ติวเตอร์ ใน เมืองสมุทรปราการ, สมุทรปราการ

บางปู สมุทรปราการ สถานที่พักตากอากาศที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 และเป็นที่นิยมของคนหนุ่มสาวในสมัยนั้น เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิ่งก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แม้บางปูจะไม่ได้รับความนิยมอย่างในอดีต แต่ทุกวันเสาร์จะมีกลุ่มคนสูงวัยมาเต้นลีลาศ ฟื้นความหลัง ความทรงจำกันตั้งแต่ 4 โมงเย็น ตลอดทางสะพานสุขตาเริ่มมีผู้คนจับกลุ่มกันดูนก ถ่ายรูป ให้อาหารนก โดยเฉพาะนกนางนวลสายพันธุ์ธรรมดาที่เดินทางไกลมากว่า 5,000 กิโลเมตร จากบ้านแหล่งที่อยู่เดิม บริเวณที่ราบสูงตอนในของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะ แถบทิเบต คาจิกิ-สถาน จีนตอนเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียทุกๆ ปีในช่วงต้นฤดูหนาว เหล่านกนางนวลจะหนีหนาวลงมายังพื้นที่ชุ่มน้ำบางปู จึงทำให้พื้นที่บางปูนี้ เริ่มมีชีวิตชีวาด้วยบรรดานกนานาชนิดกว่า 8,000 ตัว ที่ต่างพากันอพยพหนีความหนาวเย็นเข้ามาพักอาศัย โดยเฉพาะ “เพื่อนเก่า” อย่างเจ้านางนวลหลากหลายสายพันธุ์ ที่พากันบินข้ามขอบฟ้าไซบีเรียมาสัมผัสไออุ่นที่นี่ นกนางนวลจะอยู่ที่บางปูซึ่งเป็นทั้งแหล่งอาหารและบ้านอบอุ่นตลอดช่วงฤดูหนาว และเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนเมษายน ก็จะทยอยเดินทางกลับให้ทันฤดูวางไข่ที่บ้านเกิด ซึ่งจะเริ่มในราวเดือนพฤษภาคม ก่อนเดินทางกลับ นกนางนวลจะต้องเร่งสะสมพลังงานอย่างเต็มที่สำหรับการเดินทางไกล มันจึงกินอาหารไม่เลือก และหากินตลอดวัน โชคดีที่บางปูเป็นแหล่งที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ ที่ช่วยให้พวกมันพร้อมสำหรับการเดินทางไกล

จากการสำรวจโดยองค์การพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติประจำประเทศไทย และสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย พบว่า “บางปู” มีนกนางนวลธรรมดา (Brown-headed Gull) อาศัยอยู่ตลอดฤดูหนาวไม่น้อยกว่า 5,000 ตัว จนกลายเป็นพื้นที่ที่มีการรวมกลุ่มของนกนางนวลธรรมดามากที่สุดที่พบในแถบอ่าวไทยตอนใน ไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่า นกนางนวลเดินทางมาอาศัยที่บางปูในฤดูหนาวมานานเพียงใด แต่เมื่อเริ่มสร้างสถานตากอากาศบางปู ก็พบว่ามีนกนางนวลมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว นั่นคงเป็นภาพแรกที่นึกถึงบางปูก็จะนึกถึงนกนางนวลคู่ไปด้วย ณ 'สะพานสุขตา' นอกจากจะยืนดูนกเพลินๆ ถ่ายรูปสวยๆ แล้วยังให้อาหารนกได้แบบใกล้ชิดมาก เพียงแต่ถืออาหารไว้ นกก็จะลงมาโฉบอาหารจากมือเราไป

นักเรียนแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ มีความสามารถในการเรียนรู้ จุดอ่อนและจุดแข็งในวิชาแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน การเรียนพิเศษ หรือเรียนเสริมกับติวเตอร์แบบตัวต่อตัว จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนมากกว่าการเรียนเป็นกลุ่ม เพราะเราเชื่อว่าการสอนพิเศษแบบตัวต่อตัว ผู้สอนหรือติวเตอร์จะมีปรับแผนการเรียนการสอนให้เหมาะกับผู้เรียน

การสอนแบบตัวต่อตัวช่วยนักเรียนได้อย่างไร

1. แรงบันดาลใจเป็นสิ่งสำคัญ

ติวเตอร์มีส่วนสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจในการเรียนให้กับนักเรียน และเมื่อนักเรียนได้รับแรงบันดาลใจจากผู้สอน กระบวนการเรียนรู้ก็จะยิ่งสนุกและทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วยวิธีการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัว

2. แผนการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์สำหรับนักเรียนแต่ละคน

ติวเตอร์มีความสามารถในการปรับรูปแบบการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคน นักเรียนบางคนเป็นผู้เรียนที่เรียนรู้ด้วยภาพ นักเรียนบางคนเป็นผู้เรียนทางการได้ยิน นักเรียนคนอื่น ๆ อาจชอบรูปแบบการเรียนรู้ที่กระตือรือร้นมากขึ้นด้วยสื่อการสอนแบบลงมือปฏิบัติจริง ความสามารถในการรองรับรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การสอนแบบตัวต่อตัวมีประสิทธิภาพมาก

3. การจับคู่ติวเตอร์ตัวต่อตัว

บางทีข้อดีอย่างหนึ่งของการสอนแบบตัวต่อตัวก็คือความสามารถในการเลือกติวเตอร์ที่เหมาะสมกับบุตรหลานของตน ผู้สอนที่มีความสนใจ สไตล์การเรียนรู้ และตารางเวลาที่ลงตัว ทำให้นักเรียนรู้สึกว่าพวกเขามีสิ่งที่เหมือนกันกับติวเตอร์มากขึ้น การเชื่อมต่อที่เป็นธรรมชาติจะเกิดขึ้นซึ่งทำให้การสื่อสารง่ายขึ้นมาก

4. ประสิทธิภาพการเรียนรู้

ในการเรียนในห้องเรียน นักเรียนบางคนอาจจะถูกละเลยเมื่อเจอกับอุปสรรคในการเรียน หรือต้องการความช่วยเหลือจาก อาจจะด้วยเวลาเรียนที่จำกัดจนครูไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้นักเรียนทุกคน แต่การเรียนกับติวเตอร์แบบตัวต่อตัว การเรียนจะถูกออกแบบมาให้โฟกัสที่ตัวนักเรียนเพียงคนเดียว ติวเตอร์จะทุ่มเทและช่วยให้นักเรียนก้าวผ่านอุปสรรคและความท้าทายไปได้

วิธีที่ดีที่สุดในการเตรียมตัวสอบ คือการหมั่นทบทวนบทเรียนแต่เนิ่น ๆ และสม่ำเสมอ ไม่ใช่มาบุกอ่านหนังสือตอนช่วงใกล้สอบ เคล็ดลับในการอ่านหนังสือและเตรียมตัวสอบด้วยตัวเองมีดังต่อไปนี้

1.จัดระเบียบพื้นที่เรียน

เตรียมพื้นที่สำหรับกระจายหนังสือเรียนและโน้ต มีแสงสว่างเพียงพอ เก้าอี้นั่งสบาย พยายามกำจัดสิ่งรบกวนสมาธิทั้งหมด และทำให้แน่ใจว่าพื้นที่ที่จะใช้อ่านหนังสือมีบรรยากาศสบายและสามารถมีสมาธิได้มากที่สุด

2. วางแผนและจัดตารางการเรียน

แบ่งเวลาเพื่อใช้ทบทวนเนื้อหาและบทเรียนที่เรียนมาในแต่ละวันอาจจะเป็นช่วงเช้าตรู่หลังจากตื่นนอนหรือก่อนเข้านอน เพียงวันละ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

3. ฝึกทำข้อสอบเก่า

วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งในการเตรียมตัวสำหรับการสอบคือการฝึกทำข้อสอบเก่า วิธีนี้จะช่วยให้นักเรียนคุ้นเคยกับรูปแบบของคำถาม

4. อธิบายคำตอบของคุณให้คนอื่นฟัง

การอธิบายคำตอบให้เพื่อนฟังถือเป็นการทบทวนเนื้อหาและช่วยให้นักเรียนเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น ถือเสียว่าการติวให้เพื่อน ๆ เป็นการทบทวนข้อสอบ

5. จัดกลุ่มเรียนกับเพื่อน ๆ

พบปะสังสรรค์กับเพื่อนเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ การได้พูดคุยอาจจะช่วยสร้างความกระจ่างในเรื่องที่นักเรียนยังสงสัยหรือไม่เข้าใจ

6.พักผ่อนให้เพียงพอ

หาเวลาพักหลังจากทบทวนบทเรียนแล้ว การหยุดพักเป็นการรักษาความรู้ในระยะยาว ลองสังเกตพฤติกรรมของตัวเองว่าสามารถเรียนรู้ได้ดีในช่วงเวลาใดแล้วปรับกิจวัตรการเรียนให้เหมาะ เช่น ถ้าเรียนได้ดีในตอนเช้า ให้เริ่มแต่เช้าก่อนพักกลางวัน อย่ารู้สึกผิดที่ต้องพักไปเพลิดเพลินกับแสงแดด สายลม ไอศกรีม แทนที่จะนั่งหลังค่อมกับหนังสือเรียน จำไว้ว่าวิตามินดีมีความสำคัญสำหรับสมองที่แข็งแรง

7. ทานอาหารบำรุงสมอง

สิ่งที่กินอาจส่งผลต่อระดับพลังงานและการมีสมาธิได้ ดังนั้นจงหลีกเลี่ยงอาหารขยะ เติมพลังให้ร่างกายและสมองด้วยการเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้มีสมาธิและความจำ เช่น ปลา ถั่ว เมล็ดพืช โยเกิร์ต และบลูเบอร์รี่ ที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำเยอะ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะทำให้สมองทำงานได้ดี

8. วางแผนวันสอบ

เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนการสอบ ตรวจสอบกฎและข้อกำหนดทั้งหมด และวางแผนเส้นทางและเวลาเดินทาง