ดูแลเด็ก ใน ลาดกระบัง, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน ลาดกระบัง, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 26 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม
ฉันทนา สิทธิ
ฉันทนา สิทธิ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 45 ปี

เป็นคนง่ายๆรักเด็กใจเย็นไม่เคยโกรธหรือโมโหอะไรง่ายๆนอนน้อยทําได้หมดแต่ไม่ชอบจู้จี้

แสดงเพิ่มเติม
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
มัณฑนา ศรีโชติ
มัณฑนา ศรีโชติ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 49 ปี

ใจเย็น รักเด็ก พร้อมเรียนรู้ปรับตัว

แสดงเพิ่มเติม
	ปรีชญา ขัดเรือน
ปรีชญา ขัดเรือน
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 47 ปี

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
3 ปีที่แล้ว
ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
3 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
4 ปีที่แล้ว
ลองค้นหาบริการพี่เลี้ยงเด็กอยู่หลายที่ จนได้มาเจอเว็บใส่ใจ ลองเข้าไปดู รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างมีขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ให้เลือกพี่เลี้ยง ขั้นตอนนัดสัมภาษณ์ รายละเอียดและคำแนะนำต่าง ๆ พี่เลี้ยงที่ได้มาก็ตรงตามความต้องการสุด ๆ รู้สึกประทับใจมาก
Saijai
ณัฐณิชา ทิวาสวัสดิ์
4 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัวหรือเนอสเซอรี่ (Nursery) อะไรคือคำตอบสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้
ข้อดีของการให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กที่บ้านของคุณเอง

1. ลูกน้อยของคุณได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงแบบใกล้ชิด ทำให้เด็กรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
2. มีความยืดหยุ่นในการทำกิจวัตรประจำวันเพราะเด็กไม่ต้อง กิน นอน หรือ เล่นตามตารางเหมือนอยู่ในศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรือเนอสเซอรี่ (Nursery)
3. พี่เลี้ยงเด็กสามารถปรับเวลาการทำงานให้สอดคล้องกับเวลาทำงานและวันหยุดของคุณพ่อคุณแม่
4. คุณพ่อคุณแม่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นเพราะไม่ต้องเผื่อเวลาในการรับส่ง ก่อนและหลังเลิกงาน
5. เด็กได้รับการดูแลในบรรยากาศที่คุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย
6. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเดินทางรับส่ง หมดปัญหาเรื่องรถติดและมลภาวะบนท้องถนน
7. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเตรียมตัวหรือจัดเตรียมของใช้ให้ลูก เช่น ขวดนม เสื้อผ้า หรือแพมเพิส
8. ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิต้านทานยังน้อยจะเจ็บป่วยได้ง่าย หากต้องอยู่ปะปนกับเด็ก ๆ อื่น
9. มีคนอยู่บ้านตลอดเวลาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน

ข้อดีของการเข้าเนอสเซอรี่ (Nursery)

1. ฝึกทักษะการเข้าสังคมเพราะเด็กต้องอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ และครูพี่เลี้ยง
2. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับการจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัว
3. เนอสเซอรี่มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้เด็กฝึกทักษะผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรมองหาจากพี่เลี้ยงเด็กก่อนตกลงจ้าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่สักคนจะตัดสินใจหาใครมาดูแลลูกน้อยที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ วันนี้ใส่ใจมีข้อมูลของทักษะและคุณสมบัติที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเช็คกันดูก่อนตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงสักคน

1. พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความอดทนสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องมีความเข้าใจเด็ก สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนที่มีความอดทนสูง
2. พี่เลี้ยงเด็กควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที เช่น เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลเกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผลถลอก พี่เลี้ยงต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อของแผล เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรเลือกพี่เลี้ยงที่มีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ
3. พี่เลี้ยงเด็กควรมีทักษะการแก้ไขปัญหา พี่เลี้ยงจะต้องรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้ว่าจ้างเสมอไปหากปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง
4. ทำอาหารเป็น ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นต้องมี พี่เลี้ยงไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลเด็กอย่างเดียวเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงอาจจะต้องเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานในแต่ละมื้อด้วย หากอาหารอร่อยถูกปาก เด็กจะเจริญอาหารและอารมณ์ดี ที่สำคัญที่สุดที่พี่เลี้ยงต้องใส่ใจและจดจำด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ดูแลนั้น แพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานสิ่งที่แพ้เข้าไป
5. มีความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือสันทนาการ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจจะสอนเด็กนับเลข ฝึกการอ่าน หรือระบายสีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เหล่านี้
หากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง ควรทำอย่างไร
ใส่ใจขอพูดถึงข้อกังวลและแนวทางแก้ไขเมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกๆ ที่บ้าน

1. ความปลอดภัยของลูกน้อย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลมากที่สุดคือความปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือการกระทำรุนแรงของพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูกน้อยทั้งทางร่างกายและพฤติกรรม ควรพูดคุย ซักถามเด็กอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับกิจกรรมระหว่างวันที่ลูก ๆ ทำกับพี่เลี้ยง การติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้านเป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจขึ้น
2. ประสบการณ์การทำงาน บางครั้งพี่เลี้ยงเด็กอาจไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานและความชำนาญของตน นอกจากการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจจะให้มีการทดลองงานสักระยะหนึ่งเพื่อดูว่าพี่เลี้ยงเด็กมีความชำนาญหรือสามารถทำงานได้ตามมอบหมายหรือไม่
3. พี่เลี้ยงเด็กหยิบฉวยทรัพย์สินในบ้าน หลายครั้งที่คุณพ่อคุณแม่เจอพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์แต่ยังกังวลว่าพี่เลี้ยงเด็กอาจพยายามขโมยสิ่งของมีค่าภายในบ้าน แนวทางป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คือ ไม่วางสิ่งของมีค่าไว้ในที่เปิดเผย ล็อคลิ้นชักเก็บของและประตูห้องที่พี่เลี้ยงเด็กไม่จำเป็นต้องใช้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ภายในบ้านเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาได้อีกทาง
ในวันสัมภาษณ์พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงเด็ก
ขั้นตอนของการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่คุณจะได้ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงที่คุณจะจ้าง แต่ในขั้นตอนนี้คุณต้องทำการตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน ดังนั้นวันนี้ใส่ใจมีข้อแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและพูดคุยถึงข้อตกลงที่สำคัญมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

1) ขอบเขตหน้าที่ที่คุณต้องการให้พี่เลี้ยงทำ เช่น ช่วยเลี้ยงลูกคุณขณะคุณไม่อยู่บ้าน ช่วยเตรียมกับข้าวให้ลูกน้อยรับประทานในแต่ละมื้อ ช่วยสอนการบ้านหากพี่เลี้ยงมีความสามารถ
2) วันและเวลาการทำงาน ในวันที่สัมภาษณ์คุณและพี่เลี้ยงจะต้องตกลงเรื่องวันเวลาการทำงานให้อย่างชัดเจน และคุณควรจะมีวันหยุดให้พี่เลี้ยงตาม กฎหมายกระทรวงแรงงาน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ และวันพักร้อน ได้ 6 วัน ต่อ ปี และต้องหยุดตามประเพณี ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน
3) ค่าจ้าง คุณจะต้องตกลงเรื่องค่าจ้างกับพี่เลี้ยงให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คุณควรที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กทำงานในวันหยุดนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน
4) ข้อตกลงในการอาศัยอยู่ในบ้าน หากคุณมีกฎระเบียบที่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้ คุณต้องแจ้งให้พี่เลี้ยงเด็กรับทราบก่อนเริ่มงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากให้ลูกติดโทรศัพท์ คุณควรแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบ และควรกำชับพี่เลี้ยงว่าไม่ให้ลูกของคุณเล่นโทรศัพท์ขณะที่คุณไม่อยู่ เพราะเด็กอาจได้รับผลกระทบจากการเล่นโทรศัพท์นานเกินไปจนส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นและส่งผลกับสายตา ดังนั้นพี่เลี้ยงจะต้องหากิจกรรมที่ให้เด็กได้พัฒนาตนเองมากกว่าการเล่นโทรศัพท์มือถือ

กิจกรรมกีฬาสำหรับเด็ก

คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองรู้หรือไม่ว่าการออกกำลังกายสามารถช่วยลดความเครียด และเสริมสร้างสมาธิซึ่งช่วยในด้านสติปัญญาการเรียนรู้ของเด็กได้ ด้านสุขภาพร่างกาย การออกกำลังกายจะช่วยสร้างเสริมศักยภาพความยืดหยุ่นของร่างกาย อีกทั้งยังเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ดีและช่วยให้อวัยวะภายในทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วกีฬาประเภทไหนที่คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงพี่เลี้ยงเด็กควรส่งเสริมให้เด็กได้เล่นเพื่อให้เด็กได้ออกกำลังกายอย่างเต็มที่

- เทนนิส การเล่นเทนนิสจะช่วยฝึกการออกตัวขณะวิ่ง การกระโดดและการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ดังนั้น จะช่วยฟื้นฟูระบบปฏิกิริยาตอบกลับและการควบคุมระบบประสาทการเคลื่อนไหวของร่างกาย รวมทั้งมวลกระดูกที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยังเด็ก โดยจะช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้ในอนาคตได้

- ศิลปะป้องกันตัว เช่น คาราเต้ หรือ ยูโด จะสอนเด็กในเรื่องการทรงตัว ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ มักจะเน้นเรื่องการทรงตัวและสมาธิเป็นหลัก เหมาะกับเด็กที่ต้องการเสริมสร้างความมั่นใจ

- ว่ายน้ำ เป็นการออกกำลังกายที่ดีมาก ทำให้เด็กๆ มีร่างกายแข็งแรง ปกติแล้วเด็กทุกคนควรจะเรียนว่ายน้ำ เพื่อความปลอดภัยเบื้องต้นหากเกิดเหตุไม่คาดฝันก็สามารถที่จะช่วยตัวเองจากการจมน้ำได้

- กอล์ฟ เป็นกีฬาที่ได้เหงื่อไม่น้อย เด็กๆ จะได้ฝึกกล้ามเนื้อ กำลังแขนและลำตัว นอกจากนี้ยังช่วยเด็กๆ ในเรื่องของสมาธิได้อีกด้วย

- เซิร์ฟบอร์ด อีกหนึ่งกีฬาทางน้ำที่เป็นที่นิยมในหมู่นักกีฬา Extreme เซิร์ฟบอร์ดหรือที่บ้านเราเรียกว่า กระดานโต้คลื่น ปัจจุบันมีผู้นิยมเล่นทั่วโลก

สิ่งสำคัญสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง พี่เลี้ยงเด็กรวมถึงตัวเด็กเอง คือการเลือกกีฬาให้เหมาะสมกับช่วงวัยและทักษะ โดยการดูจากสรีระของเด็ก ซึ่งหากร่างกายเหมาะสมกับกีฬานั้นจะทำให้เด็กสนุกกับกีฬามากขึ้นและยังได้ออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย



Siam Serpentarium สวนงูยุคใหม่

สวนงูที่แรกและที่เดียวในเอเชีย Siam Serpentarium ที่เปิดให้น้อง ๆ หนู ๆ และคุณพ่อ คุณแม่ได้รู้จักงูแบบที่ไม่น่ากลัวอีกต่อไป ภายในพิพิธภัณฑ์ได้ถูกแบ่งออกเป็น 6 โซน ได้แก่

- พิพิธภัณฑ์งูประสบการณ์เสมือนจริง ที่จะจำลองผู้เข้าชมให้เป็นเหมือนงู ได้เห็นว่างูใช้ชีวิตอย่างไร เคลื่อนย้ายตัวเองในสถานการณ์ต่างๆ อย่างไร ภายในนิทรรศการเราจะได้พบกับสื่อผสมที่นอกจากทั้งสวยงามและยังได้ความรู้อีกด้วย

- สเนค แพลเนต จะได้พบกับงูหลากหลายชนิดกว่า 70 สายพันธุ์ เป็นงูแบบตัวเป็นๆ ตั้งแต่ตัวเล็กจนถึงตัวใหญ่ มีหลากหลายสีสันชวนตื่นตาตื่นใจ บางตัวก็สามารถปรับสีของตัวเองให้มีความคล้ายคลึงกับสถานที่ที่อาศัยอยู่ด้วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำอธิบายเกี่ยวกับงูอย่างละเอียด นอกจากนี้แล้ว สเนค แพลเนตยังมีอนุบาลและโรงพยาบาลงู ให้เราได้เห็นการดูแลและรักษางู หรือหากโชคดีอาจจะได้เห็นลูกงูฟักจากไข่ด้วย

- นาคา เธียเตอร์ สามารถรองรับคนได้ 400 ที่นั่ง ที่นี่จะมีการแสดงเกี่ยวกับงูมากมายหลายอย่าง เช่น การแสดงของครูฝึกกับงูเห่า ที่เสี่ยงอันตรายและห้ามลอกเลียนแบบ

- โซนของฝาก สามารถเลือกซื้อของฝากได้ที่กิฟต์ชอปของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งความแปลกตาของที่นี่ก็คือ ของที่ระลึกส่วนใหญ่จะเป็นตุ๊กตาและของเล่นรูปงูน่ารักๆ

- สนามเด็กเล่นเขาวงกตงู ที่เต็มไปด้วยรูปปั้นงูในรูปทรงสีสันสวยงาม ให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่นกัน

ราคา

- ผู้ใหญ่ ปกติ 350 พิเศษ 199 บาท

- เด็ก ปกติ 150 พิเศษ 99 บาท

ที่อยู่ 969 ถนนหลวงแพ่ง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ



ไหว้พระ วัดลาดกระบัง 3

วัดลาดกระบัง 3 หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า วัดสาม เป็นสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อายุเก่าแก่เกือบ 100 ปี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2424 ตั้งอยู่ริมคลองประเวศบุรีรมย์ แขวงและเขตลาดกระบัง วัดลาดกระบัง 3 มีพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 50 ไร่

วัดลาดกระบัง 3 ชื่อเดิมเรียกว่า วัดสาม เดิมที่ตั้งวัดเป็นทุ่งนากว้าง โดยมีนายน้อย หมื่นราษฎร์ และนางอ่วม หมื่นราษฎร์ เป็นผู้ยกที่ดินให้สร้างวัด พร้อมกับบุตรหลานได้ร่วมกันถวายที่ดินและช่วยกันสร้างวัดนี้ โดยมีพระครูเมตตาวิหารี เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ต่อมานายจ่าง พูนพิพัฒน์และบุตรหลานได้ช่วยกันปฏิสังขรณ์วัดสืบต่อกันมา วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2432 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 7 เมตร ยาว 18 เมตร และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลังเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2537 ด้านการศึกษาทางวัดได้เปิดสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรมตั้งแต่ พ.ศ. 2463 และได้ให้ทางราชการสร้างโรงเรียนประถมในที่ดินวัดเนื้อที่ 20 ไร่

อาคารเสนาสนะ ได้แก่ อุโบสถกว้าง 7 เมตร ยาว 18 เมตร มีกำแพงวิหารคดรอบอุโบสถ กุฏิสงฆ์จำนวน 18 หลัง ส่วนมากเป็นอาคารเรือนไทยโบราณ หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ โรงครัว ศาลาบำเพ็ญบุญ 2 หลัง ศาลาปริยัติธรรม ศาลาท่าน้ำ 4 หลัง ฌาปนสถาน มณฑปพระพุทธบาทจำลอง พระปรางค์ 4 องค์ และวิหารซึ่งภายในประดิษฐาน หลวงพ่อขาว หรือ พระพุทธปุสโยภาส สร้างเมื่อ พ.ศ. 2451 เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ทรงปางมารวิชัย

ว่ากันว่า พระพุทธบุศโยภาส หรือ หลวงพ่อขาว พระประธานในวิหาร อยู่ทางด้านหลังพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 3 วา 1 คืบ สูง 4 วา ก่อด้วยอิฐพอกปูนทาสีขาว สร้างในปี พ.ศ. 2451 ถือกันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งของชาวลาดกระบัง โดยจะมีชาวบ้านมาสักการะเพื่อขอพรด้านการงาน การขายที่ดิน ธุรกิจการค้า หากสำเร็จดังปรารถนา สิ่งของที่นำมาถวาย ได้แก่ พวงมาลัย 7 สี 7 ศอก ปลาตะเพียน อาหารคาวหวาน ฯลฯ

ที่อยู่ : ซอยลาดกระบัง 17 แขวงลาดกระบัง เขต ลาดกระบัง กรุงเทพฯ