ดูแลผู้สูงอายุ ใน นครปฐม

ดูแลผู้สูงอายุ ใน นครปฐม

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ธมลวรรณ สังข์แก้ว
ธมลวรรณ สังข์แก้ว
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 39 ปี

ใส่ใจ เข้าใจ สะอาด ดูแลเปรียญเสมือนญาติ

แสดงเพิ่มเติม

ซื่อสัตย์ มุ่งมั่นในการทำงาน มีความพยายาม ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างตั้งใจ

ทำอาหารได้ เป็นพี่เลี้ยงได้ ขับรถได้

แสดงเพิ่มเติม
อธิวุฒิ สมัครการ
อธิวุฒิ สมัครการ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 36 ปี

เป็นคนใจเย็น รักการช่วยเหลือผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากมีที่พักให้เช่าใกล้สถานที่ทำงานจะดีมาก หรือจะให้อยู่บ้านเฝ้า 24 ชั่วโมงเลยก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม
เกษรา เชาวนานนท์
เกษรา เชาวนานนท์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี

รับดูแลเคสธรรมดา เฝ้าไข้อยู่เป็นเพื่อนค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

ผมไม่ได้จบ หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลท่านผู้สูงอายุครับ แต่ผมชอบที่จะนั่งฟัง หรือ ค่อยดูแลท่าน ทุกครั้งที่พบท่านผู้สูงอายุจะมีความรู้สึกเหมือนได้มาดูแลคนในครอบครัวครับ ปัจจุบันผมเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล และ เลขาประทานบริษัท ดีลโซลูชั่น จำกัด ครับ

แสดงเพิ่มเติม
นิตยา แสงหน่อ
นิตยา แสงหน่อ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 23 ปี

เป็นคนยิ้มง่าย ร่าเริง คุยเก่ง

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

เจอเว็บใส่ใจ เข้าไปเลือกคนดูแล เอารูปกับประวัติมานั่งคุยกับคุณย่า เลยได้ป้ากิ๊กมาดูแล ป้ากิ๊กดูแลดีมาก คุณย่ามีความสุข ในเว็บใส่ใจบอกข้อมูลครบเลยทั้งประวัติการทำงาน และประวัติการศึกษา
Saijai
กฤษณ์ ชัยเขตุสานุวัฒน์
4 ปีที่แล้ว
ประทับใจในการให้บริการมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุดาพร มณีทอง
4 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเวปใส่ใจสำหรับหาคนดูแลผู้สูงอายุ ประทับใจมาก ๆ เลยค่ะ พี่ที่ดูแลเขาอยู่เป็นเพื่อนแถมคุณยายอยากไปไหนเขาพาไปตลอดเลยค่ะ ตอนอยู่บ้านก็คอยจัดเตรียมอาหาร เตรียมยาให้ด้วย ต้องขอบคุณใส่ใจมาก ๆ เลยค่ะ เรากับพี่สาวรู้สึกวางใจไปได้เยอะเลย
Saijai
ปิยธิดา อรุณไชย
5 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเว็บไซต์ใส่ใจมาให้ เลยลองเข้าไปดู จ้างน้องมาดูแลแม่ น้องเขาทั้งสุภาพ เรียบร้อย ทำอาหารอร่อย แถมยังเคยฝึกอบรมการปฐมบาลเบื้องต้นมาด้วย คุณแม่ก็ดูจะชื่นชอบน้องเขามาก ๆ ค่ะ เราเลยรู้สึกสบายใจไปด้วย โดยรวมแล้วถือว่าน่าพอใจมากค่ะ
Saijai
อภิสรา ประภาสกุล
5 ปีที่แล้ว
ได้คนดูแลดี ผมก็หายห่วงครับ จะใช้บริการบ่อย ๆ
Saijai
สุชาดา เอี่ยมจินดา
5 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

ตัวเลือกใดที่ดีกว่าระหว่างจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้านหรือให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านพักคนชรา
คาดการณ์ว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุ ร้อยละ 16.2 ของประชากรทั้งหมด ผู้สูงอายุที่เคยดูแลเราในวันก่อนก็เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคนที่เราต้องดูแล วิถีชีวิตปัจจุบัน หลายครอบครัวไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้ด้วยตัวเอง อะไรที่ดีกว่าระหว่างจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้านหรือให้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุดูแล

ข้อดีของการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

การที่ผู้สูงอายุได้อยู่อาศัยในบ้าน ทำให้ไม่รู้สึกแปลกสถานที่ รู้สึกว่าอยู่กับครอบครัวลูกหลาน ไม่เกิดความว้าเหว่ ผู้สูงอายุยังอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมและไม่รู้สึกว่ามีใครหายไป การดูแลยังอยู่ในสายตาของลูกหลาน หากเกิดข้อบกพร่องหรือสิ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่สบายใจ ผู้สูงอายุสามารถพูดขึ้นกับลูกหลานและแก้ไขปัญหาได้ในทันที

ข้อเสียของการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

คือค่าใช้จ่ายที่สูง เพราะต้องใช้ผู้ที่ผ่านการอบรมเป็นพิเศษ และอาจต้องจ้าง ตลอด 24 ชั่วโมง หรืออาจต้องใช้ 1-2 คนในการดูแล ผู้ว่าจ้างไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่านิสัยของคนที่จ้างมาเป็นอย่างไร รักการทำงานบริการผู้สูงอายุหรือไม่ หรือสามารถการปรับตัวให้เข้ากับผู้สูงอายุได้หรือไม่

ข้อดีของการใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือบ้านพักคนชรา

คือมีสถานที่พร้อมในการดูแลผู้สูงอายุ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการดูแล บางแห่งมีเครื่องมือแพทย์ หรือพยาบาลวิชาชีพดูแล ผู้สูงอายุได้พบปะกับอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน ซึ่งจะช่วยคลายความกังวลใจของผู้สูงอายุลงไปได้บ้าง หากมีเหตุฉุกเฉิน เกิดอุบัติเหตุ ไม่สบาย ทางศูนย์ดูแลพร้อมให้ปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาล

ข้อเสียของการใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและเราจะไม่มีทางรู้หรือเห็นเหตุการณ์อื่นใดนอกเหนือจากตอนที่ไปถึงศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งอาจปล่อยปละละเลย ผู้สูงอายุอาจไม่มีความสุขที่ต้องจากครอบครัว สุขภาพจิตอาจแย่ลง

ท้ายที่สุดแล้วความใส่ใจและความพร้อมของสมาชิกครอบครัวมีส่วนในการพิจารณาการตัดสินใจ และที่สำคัญคือตัวของผู้สูงอายุที่เราต้องดูแลว่าท่านมีความพร้อมและยินยอมเห็นสมควรกับแนวทางการเลือกดูแลของสมาชิกครอบครัว
คุณสมบัติของผู้ดูแลผู้สูงอายุมีอะไรบ้าง
1. สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงเลยคือ คุณสมบัติทางด้านอารมณ์ความรู้สึก (moral attitude and belief) คือความพึงพอใจ ความศรัทธา เลื่อมใสที่จะใช้จริยธรรมมาเป็นแนวปฏิบัติงานดูแลผู้สูงอายุ
2. การฝึกอบรมเพื่อให้มีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ และมีความรู้ความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุให้ถูกวิธี เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
3. อุปนิสัย ผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องมีใจรักในงานบริการ มีบุคลิกชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีความจริงใจ มีความรัก ความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจ ปรารถนาดีต่อผู้สูงอายุ เข้าใจและรับฟังเรื่องราวของผู้สูงอายุ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุให้มีความสุข
4. รู้จักผิดชอบชั่วดี ต้องรู้จักแยกแยะว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำและเข้าใจในเหตุผลของความถูกต้องดีงาม (moral reasoning)
5. อายุที่เหมาะสม หลายคนอาจมองข้ามเรื่องของช่วงอายุไป แต่ต้องเข้าใจว่าช่วงอายุมีผลต่อวุฒิภาวะ ถ้าเด็กมากเกินไปก็อาจจะมีความอดทนที่ต่ำเพราะประสบการณ์การในชีวิตยังน้อย หรือถ้าอายุมากเกินไปก็ทำให้ความคล่องตัวในการดูแลผู้สูงวัยอาจจะมีน้อยลง
6. ประสบการณ์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะบ่งบอกว่าคนคนนั้นเคยผ่านงานดูแลผู้สูงวัยมาก่อน ทำให้เข้าใจเนื้องานได้อย่างรวดเร็ว เข้าใจรายละเอียดของการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งโดยรวมแล้วผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุจำเป็นต้องมีใจรักในงานเป็นพิเศษ ต้องใช้ความอดทนและใช้ความรู้ความสามารถที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้สามารถดูแลได้ถูกวิธีและถูกใจกันทุกฝ่ายอีกด้วย
7. เป็นผู้ประสานงานและเชื่อมโยงระหว่างบุตรหลานและญาติมิตรกับผู้สูงอายุ เมื่อได้รับความไว้วางใจให้มาดูแลผู้สูงอายุแล้ว ผู้ดูแลต้องสามารถสื่อสารส่งต่อข้อมูลที่จะช่วยให้ทำงานได้ดีและเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล
เมื่อเราได้พิจารณาคุณสมบัติและตัดสินใจจ้างผู้ดูแลมาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของเราแล้ว เราอาจจะมีความกังวลด้านอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นควรจะเป็นผู้ดูแลชั่วคราวแบบไป-กลับ หรือผู้ดูแลแบบที่อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง เพราะการที่ต้องให้บุคคลภายนอกซึ่งเป็นคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ภายในบ้านของเรา ในระยะแรกอาจจะต้องมีการปรับตัวในการอยู่ร่วมกัน หากว่าเราอยู่ที่บ้านตลอดก็อาจช่วยลดความกังวลในด้านความปลอดภัยลงไปได้ แต่ถ้าสมาชิกในบ้านต้องออกไปทำงานนอกบ้านและต้องทิ้งผู้สูงอายุไว้เพียงลำพังกับผู้ดูแล ความกังวลย่อมเพิ่มมากขึ้นทั้งกับคนที่เรารักและทรัพย์สินมีค่าภายในบ้าน แนวทางที่ช่วยลดความกังวลของผู้ว่าจ้างจากที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แก่

1. ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของคนดูแลผู้สูงอายุ โดยสามารถร้องขอให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุทำการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. ตรวจสอบประวัติการทำงานกับนายจ้างคนเก่า ในกรณีที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุเคยผ่านประสบการณ์การทำงานมาก่อน
3. หากเป็นผู้ดูแลที่มาจากบริษัท ทางบริษัทควรจะมีการส่งตัวแทนจากบริษัทเข้ามาเยี่ยมและตรวจสอบการทำงานของผู้ดูแลเป็นระยะๆ
4. คนในครอบครัวหมั่นตรวจตราและสอดส่องการทำงานของผู้ดูแลคนสูงอายุอยู่ตลอดเวลาในระยะแรกๆของการทำงาน
5. หากมีเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ สามารถฝากให้เพื่อนบ้านช่วยสอดส่องดูแลขณะที่ผู้ดูแลอยู่ลำพังกับผู้สูงอายุ
6. ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ตลอด 24 ชม.
สิ่งสำคัญที่คนจ้างจะต้องตกลงกับผู้ดูแลผู้สูงอายุคืออะไร
เมื่อคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุไว้คอยดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณ คุณควรมีข้อตกลงที่ชัดเจนก่อนทำการจ้าง ดังต่อไปนี้

1. มีการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความถูกต้องและความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุข้อวันเริ่มงาน ตกลงในเรื่องของเงินเดือน ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการและวันหยุดที่ควรจะได้รับตามกฎหมายแรงงาน
2. ทำความเข้าใจถึงความคาดหวังที่นายจ้างต้องการจากผู้ดูแล และหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ว่าอาจจะต้องทำงานอื่นนอกเหนือจากการดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องช่วยดูแลเพิ่มเติม ในเรื่องของความสะอาดต่างๆ ของเครื่องใช้ หรือความสะอาดในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอยู่
3. อธิบายข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เช่น ลักษณะนิสัย ความชอบส่วนตัว โรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ หรือ อาหารที่แพ้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและมีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
4. ควรใส่ใจในสุขภาพของคนที่จะมาเป็นคนดูแลผู้สูงอายุของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะแพร่มาสู่คนชราได้ คนดูแลจึงควรมีสุขภาพแข็งแรง และควรมีผลการตรวจสุขภาพมาเพื่อยืนยันกับผู้ว่าจ้าง
5. ทำความเข้าใจว่าหากคนดูแลผู้สูงอายุป่วยไข้ ผู้ว่าจ้างจะอนุญาตให้พักงาน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อสู่ผู้สูงอาย
6. หากผู้ว่าจ้างเลือกให้คนดูแลผู้สูงอายุพักอาศัยที่บ้านด้วย ควรมีห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนและมีการจัดหาอาหารให้ ควรอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนด้วยว่ามีอาหารให้กี่มื้อต่อวัน
7. คนดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการอบรมและตรวจสอบประวัติ และลายนิ้วมือ เพื่อประสิทธิภาพของงาน และความไว้วางใจของผู้ว่าจ้าง

ที่มาของจังหวัดนครปฐม

จังหวัดนครปฐม มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ยาวนานมาก โดยชื่อเดิมก่อนจะมาตั้งเป็นชื่อนี้นั้นถูกเรียกว่าเมือง “นครไชยศรี” มาก่อน ซึ่งการเกิดเมืองนครไชยศรีขึ้นมานั้น มาจากการโยกย้ายเมืองเก่าแก่ในอดีตกาล ที่มีความเชื่อว่าพื้นที่เดิมของจังหวัดนครปฐมเป็นสถานที่ตั้งของราชธานีสำคัญในสมัยทวารวดี ที่ตั้งอยู่ริมทะเล เป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางความเจริญ เป็นแหล่งเผยแพร่อารยธรรมจากประเทศอินเดีย รวมถึงพุทธศาสนา โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างเช่นสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่มีอายุนับพันปี เช่น เจดีย์ทรงสถูปสาญจีตามแบบอินเดียในยุคพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ของประเทศอินเดียที่ครองราชย์ พ.ศ. 270 - พ.ศ. 311 และเจดีย์ทรงขอมโบราณ ซึ่งทั้งสองเจดีย์ได้ถูกสร้างครอบด้วยองค์พระปฐมเจดีย์ที่มีให้เห็นในปัจจุบันนี้ กลายเป็นเจดีย์ที่ใหญ่และสูงที่สุดในประเทศไทย แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด มีกระแสน้ำไหลผ่านเมืองเก่าแก่นี้ ทำให้เกิดความแห้งแล้ง ประชากรต้องอพยพไปสร้างเมืองใหม่ที่ “เมืองนครไชยศรี” หรือ “ศรีวิชัย” เมืองเก่าแก่นี้จึงกลายเป็นเมืองร้าง เวลาผ่านไปหลายร้อยปี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ของไทย ในรัชกาลที่ 4 ได้มาพบพระปฐมเจดีย์สององค์ที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น ในขณะที่พระองค์ยังคงผนวชอยู่ และได้ให้ปฏิสังขรณ์สร้าง “พระปฐมเจดีย์” แบบลังกาครอบองค์เดิมไว้ในสมัยที่ได้ขึ้นครองราชย์ มีการดูแลและอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีจวบจนทุกวันนี้ อีกทั้งยังให้มีการขุดคลองให้สะดวกต่อการเดินทางมาจากเมืองกรุง รวมถึงการสร้างรถไฟสายใต้ให้ผ่านสถานที่ตั้งของเจดีย์ใหม่นี้ และทำการโยกย้ายเมืองศูนย์กลาง จากตำบลท่านา อำเภอนครชัยศรี มาตั้งบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ในเมืองเก่าแก่ตามเดิม เวลาต่อมาชื่อเมืองเก่าแก่ได้ถูกเปลี่ยนชื่อจากเมือง “นครไชยศรี” เป็น “นครปฐม” แทน ซึ่งการเปลี่ยนชื่อใหม่นี้เกิดขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6



นครปฐมกับภาพปัจจุบัน

ปัจจุบันจังหวัดนครปฐมตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศไทย มีพื้นที่โดยประมาณ 2,168 ตารางกิโลเมตร มีตราประจำจังหวัดเป็นรูปพระปฐมเจดีย์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์มาจากเรื่องราวในอดีตของจังหวัด โดยมีคำขวัญประจำจังหวัดว่า “ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานีพระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน” ซึ่งชี้ให้เห็นว่าจังหวัดนี้ต้องมีความสัมพันธ์กับแม่น้ำท่าจีน เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ที่ลุ่มแม่น้ำท่าจีน เป็นพื้นที่ที่ไม่มีภูเขาและป่าไม้ โดยตัวแม่น้ำท่าจีนจะไหลผ่านจากทิศเหนือลงทิศใต้ ทำให้พื้นที่ทางทิศใต้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนที่เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม ทำสวน ทำไร่ ทำนา เลี้ยงสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อีกทั้งยังมีคลองที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและคลองที่ถูกขุดเพื่อการคมนาคม มีอาณาเขตติดกับจังหวัดใกล้เคียงคือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, สุพรรณบุรี,สมุทรสาคร, ราชบุรี, กาญจนบุรี,นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร โดยมีระยะทางห่างกรุงเทพ ฯ ประมาณ 50-60 กิโลเมตรเท่านั้น ระยะทางขึ้นอยู่กับการใช้ถนนแต่ละสาย โดยสามารถเลือกใช้ ถนนเพชรเกษม, ถนนบรมราชชนนี หรือเส้นทางรถไฟ

มีการแบ่งการปกครองส่วนภูมิภาคเป็น 7 อำเภอ คือ อำเภอเมืองนครปฐม, กำแพงแสน, นครชัยศรี, ดอนตูม, บางเลน, สามพราน และพุทธมณฑล โดยประชากรนิยมอาศัยอยู่ในอำเภอเมืองนครปฐมมากที่สุด ในส่วนของเศรษฐกิจจังหวัดจะมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรมมากที่สุด ตามด้วยการขายส่ง-ขายปลีก อย่างการซ่อมแซมยานยนต์ จักรยาน ของใช้ครัวเรือน ของใช้ส่วนบุคคล, และมีรายได้ทางเกษตรกรรม อสังหาริมทรัพย์ และรายได้อื่น ๆ รองลงมา สำหรับภาคเกษตรกรรมจัดเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในด้านนี้สูงมากเพราะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ ประกอบกับมีระบบชลประทานที่ดี โดยอาศัยแหล่งน้ำจากแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำกลอง และแม่น้ำเจ้าพระยา มีพืชเศรษฐกิจ คือ อ้อย ข้าว ไม้ผล พืช ผัก และไม้ดอกไม้ประดับ ในส่วนของการปศุสัตว์ นิยมเลี้ยง ไก่, เป็ด, สุกร เป็นอันดับต้น ๆ เพื่อการค้าขายและบริโภค ประชากรส่วนใหญ่มีการนับถือศาสนาพุทธหลากหลายนิกาย ทำให้มีการสร้างวัดในพื้นที่หลายแห่ง อาทิ วัดพระปฐมเจดีย์, วัดพระประโทณเจดีย์วรวิหาร, วัดเสนหา, วัดพระงาม ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีประชากรที่นับถือศาสนาคริสต์จำนวนไม่น้อย อันสังเกตได้จากการสร้างศาสนสถานเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ถึง 25 แห่งด้วยกัน และมีศาสนสถานของศาสนาอิสลามเพียงหนึ่งแห่งคือ มัสยิดปากีสตาน (ปาทาน) ถือเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา ที่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติจวบจนถึงปัจจุบันนี้

อ้างอิงจาก เว็บไซต์จังหวัดนครปฐม



พาผู้สูงอายุเที่ยวจังหวัดนครปฐม

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าจังหวัดนครปฐมเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก และมีความหลากหลายตัวเลือกในการเดินทางไปมาระหว่างจังหวัดกรุงเทพฯ กับนครปฐม ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง รถตู้ และรถไฟ โดยใช้เวลาเพียง 40-80 นาทีเท่านั้น ประกอบกับเป็นสถานที่ตั้งของสถานศึกษาหลายแห่งทั้งระดับโรงเรียน อาชีวศึกษา และมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน, มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา, มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษาจังหวัดนครปฐม ฯลฯ จึงเป็นอีกหนึ่งจังหวัดตัวเลือกของพ่อ แม่ ผู้ปกครองในพื้นที่จังหวัดและต่างจังหวัดอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวบ้านในอดีต เช่น ตลาดน้ำดอนหวาย,ตลาดน้ำลำพญา, ลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้สามพราน ,แหล่งดูนกธรรมชาติ และถนนชมพูพันธุ์ทิพย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนฯลฯ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความสัมพันธ์กับวัด อันได้แก่ พระปฐมเจดีย์, วัดไร่ขิง, วัดพระประโทน, วัดดอนยายหอม, วัดไร่แตงทอง, วัดหนองพงนก, วัดกลางบางพระ ฯลฯ สำหรับครอบครัวใดต้องการพาผู้สูงอายุมาเที่ยว และอยากให้ท่านได้สัมผัสทั้งบรรยากาศทางธรรมชาติและเรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีต ขอแนะนำสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ชื่อดังของจังหวัด มีอายุการสร้างนับร้อยปี ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดนครปฐม ในพื้นที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม และอยู่ไม่ไกลจาก วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร สถานที่ดังกล่าวคือ พระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 6 มีจุดดึงดูดให้ถ่ายรูปหลายจุด เช่น พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์, พระตำหนักทับขวัญ, พระที่นั่งพิมานปฐม อีกทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อว่า "ม.ทับแก้ว" นอกจากนั้นยังมีรถรางให้บริการฟรี คอยพานักท่องเที่ยวชมความงามรอบ ๆ บริเวณพระราชวัง ทำให้ผู้สูงอายุไม่ต้องใช้กำลังขาในการเดินมาก ส่วนการชมความงามภายในตัวสิ่งปลูกสร้างจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคือ คนไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท, ชาวต่างชาติ 50 บาท เปิดให้บริการ 09.00-16.00 น. และปิดขายบัตรเวลา 15.30 น.

หากครอบครัวใดส่งลูกหลานมาเรียนที่จังหวัดนครปฐมและต้องการมาเยี่ยมนักศึกษา สามารถพ่วงทริปพาญาติผู้ใหญ่เที่ยวได้เลย เหมาะแก่การพักผ่อนแบบครอบครัวอย่างยิ่ง