ดูแลสัตว์เลี้ยง ใน ลาดพร้าว, กรุงเทพมหานคร

ดูแลสัตว์เลี้ยง ใน ลาดพร้าว, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

เทพทัต กะโปงทอง
เทพทัต กะโปงทอง
Saijai ประสบการณ์ 2-3 ปี
Saijai อายุ 19 ปี

ใจเย็น รักสัตว์ มีความอดทนอดกลั้น เคยเลี้ยงสัตว์

แสดงเพิ่มเติม
มูฮัมหมัดอาซีซี ใบกาเด็ม
มูฮัมหมัดอาซีซี ใบกาเด็ม
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 26 ปี
ศิริกานต์ จาวะลา
ศิริกานต์ จาวะลา
Saijai ประสบการณ์ 4-5 ปี
Saijai อายุ 28 ปี
ศตวรรษ ทับทิม
ศตวรรษ ทับทิม
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี

ผมรักสัตว์เคยทำงานเป็นผช.สัตว์แพทย์​ มีความอดทนสูง​

แสดงเพิ่มเติม
อนุธิดา เทศกุล
อนุธิดา เทศกุล
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 24 ปี

เป็นคนรักสัตว์ และรักเด็ก ชอบความเป๋นส่วนตัว

แสดงเพิ่มเติม
ศิริวิมล ทรงศิริ
ศิริวิมล ทรงศิริ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 41 ปี

ที่บ้านมีสถานที่ ให้น้องวิ่งเล่น มีไซ เพศเมียอายุ 1 ปี น้องน่ารักนิสัยดีค่ะ มีโกลเด้น 1 ตัว น้องชอบเล่นมาก ที่บ้านมีอาหาร ห้องแอร์ ของเล่น ขนม พร้อมให้น้องๆค่ะ ที่รับเลี้ยงเพราะน้องไซที่บ้านจะได้มีเพื่อนใหม่ๆด้วยค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
อารยา หนูทอง
อารยา หนูทอง
Saijai อายุ 23 ปี

เคยมีประสบการณ์ทำงานเเม่บ้านมาก่อน สามารถทำความสะอาดได้ โดยส่วนตัวเป็นคนใจเย็นกับสถานการณ์ต่างๆพร้อมรับมือ

แสดงเพิ่มเติม
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
Saijai ประสบการณ์ 4-5 ปี
Saijai อายุ 41 ปี

ใจเย็น รักสัตว์ นอนกับสุนัข์ทุกวัน

แสดงเพิ่มเติม
เกียรติศักดิ์ ศรีชาย
เกียรติศักดิ์ ศรีชาย
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 25 ปี
ภัสราภรณ์ สุภามาลา
ภัสราภรณ์ สุภามาลา
Saijai ประสบการณ์ 4-5 ปี
Saijai อายุ 29 ปี

รักสัตว์ ชอบสัตว์ เรียนรู้และสังเกตพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงได้บ้าง

เคยทำงานร้านอาบน้ำ-ตัดขนสัตว์ เป็นเด็กอาบน้ำ และผู้ช่วยช่างตัดขน สามารถตัดทรงพื้นฐานๆได้

เลี้ยงสุนัขและแมวเองมาตั้งแต่อายุ10ขวบ

สัตว์เลี้ยงexoticเช่น กระรอก กระต่าย ชูการ์

ทำงานเกี่ยวกับสัตว์ได้หลากหลาย เช่น พาเดินเล่น อาบน้ำ เล็มขน ตัดเล็บ เล่นกับน้องๆหรือฝึกน้องๆขั้นพื้นฐานได้ค่ะ

สังเกตอาการป่วยหรือดูแลช่วงที่สัตว์เจ็บป่วยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
นิลดา พรมเกตุจันทร์
นิลดา พรมเกตุจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 2-3 ปี
Saijai อายุ 21 ปี

รักสัตว์ ใจเย็น เข้าใจหมาสายพันธุ์ต่างๆ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ราคาไม่แพง มีการบอกรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆให้ด้วย ซึ่งตอนนี้ใช้บริการมา 4ครั้งแล้วครับ บริการดีทุกครั้งเลยครับ
Saijai
ศิลา ใจอารีย์
3 ปีที่แล้ว
ชอบมากเลย บริการคือดีมาก ดูแลน้องหมาเราดี ปลื้มสุด
Saijai
อรอนงค์ วาร์ด
3 ปีที่แล้ว
ลองจองพี่เลี้ยงดูแลน้องหมาผ่านเว็ปใส่ใจ รู้สึกประทับใจมากครับ เจ้าด้อบบี้เองก็ดูเหมือนจะดีใจที่ได้เล่นกับเพื่อนใหม่ด้วย เห็นตามติดน้องที่มาช่วยดูแลไม่ห่างเลย
Saijai
ชิตพล เจียรเวชพรกุล
3 ปีที่แล้ว
หมดปัญหาว่าจะเอาหมาไปฝากที่ไหนเวลาต้องไปต่างจังหวัด บริการดี รายละเอียดครบ ชอบ ๆ
Saijai
เนตรศิกา วัฒนาไกร
3 ปีที่แล้ว
ลองเรียกคนดูแลน้องหมาผ่านเว็บใส่ใจ พี่เลี้ยงเขาเฟรนด์ลี่มาก พาน้องไปวิ่งออกกำลังกายตอนเย็น รู้สึกประทับใจพี่เลี้ยงมาก ๆ เลยค่ะ
Saijai
อรัชกร แซ่ลี้
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลสัตว์เลี้ยง

ขอดีของการมีสัตว์เลี้ยง
เครียด เหงา เศร้า บางครั้งเราต้องการคนมาคอยรับฟังปัญหา ซึ่งนอกจากเพื่อนสนิท หรือคนในครอบครัวแล้ว อีกหนึ่งทางเลือกก็คือ การมีสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว นก ปลา ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่คนนิยม สัตว์เลี้ยง สามารถช่วยเยียวยาจิตใจให้กับผู้ที่กำลังตกอยู่ในสภาวะเหงาและเครียด ไปจนถึงผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี คุณทราบหรือไม่ว่าการเลี้ยงสัตว์มีประโยชน์ต่อเรามากกว่าที่คิด มาดูข้อดีกันเลยค่ะ

- การเลี้ยงสุนัขหรือแมวเพื่อบำบัดความเครียดหรือในต่างประเทศเรียกว่า Pets Therapy (สัตว์เลี้ยงบำบัด) ซึ่งมีผลการศึกษาวิจัยมานานแล้วว่า การเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงนั้น สามารถช่วยเยียวยาผู้ป่วยได้จริง ทั้งยังมีคำแนะนำให้ผู้สูงอายุเลี้ยงสัตว์เพื่อบรรเทาความเหงาและป้องกันโรคซึมเศร้าอีกด้วย

- การมีสัตว์เลี้ยงช่วยลดคอเลสเตอรอลโดยผลการศึกษาพบว่าคนที่เลี้ยงสัตว์จะมีค่าคอเลสเตอรอลและไขมันในเลือดอย่างไตรกลีเซอร์ไรด์น้อย เนื่องจากมีกิจกรรมพาสัตว์เลี้ยงไปเดินออกกำลังกายนั่นเอง
- ช่วยลดความดันโลหิต เพราะการมีสัตว์เลี้ยงจะทำให้เราคลายเครียด ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง จากการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์กพบว่า ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรักษาโรคความดันโลหิตสูงจะมีค่าความดันโลหิตที่ต่ำลงเมื่อมีสัตว์เลี้ยง

- Rebecca A. Johnson ผู้อำนวยการศูนย์การวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์ มหาวิทยาลัยมิสซูรี ได้กล่าวว่า เพียงแค่มองสัตว์เลี้ยง สมองจะหลั่งออกซิโทซิน ทำให้มีความสุขและลดฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ทำให้เกิดความเครียด โดยมีผลการวิจัยกับทหารผ่านศึกชาวสหรัฐอเมริกา ที่ประสบภาวะผิดปกติทางจิตใจหรือ PTSD พบว่า ทหารผ่านศึกนายนั้นไม่กล้าออกจากบ้านโดยไม่มีภรรยาไปด้วย เมื่อได้ลองเลี้ยงสุนัข เพียงไม่กี่อาทิตย์เขาก็มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นและกล้าที่จะออกจากบ้านเพียงล
ทักษะที่พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ดีควรมี
การดูแลสัตว์เปรียบเสมือนการดูแลบุคคลในครอบครัว เมื่อตัดสินใจรับมาเลี้ยงแล้ว ต้องมีความรับผิดชอบที่จะดูแลเขาไปตลอดชีวิต แต่หากเรามีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด หรือมีภาระอื่น ๆ ที่ต้องรับผิดชอบ และไม่สามารถดูแลสัตว์เลี้ยงของเราได้ในบางตรั้ง และจำเป็นต้องหาคนมาดูแลสัตว์เลี้ยงชั่วคราว หรือที่เรียกว่าพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง

พี่เลี้ยงสัตว์ควรมีทักษะและคุณลักษณะดังต่อไปนี้

• มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งมีความแตกต่างกันในหลายๆด้าน
• รู้จักลักษณะนิสัยของสัตว์ และรักสัตว์
• ผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาเฉพาะทางหรือผ่านการฝึกอบรม แต่ควรมีความคุ้นเคยกับการดูแลสัตว์และเข้าใจพฤติกรรมของสัตว์ในทุก ๆ ด้าน
• พี่เลี้ยงสัตว์ทำหน้าที่คล้ายกับพี่เลี้ยงเด็ก คือ คอยดูแลใส่ใจรายละเอียดต่าง ๆ ของสัตว์ หากสัตว์เลี้ยงป่วยและปล่อยไว้นานและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
• พี่เลี้ยงสัตว์มีหน้าที่ให้น้ำและอาหาร พาสัตว์ไปออกกำลังกาย และรู้จักการให้ยาหรือดูแลเบื้องต้นเมื่อสัตว์ป่วย
• หากเป็นพี่เลี้ยงสัตว์ประเภท สุนัขหรือแมวจะต้องสามารถแปรงขนและทำความสะอาดฟันเบื้องต้นได้
• ทำความสะอาดอุจจาระหรือปัสสาวะของสัตว์เลี้ยง
• พี่เลี้ยงสัตว์ต้องคอยรายงานความเป็นอยู่ของสัตว์ให้เจ้าของได้รับทราบเป็นระยะ ๆ อาจมีการถ่ายรูปหรือคลิปส่งให้เจ้าของได้ดูเพื่อความมั่นใจและสบายใจด้วย
• พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงจะต้องอยู่ที่บ้านในขณะที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ ดังนั้น ควรมีความซื่อสัตย์และบุคลิกที่น่าไว้วางใจ
ข้อสังเกตุว่าสัตว์เลี้ยงของคุณอาจจะมีอาการป่วย
หลาย ๆ คนที่เคยมีสัตว์เลี้ยงย่อมเคยผ่านเหตุการณ์ที่สัตว์เลี้ยงป่วย การสังเกตพฤติกรรมในแต่ละวันเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามแม้อาจจะเป็นเพียงความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็ก ๆ น้อย เพราะหลายครั้งกว่าที่เราจะรู้ว่าสัตว์เลี้ยงป่วยก็ต่อเมื่อพวกเขามีอาการหนักแล้ว

วันนี้เรามีวิธีการสังเกตอาการเบื้องต้นที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ควรมองข้ามมาแชร์ให้ทราบกันค่ะ

1 สัตว์เลี้ยงมีอาการซึมเศร้า ไม่ร่าเริง นอนมากกว่าปกติ ไม่กระฉับกระเฉง ไม่มาเล่น ไม่อ้อนเหมือนเคย
2 พฤติกรรมเบื่ออาหาร กินอาหารได้น้อยลง หากสัตว์เลี้ยงของเรามีอาการเบื่ออาหาร ทั้ง ๆ ที่ปกติกินเก่ง เจ้าของควรเฝ้าสังเกตอาการหรือนำไปให้คุณหมอตรวจ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงเริ่มป่วย แต่ทั้งนี้เจ้าของต้องแยกให้ได้ก่อนว่า อาการกินอาหารลดลงนั้นไม่ได้มาจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น อากาศร้อนเกินไป เปลี่ยนอาหารใหม่ ที่อาจเป็นสาเหตุให้สัตว์เลี้ยงกินน้อยลง
3 พบความผิดปกติ หรืออาการอื่นๆ เช่น มีขี้ตาเยอะ อาเจียน ตาแดง มีน้ำมูก มีกลิ่นตัวแรง เดินผิดปกติ ถ่ายเหลว
4 กินน้ำมากกว่าปกติ ก็เป็นสัญญาณเบื้องต้นที่อาจจะบ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงของเราป่วยได้เช่นกัน
5 สัตว์เลี้ยงอาจมีอาการ นอนไม่หลับ ตาเหล่ ตาเอียง ไม่มีแรงเดิน ซึ่งอาการเหล่านี้อาจจะเป็นสัญญาณของความผิดปกติทางระบบประสาทในสัตว์เลี้ยง
6 สัตว์เลี้ยงเดินวนไปวนมาในเวลากลางคืน เป็นอาการที่พบบ่อยว่าเกิดจากโรคสมองเสื่อมในสัตว์วัยชรา หรืออาจจะบ่งชี้ได้ว่ามีโรคทางสมองอยู่ จนทำให้วงจรการหลับมีปัญหา นอกจากนี้โรคเบาหวาน กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลำไส้อักเสบ ก็อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ตื่นขึ้นมากลางดึกก็เป็นได้
ข้อตกลงสำคัญที่ผู้จ้างควรตกลงกับพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงก่อนเริ่มงานมีอะไรบ้าง?
การใช้บริการดูแลสัตว์เลี้ยงในยามที่คุณไม่ว่างนั้นจะช่วยให้คุณคลายความกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณได้ แต่ก่อนจะทำการจ้างพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ต้องมาทำหน้าที่ดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจรายละเอียดของเงื่อนไขต่าง ๆ ที่คุณกำหนด ซึ่งข้อตกลงสำคัญมีดังนี้

1. ข้อตกลงเรื่องค่าตอบแทน ในส่วนของค่าตอบแทนในการว่าจ้างพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแต่ละคนบนเว็บไซต์ใส่ใจได้ระบุเรทราคาจ้างไว้ชัดเจน นายจ้างจะต้องเลือกพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงโดยพิจารณาจากข้อมูลประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน รวมถึงเรทราคาค่าจ้างโดยตัวของท่านเอง
2. ข้อตกลงเรื่องช่วงเวลาในการทำงาน นายจ้างควรระบุเวลาที่ชัดเจนให้พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงรับรู้ หรือบางครั้งในกรณีที่ต้องยืดหยุ่นเวลาในการทำงานเนื่องจากเหตุจำเป็น เพื่อให้เงื่อนไขได้รับการยินยอมทั้งสองฝ่าย
3. แจกแจงหน้าที่ให้กับพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างชัดเจนก่อนเริ่มงาน นายจ้างจำเป็นต้องอธิบายหน้าที่ของพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงให้ชัดเจนว่าต้องทำอะไรบ้าง เช่น ให้อาหารและอาบน้ำสัตว์เลี้ยงเวลาไหน หรือควรพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่นออกกำลังกายเวลาไหนบ้าง เป็นต้น
4. สอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของบุคคลที่จะทำการว่าจ้างอีกครั้งให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงผ่านการฝึกอบรมด้านการดูแลสัตว์เลี้ยงมาโดยเฉพาะจะยิ่งเพิ่มความสบายใจให้กับนายจ้างมากยิ่งขึ้น
5. อธิบายข้อตกลงสำคัญหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ในกรณีที่เกิดอะไรขึ้นกับสัตว์เลี้ยงในระหว่างที่อยู่กับพี่เลี้ยง ควรอธิบายการแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้นให้กับพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงรับรู้อย่างชัดเจน
6. ลองพาพี่เลี้ยงไปพบกับสัตว์เลี้ยงคุณก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อสร้างความคุ้นเคยล่วงหน้าให้กับสัตว์เลี้ยงและไม่ให้พวกเขารู้สึกระแวงเมื่อต้องอยู่กับคนแปลกหน้า

หลังจากทำความเข้าใจรายละเอียดของเงื่อนไขต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องคอยกังวลเกี่ยวกับการจ้างบริการพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอีกต่อไป

ลาดพร้าว ไกลแค่ไหนคือใกล้

“ศูนย์กลางการเดินทาง”

20 ปีที่แล้ว บริเวณรอบถนนลาดพร้าวซึ่งไหลไปทางตะวันออกเฉียงใต้จากทางยกระดับดอนเมืองที่สวนจตุจักรไปยังแฮปปี้แลนด์ในเขตบางกะปิ ถือเป็นเขตชานเมืองของกรุงเทพฯ แต่ด้วยการสร้างทางด่วนและเส้นทางขนส่งสาธารณะหลายสาย ลาดพร้าวจึงกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นศูนย์กลางที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมที่เฟื่องฟู ย่านที่เรียกว่า “ลาดพร้าว” (บางครั้งเรียกว่า “ลาดพร้าว”) ประกอบด้วยส่วนด้านในของถนนลาดพร้าวตั้งแต่ซอย 1 - 35 และ 2 - 42 ถนนพหลโยธินจนถึงแยกรัชโยธินที่ถนนวิภาวดีรังสิต ปัจจุบันลาดพร้าวให้บริการโดยรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน 2 สถานี สถานีลาดพร้าว ใกล้ซอย 21 และถนนรัชดาภิเษก และสถานีพหลโยธินใกล้ยูเนี่ยนมอลล์และเซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2564 เป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองสิ้นสุดที่ถนนรัชดาภิเษกและมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกสู่จังหวัดสมุทรปราการเชื่อมต่อกับสถานีบีทีเอสสำโรง นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการก่อสร้างคือส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้า BTS (รถไฟฟ้า) ซึ่งปัจจุบันสิ้นสุดที่หมอชิต สลับกับ MRT (ต้องใช้ตั๋วแยกต่างหาก) สถานีสี่แยกลาดพร้าว มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2562 โดยจะขยายไปยังซอยพหลโยธิน 24 รัชโยธิน และอีกมากมายในปี 2563 บริเวณใกล้เคียงคือสถานีขนส่งหมอชิตเหนือ ซึ่งจะเชื่อมต่อในปี 2563 ด้วยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สายสีแดงใหม่

ประชาชนชาวลาดพร้าวส่วนใหญ่เป็นคนไทยและชาวตะวันตกที่มีรายได้ปานกลาง โครงการคอนโดมิเนียมเฉลี่ยต่ำกว่าใจกลางกรุงเทพฯประมาณ 130,000 - 170,000 บาทต่อตารางเมตร โครงการล่าสุด ได้แก่ :

METRIS ลาดพร้าว ถ.ลาดพร้าว ซอย 8 29 ชั้น 193 ยูนิต 3.9 - 10.0 ล้านบาท (135,000 - 165,000 บาทต่อตร.ม.)

ไลฟ์ ลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน ใกล้ซอย 22 อาคารสูง 45 ชั้น 46 ชั้น จำนวน 1,615 ยูนิต กำหนดสร้างเสร็จปี 2563 3.3 - 11.6 ล้านบาท (135,000 - 165,000 บาทต่อตร.ม.)

Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว ถนนลาดพร้าว ที่ ถนนรัชดาภิเษก 27 ชั้น 497 ยูนิต ราคา 4 - 23 ล้านบาท (135,000 - 165,000 บาทต่อตร.ม.)

เอ็ม ลาดพร้าว ตรงข้ามเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว 44 ชั้น 286 ยูนิต 4.7 - 12 ล้านบาท (145,000 - 215,000 บาทต่อตร.ม.)

Maru Ladprao 15, 30 ชั้น และ 332 ยูนิต กำหนดแล้วเสร็จมิถุนายน 2564 3.8 - 10 ล้านบาท (เฉลี่ย 150,000 บาทต่อตร.ม.)

เซ็นทริค รัชโยธิน ถนนพหลโยธินและรัชโยธิน สูง 21 ชั้น 261 ยูนิต เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท (เฉลี่ย 160,000 บาทต่อตร.ม.)

พื้นที่ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่นี้รวมถึงกลุ่มอาคารสำนักงานของ บริษัท บนถนนวิภาวดีรังสิตและถนนรัชดาภิเษกที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ PTT Energy Complex, Sun Tower, SJ Infinite One, การบินไทย, ไทยรัฐ (หนังสือพิมพ์) , SCB Park Plaza และ TMB

โรงแรมท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงบางแห่ง ได้แก่: เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร โรงแรมทราเวลเลอร์ส ถ.รัชดาภิเษก

ไอยรินทร์ ณ โรงแรมตึกช้าง ถนนพหลโยธิน ใกล้ ซ.26 The Bazaar Hotel ที่ สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดา ลาดพร้าว ซอย26 ซี ยู อินน์ ถ.วิภาวดี-รังสิต

ศูนย์กลางการช้อปปิ้งร้านค้าปลีกในละแวกใกล้เคียงคือเซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าวและในระดับที่น้อยกว่าคือยูเนี่ยนมอลล์ซึ่งทั้งสองแห่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพหลโยธิน



สื่อสารกับสุนัขได้เข้าใจ ด้วยภาษากาย น้ำเสียง และคำพูด

สุนัขถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมสำหรับคนมีสัตว์เลี้ยง คนรักสุนัขส่วนใหญ่ยกตำแหน่งเพื่อนที่ซื่อสัตย์ให้กับสุนัขของตน แต่กว่าจะได้สุนัขที่น่ารักและเชื่อฟัง เจ้าของสุนัขหรือผู้ดูรับจำเป็นต้องฝึกฝนและเข้าใจวิธีการที่จะใช้สื่อสารกับสุนัขด้วย

เจ้าของสุนัขส่วนใหญ่จะยอมรับว่าสุนัขของพวกเขาเข้าใจคำศัพท์ง่าย ๆ ที่คุ้นเคย เช่น เมื่อพูดว่า "นั่ง" แล้วสุนัขจะทรุดตัวลง เมื่อพูดว่า "ไปเดินเล่นกันเถอะ" สุนัขจะวิ่งไปที่ประตูแล้วคว้าสายจูง เมื่อพูดว่า "ได้เวลากินแล้ว" สุนัขจะไปที่ชามอาหาร ดูเหมือนว่าสุนัขจะเข้าใจคำว่านั่ง เดิน และกิน แปลว่าสุนัขเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงคำเฉพาะกับการกระทำหรือวัตถุที่เฉพาะเจาะจง

สุนัขอาจได้ยินสิ่งที่เราพูด แต่สิ่งที่เราพูดเป็นเพียงตัวแปรหนึ่งเท่านั้น สุนัขตีความภาษาพูดของคนร่วมกับภาษากายและวิธีที่เราพูดนั้นส่งผลต่อความเข้าใจของสุนัข

บางคนคิดว่าวิธีที่เราพูดมีความสำคัญมากกว่าสิ่งที่เราพูด สุนัขอ่านน้ำเสียงและภาษากายมากกว่าคำพูดจริง ๆ สุนัขจะสังเกตท่าทางของคนพูด ดูการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง และการเคลื่อนไหวร่างกาย และฟังน้ำเสียง รวมปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อกำหนดความหมายในสิ่งที่เราพูด

หากเจ้าของสุนัขหรือผู้ดูแลยิ้มและพูดอย่างตื่นเต้นว่า "ไปเดินเล่นกันเถอะ!" สุนัขน่าจะกระดิกหางและเดินเตร่ไปมาอย่างกระตือรือร้น หากคุณพูดคำเดียวกันนี้ด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองและทำหน้าบึ้ง เขาอาจจะตัวสั่นและสะอื้นไห้ การสังเกตเหล่านี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนรู้สึกว่าสุนัขตอบสนองได้เหมือนกับทารกของมนุษย์ในการเข้าใจภาษาของเรา อันที่จริงแล้ว สุนัขอาจมีความสามารถในการรับรู้เช่นเดียวกับทารกมนุษย์อายุ 6-12 เดือน

ทั้งสุนัขและเด็กทารกต่างเข้าใจความหมายของคำว่า “ไม่!” อย่างรวดเร็ว เมื่อหยิบเศษอาหารจากพื้นแล้วพยายามยัดเข้าปาก พวกเขาทราบความแตกต่างระหว่าง "ใช่" กับ "ไม่" หรือไม่ หรือพวกเขาตอบสนองต่อน้ำเสียงที่สั่งการและภาษากายที่วิตกกังวลของเราหรือไม่ อาจเป็นการผสมผสานระหว่างคำศัพท์ที่เรียนรู้และการสังเกตภาษากายและน้ำเสียงหรือไม่ ด้วยการทำซ้ำ ทั้งสุนัขและทารกจะเชื่อมโยงคำบางคำ กับวัตถุหรือการกระทำบางอย่าง นั่นเป็นเหตุผลที่เราพูดว่า "นั่ง" ซ้ำแล้วซ้ำอีกในขณะที่ให้สุนัขนั่งจริงๆ ในที่สุดเขาก็เชื่อมโยงคำ กับการกระทำ ยังเป็นเหตุผลที่เราพูดว่า "สุนัข" กับลูกน้อยของเราในขณะที่ชี้ไปที่สุนัข ในที่สุด มนุษย์ตัวน้อยก็เข้าใจว่าสัตว์ที่มีขนยาวตัวนี้ถูกเรียกว่า "สุนัข"

แม้ว่านักวิทยาศาสตร์หลายคนเห็นตรงกันว่าสุนัขเข้าใจคำบางคำ แต่ไม่เข้าใจประโยคเต็ม พวกเขารู้สึกว่าการพูดว่า "ต้นไม้ นก หญ้า เดิน" มีความหมายเดียวกับ "ไปเดินเล่น" แม้ว่าสุนัขจะไม่เข้าใจทุกคำในประโยค แต่เข้าใจคำว่า "เดิน" และถ้าคุณพูดคำเหล่านั้นด้วยความกระตือรือร้นด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ สุนัขของคุณจะพุ่งไปที่ประตูหน้า

แม้จะมีคำศัพท์ที่จำกัด สุนัขและทารกก็สื่อสารกับเราได้ พวกเขาอาจไม่ได้พูดด้วยภาษาพูด แต่พวกเขาสามารถ "พูด" กลับมาหาเราได้ แม้จะไม่มีคำศัพท์มากมาย แต่ก็ทำให้เราเข้าใจเสียงคร่ำครวญ เสียงร้อง และเสียงร้องของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมกับภาษากายพิเศษของพวกเขาเอง



เป็นคำถามเก่าแก่: ทำไมสุนัขถึงจงรักภักดี?

บางคนอาจจะบอกว่าเพราะว่าเราให้อาหารและที่พักแก่พวกเขา แต่สำหรับเจ้าของสุนัขที่ดูแลสุนัขด้วยความรัก ทุกคนรู้ดีว่ามีอะไรมากกว่านั้น เพราะเมื่อเราให้อาหารและที่อยู่แก่แฮมสเตอร์และปลาทอง แต่สัตว์เลี้ยงเหล่านั้นมักไม่แสดงความรักต่อเจ้าของหรือผู้ดูแลเหมือนที่สุนัขทำ สุนัขร้องไห้เมื่อเจ้าของสุนัขออกจากบ้าน กระโดดด้วยความดีใจเมื่อเรากลับมาบ้านและมีชีวิตอยู่และหายใจเพื่อความรักของเรา

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ทำไมสุนัขถึงภักดีต่อมนุษย์มากผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์มักกล่าวถึงความจงรักภักดีของสุนัขที่นักวิจัยตั้งทฤษฎีว่า สุนัขที่เรารู้จักในปัจจุบันมีวิวัฒนาการมาจากหมาป่า หลังจากที่พวกเขาเริ่มอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การศึกษาล่าสุดได้ค้นพบข้อสรุปที่ต่างออกไป ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสุนัขแยกตัวจากบรรพบุรุษหมาป่าเมื่อประมาณ 135,000 ปีก่อน ก่อนที่สุนัขหรือหมาป่าจะอาศัยอยู่กับมนุษย์

อันที่จริง หลักฐานทางโบราณคดี เช่น กระดูกสุนัขที่ถูกฝังไว้ใกล้ถิ่นฐานของมนุษย์ มีอายุย้อนไปถึง 13,000 ปีเท่านั้น ดังนั้นจึงมีเหตุผลว่าทฤษฎีปัจจุบันคือหมาป่าพัฒนาเป็นสุนัขโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์ แต่เมื่อสุนัขและมนุษย์เริ่มพึ่งพากันและกัน พวกเขาก็มีความเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก นับตั้งแต่วันแรกของการเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ สุนัขก็มีความผูกพันทางอารมณ์กับเจ้าของ สุนัขหลายตัวเข้าใจอารมณ์ของเจ้าของ และสามารถบอกได้ว่าเราเศร้าหรือโกรธเมื่อใด และเราเข้าใจสุนัขเป็นการตอบแทน เราสามารถอ่านท่าทางของพวกเขาและบอกได้ว่าพวกเขากลัว ไม่พอใจ หรือสนุกสนานเมื่อใด

พฤติกรรมการรวมกลุ่ม

ความภักดีเป็นเพียงพฤติกรรมตามธรรมชาติสำหรับสุนัข สุนัขเป็นฝูงสัตว์ ซึ่งหมายความว่าพวกมันเป็นสัตว์สังคมที่ชอบอยู่ร่วมกับสุนัขอื่น ๆ พฤติกรรมนี้เป็นกลไกในการเอาชีวิตรอดด้วย สมาชิกของกลุ่มพึ่งพาอาศัยกันเพื่อความอยู่รอด ครูฝึกสุนัขหลายคนและผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์อื่น ๆ เชื่อว่าความคิดแบบนี้ทำให้สุนัขมีความจงรักภักดีต่อมนุษย์ เพราะสุนัขมองว่าเจ้าของหรือผู้ดูแลเป็นเพียงสมาชิกอีกคนหนึ่งในกลุ่ม และคิดว่าความภักดีจะทำให้พวกมันมีชีวิตอยู่ คุณมักจะได้ยินผู้ฝึกสอนพูดว่าในระหว่างการฝึกการเชื่อฟัง คุณต้องยืนยันตัวเองว่าเป็น “สุนัขจ่าฝูง” ถ้าสุนัขของคุณมองว่าคุณเป็นหัวหน้าฝูง พวกมันก็จะตามคุณ