ดูแลเด็ก ใน บางบอน, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน บางบอน, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่
ผู้ให้บริการดูแลเด็ก ใน บางบอน, กรุงเทพมหานคร:

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

Pavana Suntudchaiyo
Pavana Suntudchaiyo
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 57 ปี

I am in good health, kind and responsible, polite and gentle. สุภาพ สุขภาพแข็งแรง พูดเพราะ มีความรับผิดชอบ

แสดงเพิ่มเติม
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 27 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
กัญญาภัทร บุตรพรม
กัญญาภัทร บุตรพรม
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

สวัสดีค่ะ ชือ ภัทรค่ะ อายุ 52 ถนัดดูแลเด็กแรกคลอด คุณแม่หลังคลอดค่ะ นวดเด็กแรกเล็กได้ ช้วยให้เด็ก อารมณ์ดีไม่งอแง ช่วยระบบขับถ่าย เลือดลมไหลเวียนดี ร่างกายแข็งแรง.นวดประคบสมุนไพร คุณแม่หลังคลอดช่วยในการอยู่ไฟสมัยโบราณ ทำให้มดลูกเข้าอู่ไว้ ร่างกายแข็งแรง รับงานได้ทั้งในและต่างประเทศค่ะ รับดูแลทั้งคนไทยและต่างชาติ

แสดงเพิ่มเติม
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
Piyatida Dumluck
Piyatida Dumluck
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 39 ปี
วริวรรณ อยู่ไพร
วริวรรณ อยู่ไพร
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 37 ปี
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 47 ปี
ฉันทนา สิทธิ
ฉันทนา สิทธิ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 45 ปี

เป็นคนง่ายๆรักเด็กใจเย็นไม่เคยโกรธหรือโมโหอะไรง่ายๆนอนน้อยทําได้หมดแต่ไม่ชอบจู้จี้

แสดงเพิ่มเติม

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
4 ปีที่แล้ว
ลาคลอดได้แค่ 3 เดือน ค่ะ ต้องกลับไปทำงานต่อ จะฝากลูกไว้กับยายก็กลัวแกจะดูไม่ไหว เลยลองหาพี่เลี้ยงจากเว็บใส่ใจดู ตอนแรกก็กังวลอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่กล้าทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยง แต่ก็วางใจอย่างนึงว่าพี่เลี้ยงมีประสบการณ์ ตอนนี้ทุกอย่างลงตัว โอเคมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุชาดา มิ่งมงคล
4 ปีที่แล้ว
ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
4 ปีที่แล้ว
ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
4 ปีที่แล้ว
เราทำงานนอกบ้าน เลยหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลน้องที่บ้าน ค้นหาข้อมูลดูเวปนี้ให้รายละเอียดพี่เลี้ยงน่าสนใจ ราคาเรารับได้ เราเลยให้น้องมาทดลองงานก่อนเราไปทำงาน น้องมีประสบการณ์มา เลยปรับตัวไม่ยาก เวลาเราอยู่น้องจะช่วยหยิบจับของทำโน่นทำนี่ไป ประทับใจคะ สองเดือนแล้วน้องทำงานดี มีระเบียบเรียบร้อย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เราไว้ใจให้น้องคนนี้ดูแล
Saijai
แม่น้องกัญ
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานนอกบ้านและไม่มีเวลาเลี้ยงลูกเอง ลองเปรียบเทียบกันระหว่างส่งลูกไปเนอสเซอรี่และจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกที่บ้าน อะไรจะตรงใจคุณพ่อคุณแม่มากที่สุด
บริการรับเลี้ยงเด็กในปัจจุบันมีหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หรือเนอสเซอรี่ เรามาดูข้อดีข้อเสียกันเลยค่ะ

ข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กที่บ้านมีดังนี้

1) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณได้อย่างใกล้ชิด ลูกของคุณจะได้รับความเอาใจใส่ที่ส่งผลต่อพัฒนาการเด็กทางด้านอารมณ์
2) พี่เลี้ยงสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านการทำกิจกรรมต่าง
3) พ่อแม่ประหยัดเวลามากขึ้น หากจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลที่บ้าน
4) เด็กจะไม่ป่วยบ่อย เนื่องจากเด็กจะอยู่ในบ้านของตนเอง

ข้อดีของเนอสเซอรี่

1) เด็ก ๆ จะรู้จักการเข้าสังคม
2) เนอสเซอรี่มีบริเวณกว้างเพื่อให้เด็กได้ทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ
3) เด็กจะได้ฝึกดูแลตัวเอง เพราะครูพี่เลี้ยงไม่ได้ดูแลเด็กแบบใกล้ชิด

ข้อเสียของพี่เลี้ยง

1) ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเข้าศูนย์เนอสเซอรี่
2) เด็กอาจจะติดพี่เลี้ยงเกินไป
3) ลดความเป็นส่วนตัวของครอบครัว

ข้อเสียของเนอสเซอรี่

1) เด็กป่วยบ่อยเพราะมีภูมิคุ้มกันที่น้อยเนื่องจากอยู่กับเด็กหลายคน
2) ลูกจะไม่ได้รับการดูแลใกล้ชิดแบบตัวต่อตัวอาจส่งผลถึงอารมณ์ของเด็กได้
3) เด็กจะอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาบริการพี่เลี้ยงเด็ก ใส่ใจมีบริการพี่เลี้ยงมืออาชีพที่พร้อมจะให้บริการคุณค่ะ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว ใส่ใจขอแนะนำให้คุณพ่อคุณมองหาคุณสมบัติและทักษะเหล่านี้ในตัวพี่เลี้ยงเด็กเพื่อให้ได้คนที่ตรงใจที่สุดค่ะ

1. ความอดทน พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเข้าใจในธรรมชาติและอดทนต่อพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
2. ทักษะการต่อรอง พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเทคนิคในการเจรจาสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับ
3. ทักษะแก้ปัญหา พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความสามารถในการจัดการและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องรายงานคุณพ่อคุณแม่หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
4. ความคิดสร้างสรรค์ พี่เลี้ยงเด็กควรมีความคิดสร้างสรรค์ หากิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เด็กได้เล่นเพลิดเพลินและฝึกช่วยเหลือตัวเอง
5. ตรงต่อเวลา พี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง คือต้องมาทำงานและเลิกงานตามเวลาที่ตกลงไว้กับคุณพ่อคุณแม่ หากมีเหตุสุดวิสัยทำให้มาสายควรแจ้งให้คุณพ่อคุณแม่ทราบโดยเร็วที่สุด
6. สุขภาพดี พี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมให้สะอาดอยู่เสมอ
7. วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับพี่เลี้ยง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะไว้วางใจให้ลูก ๆ ของคุณอยู่ในความดูแลพี่เลี้ยงเด็ก แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตามเด็กอาจเกิดความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจมีวิธีการที่จะช่วยลดความกังวลของทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกได้ดังนี้ค่ะ

1. คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับเด็ก ถึงความจำเป็นที่ต้องให้เด็กๆ อยู่กับพี่เลี้ยง ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าคุณพ่อคุณแม่หาคนที่สามารถดูแลพวกเขาได้ดี
2. คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงที่เข้ากันได้กับลูก ๆ และมีความพร้อมในการดูแลเด็ก
3. แนะนำให้ลูก ๆ ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง โดยอาจจะเล่าให้ฟังว่าพี่เลี้ยงเห็นใคร ชื่ออะไร คุยกับพี่ผ่านทางวิดีโอคอลก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อนลดความตึงเครียดในการเจอกันครั้งแรก
4. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง เบอร์โทรฉุกเฉิน และสอนให้ลูกใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือโทรขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
5. มอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ทำระหว่างวัน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีกิจกรรมเบนความสนใจและไม่เอาแต่จดจ่อรอเวลาคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
6. เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากบ้านและต้องให้เด็ก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าพี่เลี้ยงจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีและย้ำว่าพวกเขาสามารถโทรหาคุณได้เสมอ
พ่อแม่ควรตกลงอะไรบ้างก่อนจ้างพี่เลี้ยงเด็ก?
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถหาพี่เลี้ยงเด็กที่ถูกใจได้แล้ว ควรพูดคุยและตกลงกันเรื่องใดบ้างก่อนเริ่มงาน

1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

ณ บางบอน

ณ บางบอน เขตบางบอน หนึ่งใน 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ที่มีคำขวัญอยู่ว่า หลวงพ่อขาวทรงฤทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อเกษร งาทนคเรศเขตบางบอน สมุทรสาครชิดชายแดน ถนนวงแหวนคู่อุตสาหกรรม น้อมนำเกษตรพอเพียง จากคำขวัญทำให้เห็นภาพ โดยรวมว่าเขตบางบอนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของฝั่งธนบุรี มีแนวแบ่งเขตระหว่างกรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรสาคร เป็นชุมชนที่ มีประชากรอยู่ 104,366 คนบนเนื้อที่ 35 ตารางกิโลเมตร ถือได้ว่าไม่หนาแน่นมาก แต่อาจรวมกันอยู่หนาแน่นบริเวณเขตอุตสาหกรรม ถึงแม้เขตบางบอน หรือชื่อบางบอนปรากฏอยู่ ในโครงนิราศทวาย (โครงนิราศไปแม่น้ำน้อย) บทประพันธ์ของพระพิพิธสาลี ที่ประพันธ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 มีการเปลี่ยนแปลงความสำคัญ ตามการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ควบรวมบางบอนเหนือและบางบอนใต้ จนเป็น ตำบลบางบอน ในปี พ.ศ. 2483 การที่มีถนนสายหลักตัดผ่าน เช่นถนนกาญจนาภิเษก ถนนกัลปพฤกษ์ ถนนบางขุนเทียน และ ถนนเอกชัย ซึ่งบนถนนเอกชัยนี่เอง เป็นจุดเริ่มต้นของโรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ. 2513 ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์กระทิงแดง ได้ตั้งโรงงานผลิตยาและ สินค้าอุปโภคบริโภค ก่อนที่จะทำเครื่องดื่มกระทิงบน ถนนสายนี้ นับได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกย่านบางบอนให้กลายเป็นย่านอุตสาหกรรม แม้อุตสาหกรรมจะเข้ามามีบทบาท ต่อเขตบางบอน แต่เนื่องด้วยเส้นทางคลองด่านที่ผ่านเขตนี้ ทำให้ประชาชนในเขตบางบอนบางส่วนยังทำการเกษตรแบบดั้งเดิมและเกษตรอินทรีย์ ไม้ยืนต้นและไร่นาสวนผสม ผลไม้ที่มีรสชาติอร่อย เช่นมะม่วงขาวนิยม (มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กรอบนอกนุ่มใน มัน หวานหอมละมุน) ไม้ประดับ เช่นดอกจำปา ดอกจำปี กล้วยไม้ดอกรัก ซึ่งการผสมผสาน ของอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมในเขตบางบอนนี้ ทำให้ตำบลบางบอน เดิมทีที่เป็นส่วนหนึ่งของเขตบางขุนเทียน มีความหนาแน่นมาก เพื่อให้หน่วยงานราชการ และประชาชนติดต่อราชการได้สะดวกขึ้น รวมกระทั่งถึง การบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในปี พ.ศ. 2540 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศ แขวงบางบอน แยกมากมาจากเขตบางขุนเทียน และตั้งเป็นเขตบางบอน ในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2540 มาถึงวันนี้การเข้ามาของโครงการอสังหาริมทรัพย์ ก็ได้เติบโตตามการขยายของเมืองรองรับ ดึงดูดให้คนเข้ามาอาศัยในเขตของบางบอน (ฝั่งธน) มากขึ้น โดยเขตบางบอนได้วางแผนให้ บางบอนเป็นเขต อุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัยและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เพื่อเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน ณ บางบอน



สายน้ำ และวันเวลา บางบอน

สายน้ำ และวันเวลา บางบอน

หากทำภาพการ์ตูน หรือสื่อนำเสนอที่มาที่ไปของ เขตบางบอน เขตการปกครองที่ 50 ของกรุงเทพมหานครครั้งหนึ่งภาพคลองกว่า 16 คลองที่ไหลผ่านให้ชาวบ้านนำผลผลิตออกมาขาย เป็นการนำของสวนออกไปขายยังตลาดโดยตรง ล่องไปตามแม่น้ำเข้าสู่เขตธนบุรี เช่น ไปยังตลาดวัดกลางหรือวัดจันทารามวรวิหาร (กลางตลาดพลู) เป็นการเดินทางสายหลักจนวันหนึ่งเมื่อความเจริญเข้ามา ภาพถนนที่ตัดผ่านทุ่งนา สะพานข้ามคลอง คลองแล้วคลองเล่า เชื่อมโยงเป็นใยแมงมุม แล้วภาพด้านหลังรถวิ่ง จากทุ่งนากลับกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมและบ้านจัดสรร เข้ามาแทนที่ ภาพมุมสูงที่อยู่หลังเมืองลึกเข้าไปจากทุ่งนากลับกลายเป็นสวนเพราะความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ ผ่านคลองทั้ง 16 สายที่ไหลผ่าน ต้นไม้เติบโต ออกผล เช่น ขนุน มะพร้าว และที่ทำชื่อเสียงได้มากที่สุดก็คือ มะม่วงน้ำดอกไม้มัน มะม่วงขาวนิยม ซึ่งเป็นมะม่วงพันธุ์ใหม่ ที่พบในเขตบางบอนและมีการสนับสนุนให้ขยายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยมะม่วงน้ำดอกไม้มันจะมีผลผลิตต่อผลจะมีน้ำหนัก 7 ขีด ถึง 1.5 กิโลกรัม จากคลองมาเป็นถนน ถนนที่เป็นสายเลือดหลังคือ ถนนเอกชัย - บางบอน หากเราขับรถผ่านแยกเข้าสู่ถนนบางบอน3 ซึ่งเป็นแหล่งผลิตดอกไม้ดอกไม้ ของบางบอน บนถนนบางบอน 3 เราจะเห็นทั้งสองสองฟากถนน สายนี้ไปเปลี่ยนจากทุ่งนาในวันก่อนๆ เป็นแหล่งปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ ของชาวบ้าน ชาวสวนเขตบางบอน จะพบว่าพันธุ์ไม้ที่ได้รับการปลูกส่วนใหญ่จะเป็นไม้ตัดดอก ต้นแข็งแรง อาทิเช่น กล้วยไม้ประเภทหวายที่มีสีสัน สวยงาม ทนต่อสภาพอากาศ หากเขตใกล้ๆ กัน ส้มบางมด มีลิ้นจี่บางขุนเทียน เขตบางบอนก็มีสวนเกษตรอินทรีย์ ที่สร้างชื่อไม่แพ้กัน ภาพตัดมาที่ผลิตผล เช่นขนุน มะพร้าว ถูกนำออกมาขาย หรือนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปในสวน ทั้งหมดนี้เป็น ภาพที่บรรยายชีวิตของ ชาวบ้านบางบอน

ในชีวิตจริงวันนี้เส้นเลือดหลังที่หล่อเลี้ยง เศรษฐกิจ วิถีชีวิตชาวบางบอน คือถนน ถนนเอกชัย ซึ่งมีระยะทางส่วนใหญ่เป็น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3242 เมื่อข้างคลองวัดสิงห์ จากนั้นตัดกับถนนบางบอน 1 ถนนบางขุนเทียน ถนนกาญจนาภิเษก ถนนบางบอน 3 และถนนบางบอน 5 ผ่านโรงเรียนศึกษานารีวิทยา เข้าเขตอำเภอเมืองสมุทรสาคร ถนนสายนี้ ทำให้กรุงเทพฯ ใต้ เติบโตและเป็นที่สนใจ ผู้คนให้ความสำคัญเข้ามาจับจองสร้างที่อยู่อาศัย ไปจนถึงโรงงานขนาดเล็กใหญ่ จนกลายเป็นวิสัยทัศน์ที่ว่า “เมืองต้นแบบ พัฒนาเขตเกษตรกรรม อุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์”



เด็กและการเรียนรู้ เกษตรอินทรีย์

เด็กและการเรียนรู้ เกษตรอินทรีย์ การเพาะบ่มเพาะทักษะชีวิตให้เติบโตและเรียนรู้รอบด้าน ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเพียงในห้องเรียนเท่านั้น อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการสร้างประสบการณ์นอกชั้นเรียนยังถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเติบโตของเด็กๆ การเดินทางเมื่อเติบโตขึ้นของเด็กๆ หลายคนไปตามความฝัน ตามสิ่งที่ได้พบเห็น และเจอ หลายคนมีต้นแบบจากผู้ปกครอง จากอาชีพที่พบเจอ แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีเด็กอีกไม่น้อย พบเห็นอาชีพเกษตรกรแค่การปลูกผักข้างรั้วโรงเรียน หรือเพาะถั่วเขียว ถั่วงอกส่งเป็นการบ้าน จะเป็นอย่างไรหากเด็กๆ เข้าใจ “ธรรมชาติสมดุล ระบบนิเวศน์สมดุล” การพาเด็กๆ ออกไปเรียนรู้ ในพื้นที่การเกษตร ได้เรียนรู้ว่าการทำเกษตรอินทรีย์คือการทำการเกษตรด้วยกรรมวิธีทางธรรมชาติ การได้ลงมือสัมผัสดิน การทดลองปลูกด้วยตัวเอง โดยที่พื้นที่ที่ทำเกษตรนั้น ต้องไม่มีสารพิษ หรือสารเคมีตกค้าง เพื่อความสมบูรณ์ทางชีวภาพในระบบนิเวศน์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามสมดุลของธรรมชาติให้มากที่สุด บางครั้งการปลูกพืชท้องถิ่นที่ทน ต่อแมลง และเหมาะกับสภาพอากาศก็มีส่วนช่วยในการไม่ใช้สารเคมี เด็กๆ จะได้เรียนรู้ ชนิดของผักซึ่งบางครั้งเขาอาจเห็นมาบ้างจากครัวของคุณแม่ การเรียนรู้ปลูกผักเกษตรอินทรีย์ เช่น การปลูกผักหลอกแมลง โดยแบ่งแปลงเป็น 7 แถว เพื่อปลูกพืช 7 ชนิดสลับแถวกัน มีทั้งขึ้นฉ่าย ผักสลัด หอมแบ่ง ผักโขมแดง ผักบุ้งจีน กะเพรา และโหระพา ผักพื้นบ้าน แมลงบางชนิดไม่ชอบผักชนิดหนึ่งก็ไม่บินมากิน เมื่อไม่มีแมลงก็ไม่ต้องใช้การเคมี เป็นการเรียนรู้ เกษตรอินทรีย์ง่ายๆ และผักบางชนิดก็สามารถนำมาสาธิตปรุงอาหารให้เด็กๆ ได้ทดลองทานดูได้อีกด้วย แหล่งการเรียนรู้แบบนี้มักซ่อนตัวไม่ไกลจากเมือง เช่นในกรุงเทพมหานคร ทางตอนใต้ของกรุงเทพฯ ข้ามมาฝั่งธนบุรี ณ เขตบางบอน เขตที่ยังคงมีการทำเกษตรอินทรีย์ มีธรรมชาติ ที่ไม่เปลี่ยนปากเดิมมากนัก อีกทั้งยังสะดวกสบาย เพราะได้จัดการให้เป็น ศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศฯ เด็กๆ ก็จะได้สัมผัส เรื่องราวของชีวิต ชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่น อีกทั้งเป็นการสนับสนุนและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เป็นสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืน เด็กๆ นอกจากจะเข้าใจแล้วแรงบันดาลใจ ก็มีผลต่อการใช้ชีวิตในวันต่อๆ ไป