วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
ประเภทงานบริการ
พี่เลี้ยงเด็ก พี่เลี้ยงเด็กชั่วคราว รับเลี้ยงเด็กที่บ้านตัวเอง พี่เลี้ยงสองภาษา พี่เลี้ยงวันหยุดบริการในเมืองยอดนิยม
บางเขน บางกอกน้อย ป้อมปราบศัตรูพ่า พระนคร บางพลัด บางบอน พระโขนง ภาษีเจริญ คลองสามวา ตลิ่งชันสวัสดีค่ะ ชือ ภัทรค่ะ อายุ 52 ถนัดดูแลเด็กแรกคลอด คุณแม่หลังคลอดค่ะ นวดเด็กแรกเล็กได้ ช้วยให้เด็ก อารมณ์ดีไม่งอแง ช่วยระบบขับถ่าย เลือดลมไหลเวียนดี ร่างกายแข็งแรง.นวดประคบสมุนไพร คุณแม่หลังคลอดช่วยในการอยู่ไฟสมัยโบราณ ทำให้มดลูกเข้าอู่ไว้ ร่างกายแข็งแรง รับงานได้ทั้งในและต่างประเทศค่ะ รับดูแลทั้งคนไทยและต่างชาติ
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก
1. ความรู้ด้านการส่งเสริมพัฒนาการ การส่งเสริมพัฒนาการทำได้ทั้งผ่านการเล่นและการทำกิจวัตรประจำวัน พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรหากิจกรรมเพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมและช่วยเหลือตัวเองได้ตามวัยที่เหมาะสม
2. ความอดทนและใจรักเด็ก เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งลักษณะนิสัย อารมณ์และการแสดงออก บางคนว่านอนสอนง่าย บางคนชอบเล่นซนทั้งวัน หรือบางคนงอแง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีใจรักเด็กเป็นพื้นฐาน พร้อมทำความเข้าใจและมีความอดทน พยายามหาวิธีที่ทำให้เด็กรู้สึกวางใจ ปลอดภัย และยอมเชื่อฟังพี่เลี้ยงในที่สุด
3. ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรู้เบอร์โทรศัพท์ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าเด็กหกล้มมีแผลถลอกพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้ว่าจะจัดการกับแผลถลอกอย่างไร ในกรณีฉุกเฉินพี่เลี้ยงเด็กต้องสามารถติดต่อหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือได้
4. ทักษะการสื่อสาร เด็กมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ พี่เลี้ยงเด็กต้องเข้าใจการสื่อสารกับเด็ก เช่น เข้าใจภาษากายของทารก การสื่อสารของเด็กเล็ก สำหรับเด็กที่สามารถสื่อสารด้วยทำพูดได้แล้ว พี่เลี้ยงเด็กต้องพูดคุยเพื่อให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับและให้เด็กรู้สึกสบายใจ
5. ทักษะการแก้ปัญหา หากไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้วิธีแก้ปัญหาหรือสถานการณ์ตรงหน้าตามสมควรโดยไม่จำเป็นต้องรายงานหรือรอให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจทุกครั้ง
6. ความคิดสร้างสรรค์ คงไม่ดีแน่หากพี่เลี้ยงเด็กดูแลเด็กด้วยการให้เด็กดูสมาร์ทโฟนเป็นชั่วโมง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีความคิดสร้างสรรค์เล่นกับเด็กเพื่อให้เด็กเพลิดเพลินได้นานหลายชั่วโมงและให้เด็กได้พักผ่อนตามเวลา
ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติและทักษะที่ดีที่คุณพ่อและคุณแม่ควรมองหาในตัวพี่เลี้ยงเด็กที่คุณเลือกมาเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณค่ะ
1. ความปลอดภัยของลูกน้อย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลมากที่สุดคือความปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือการกระทำรุนแรงของพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูกน้อยทั้งทางร่างกายและพฤติกรรม ควรพูดคุย ซักถามเด็กอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับกิจกรรมระหว่างวันที่ลูก ๆ ทำกับพี่เลี้ยง การติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้านเป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจขึ้น
2. ประสบการณ์การทำงาน บางครั้งพี่เลี้ยงเด็กอาจไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานและความชำนาญของตน นอกจากการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจจะให้มีการทดลองงานสักระยะหนึ่งเพื่อดูว่าพี่เลี้ยงเด็กมีความชำนาญหรือสามารถทำงานได้ตามมอบหมายหรือไม่
3. พี่เลี้ยงเด็กหยิบฉวยทรัพย์สินในบ้าน หลายครั้งที่คุณพ่อคุณแม่เจอพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์แต่ยังกังวลว่าพี่เลี้ยงเด็กอาจพยายามขโมยสิ่งของมีค่าภายในบ้าน แนวทางป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คือ ไม่วางสิ่งของมีค่าไว้ในที่เปิดเผย ล็อคลิ้นชักเก็บของและประตูห้องที่พี่เลี้ยงเด็กไม่จำเป็นต้องใช้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ภายในบ้านเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาได้อีกทาง
1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
ฉันเดินอยู่บนถนนสาทรใต้
เขตสาทร ชื่อนี้ในอดีตเคยใช้ตัวสะกดชื่อถนนว่า "สาธร" ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น "สาทร" ตามคำสะกดที่ถูกต้องเช่นในปัจจุบัน หากพูดถึงเขตสาทรนี้ ในความคิดของหลายๆ คนจะนึกถึง “ตึกสูงๆ ศูนย์รวมของธุรกิจของกรุงเทพมหานคร” แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ แรกเริ่มเดิมทีนั้น ที่มีการตัดถนนผ่าน โดยถนนสาทร เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2431 ในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนพระราม 4 และถนนเจริญกรุง โดยได้ว่าจ้างกลุ่มกรรมการชาวจีนที่เข้ามาทำงานในสมัยนั้น เพื่อทำการขุด โดยเริ่มขุดจากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก เรื่อยไปจนบรรจบกับคลองถนนตรงหรือคลองวัวลำพอง (ปัจจุบันถูกถมเป็นถนนพระรามที่ 4) และได้เรียกคลองที่ขุดขึ้นใหม่นี้ว่า "คลองเจ้าสัวยม" (คลองสาทรในปัจจุบัน) และได้นำดินที่ขุดคลองมาทำเป็นถนนอีกด้วย ต่อมาเจ้าสัวยมได้รับบรรดาศักดิ์และราชทินนามเป็น "หลวงสาทรราชายุตก์" จึงทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อถนนนี้ว่า "ถนนสาทรราชายุตก์" รวมถึงคลอง คือ "คลองสาทรราชายุตก์" แต่ผู้คนนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "สาทร" (ในขณะที่คำว่า "สาทร" ตามพจนานุกรมนั้นหมายถึง เอื้อเฟื้อ เอาใจใส่) และถือได้ว่าเป็นย่านเก่าแก่ของพ่อค้าชาวจีนและชาวยุโรปที่เข้ามาในช่วงเวลานั้น จึงทำให้บ้านในบริเวณสาทรจะเป็นทรงตะวันตกและสร้างแบบตามๆ กันขึ้นหลายหลัง และในบางหลังก็ยังเป็นอาคารเก่าแก่จนถึง ปัจจุบัน เช่นอาคารหอการค้าไทย-จีน ในอดีตอาคารแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของห้างบอมเบย์เบอร์มา (บอมเบย์ เบอร์มา เทรดดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2406) ก่อนจะถูกซื้อต่อโดยกลุ่มนักธุรกิจไทย-จีนเพื่อเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของหอการค้าไทย-จีนในช่วงรัชสมัยของ รัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ. 2484 อาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็นคอมเมิร์ชเซ็นเตอร์โดยทหารญี่ปุ่นที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบัน เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ได้ซื้อและบูรณะอาคารนี้ครั้งใหญ่ ในปี พ.ศ. 2545 เพื่อเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและโรงเรียนสอนการประกอบอาหารไทย บลู เอเลฟเฟ่นต์ จนถึงปัจจุบัน จากตึกเก่า สู่อาคารสำนักงานสมัยใหม่ สูงเสียดฟ้า ถนนสาทรมีสองฝั่ง ฝั่งสาทรใต้จะอยู่ในเขตสาทร จำง่ายๆ ว่าฝั่งที่มีโรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์คือฝั่งใต้ ถ้าจะนึกถึงแลนด์มาร์ค ครั้งหนึ่งก็คงจะเป็น ตึกหุ่นยนตร์ สัญญลักษณ์ของความทันสมัย (สมัยก่อน) บนสาทร ก่อนที่จะถูกอาคารใหม่ๆ เข้ามาบดบัง และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเติบโตเลย เขตสาทร วันนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นย่านอาคารสำนักงานจากกลุ่มบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ และสถานทูต สถานกงศุล นับได้ว่าเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจหรือซีบีดี (Central Business District : CBD) อีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
สัญลักษณ์ของความทันสมัย บนสาทร
สัญลักษณ์ของความทันสมัย บนสาทร ภาพถ่ายด้วยฟิล์มอัลฟ่า แม้จะออกโทนสีเหลืองบ่งบอกถึงความเก่าไปบ้างแล้ว แต่หากนับเวลาจริงที่ได้บันทึกภาพนี้ไว้ คงเป็นเวลาที่ตื่นตาตื่นใจ พ.ศ.2529 เช้าวันที่อากาศสดใสอาคารหุ่นยนต์ดูใจดี ปรากฏขึ้นบนถนนสาทรใต้ บันทึกความทรงจำ อาคารสูง 20 ชั้นยืนสงบ บนถนนย่านธุรกิจที่กำลังเจริญเติบโต และแล้ววันเวลาก็ผ่านมากว่า 30 ปี ผ่านมือจากธนาคารเอเซีย สู่ ธนาคาร ยูโอบี (ประเทศไทย) ผู้ออกแบบอาคารนี้คือ ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม (สถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย) ตึกก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2529 ด้วยรูปทรงอาคารที่สะท้อนถึงการต่อต้านแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิก (ศตวรรษที่ 18-20) และโพสต์โมเดิร์น (แนวความคิดที่มาหลังจากยุค modern ซึ่งเป็นช่วงหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม) ล้ำสมัย ด้วยองค์ประกอบทั้งการลดระดับของผนัง เสาอากาศ และดวงตา จึงทำให้รูปทรงกายภาพภายนอกของอาคารดูเหมือน หุ่นยนต์ อย่างชัดเจน ความเป็นมาของอาคารนี้เริ่มขึ้นจาก ผู้บริหารธนาคารเอเซียในขณะนั้นต้องการอาคารที่สื่อออกถึงยุคสมัยใหม่และโลกแห่งคอมพิวเตอร์ของธนาคาร ซึ่ง ดร.สุเมธ ได้แรงบันดาลใจมาจากของเล่นของบุตรชาย แต่ ดร.สุเมธเขียนไว้ว่าอาคารของเขา "ไม่จำเป็นต้องเป็นหุ่นยนต์" และ "พื้นที่ของการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ " ก็เพียงพอแล้วตราบเท่าที่พวกเขาสามารถ "ปลดปล่อยจิตวิญญาณจากความอับจนทางปัญญาในปัจจุบันและขับเคลื่อนไปสู่ศตวรรษหน้า" (หน้าที่ 79 Sumet Jumsai. "Building Study: Bank of Asia, Bangkok.") อาจารย์ ได้เขียนว่าการออกแบบของเขาอาจถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีชั้นสูง: แทนที่จะจัดแสดงผลงานภายในของอาคารเขาเลือกที่จะประดับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปด้วยชิ้นส่วนเครื่องจักรกล อาคารของเขา อาจารย์แสดงความขัดแย้งและต่อต้านวิสัยทัศน์ของเครื่องจักรในศตวรรษที่ 20 ในฐานะ "องค์กรที่แยกจากกัน" ซึ่งมักจะ "ยกระดับบนแท่นเพื่อการสักการบูชา" โดยการกลายเป็น "ส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราเพื่อนตัวเอง" ทำให้ หนทางสำหรับการผสมผสานระหว่างเครื่องจักรและมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ตึกหุ่นยนต์ได้รับเลือกจากพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัย นครลอสแอนเจลิส ให้เป็นหนึ่งใน 50 อาคารที่สมบูรณ์แห่งศตวรรษ อาคารยังส่งผลให้ ดร.สุเมธ ได้รับรางวัลจากบัณฑิตยสภาสถาปัตยกรรมและการออกแบบแห่งชิคาโก (Athenaeum Museum of Architecture and Design) ซึ่งเป็นรางวัลที่คนไทยรับเป็นคนแรก นอกจากนั้น หนังสือ Encyclopedia of 20th Century Architecture (Copyright Year 2004) ของนายสตีเฟน เซนนอตต์ ได้ระบุอาคารนี้ว่า "เป็นการยกระดับงานสถาปัตยกรรมไทยให้ได้รับความจดจำไปทั่วโลก" และยังติดหนึ่งใน 24 อันดับ สถาปัตยกรรมที่อัปลักษณ์ที่สุดของโลกเคียงคู่กับ ตึกช้าง วันนี้แม้ความสง่างามได้ถูกบดบังด้วยอาคารอื่นๆ รอบข้าง หรือแม้แต่รถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านหน้าอาคาร แต่อาคารนี้ก็เป็นภาพแห่งความทรงจำของเด็กๆ หลายคน
7 เคล็ดลับในการเตรียมตัวสำหรับการเปิดเทอมวันแรก
วันสำคัญก็มาถึงเมื่อลูกออกจากอ้อมอกพ่อแม่ การออกไปเรียนชั้นอนุบาล หรือเตรียมอนุบาล ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูก อาจเป็นก้าวแรกที่หนูๆ ออกจากบ้านหรือเปลี่ยนไปสู่สภาพแวดล้อมและเพื่อนใหม่ๆ แม้แต่การไปสู่โปรแกรมเรียนที่คุ้นเคยก็ยังมีความตื่นเต้น ความสุข และความวิตกกังวล ในช่วงอายุ 3 4 และ 5 ปีของการพัฒนา "การเปลี่ยนแปลง" สามารถนำมาซึ่งความรู้สึกและความคิด เด็กบางคนยอมรับและสนุกกับการเปลี่ยนแปลงมากกว่าคนอื่น ๆ แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม้แต่เด็กที่ "มีประสบการณ์" ส่วนใหญ่จะต้องการความเอาใจใส่เป็นพิเศษในช่วงวันแรกและสัปดาห์แรกของการเข้าเรียน
ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณพ่อ คุณแม่สามารถทำได้เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกออกไปสู่ก้าวที่ยิ่งใหญ่
1.หากมีโอกาสเยี่ยมชมโรงเรียนหรือห้องเรียนก่อนวันแรก ครูบางคนเชิญครอบครัวมาเยี่ยมก่อนเวลา ถ้าไม่มีให้เดินทางไปโรงเรียนเพื่อดูอาคารและสนามเด็กเล่น เพื่อให้ลูกๆ มีความคุ้นเคยกับสถานที่
2.อ่านหนังสือนิทานดีๆ เกี่ยวกับการเริ่มเรียน การอ่าน การเล่าเรื่องเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นให้มีการสอบถามพูดคุยเกี่ยวกับการไปโรงเรียน
3.ชวนพูดคุยกับบุตรหลานของเราเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาเกี่ยวกับโรงเรียนเพื่อนครูและกิจกรรมใหม่ ๆ เช่น มีของเล่น มีสนามเด็กเล่น มีเพื่อนๆ เป็นต้น
4. ฝึกซ้อม การเรียนรู้วิธีเตรียมตัวให้พร้อมทุกเช้าสำหรับการเดินทางไปโรงเรียนต้องใช้เวลาและฝึกฝน การฝึกก่อนวันแรกจะเป็นประโยชน์ แสร้งทำเป็นว่าเป็นวันเรียนและทำตามขั้นตอนของการตื่นนอนแต่งตัวป้อนอาหารและออกไปที่ประตู ลองใช้แผนภูมิที่สามารถพิมพ์ได้นี้เพื่อช่วยให้บุตรหลานของคุณจดจำสิ่งที่เธอต้องทำ
5.ฝึกทักษะการช่วยเหลือตัวเองเช่นการแต่งกายการ การเปลี่ยนเสื้อผ้า (เวลาเข้าห้องน้ำ) และการล้างมือ ลูกของคุณจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อถูกขอให้ทำสิ่งเหล่านี้ที่โรงเรียน
6.ถามบุตรหลานของคุณว่าต้องการนำขนมชนิดใดไปโรงเรียนด้วย เพื่อให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
7.ไปซื้อของที่โรงเรียน ลองเสื้อผ้าและสินค้าสำหรับเด็ก เสมือนเตรียมไปโรงเรียน เหมือนกับการทำความคุ้นเคยว่าไปโรงเรียนต้องใส่ชุดแบบนี้นะ ไม่เร็วเกินไปที่จะเริ่มพิธีการซื้อชุดนักเรียน หรือกระเป๋าเป้สะพายหลัง ไม่จำเป็นต้องเป็นของที่มีราคาแพง แต่ให้มีความรู้สึกว่าหนูโตแล้ว วันหนึ่งหนูไปโรงเรียน
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง