยันกับผู้ว่าจ้าง
5. ทำความเข้าใจว่าหากคนดูแลผู้สูงอายุป่วยไข้ ผู้ว่าจ้างจะอนุญาตให้พักงาน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อสู่ผู้สูงอาย
6. หากผู้ว่าจ้างเลือกให้คนดูแลผู้สูงอายุพักอาศัยที่บ้านด้วย ควรมีห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนและมีการจัดหาอาหารให้ ควรอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนด้วยว่ามีอาหารให้กี่มื้อต่อวัน
7. คนดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการอบรมและตรวจสอบประวัติ และลายนิ้วมือ เพื่อประสิทธิภาพของงาน และความไว้วางใจของผู้ว่าจ้าง

รับมือกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง ของผู้สูงอายุ

ในวัยสูงอายุนอกเหนือจากการเปลี่ยนที่เห็นชัดเจนภายนอกหรือการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแล้ว เรื่องของสุขภาพจิตก็เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับผู้สูงอายุ เพราะเป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลายสิ่ง อารมณ์และความรู้สึกของผู้สูงวัยอาจเปราะบางเป็นพิเศษ จนส่งผลให้สุขภาพจิตย่ำแย่ และจะพาลส่งผลกระทบต่อร่างกาย เช่น อาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อ่อนแรง จึงจำเป็นที่เราต้องเรียนรู้ธรรมชาติ และความเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมพร้อมและตั้งรับทั้งตัวผู้สูงอายุเองและผู้ดูแลผู้สูงอายุ โดยอาการที่มักจะเกิดขึ้นสำหรับผู้สูงอายุ ได้แก่

อารมณ์เหงาและว้าเหว่ เพราะคนวัยนี้มีเวลาว่างจากอาชีพการงาน บางคนต้องพลัดพรากจากผู้ที่ใกล้ชิดและเป็นที่รัก นอกจากนี้ยังมีสภาวะทางกายที่เสื่อม อาทิ สายตาไม่ดี หูไม่ดี การทำกิจกรรมหรือกิจวัตรประจำวันต่างๆ จึงมีข้อจำกัด โดยอารมณ์เหงาในวัย สูงอายุมักมีอารมณ์อื่นๆ ร่วมด้วย และก่อให้เกิดผลกระทบทางใจหลายอย่าง เช่น ซึมเศร้า เบื่ออาหาร หรือเกิดโรคภัยไข้เจ็บ เป็นต้น

อารมณ์เศร้าจากการพลัดพราก หรือการสูญเสียคนที่รัก ทำให้มีอารมณ์ด้านลบต่างๆ เช่น ว้าเหว่ เลื่อนลอย หลงๆ ลืมๆ หากผู้ที่จากไปมีความคิดผูกพันกันอย่างมากแล้ว อาจทำให้ผู้สูงอายุเกิดอาการตรอมใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้ดูแลต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดและพูดคุยเพื่อให้กำลังใจ

อาการโกรธ เมื่อยามที่มีความขัดแย้งแล้วลูกหลานไม่ยอมรับฟังความคิดเห็น

อาการขี้น้อยใจ เพราะคิดว่าตนเองไร้ค่าและลูกหลานไม่สนใจ

การย้อนคิดถึงความหลัง เช่น นั่งคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ บอกเล่าให้ผู้อื่นฟัง หรือมักเดินทางไปยังสถานที่คุ้นเคย เพราะการย้อนคิดถึงอดีตนั้นเพื่อคิดทบทวนว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมามีความสุขสมหวังอย่างที่ตั้งใจหรือไม่ หากไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง อาจเกิดความรู้สึกคับแค้น แต่หากผู้สูงอายุย้อนคิดถึงอดีตแล้วเกิดความพอใจ และเพื่อปรับตนให้ตระหนักถึง ความไม่เที่ยงในชีวิต ท่านผู้นั้นก็จะสามารถมีความสุขตามวัยได้

การวิตกกังวล เป็นความรู้สึกกลัวว่าต้องพึ่งลูกหลาน กลัวถูกทอดทิ้ง เนื่องจากช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลง ขาดความมั่นใจ ขาดความสามารถ กลัวภัย หรือกลัวการไม่ ได้รับการเอาใจใส่ดูแล เป็นเหตุให้อ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง เบื่ออาหาร หายใจไม่ออก หรือเป็นลมง่าย

อาการหงุดหงิด เนื่องจากทำอะไรด้วยตนเองได้น้อยลง ใครทำอะไรให้ก็ไม่ถูกใจ จนกลายเป็นคนจู้จี้ ขี้บ่น แสนงอน นอกจากนี้ ผู้สูงอายุอาจมีพฤติกรรมที่สมาชิกในครอบครัวไม่เข้าใจ พฤติกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของช่วงวัย ไม่ใช่ท่านเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงไปเอง หากผู้ใกล้ชิดมีความรู้ต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ อาจมีมุมมองใหม่ที่นำไปสู่ความเข้าใจได้ว่า ผู้สูงอายุควรได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว หรือควรได้รับการดูแลที่ดีกว่า เนื่องจากท่านเสียสละดูแลทุกคนในครอบครัว มาแล้วเป็นเวลานาน เมื่อถึงวันที่ร่างกายเสื่อมถอย เราควรตอบแทนความรัก ความห่วงใยของท่านด้วยการดูแล ให้ท่านอยู่ดีมีสุขเช่นเดียวกัน



การสื่อสารกับผู้สูงอายุ ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง

หลายครอบครัวมีปัญหาการสื่อสารกับผู้สูงอายุ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก ความไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุ จึงสื่อสารไม่ถูกวิธี ใช้คำพูด น้ำเสียง และภาษากายที่ไม่เหมาะสม ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ผู้สูงอายุได้ยินเข้าก็เสียใจ น้อยใจ เก็บเอาไปเครียดว่าตนเองไม่ดี ไม่มีคุณค่า ดังนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการสื่อสารกับผู้สูงอายุ ได้แก่

อวัยวะที่เกี่ยวกับการสื่อสารเสื่อมลง ผู้สูงอายุมักมีความบกพร่องของหูหรือการได้ยิน การมองเห็น การพูด การรับรู้และการตอบสนอง ทำให้ การสื่อสารผิดพลาดหรือล่าช้าไปบ้าง

  • หู หูตึง หูได้ยินเสียงโทนต่ำ ทำให้การรับฟังไม่ดีเท่าที่ควร ไม่ได้ยินเสียงลูกหลานพูดหรือไม่ได้ยินเสียง ที่ตนเองพูด ทำให้ท่านพูดเสียงดัง ลูกหลานไม่เข้าใจ คิดว่าท่านตะโกน ทางที่ดีควรให้ท่านใส่เครื่องช่วยฟัง ก่อนการสนทนา
  • ตา การมองเห็นช่วยการสื่อภาษาทางสายตา มีการสื่อแสดงถึงความเข้าใจระหว่างกันได้ หรือมองเห็นวัตถุ สิ่งของ ที่ต้องการจะสื่อให้เข้าใจได้ ผู้สูงอายุมักมีปัญหาเรื่องตา เช่น สายตายาว ตามัวเห็นไม่ชัด ทำให้การสื่อสารไม่เข้าใจกัน ดังนั้นควรให้ท่านสวมแว่นตาก่อนการสนทนา
  • อวัยวะที่เกี่ยวกับการพูดเสื่อม ได้แก่ กล้ามเนื้อบริเวณช่องปาก กล่องเสียง และการสั่งการของระบบประสาท จากสมอง ที่มีผลต่อการรับรู้ การคิด การตอบสนองและความจำ ในผู้สูงอายุปกติอาจไม่มีผลกระทบมากนัก แต่ใน ผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วย เช่น เป็นมะเร็งกล่องเสียง มะเร็งช่องปาก ได้รับการเจาะคอ รวมทั้งผู้เป็นโรคสมองเสื่อม มักจะมีปัญหาการสื่อภาษาตามมา เพราะพูดหรือสื่อความหมายกับลูกหลานไม่ได้ รวมทั้งไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกหลานพูดด้วย


  • จังหวัดสมุทรสาคร เมืองนี้มีมากกว่าที่คุณคิด

    สมุทรสาครเป็นจังหวัดหนึ่งในพื้นที่ภาคกลางตอนล่างและเป็นจังหวัดปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร สมุทรสาครอยู่ติดชายทะเลและตั้งอยู่ทางฝั่งแม่น้ำท่าจีน และปากอ่าวไทย มีพื้นที่ทั้งหมดแต่ 872.347 ตารางกิโลเมตร โดยมีพื้นที่ทิศเหนือติดกับจังหวัดนครปฐมทิศใต้ติดกับทะเลอ่าวไทย ทิศตะวันออกติดกับกรุงเทพมหานครและทิศตะวันตกติดกับจังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดราชบุรี แบ่งการปกครองออกเป็น 3 อำเภอได้แก่ อำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอกระทุ่มแบนและอำเภอบ้านแพ้ว โดยเขตจังหวัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เนื่องด้วยแม่น้ำท่าจีนที่ไหลผ่านตอนกลางของจังหวัด ไหลคดเคี้ยวตามแนวเหนือลงใต้สู่ทะเลอ่าวไทยที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร พื้นที่ตอนบนของจังหวัดคือเขตอำเภอบ้านแพ้วและอำเภอกระทุ่มแบนมีความอุดมสมบูรณ์ของดิน และมีลำคลองเชื่อมโยงกันหลายสายกว่า 170 สาย ทั้งคลองธรรมชาติและคลองที่ขุดขึ้นเอง ทั้งนี้เพื่อการนำน้ำจืดมาใช้ในการเพาะปลูก และการชลประทานช่วยในการระบายน้ำและการคมนาคมขนส่ง พื้นที่บริเวณนี้จึงเหมาะแก่การเพาะปลูกพืชนานาชนิดและบางส่วนก็ยังเป็นย่านธุรกิจอุตสาหกรรมรวมถึงที่อยู่อาศัยอีกด้วย ในส่วนของเขตพื้นที่ตอนล่างของจังหวัดคืออำเภอเมืองสมุทรสาคร เหมาะแก่การทำนาเกลือ ทำประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง โดยภาพรวมจังหวัดสมุทรสาครเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีศักยภาพทางอุตสาหกรรมการประมงและการเกษตรและยังเป็น 1ใน 10 ของจังหวัดที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) สูงตลอดมา ในส่วนของการคมนาคมขนส่งมีการขนส่งที่ครบทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นทางถนน ทางรางและทางน้ำ มากมายด้วยถนนสายสำคัญในจังหวัดเช่น ถนนพระรามที่ 2 ถนนเอกชัย ถนนเพชรเกษมเป็นต้น