ดูแลสัตว์เลี้ยง ใน บางคอแหลม, กรุงเทพมหานคร

ดูแลสัตว์เลี้ยง ใน บางคอแหลม, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

อารยา หนูทอง
อารยา หนูทอง
Saijai อายุ 24 ปี

เคยมีประสบการณ์ทำงานเเม่บ้านมาก่อน สามารถทำความสะอาดได้ โดยส่วนตัวเป็นคนใจเย็นกับสถานการณ์ต่างๆพร้อมรับมือ

แสดงเพิ่มเติม
เกียรติศักดิ์ ศรีชาย
เกียรติศักดิ์ ศรีชาย
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 26 ปี
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
Saijai ประสบการณ์ 4-5 ปี
Saijai อายุ 41 ปี

ใจเย็น รักสัตว์ นอนกับสุนัข์ทุกวัน

แสดงเพิ่มเติม
อนุธิดา เทศกุล
อนุธิดา เทศกุล
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 25 ปี

เป็นคนรักสัตว์ และรักเด็ก ชอบความเป๋นส่วนตัว

แสดงเพิ่มเติม
ศิริกานต์ จาวะลา
ศิริกานต์ จาวะลา
Saijai ประสบการณ์ 4-5 ปี
Saijai อายุ 28 ปี
ศิริวิมล ทรงศิริ
ศิริวิมล ทรงศิริ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 42 ปี

ที่บ้านมีสถานที่ ให้น้องวิ่งเล่น มีไซ เพศเมียอายุ 1 ปี น้องน่ารักนิสัยดีค่ะ มีโกลเด้น 1 ตัว น้องชอบเล่นมาก ที่บ้านมีอาหาร ห้องแอร์ ของเล่น ขนม พร้อมให้น้องๆค่ะ ที่รับเลี้ยงเพราะน้องไซที่บ้านจะได้มีเพื่อนใหม่ๆด้วยค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

มองหาพี่เลี้ยงสัตว์ที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยดูแลเค้าที่บ้าน เจอเว็บใส่ใจ ลองเข้าไปดูรายละเอียดและสามารถสอบถามราคาได้อย่างชัดเจน ก่อนที่เราจะตัดสินใจจ้าง แถมราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด เยี่ยมไปเลยค่ะ
Saijai
ปัทมา เลิศชนะ
3 ปีที่แล้ว
หมดปัญหาว่าจะเอาหมาไปฝากที่ไหนเวลาต้องไปต่างจังหวัด บริการดี รายละเอียดครบ ชอบ ๆ
Saijai
เนตรศิกา วัฒนาไกร
4 ปีที่แล้ว
เว็บใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ใช้ครั้งแรกชอบเลย ได้พี่เลี้ยงมาดูแลน้องแมวให้ถึงบ้าน สบายใจทาสแมวอย่างเราไปเลยค่ะ
Saijai
ณัฐฐา แก้วดี
4 ปีที่แล้ว
โชคดีที่ได้มาเจอเว็บไซต์ของใส่ใจเพราะมีบริการคนดูแลสัตว์เลี้ยงหลากหลายรูปแบบ ประทับใจมาก ๆ ครับ นอกจากจะมีพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังมีบริการฝึกสอนสัตว์เลี้ยง อาบน้ำตัดขน อีกทั้งยังมีบริการสัตว์แพทย์นอกสถานที่ บอกได้เลยว่าครบวงจรจริง ๆ
Saijai
ศราวุติ ชัยเกตุ
4 ปีที่แล้ว
สะดวกมากเลยค่ะ นัดพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เราต้องการมาดูแลน้องหมาที่บ้านได้เลย ไม่ยุ่งยาก ระบบใช้งานง่าย สะดวกสุด ๆ ค่ะ ชอบ ๆ
Saijai
ธีรศักดิ์ เหมศักดิ์
1 วินาทีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลสัตว์เลี้ยง

ขอดีของการมีสัตว์เลี้ยง
เครียด เหงา เศร้า บางครั้งเราต้องการคนมาคอยรับฟังปัญหา ซึ่งนอกจากเพื่อนสนิท หรือคนในครอบครัวแล้ว อีกหนึ่งทางเลือกก็คือ การมีสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว นก ปลา ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่คนนิยม สัตว์เลี้ยง สามารถช่วยเยียวยาจิตใจให้กับผู้ที่กำลังตกอยู่ในสภาวะเหงาและเครียด ไปจนถึงผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี คุณทราบหรือไม่ว่าการเลี้ยงสัตว์มีประโยชน์ต่อเรามากกว่าที่คิด มาดูข้อดีกันเลยค่ะ

- การเลี้ยงสุนัขหรือแมวเพื่อบำบัดความเครียดหรือในต่างประเทศเรียกว่า Pets Therapy (สัตว์เลี้ยงบำบัด) ซึ่งมีผลการศึกษาวิจัยมานานแล้วว่า การเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงนั้น สามารถช่วยเยียวยาผู้ป่วยได้จริง ทั้งยังมีคำแนะนำให้ผู้สูงอายุเลี้ยงสัตว์เพื่อบรรเทาความเหงาและป้องกันโรคซึมเศร้าอีกด้วย

- การมีสัตว์เลี้ยงช่วยลดคอเลสเตอรอลโดยผลการศึกษาพบว่าคนที่เลี้ยงสัตว์จะมีค่าคอเลสเตอรอลและไขมันในเลือดอย่างไตรกลีเซอร์ไรด์น้อย เนื่องจากมีกิจกรรมพาสัตว์เลี้ยงไปเดินออกกำลังกายนั่นเอง
- ช่วยลดความดันโลหิต เพราะการมีสัตว์เลี้ยงจะทำให้เราคลายเครียด ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง จากการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์กพบว่า ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรักษาโรคความดันโลหิตสูงจะมีค่าความดันโลหิตที่ต่ำลงเมื่อมีสัตว์เลี้ยง

- Rebecca A. Johnson ผู้อำนวยการศูนย์การวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์ มหาวิทยาลัยมิสซูรี ได้กล่าวว่า เพียงแค่มองสัตว์เลี้ยง สมองจะหลั่งออกซิโทซิน ทำให้มีความสุขและลดฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ทำให้เกิดความเครียด โดยมีผลการวิจัยกับทหารผ่านศึกชาวสหรัฐอเมริกา ที่ประสบภาวะผิดปกติทางจิตใจหรือ PTSD พบว่า ทหารผ่านศึกนายนั้นไม่กล้าออกจากบ้านโดยไม่มีภรรยาไปด้วย เมื่อได้ลองเลี้ยงสุนัข เพียงไม่กี่อาทิตย์เขาก็มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นและกล้าที่จะออกจากบ้านเพียงล
ทักษะสำคัญในการดูแลสัตว์เลี้ยงมีอะไรบ้าง
หากคุณกำลังมองหาพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพื่อที่จะดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณ นี่คือลักษณะและทักษะที่สำคัญ 4 ประการที่พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ดีควรมี

1. สุขุมและเข้าใจสัตว์เลี้ยง พี่เลี้ยงน้องหมา น้องแมวทุกคนรู้ดีว่าการดูแลน้องเหล่านี้มักไม่เป็นไปตามแผนที่เราคิดไว้เสมอไป ดังนั้นพี่เลี้ยงต้องอดทนเวลาที่น้องหมา น้องแมว ดื้อและไม่ปฏิบัติตามที่คาดหวังไว้ ควรสงบสติอารมณ์เพื่อไม่ให้พวกเขารู้สึกกลัวและตอบสนองต่อความวิตกกังวล จะทำให้สามารถดูแลสัตว์เลี้ยงได้ดี
2. อ่อนโยน พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ดีตระหนักถึงความต้องการของสัตว์เลี้ยงของเราและตอบสนองต่อความต้องการนั้นมองสัตว์เลี้ยงของเราด้วยความรักใคร่และไม่ใช้กำลังหรือการลงโทษทางร่างกาย เช่นตี หรือ ลากสายจูงสุนัขของคุณระหว่างเดินเล่น
3. มีประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัตว์เลี้ยงของเรามีความต้องการดูแลเป็นพิเศษ การจ้างพี่เลี้ยงสัตว์ดูแลสัตว์เลี้ยง ควรจ้างผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงที่มีประสบการณ์มากเช่น หากเรามีสุนัขเยอรมันเชพเพิร์ด(German Shepherd)ตัวใหญ่ เราต้องการคนที่เคยดูแลสุนัขขนาดใหญ่มาก่อน ถ้าคนคนนั้นสามารถแสดงใบรับรองเกียรติบัตรที่แสดงถึงประสบการณ์ในการดูแลสุนัขเยอรมันเชพเพิร์ดตัวใหญ่จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของสุนัขยิ่งขึ้น หากสัตว์เลี้ยงของเรามีอาการป่วยหรือต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เราต้องมองหาพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือได้ในด้านนั้น ๆ มาดูแลสัตว์เลี้ยงของเรา
4. มีความรักที่แท้จริงต่อสัตว์เลี้ยง ลองถามคำถามที่น่าสนใจในระหว่างการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงดูเพื่อให้รู้สึกถึงบุคลิกของผู้สมัคร เช่น อะไรคือสิ่งที่สนุกที่สุดหรือน่าอายที่สุดที่คุณเคยสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง ๆ ) ผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงที่ดีจะแสดงความรักที่แท้จริงต่อสัตว์เลี้ยงในการตอบคำถามของคุณ หรือถามเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่พวกเขาเคยเป็นเจ้าของหรือดูแลมาก่อน - คนที่รักสัตว์จะกระตือรือร้นที่จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาให้คุณฟัง การพูดคุยแบบนี้คุณสามารถวัดความรักของพวกเขาที่มีต่อสัตว์และระดับความตื่นเต้นเกี่ยวกับโอกาสในการทำงานนี้ได้เลยทีเดียว
วิธีการสังเกตุสัตว์เลี้ยงเมื่อมีอาการป่วย
เพราะสัตว์เลี้ยงไม่สามารถบอกเราได้เมื่อรู้สึกไม่สบาย หากเราไม่สังเกตเห็นว่าพวกเขาเริ่มมีอาการผิดปกติ มารู้อีกทีเขาก็ป่วยหนักจนอาจทำให้ไม่สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที หรืออาจจะต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษามากกว่าเดิมก็เป็นได้

วิธีการสังเกตอาการเบื้องต้นที่บ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงของคุณกำลังป่วยมีดังนี้

1. พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของสัตว์เลี้ยง เมื่อสัตว์เลี้ยงของคุณเอาแต่นอนอยู่นิ่ง ๆ บางครั้งก็หลบอยู่ตามซอกหลืบมืด ๆ ในบ้าน หรือมีอาการซึม และไม่ร่าเริงเหมือนปกติแม้ว่าคุณจะเอาของเล่นไปล่อแล้วก็ตาม สาเหตุที่ทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขากำลังรู้สึกไม่สบายตัว
2. มีอาการเบื่ออาหาร หากสัตว์เลี้ยงของคุณที่เคยกินเยอะเป็นปกติ จู่ ๆ กลับกินอาหารได้น้อยลง หรือไม่กินอาหารเลย อาจจะเป็นเพราะว่าสัตว์เลี้ยงของคุณมีอาการป่วยอยู่ก็เป็นได้
3. มีความผิดปกติอื่น ๆ ตามร่างกาย เช่น มีน้ำมูก มีขี้ตาเกรอะกรัง หายใจติดขัด จนไปถึงอาเจียน และถ่ายเหลว อาการเหล่านี้สามารถบ่งบอกได้ว่าสัตว์เลี้ยงของคุณกำลังป่วยอยู่ไม่มากก็น้อย ทางที่ดีควรรีบหาทางรักษาสัตว์เลี้ยงของคุณให้เร็วที่สุด
4. เอาแต่ร้องหรือคร่ำครวญมากผิดปกติ บางครั้งเวลาที่คุณเผลอไปจับหรือลูบส่วนใดของสัตว์เลี้ยงแล้วจู่ ๆ เขาขู่หรือเผลอกัดคุณขึ้นมานั้น อาจเป็นเพราะเขากำลังเจ็บตรงอวัยวะส่วนที่คุณเผลอไปโดนโดยไม่รู้ตัวอยู่ก็ได้
5. สัตว์เลี้ยงขนหยาบกระด้าง และขนร่วงมากกว่าปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าสัตว์เลี้ยงของคุณอาจขาดสารอาหารบางอย่าง หรืออาจมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับผิวหนังอยู่นั่นเอง

หากคุณหมั่นเอาใจใส่และสังเกตพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงคุณบ่อย ๆ จะทำให้พวกเขาห่างไกลจากโรคต่าง ๆ และมีชีวิตอยู่กับคุณไปอีกนานเลยทีเดียว
ข้อตกลงสำคัญที่ผู้จ้างควรตกลงกับพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงก่อนเริ่มงานมีอะไรบ้าง?
การใช้บริการดูแลสัตว์เลี้ยงในยามที่คุณไม่ว่างนั้นจะช่วยให้คุณคลายความกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณได้ แต่ก่อนจะทำการจ้างพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ต้องมาทำหน้าที่ดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจรายละเอียดของเงื่อนไขต่าง ๆ ที่คุณกำหนด ซึ่งข้อตกลงสำคัญมีดังนี้

1. ข้อตกลงเรื่องค่าตอบแทน ในส่วนของค่าตอบแทนในการว่าจ้างพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแต่ละคนบนเว็บไซต์ใส่ใจได้ระบุเรทราคาจ้างไว้ชัดเจน นายจ้างจะต้องเลือกพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงโดยพิจารณาจากข้อมูลประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน รวมถึงเรทราคาค่าจ้างโดยตัวของท่านเอง
2. ข้อตกลงเรื่องช่วงเวลาในการทำงาน นายจ้างควรระบุเวลาที่ชัดเจนให้พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงรับรู้ หรือบางครั้งในกรณีที่ต้องยืดหยุ่นเวลาในการทำงานเนื่องจากเหตุจำเป็น เพื่อให้เงื่อนไขได้รับการยินยอมทั้งสองฝ่าย
3. แจกแจงหน้าที่ให้กับพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างชัดเจนก่อนเริ่มงาน นายจ้างจำเป็นต้องอธิบายหน้าที่ของพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงให้ชัดเจนว่าต้องทำอะไรบ้าง เช่น ให้อาหารและอาบน้ำสัตว์เลี้ยงเวลาไหน หรือควรพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่นออกกำลังกายเวลาไหนบ้าง เป็นต้น
4. สอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของบุคคลที่จะทำการว่าจ้างอีกครั้งให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงผ่านการฝึกอบรมด้านการดูแลสัตว์เลี้ยงมาโดยเฉพาะจะยิ่งเพิ่มความสบายใจให้กับนายจ้างมากยิ่งขึ้น
5. อธิบายข้อตกลงสำคัญหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ในกรณีที่เกิดอะไรขึ้นกับสัตว์เลี้ยงในระหว่างที่อยู่กับพี่เลี้ยง ควรอธิบายการแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้นให้กับพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงรับรู้อย่างชัดเจน
6. ลองพาพี่เลี้ยงไปพบกับสัตว์เลี้ยงคุณก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อสร้างความคุ้นเคยล่วงหน้าให้กับสัตว์เลี้ยงและไม่ให้พวกเขารู้สึกระแวงเมื่อต้องอยู่กับคนแปลกหน้า

หลังจากทำความเข้าใจรายละเอียดของเงื่อนไขต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องคอยกังวลเกี่ยวกับการจ้างบริการพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอีกต่อไป

สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา ที่พักผ่อนหย่อนใจ

สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา เป็นสวนสุขภาพฝั่งพระนคร ตั้งอยู่เชิงสะพานพระราม 9 ถนนพระรามที่ 3 เขตบางคอแหลมแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 29 ไร่ มีการสร้างควบคู่กับสวนสาธารณะฝั่งธนบุรีอีก 23 ไร่ รวมเป็น 52 ไร่ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยได้รับการสนับสนุนจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 และได้รับพระราชทานชื่อสวนแห่งนี้ว่า สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา จุดเด่นของสวนสาธารณะฝั่งพระนครนี้คือการนำปรากฏการณ์ธรรมชาติของน้ำขึ้น-น้ำลง มานำเสนอภายในสวน เนื่องจากสวนมีพื้นที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและวิถีชีวิตของชาวไทยมีความผูกพันกับสายน้ำมาแต่อดีต จึงมีการออกแบบสวนสาธารณะแห่งนี้ให้สอดคล้องกับแนวคิด “สวนสุนทรีวิถีไทย” เพื่อชมความงามของสายน้ำ เพื่อการพักผ่อนริมน้ำท่ามกลางความร่มรื่น เพื่อเป็นสถานที่ออกกำลังกาย และยังใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม การรักษาและปกป้องสายน้ำด้วย ภายในสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา มี กำแพงราชสดุดีมหาราชา เป็นที่แสดงพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในวาระต่างๆ นอกจากนี้ยังมี ศาลาดนตรีไทย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อใช้เป็นที่บรรเลงดนตรีไทยในโอกาสต่างๆ ส่วนประติมากรรมตามจุดต่างๆในสวนมีการจัดวางขึ้นเพื่อระลึกถึงการก่อสร้างสะพานพระราม 9 สวนสาธารณะแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีความร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนของครอบครัว พาคุณพ่อคุณแม่ ผู้สูงอายุ หรือเด็กๆมาเดินเล่น วิ่งเล่น หรือออกกำลังกาย ยังมีจุดชมวิวที่บริเวณทางเดินริมน้ำเพื่อชมความงามของสะพานแขวนหรือ สะพานพระราม 9 ควบคู่กับสายน้ำทั้งในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก นับว่าเป็นจุดชมวิวที่มีทิวทัศน์สวยงามมากแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร



รถรางสายบางคอแหลม รถรางสายแรกของประเทศไทย

ประเทศไทยมีระบบขนส่งแบบรางมาตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากการให้สัมปทานกับวิศวกรชาวเดนมาร์กคนหนึ่ง หลังทำการวางรางเสร็จได้เริ่มเปิดให้วิ่งในปี พ.ศ. 2431 โดยใช้ม้าลากในระยะแรก ถือว่าเป็นกิจการรถรางครั้งแรกในเอเชีย รถรางระบบม้าลากสายแรกเริ่มต้นที่สายบางคอแหลม มีความยาว 9.18 กิโลเมตร เป็นเส้นทางศาลหลักเมือง- ถนนตก เริ่มต้นจากศาลหลักเมืองวิ่งไปตามทางถนนเจริญกรุง สิ้นสุดที่บริษัท อู่เรือกรุงเทพ จำกัด บริเวณถนนตกในปัจจุบัน ต่อมาปี พ.ศ. 2435 มีการโอนกิจการให้ บริษัทของชาติเดนมาร์ก และเปลี่ยนมาใช้รถรางไฟฟ้าแทนม้าลากโดยเช่ากระแสไฟฟ้าจากบริษัทอิเลคทริค ซิตี้ คอมปะนี ลิมิเต็ด และได้มีการเปิดใช้งานขบวนรถรางเคลื่อนที่ด้วยกระแสไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2437 ซึ่งถือว่าเป็นรถรางไฟฟ้าแห่งแรกของทวีปเอเชียอีกเช่นกัน หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2443 ได้เปิดรถราง “สายสามเสน” เพิ่ม ตามมาด้วย “สายดุสิต” ในปี พ.ศ. 2448 โดยบริษัท รถรางไทย หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนโอนกิจการให้บริษัทอื่นๆอีก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2493 สัมปทานการเดินรถสิ้นสุด รัฐบาลเข้ามาดำเนินการต่อเองในนาม บริษัทการไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้เข้ามาดำเนินกิจการ ให้บริการรถรางทั้งหมดจำนวน 8 เส้นทาง คือสายบางซื่อ สายสามเสน สายบางคอแหลม สายหัวลำโพง สายปทุมวัน สายสีลม สายดุสิต และสายร่วมฤดี รถรางส่วนใหญ่จะมี 2 สีคู่กัน แตกต่างไปตามเส้นทาง มีจำนวนตู้รถรางรวม 54 โบกี้ มีที่นั่ง26 ที่นั่ง ส่วนที่ว่างตรงกลางสามารถให้ผู้โดยสารยืนได้ 34 คน แต่ละคันมีกำลังขับ 40 แรงม้า และตัวถังรถรางทำการผลิตในประเทศไทย มีท่ารถรางอยู่ 4 แห่งคือสะพานดำ สะพานเหลือง บางกระบือ และ บางคอแหลม ส่วนสำนักงานใหญ่ที่มีโรงจอดรถรางที่เป็นโรงซ่อมในตัวอยู่ที่หลังโรงประปา สี่แยกแม้นศรี จนถึงปี พ.ศ. 2503 รัฐบาลมีนโยบายยกเลิกกิจการรถราง โดยเริ่มหยุดให้บริการทีละสาย เนื่องจากจำนวนรถยนต์มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และได้มีการยกเลิกรถรางสายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2511 ถือเป็นการสิ้นสุดกิจการรถรางในประเทศไทยจากที่เคยได้ให้บริการมายาวนานถึง 80 ปี ป้ายรถรางป้ายสุดท้าย ณ บริเวณเวิ้งนาครเขษม ถนนเยาวราช ถูกปลดลงเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562 โดย กฟน. นำป้ายรถรางป้ายสุดท้ายนี้ไปจัดแสดง ณ ศูนย์เรียนรู้ พิพิธภัณฑ์การไฟฟ้านครหลวง เพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์ของ กฟน. และเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับต้นกำเนิดระบบขนส่งมวลชนทางรางแห่งแรกของทวีปเอเชีย



มาทำอาหารให้น้องหมากันเถอะ

หลายคนเลี้ยงสุนัขเหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่ต้องดูแลอย่างดี แน่นอนว่าเราอยากให้เขามีสุขภาพที่ดีและอยู่กับเราไปได้นาน ๆ เนื่องจากจริง ๆ แล้วอาหารของคนไม่เหมาะกับสุนัข ดังนั้นหากเราสามารถปรุงอาหารให้สุนัขของเรากินเองได้น่าจะเป็นเรื่องที่ดี

ก่อนอื่นเราต้องคำนึงถึงความสมดุลทางโภชนาการของสุนัขเพราะสุนัขแต่ละตัวมีความต้องการทางโภชนาการไม่เหมือนกัน ผู้เลี้ยงจึงต้องพิถีพิถันในการปรุงและคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสมกับสุนัขแต่ละตัวเพื่อให้สุนัขได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ในการคำนวณปริมาณอาหารที่เหมาะสมให้สุนัขควรพิจารณาจากน้ำหนักตัว ช่วงอายุ สายพันธุ์และขนาด โดยสูตรที่นิยมในประเทศไทยคือ RER (kcal) = (30 x น้ำหนักตัว (กก.)) +70

เมื่อคำนวณหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมได้แล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องคำนึงถึงคือการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพโดยเน้น 4 กลุ่มโภชนาการหลักๆ คือ

1. ใส่โปรตีน ได้แก่โปรตีนจากไข่ และโปรตีนจากสัตว์ เช่นเนื้ออกไก่ เนื้อแกะ หรือโปรตีนจากถั่ว และเมล็ดพืช

2. เพิ่มไขมัน เช่นหนังไก่ แต่อย่าให้ปริมาณไขมันมากเกินไปเพราะจะทำให้สุนัขเป็นโรคอ้วนได้ ควรมีไขมันอย่างน้อย 5% ตามน้ำหนักตัว

3. ใส่คาร์โบไฮเดรต เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงานที่สุนัขต้องการมาก ครึ่งหนึ่งของอาหารสุนัขควรมีคาร์โบไฮเดรตประกอบอยู่ด้วย เช่นข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต เป็นต้น

4. เพิ่มแร่ธาตุต่าง ๆ ทั้งแคลเซียม ฟอสฟอรัส แม็กนีเซียม ธาตุเหล็ก ซีลีเซียม และทองแดง การขาดแร่ธาตุอาจส่งผลต่อกระดูก ทำให้กระดูกไม่แข็งแรง หักง่าย หรือมีภาวะโลหิตจาง ฉะนั้นควรเพิ่มผักที่มีแร่สูงลงไปในอาหารสุนัขด้วย อาทิเช่น ผักใบเขียวทั้งสุกและดิบอย่างคะน้า กะหล่ำดาว หัวผักกาดสุก หัวไชเท้าสุก กระเจี๊ยบเขียวสุก แครอท ฟักทอง

5. เพิ่มวิตามิน เนื่องจากการขาดวิตามินอาจทำให้เกิดปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน ผิวหนังเป็นแผล ตาบอด จึงควรเพิ่มผักใบเขียวหรือผลไม้ที่มีวิตามินเช่น ผักโขม ส่วนผักหรือผลไม้บางอย่างที่อาจดีต่อคนแต่เป็นพิษกับสุนัข เช่น กระเทียม ช็อกโกแลต อะโวคาโด องุ่น ขนมปังยีสต์ เป็นต้น ผู้เลี้ยงจึงควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนให้สุนัขที่เรารักกินอาหารต่างเข้าไป

ตัวอย่างเมนูที่ทำได้ง่ายๆเช่น ไข่ตุ๋นตับไก่ ส่วนผสมมีดังนี้

ไข่ไก่ 2 ฟอง

ตับไก่ 25 กรัม

แครอท 1/3 หัว

ข้าวโพด 30 กรัม และ น้ำเปล่า 1 ถ้วย

ส่วนวิธีทำก็ง่ายมากคือ ตีไข่ไก่ 2 ฟองเข้าด้วยกัน ผสมน้ำเล็กน้อย หั่นตับไก่ และแครอทเป็นชิ้นเล็กๆที่สามารถเคี้ยวง่ายๆ หั่นข้าวโพดให้ละเอียด นำตับไก่ แครอท และข้าวโพดผสมลงไปในไข่ไก่ที่ตีไว้เรียบร้อยแล้ว คนให้เข้ากันแล้วเทใส่ถ้วยหรือชามเพื่อนำไปนึ่งอีก 15 นาที เท่านี้ก็ได้อาหารสุนัขที่มีโภชนาการดีและทำได้ง่ายๆให้สุนัขตัวโปรดของเราแล้ว ทั้งนี้อย่าลืมว่าควรทำในปริมาณที่พอดีต่อมื้ออาหาร เพื่อไม่ให้อาหารเหลือค้าง และไม่ควรนำอาหารเหลือ หรือปรุงทิ้งไว้ข้ามคืนมาให้สุนัขที่เรารักกิน เพราะอาหารเหล่านั้นอาจจะบูดแล้ว ทำให้สุนัขของเราท้องเสียได้ ส่วนภาชนะที่ใช้หลังจากสุนัขกินเรียบร้อยแล้วควรล้างทำความสะอาดทุกครั้งเพื่อป้องกันเชื้อโรคที่อาจทำให้สุนัขป่วยได้