ดูแลผู้สูงอายุ ใน บางพลี, สมุทรปราการ

ดูแลผู้สูงอายุ ใน บางพลี, สมุทรปราการ

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

Sasitorn Jansaeng
Sasitorn Jansaeng
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี

ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย

ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน ตรงต่อเวลา ใจเย็น

รับฟังความคิดเห็นผู้อื่นเสมอ

ทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ดี

มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น

แสดงเพิ่มเติม
เมธาวี ธีระธัมปิยปัญญา
เมธาวี ธีระธัมปิยปัญญา
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 40 ปี

ขยันทำงาน รับผิดชอบ มีจรรยาบรรณ ใส่ใจดูแลผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดีค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
อธิวุฒิ สมัครการ
อธิวุฒิ สมัครการ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 35 ปี

เป็นคนใจเย็น รักการช่วยเหลือผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากมีที่พักให้เช่าใกล้สถานที่ทำงานจะดีมาก หรือจะให้อยู่บ้านเฝ้า 24 ชั่วโมงเลยก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม
วลัยพร ภู่รัตนกุล
วลัยพร ภู่รัตนกุล
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี
ผ่านการตรวจสอบประวัติบุคคล

มีความอดทนสูง ตรงต่อเวลา ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ดี

แสดงเพิ่มเติม
พิกุลทอง  รังวิจี
พิกุลทอง รังวิจี
Saijai อายุ 54 ปี
ผ่านการตรวจสอบประวัติบุคคล

มีประสบการณ์ดูแลผู้สูงอายุ ส่วนมากเป็นอยู่เป็นเพื่อนผู้สูงอายุที่ช่วยตัวเองได้ค่ะ ไม่ฟิตอาหาร ช่วยพยุงเดิน ใช้ไม้ค้ำ

แสดงเพิ่มเติม
ธมลวรรณ สังข์แก้ว
ธมลวรรณ สังข์แก้ว
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจ เข้าใจ สะอาด ดูแลเปรียญเสมือนญาติ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ประทับใจในการให้บริการมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุดาพร มณีทอง
4 ปีที่แล้ว
ราคาไม่สูงเหมือนจ้างพยาบาลตามโรงพยาบาล และผู้ดูแลยังมีประสบการณ์ มั่นใจ หายห่วงเลยค่ะ
Saijai
ศรีรัตน์ สุขสวัสดิ์
4 ปีที่แล้ว
หาข้อมูล เจอเว็บใส่ใจ ที่มีพี่เลี้ยงดูแลผู้สูงอายุ ลองอ่านประสบการณ์เลย เจอจิต (พี่เลี้ยงดูแลพ่อ) ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลในเว็บทำให้พวกเราไม่ยากที่จะตัดสินใจ จิตทำงานดีมากเข้ากับคุณพ่อได้ดี ขอบคุณใส่ใจค่ะ
Saijai
พชร ต้นไกลสุทธฺ์
4 ปีที่แล้ว
พ่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน ผมเลยหาคนดูแลจากเว็บไซต์ของใส่ใจ ขั้นตอนต่าง ๆ ง่ายมากครับ และทางผู้ดูแลที่ทางใส่ใจส่งมา บริการได้น่าประทับใจมากครับ นอกจากจะใส่ใจคอยดูแลคุณพ่อผมแล้วยังคอยพูดคุยรับฟังเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย ตอนนี้ผมจ้างพี่เค้าดูแลตลอดจนกว่าพ่อจะหายเลยครับ
Saijai
อนันต์ บุญเกิด
4 ปีที่แล้ว
สะดวก ง่าย เพียงไม่กี่ขั้นตอนเราก็สามารถหาคนดูแลผู้สูงอายุได้ อีกอย่างในเว็บไซต์มีข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้เราได้ศึกษาก่อนทำการจ้างอีกด้วย พอได้อ่านข้อมูลทำให้เราได้รู้วิธีการเตรียมตัวก่อนจ้างคนดูแลมาดูแลคุณแม่ เป็นข้อแนะนำที่ดีมาก ๆเลยค่ะ ประทับใจมาก ๆ ค่ะ
Saijai
วิกานดา ทองดี
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

ตัวเลือกใดที่ดีกว่าระหว่างจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้านหรือให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านพักคนชรา
คาดการณ์ว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุ ร้อยละ 16.2 ของประชากรทั้งหมด ผู้สูงอายุที่เคยดูแลเราในวันก่อนก็เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคนที่เราต้องดูแล วิถีชีวิตปัจจุบัน หลายครอบครัวไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้ด้วยตัวเอง อะไรที่ดีกว่าระหว่างจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้านหรือให้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุดูแล

ข้อดีของการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

การที่ผู้สูงอายุได้อยู่อาศัยในบ้าน ทำให้ไม่รู้สึกแปลกสถานที่ รู้สึกว่าอยู่กับครอบครัวลูกหลาน ไม่เกิดความว้าเหว่ ผู้สูงอายุยังอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมและไม่รู้สึกว่ามีใครหายไป การดูแลยังอยู่ในสายตาของลูกหลาน หากเกิดข้อบกพร่องหรือสิ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่สบายใจ ผู้สูงอายุสามารถพูดขึ้นกับลูกหลานและแก้ไขปัญหาได้ในทันที

ข้อเสียของการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

คือค่าใช้จ่ายที่สูง เพราะต้องใช้ผู้ที่ผ่านการอบรมเป็นพิเศษ และอาจต้องจ้าง ตลอด 24 ชั่วโมง หรืออาจต้องใช้ 1-2 คนในการดูแล ผู้ว่าจ้างไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่านิสัยของคนที่จ้างมาเป็นอย่างไร รักการทำงานบริการผู้สูงอายุหรือไม่ หรือสามารถการปรับตัวให้เข้ากับผู้สูงอายุได้หรือไม่

ข้อดีของการใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือบ้านพักคนชรา

คือมีสถานที่พร้อมในการดูแลผู้สูงอายุ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการดูแล บางแห่งมีเครื่องมือแพทย์ หรือพยาบาลวิชาชีพดูแล ผู้สูงอายุได้พบปะกับอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน ซึ่งจะช่วยคลายความกังวลใจของผู้สูงอายุลงไปได้บ้าง หากมีเหตุฉุกเฉิน เกิดอุบัติเหตุ ไม่สบาย ทางศูนย์ดูแลพร้อมให้ปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาล

ข้อเสียของการใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและเราจะไม่มีทางรู้หรือเห็นเหตุการณ์อื่นใดนอกเหนือจากตอนที่ไปถึงศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งอาจปล่อยปละละเลย ผู้สูงอายุอาจไม่มีความสุขที่ต้องจากครอบครัว สุขภาพจิตอาจแย่ลง

ท้ายที่สุดแล้วความใส่ใจและความพร้อมของสมาชิกครอบครัวมีส่วนในการพิจารณาการตัดสินใจ และที่สำคัญคือตัวของผู้สูงอายุที่เราต้องดูแลว่าท่านมีความพร้อมและยินยอมเห็นสมควรกับแนวทางการเลือกดูแลของสมาชิกครอบครัว
ทักษะสำคัญที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุควรมี
การที่เราจะเลือกใครสักคนมาดูแลผู้สูงอายุในบ้านของเรา แน่นอนว่าต้องมีปัจจัยและคุณสมบัติหลายอย่างในการตัดสินที่จะรับบุคคลภายนอกเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวของเราทั้งในช่วงเวลาที่เราอยู่หรือไม่อยู่บ้านก็ตาม คุณสมบัติที่คนส่วนใหญ่คาดหวังสำหรับคนดูแลผู้สูงอายุ มีดังต่อไปนี้

1. เป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ คืออายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล มีวุฒิภาวะที่ดี
2. เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คนดูแลผู้สูงอายุจึงควรเป็นคนที่มีความรู้ทั้งในเรื่องจิตวิทยา และด้านโภชนาการอาหาร รวมทั้งความสะอาดทั่วไปด้วย แม้ว่าการจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าการจ้างคนทั่วไป แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะหากผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ไม่ดี คนดูแลขาดความรู้แล้ว อาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย
3. มีความน่าไว้วางใจ เมื่อจ้างคนดูแลผู้สูงอายุเข้ามาอยู่ในบ้าน อาจจะต้องรับรู้ในส่วนของที่เก็บของต่างๆ รู้ตารางชีวิตประจำวันของคนในครอบครัว คนดูแลผู้สูงอายุจึงต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ มีประวัติที่ดี และมีทัศนคติที่ดี
4. มีความอดทน เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางครั้งอาจจะต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุอีกด้วย โดยเฉพาะหากเป็นผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยหรือโรคประจำตัว ก็จะมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
5. ควรจบหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หรือสาขาที่เกี่ยวข้องและหากมีประสบการณ์มักจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่หากไม่จบหลักสูตรดังกล่าว แต่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุมาก่อน ก็จะได้รับการพิจารณาเช่นกัน
6. มีความซื่อสัตย์สุจริต เนื่องจากในบางครั้งอาจจะต้องอยู่กับผู้สูงอายุเพียงลำพัง
7. มีความขยันและสามารถช่วยเหลืองานอย่างอื่นได้ตามความเหมาะสม
หากคุณกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุ คนชรา อยู่กับผู้ดูแลตามลำพัง ควรทำอย่างไร
หากคุณกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุ คนชรา อยู่กับผู้ดูแลตามลำพัง ควรทำอย่างไร

การเลือกแม่บ้านหรือผู้ดูแลผู้สูงอายุ เข้ามาดูแลพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย วัยชรา แม้จะคล้ายกับการดูแลเด็ก แต่มีความแตกต่างกันบ้างในส่วนของรายละเอียด เช่น เรื่องอาหารการกิน การทานยา และเรื่องของการอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกใช้บริการ ผู้ดูแลผู้สูงอายุนั้น เพราะเราอยากให้ผู้สูงอายุได้อยู่ในบรรยากาศที่คุ้นเคย ใกล้ชิดลูกหลาน และได้รับการดูแลที่ถูกต้อง เหมาะสม ตามสภาพวัย ของผู้สูงอายุ หากเราต้องทำงานไปด้วยนั้นหมายถึงเราต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล เราสามารถลดความกังวลนั้นได้อย่างไร หากกังวลเรื่องอาหารการกิน การทานยาของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องอยู่บ้านลำพัง การที่ได้ผู้ดูแลผู้สูงอายุ เข้ามาดูแลปัญหาเรื่องการทานอาหาร ทานยาไม่ตรงเวลาก็จะหมดไป เมื่อเราได้สรุปงาน หน้าที่ของผู้ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ก็จะทำตามตารางเวลาการทำงานที่เราได้จัดขึ้น แม้เราไม่อยู่เราก็จะแน่ใจได้ว่าผู้สูงอายุจะได้รับการดูแล เราต้องคิดว่า เมื่อเราต่างออกไปทำงาน และผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ท่านอาจจะรู้สึกเหงาและเบื่อหน่าย หรือบางครั้งเราเองอาจจะรู้สึกกังวลหากเขาหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่มีใครอยู่บ้าน แต่การมีผู้ดูแลผู้สูงอายุมาดูแลและอยู่เป็นเพื่อนก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกดี หมดกังวลและไม่เบื่อหน่าย อาจมีกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้สูงอายุฝึกคิด หรือบางครั้งผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ดูแลยังสามารถพาไปออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุผ่อนคลายได้อีกด้วย กังวลเรื่องการดูแลทุก ๆ รายละเอียด ข้อนี้ถือว่าดีมากเนื่องจากพี่เลี้ยงที่จ้างมาดูแลผู้สูงอายุในบ้าน จะทำหน้าที่แทนเราทุกอย่าง เช่น เช็ดตัว ป้อนข้าว เปลี่ยนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ โดยที่ไม่รังเกียจ เพราะมีการอบรมมาเป็นอย่างดี ช่วยดูแลขณะที่เราไม่อยู่ ความกังวลทั้งหมดนี้จะหมดไปหากเราเลือกผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี ใส่ใจในงานบริการ แม้อยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล ก็ไม่ต่างกับเราดูแลท่านเอง
สิ่งสำคัญที่คนจ้างจะต้องตกลงกับผู้ดูแลผู้สูงอายุคืออะไร
เมื่อคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุไว้คอยดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณ คุณควรมีข้อตกลงที่ชัดเจนก่อนทำการจ้าง ดังต่อไปนี้

1. มีการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความถูกต้องและความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุข้อวันเริ่มงาน ตกลงในเรื่องของเงินเดือน ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการและวันหยุดที่ควรจะได้รับตามกฎหมายแรงงาน
2. ทำความเข้าใจถึงความคาดหวังที่นายจ้างต้องการจากผู้ดูแล และหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ว่าอาจจะต้องทำงานอื่นนอกเหนือจากการดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องช่วยดูแลเพิ่มเติม ในเรื่องของความสะอาดต่างๆ ของเครื่องใช้ หรือความสะอาดในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอยู่
3. อธิบายข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เช่น ลักษณะนิสัย ความชอบส่วนตัว โรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ หรือ อาหารที่แพ้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและมีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
4. ควรใส่ใจในสุขภาพของคนที่จะมาเป็นคนดูแลผู้สูงอายุของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะแพร่มาสู่คนชราได้ คนดูแลจึงควรมีสุขภาพแข็งแรง และควรมีผลการตรวจสุขภาพมาเพื่อยืนยันกับผู้ว่าจ้าง
5. ทำความเข้าใจว่าหากคนดูแลผู้สูงอายุป่วยไข้ ผู้ว่าจ้างจะอนุญาตให้พักงาน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อสู่ผู้สูงอาย
6. หากผู้ว่าจ้างเลือกให้คนดูแลผู้สูงอายุพักอาศัยที่บ้านด้วย ควรมีห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนและมีการจัดหาอาหารให้ ควรอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนด้วยว่ามีอาหารให้กี่มื้อต่อวัน
7. คนดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการอบรมและตรวจสอบประวัติ และลายนิ้วมือ เพื่อประสิทธิภาพของงาน และความไว้วางใจของผู้ว่าจ้าง

ประเพณีรับบัว วัดบางพลีใหญ่

ประเพณีเก่าแก่ที่น่าจะเรียกได้ว่ามีที่เดียวในประเทศไทยในช่วงใกล้วันออกพรรษา จัดขึ้นที่จังหวัดสมุทรปราการ คือ ประเพณีรับบัว หรือบางคนก็เรียกว่า ประเพณีโยนบัว เป็นประเพณีโบราณที่ถือเป็นมรดกอันล้ำค่า สืบทอดมาถึงปัจจุบัน ประเพณีรับบัวที่ยิ่งใหญ่นี้ จัดขึ้นทุกปีในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ที่ วัดบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีการอัญเชิญหลวงพ่อโตองค์จำลองจากวัดบางพลีใหญ่ใน มาลงเรือที่ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตาด้วยดอกไม้ ขบวนเรือจะล่องไปตามคลองสำโรง เพื่อให้ชาวบ้านได้สักการะ มีความเชื่อกันว่า หากอธิษฐานแล้วโยนบัวลงไปยังเรือที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต จะทำให้คำอธิษฐานสมความปรารถนา

ในสมัยก่อน อำเภอบางพลีมีผู้คนอาศัยอยู่ 3 เชื้อชาติ คือ คนไทย คนลาว และคนรามัญ หรือชาวมอญปากลัด (คนมอญพระประแดง) ประเพณีรับบัวนี้ เกิดขึ้นจากความมีน้ำใจต่อกันระหว่างคนในท้องถิ่นและคนมอญปากลัด ซึ่งในช่วงออกพรรษาคนมอญจะกลับไปทำบุญที่อำเภอพระประแดง โดยล่องมาเก็บดอกบัวหลวงที่อำเภอบางพลี เพื่อนำกลับไปบูชาพระหรือถวายพระ บางคนนำไปฝากเพื่อนบ้าน โดยชาวบางพลีจะช่วยอำนวยความสะดวกด้วยการเก็บดอกบัวไว้รอมอบให้คนมอญ ต่อมาชาวอำเภอเมือง และชาวพระประแดง ต่างพร้อมใจกันพายเรือมาเก็บบัวที่อำเภอบางพลี และถือโอกาสมีนมัสการหลวงพ่อโตที่วัดบางพลีใหญ่ด้วย แต่เนื่องจากระยะทางระหว่างอำเภอเมืองและอำเภอพระประแดงไกลกันมาก เรือแต่ละรำจึงต่างร้องรำทำเพลงเพื่อให้เกิดความสนุกสนานตลอดเส้นทาง และมีการส่งดอกบัวให้กันมือต่อมือ หากสนิทกันก็จะโยนดอกบัวให้กัน จึงเป็นที่มาของประเพณีรับบัวมาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับหลวงพ่อโตที่มีการอัญเชิญลงเรือให้ประเพณีรับบัว สืบเนื่องมาจาก พ.ศ. 2467 ที่ชาวบ้านบางพลีได้ร่วมกันสร้างองค์ปฐมเจดีย์ ณ วัดบางพลีใหญ่ใน มีการจัดงานเฉลิมฉลองแห่ผ้าห่มองค์พระ และวิวัฒนาการมาเป็นประเพณีแห่องค์หลวงพ่อโตจำลอง โดยอัญเชิญไปตามลำคลองบางพลี และใช้ "ดอกบัว" เป็นดอกไม้สำหรับใช้นมัสการหลวงพ่อโต

ระหว่างขบวนเรือแห่ไปลำคลอง ชาวบ้านและประชาชนต่างถิ่นที่มาร่วมงานประเพณีจะมายืนรออยู่ทั้งสองฝั่งคลอง เพื่ออธิษฐานและโยนบัวให้ลงเรือลำที่มีองค์หลวงพ่อโตประดิษฐาน เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมทั้งมีการโยนบัวให้กับคนต่างบ้านที่พายเรือมาเที่ยวด้วยอย่างสนุกสนาน ประเพณีโยนบัวจะจัดขึ้นก่อนวันออกพรรษา ปกติจะจัดในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน11 โดยเริ่มงานตั้งแต่เช้ามืด ปัจจุบันมีการจัดประกวดเรือประเภทต่างๆ การแข่งขันพายเรือ การแสดงและการละเล่นพื้นเมือง รวมทั้งการสาธิตและจำหน่ายขนมพื้นบ้าน และอาหารพื้นเมืองของชาวบางพลี ผู้สนใจมาร่วมสืบทอดงานประเพณีรับบัวที่มีที่เดียวในประเทศ สามารถติดตามข่าวสารการจัดงานได้ที่ วัดบางพลีใหญ่ ต. บางพลีใหญ่ อ. บางพลี จ. สมุทรปราการ



วันหยุดพาแม่เที่ยว ตลาดโบราณบางพลี พ.ศ. 2400

ใครยังไม่รู้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุดที่ใกล้จะถึงนี้ เรามีสถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพมหานครมาแนะนำ รับรองว่าเดินเพลิน อิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งบุญ สถานที่ท่องเที่ยวที่จะแนะนำนี้คือ ตลาดโบราณบางพลี เป็นตลาดเก่าแก่ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ใกล้กับวัดบางพลีใหญ่ใน อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เดิมชื่อว่า ตลาดศิริโสภณเป็นลักษณะห้องแถวไม้โบราณ 2 ชั้น ปลูกติดต่อกันยาวกว่า 500 เมตร สันนิษฐานว่ามีกลุ่มชาวจีนเข้ามาเปิดร้านในตลาดนี้เมื่อราว พ.ศ. 2400 ตรงกับ สมัยรัชกาล 4 ตลาดโบราณบางพลี แต่เดิมเป็นตลาดขนส่งภาคตะวันออก ชายฝั่งทะเลสู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเคยมีความรุ่งเรืองมากในอดีต

ปัจจุบันภายในตลาดมีการจำหน่ายสินค้านานาชนิดตลอดสองฝั่งคลอง อาทิเช่น อาหาร ขนมโบราณ เครื่องดื่ม ของใช้และของประดับตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า สัตว์เลี้ยง มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ร้านกวยจั๊บ ร้านขนมเจ้าเก่าแก่ ที่เป็นลูกหลานชาวบางพลีโดยแท้ และยังมีร้านกาแฟเล็กๆ ตกแต่งน่ารัก ให้นั่งจิบกาแฟไปพร้อมๆกับชมทิวทัศน์ของคลองสำโรง และบรรยากาศของตลาดน้ำที่มีเรือพายขายขนม และผลไม้ตามฤดูกาลมากมาย ช่วงกลางๆตลาดจะค่อนข้างได้บรรยากาศความสงบ งดงาม ทำให้ได้ดื่มด่ำความเป็นตลาดโบราณที่แสนคลาสสิค มีมุมให้นั่งพักผ่อน และสามารถให้อาหารนก อาหารปลาได้ ระหว่างสองฝั่งคลองเชื่อมถึงกันด้วยสะพานไม้สูงพอประมาณที่เรือจะพายลอดผ่านได้ และที่สะดุดตาอีกอย่างคือ สะพานเรือ เป็นการนำเรือมาผูกต่อกันเพื่อทำเป็นสะพานข้ามฟาก ค่าข้ามคนละ 1 บาท

ตลาดโบราณบางพลี เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08:00-16:00 น. แต่จะยิ่งคึกคักมากในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ การเดินทางมาได้หลายวิธี สำหรับรถยนต์ส่วนตัว ให้จอดรถที่วัดบางพลีใหญ่ เข้าไปไหว้สักการะหลวงพ่อโตในอุโบสถเสียก่อน เสร็จแล้วค่อยไปเดินเที่ยว ซื้อของติดไม้ติดมือที่ตลาด หากนั่งรถเมล์ สามารถนั่งได้ทุกสายที่มาลงสำโรง แล้วต่อรถสองแถว หรือรถตู้บางบ่อ มาลงยังปากทางวัดบางพลีใหญ่ก็ได้ และอีกวิธีคือ ใช้บริการรถตู้โดยสารจากหมอชิต 2 มาลงโฮมโปร หรือห้างโลตัสบางพลีตรงถนนบางนาตราด แล้วต่อรถสองแถวไปลงบิ๊กซีบางพลี เดินผ่านด้านหลังบิ๊กซีมาสู่ตลาดโบราณบางพลีได้เลย



7 โรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ

เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ร่างกายที่เคยแข็งแรงก็จะค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลง การทำงานในส่วนต่างๆของร่างกายเริ่มถดถอย อาจทำให้เป็นโรคต่างๆได้ง่าย ลูกหลานจึงควรหมั่นดูแล และสังเกตอาการ เพื่อหาวิธีป้องกันหรือพบแพทย์เพื่อทำการรักษาแต่เนิ่นๆ โรคที่มักบ่อยในผู้สูงอายุ คือ

1. โรคทางสมอง ที่พบบ่อยคือ โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน และ โรคอัลไซเมอร์ โดยโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน เกิดจากหลอดเลือดเสื่อมสภาพ เส้นเลือดแคบลง ส่งผลให้เลือดไหลเวียนน้อย และสมองขาดเลือด พบมากในผู้สูงอายุที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ ผู้ที่สูบบุหรี่ และขาดการออกกำลังกาย ส่วนโรคอัลไซเมอร์ เกิดจากภาวะสมองเสื่อม เซลล์ในสมองบางส่วนตายหรือหยุดทำงาน ทำให้มีการหลงลืม จนอาจไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด

2. โรคทางกระดูก ที่พบบ่อยคือ โรคกระดูกพรุน และ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคกระดูกพรุน พบบ่อยในผู้หญิงสูงอายุ เนื่องจากการทำงานของฮอร์โมนลดลง โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน เมื่อความหนาแน่นของกระดูกลดลง ทำให้กระดูกบางและเปราะหักง่าย อาการของโรคได้แก่ ฟันผุกร่อน เสียวฟันเนื่องจากการร้าวของฟัน ส่วนสูงลดลง หลังงองุ้ม ปวดบริเวณเอว หลัง ข้อมือ ส่วนโรคข้อเข่าเสื่อม เกิดจากกระดูกอ่อนบริเวณผิวข้อเสื่อมลง จะเกิดอาการเจ็บปวดของข้อ ข้อบวม ข้อขัด ขาโก่งผิดปกติ ข้อเข่าผิดรูป หรือเหยียดขาได้ไม่สุด ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

3. โรคหัวใจขาดเลือด เกิดจากหลอดเลือดเลี่ยงหัวใจตีบหรือตัน ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ พบมากในผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ความเครียด อ้วน สูบบุหรี่ และขาดการออกกำลังกาย

4. โรคเบาหวาน ถือเป็นโรคยอดฮิตในผู้สูงอายุ เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ หากไม่รักษาอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น ตาบอด ไตเสื่อม ชาตามปลายมือปลายเท้า และติดเชื้อ

5. โรคความดันโลหิตสูง ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน มักพบโรคนี้ โดยปกติคนทั่วไปจะมีความดันโลหิตอยู่ที่ 120/80 – 139/89 มิลลิเมตรปรอท หากเกินกว่านี้ถือว่าเป็นความดันโลหินสูง โรคนี้ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ อาจมีบางครั้งที่มีอาการใจสั่น หน้ามืด ตาพร่า หรือปวดหัวรุนแรง หากปล่อยไว้อาจเกิดโรคหัวใจ โรคไต หรือโรคทางสมองแทรกซ้อนได้

6. โรคไต โรคนี้มักไม่แสดงอาการในช่วงแรกๆ ต่อเมื่อไตเริ่มเสื่อมมากขึ้น ทำให้เกิดการคั่งของของเสียในร่างกาย ความผิดปกติและอาการจึงจะแสดงออกมา นำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรัง มีอาการตัวซีด คันตามตัว เบื่ออาหาร บวม ระบบทางเดินปัสสาวะผิดปกติ การรักษาโรคไต ต้องทำการล้างไต ฟอกเลือด และอาจต้องเปลี่ยนไตในที่สุด

7. โรคตา โรคที่พบบ่อยคือ โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก โรคต้อหิน ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ และมีอาการแตกต่างกัน ทำให้การมองเห็นลดลง ดังนั้น เมื่อเกิดอาการผิดปกติของการมองเห็น ควรรับปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษา