วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
บริการในเมืองยอดนิยม
บางเขน บางกอกน้อย ป้อมปราบศัตรูพ่า พระนคร บางพลัด บางบอน พระโขนง ภาษีเจริญ คลองสามวา ตลิ่งชันข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา คนขับรถ
1. ทักษะในการขับขี่ยานพาหนะอย่างปลอดภัย ถือว่าเป็นทักษะเบื้องต้นที่พนักงานขับรถจำเป็นต้องมี พนักงานขับรถที่ผ่านการฝึกอบรมและมีใบอนุญาตขับขี่อย่างถูกกฎหมายสามารถสร้างความไว้วางใจให้คุณมากยิ่งขึ้น
2. มีความเชี่ยวชาญในการขับขี่ยานพาหนะ พนักงานที่สามารถขับรถยนต์ได้ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ และมีความชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรติดขัด จะช่วยให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างง่ายดาย
3. มีบุคลิกภาพที่ดี แต่งกายเหมาะสม สุภาพ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และมีใจรักงานบริการ
4. พนักงานขับรถจำเป็นต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มีความตรงต่อเวลาและคำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์
5. มีความเตรียมพร้อมก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ คอยหมั่นตรวจเช็คสภาพและทำความสะอาดรถยนต์ของคุณอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องยนต์จะไม่เกิดปัญหาระหว่างทาง
6. พนักงานขับรถที่ดีจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยต่อคนที่ใช้บริการพนักงานขับรถ และความปลอดภัยต่อผู้ใช้ถนนคนอื่นด้วยเช่นกัน
7. มีทักษะทางด้านภาษา ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญของพนักงานขับรถในยุคนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ พนักงานขับรถที่สามารถพูดและเข้าใจภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานได้จะช่วยให้การสื่อสารระหว่างลูกค้าและพนักงานง่ายดายยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้คือทักษะสำคัญของพนักงานขับรถที่มีความเป็นมืออาชีพ ลองพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้เพื่อช่วยให้คุณคลายความกังวลเมื่อต้องเลือกใช้บริการคนขับรถในยามที่คุณต้องการ
เมื่อมองในเรื่องของค่าใช้จ่าย หากคุณเลือกใช้บริการคนขับรถระยะยาวแล้วคุณไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป เพราะการจ่ายค่าจ้างแบบระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นรายเดือน หรือรายปี คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายเองได้อย่างชัดเจน อีกทั้งการลงทุนในการจ้างคนขับรถส่วนตัวจะทำให้คุณได้รับการบริการที่สะดวกและสบายกลับมาด้วย ซึ่งถือว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะในระยะสั้นซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า แต่คุณจะไม่สามารถประเมินค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้เลย เนื่องจากการเดินทางในแต่ละวันของคุณนั้นไม่มีอะไรที่แน่นอน ลองนึกภาพในวันที่คุณเดินทางโดยใช้บริการรถสาธารณะอย่างแท็กซี่ สภาพการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนนยิ่งทำให้คุณไม่สามารถกำหนดค่าบริการที่ชัดเจนได้เพราะระยะทางและเวลาที่ไม่แน่นอนนั่นเอง ในขณะเดียวกันไม่มีอะไรมารับประกันความปลอดภัยให้คุณได้
ซึ่งแตกต่างจากการใช้บริการคนขับรถส่วนตัวที่คุณจ้างมาเอง นอกจากจะสามารถยืนยันเรื่องความสะดวกสบายได้แล้ว ยังสามารถยืนยันเรื่องความปลอดภัยให้คุณได้ด้วย เห็นได้ชัดว่าการเลือกใช้บริการคนขับรถส่วนตัวนั้นมีข้อดีกว่ามาก ทั้งในเรื่องของความสะดวกสบายในการเดินทางและการบริการ ที่สำคัญเมื่อลองคำนวณจากการใช้บริการในระยะยาว เรื่องค่าใช้จ่ายถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้สำหรับการเลือกใช้บริการนี้
1. ตกลงคุยเวลาทำงาน เริ่มงานกี่โมงเสร็จกี่โมง ทำงานกี่วันต่อสัปดาห์ กรณีทำงานล่วงเวลา overtime จะคิดค่าแรงอย่างไร หากต้องเดินทางไปต่างจังหวัดมีเบี้ยเลี้ยงเท่าไร ตกลงเรื่องวันหยุดวันลาต้องแจ้งล่วงหน้ากี่วันเพราะเราจะได้จัดหาคนมาทำงานแทน หากกรณีไม่ขาดงานไม่แจ้งล่วงหน้า ต้องยินยอมให้ปรับ หรือ ชดเชยค่าเสียหายได้
2. ประสบการณ์การทำงาน ความชำนาญในเส้นทางหลัก ที่ใช้ประจำหรือเส้นทางที่ผู้จ้างไปทำธุระ นอกจากนั้นคนขับรถอาจต้องดูแลแขกหรือลูกค้าของผู้ว่าจ้างด้วย ประสบการณ์การทำงาน บุคลิกภาพและมารยาท ก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงได้
3. สวัสดิการที่จะได้รับ ประกันสังคม ประกันสุขภาพ โบนัสเงินรางวัล ตามโอกาสเทศกาลต่าง ๆ ตามสมควร
4. ยินยอมให้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม หรือมีเงินประกัน เพื่อความปลอดภัยและสบายใจได้ในระดับหนึ่ง
5. บางครั้งอาจต้องมองถึงที่พักของคนขับรถที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน เพราะคนขับรถต้องเตรียมพร้อมก่อนเวลางาน และ กลับหลังเสร็จงานที่ไม่ไกลจากที่ทำงาน เพราะร่างกายต้องการพักผ่อนเช่นกัน แม้บางวันงานไม่หนัก ระยะทางไม่ไกล แต่ถ้าไม่มีเวลาพักผ่อนการเตรียมความพร้อมรอผู้จ้าง จะส่งผลถึงความปลอดภัยเวลาขับขี่ได้
6. ให้แน่ใจว่าเข้าใจระบบรถที่จะขับหรือไม่ ในกรณีที่เกิดปัญหาสามารถแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้นได้ อีกทั้งต้องช่วยดูแลทรัพย์สิน (รถ)ของผู้ว่าจ้าง ให้สะอาดเรียบร้อยพร้อมใช้งานตามความเป็นจริง แจ้งซ่อม หรือบำรุงรักษาตามจริง คำนึงเสมอว่าคนขับรถไม่ใช่แค่ผู้ที่นำพาเราไปยังจุดหมายตามคำสั่งหรือข้อตกลง ความปลอดภัยของผู้จ้างเอง หรือลูกค้าหากมีโอกาสต้องดูแล ก็สำคัญด้วยเช่นกัน
หากผู้จ้างไม่สามารถเลือกคนขับรถเองได้แล้ว ลองมองหาตัวแทนที่ไว้ใจได้ทำหน้าที่จัดส่งคนขับรถมาให้ ที่สามารถทำตามข้อตกลงทั้ง 6 ข้อหรือมากกว่าตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับบางพลัด
บางพลัด แต่เดิมมีฐานะเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี หลังจากการรวมกันของจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีทำให้ตำบลบางพลัดยกฐานะเป็นแขวงบางพลัด ส่วนอำเภอบางกอกน้อยยกฐานะเป็นเขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งปี พ.ศ. 2532 บางพลัดได้แยกตัวออกมาเป็น เขตบางพลัด โดยมีแขวงการปกครองย่อยทั้งหมด 4 แขวงได้แก่ บางพลัด บางอ้อ บางบำหรุและบางยี่ขัน ถัดมาในปี พ.ศ. 2534 มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่แขวงและเขตใหม่ ระหว่างเขตบางพลัดและบางกอกน้อย โดยให้พื้นที่บางส่วนของแขวงบางบำหรุและแขวงบางยี่ขันเริ่มจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฝั่งซ้ายทั้งหมดให้ไปขึ้นกับเขตบางกอกน้อย มีพื้นที่ทั้งหมด 11.36 ตารางกิโลเมตร โดยทิศเหนือติดกับอำเภอบางกรวยจังหวัดนนทบุรี ทิศตะวันออกติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศใต้และทิศตะวันตกติดกับเขตบางกอกน้อย พื้นที่บริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยลำคลองและสวนที่หนาแน่น ส่งผลให้ผู้คนที่เข้ามาในละแวกนี้เกิดการพลัดหลงเข้าออกไม่ถูกอยู่บ่อยครั้ง ชื่อนี้จึงมีความหมายในเชิงไม่เป็นมงคลในความเชื่อของคนท้องถิ่น ในปี พ.ศ. 2545 มีแนวคิดที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น บางภัทร์ แต่สุดท้ายไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
จากเดิมที่บางพลัดเป็นพื้นที่รอบนอก แต่ในปัจจุบันมีความเจริญเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก เป็นแหล่งการค้าขาย อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ตั้งอยู่มากมายให้เรียนรู้ มีการสร้างวัดจำนวนมากถึง 23 วัด เนื่องจากเป็นเขตที่เต็มไปด้วยพุทธศาสนิกชน เช่น วัดวิมุตยาราม วัดใหม่เทพนิมิต วัดบางพลัด เป็นต้น
ถนน 5 สาย ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยสุดในกรุงเทพ
อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้ทุกเวลา มาจากความประมาท เมาแล้วขับหรือความไม่ชำนาญของผู้ขับขี่ ถึงแม้เราจะระมัดระวังในการขับขี่รถของตัวเอง แต่ถ้าหากผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นไม่ระมัดระวัง ย่อมเกิดอุบัติเหตุและอาจส่งผลถึงตัวเราด้วย อาจจะพูดได้เลยว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการขับรถคือ สติ อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ด้วยสภาพการจราจรที่หนาแน่นในกรุงเทพ บวกกับผังเมืองที่ซับซ้อน และเส้นทางที่ออกแบบมาหลายแยก หลายซอย อาจสร้างความสับสนให้กับผู้ขับขี่และก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หากผู้ขับขี่ไม่ชำนาญทาง ไม่รู้เส้นทางต่างๆ หรือด้วยความมักง่ายและประมาทของผู้ใช้รถใช้ถนนบางคน ล้วนเป็นปัจจัยที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ทั้งสิ้น มาดู 5 เส้นทางจราจรในกรุงเทพฯ ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
1. ถนนเพชรบุรี บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี จุดที่มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ บนถนนเส้นนี้คือ ช่วงแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีมักกะสัน เนื่องจากรถที่มุ่งหน้าออกจาก ถนนกำแพงเพชร 7 จะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอโศกมนตรี และรถจากถนนอโศก-ดินแดง ทางตรง จะแย่งช่องจราจรทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการเฉี่ยวชนบ่อยครั้ง และบริเวณดังกล่าวยังมีคนขับบางคันที่ใช้วิธีการขับรถย้อนศรและขับตัดหน้าคนอื่น ทำให้บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรีเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด
2. ทางด่วนขั้น 2 บริเวณต่างระดับพญาไท อุบัติเหตุในบริเวณนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนเลนกะทันหันของรถที่อยู่เลนซ้ายสุด ตัดหน้ารถที่กำลังมุ่งลงทางต่างระดับยมราช ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งรถที่ลงจากทางต่างระดับพญาไทเลนขวาสุดที่จะมุ่งหน้าไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจะต้องแย่งกันเบียดเลนกับรถทางตรงบนถนนพหลโยธิน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุเช่นกัน ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเกิดจากการเบียดแย่งเลนเพื่อเข้าช่องจราจร
3. ถนนสุขุมวิท ซอยสุขุมวิท 24อุบัติเหตุส่วนใหญ่จะเกิดจากการตัดหน้าแบบกระชั้นชิดของรถจักรยานยนต์ ในขณะที่จอดรอไฟจราจร ทำให้เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจึงเกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งรถที่ขับออกจากซอยย่อยเพื่อเข้าซอยสุขุมวิท 24 มักจะแย่งช่องจราจรกับรถทางตรง จนเกิดอุบัติเหตุ
4. ถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 101 อุบัติเหตุบริเวณนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่รถวิ่งสวนมาจากถนนโพธิ์แก้วมุ่งหน้าเข้าสู่วัดบึงทองหลาง และไม่สังเกตรถทางตรงจึงเกิดการชนในระยะกระชั้นชิด อีกทั้งยังมีการแย่งช่องจราจรกับรถทางตรงทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
การใช้บริการรถสาธารณะให้ปลอดภัย
ปัจจุบันรถโดยสารสาธารณะมีให้บริการด้วยกันหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถตู้ รถสองแถว แท็กซี่และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งการใช้บริการเหล่านี้มักมีความเสี่ยงเกิดขึ้นตามมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ การปล้นจี้ การโกงค่าโดยสารเป็นต้น เอกสารรายงานจาก Global Report on Road Safety ได้ระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่อันตรายที่สุดในการขับขี่รถจักรยานยนต์ และมีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่สูงมาก พบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้บริการโดยสารสาธารณะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากต้องการความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด จนทำให้บางครั้งละเลยความปลอดภัย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ การใช้บริการรถสาธารณะให้ปลอดภัยสามารถทำได้ทั้งนี้
1. ก่อนขึ้นรถหรือซื้อบัตรโดยสาร ควรจดจำชื่อผู้ประกอบการคนขับรถหรือบริษัททุกครั้งเพื่อเป็นประโยชน์ในการร้องเรียนเมื่อมีปัญหาและควรเก็บบัตรโดยสารไว้ทุกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานเอาผิดตามกฎหมาย เช็กป้ายทะเบียนขนส่งลักษณะของรถให้ดีด้วย อีกทั้งตรวจสอบให้ดีว่าเลขที่ระบุข้างรถ ตรงกับป้ายทะเบียนหรือไม่
2. ในกรณีนั่งรถตู้หรือแท็กซี่ควรนั่งหลังคนขับ เพื่อไม่ให้คนขับเอี้ยวตัวหันหลังมามองได้ง่าย และไม่ควรคุยเรื่องส่วนตัวกับคนขับรถ หากคนขับถามว่าจะไปเส้นทางไหนควรตอบว่าไปทางที่รถไม่ติด ไม่เข้าซอยเปลี่ยว ควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของคนขับรถ หากคนขับเลื่อนกระจกเพื่อมองหน้าอกหรือหน้าขาให้ระวังทันที ที่สำคัญหากรู้ว่าต้องเดินทางคนเดียวโดยใช้รถสาธารณะควรแต่งกายให้มิดชิดเพื่อความปลอดภัย
3. หาจุดจอดปลายทางให้ดี ตรวจสอบว่าลงที่ไหน สะดวกและปลอดภัยที่สุด ทำความเข้าใจกับสถานีจุดจอดของรถแต่ละประเภท ซึ่งจะต้องขึ้นและลง ณ จุดจอดเท่านั้นคือต้นทางและปลายทาง เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและปัญหารถติดหากต้องจอดกลางถนนอีกทั้งการจอดในที่เปลี่ยวอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้โดยสารได้เช่นกัน
4. ในการใช้บริการรถสาธารณะทุกประเภทหากพบพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัยเช่น ความเร็วเกิน เมาสุรา หรือคุกคามผู้โดยสาร ควรโทรแจ้ง 1584 คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะหรือ 1508 ร้องทุกข์เกี่ยวกับผู้โดยสารของ บขส. และรถร่วมบริการหรือแจ้งหน่วยงานของผู้ให้บริการรถนั้นๆ
5.ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถโดยสารโดยการทำตามคำแนะนำของบริการแต่ละประเภท เช่นหากนั่งแท็กซี่ ควรคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย เมื่อใช้บริการรถเมล์ หากไม่มีที่นั่งและต้องยืน ควรหาที่จับและยืนในท่าทางที่ถนัด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวเราเอง
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง