ดูแลเด็ก ใน นนทบุรี

ดูแลเด็ก ใน นนทบุรี

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ
ยังไม่มีข้อมูลผู้ให้บริการ

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
3 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
3 ปีที่แล้ว
บ้านอยู่แถว สุขุมวิท71 ลองใช้เว็บใส่ใจครั้งแรก เพราะเพื่อนๆ แนะนำมา อยากได้พี่เลี้ยงเด็ก มองหามาหลายที่ ที่นี่รายละเอียดครบ ราคาชัดเจน โทรปรึกษาพนักงานก็อธิบายเข้าใจง่ายมาก สะดวกสบาย ง่ายกว่า search หาเองใน Google ชอบมากๆ ค่ะ
Saijai
นงคราญ แซ่ตั้ง
3 ปีที่แล้ว
เราทำงานนอกบ้าน เลยหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลน้องที่บ้าน ค้นหาข้อมูลดูเวปนี้ให้รายละเอียดพี่เลี้ยงน่าสนใจ ราคาเรารับได้ เราเลยให้น้องมาทดลองงานก่อนเราไปทำงาน น้องมีประสบการณ์มา เลยปรับตัวไม่ยาก เวลาเราอยู่น้องจะช่วยหยิบจับของทำโน่นทำนี่ไป ประทับใจคะ สองเดือนแล้วน้องทำงานดี มีระเบียบเรียบร้อย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เราไว้ใจให้น้องคนนี้ดูแล
Saijai
แม่น้องกัญ
3 ปีที่แล้ว
เมื่อก่อนไม่กล้าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก แต่ลองจ้างผ่านทางใส่ใจดู พี่เลี้ยงทำงานได้น่าพอใจมาก ๆ พูดเพราะมาก จนลูกเราติดคำพูดเลยค่ะ ราคาก็ที่ไม่สูงเกินไป จับต้องได้สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เยอะอย่ามากต่อเดือน คุณแม่คนไหนอยากหาพี่เลี้ยงเด็ก แนะนำเลยค่ะ
Saijai
ชื่นนภา วัฒนพันธ์
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัวหรือเนอสเซอรี่ (Nursery) อะไรคือคำตอบสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้
ข้อดีของการให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กที่บ้านของคุณเอง

1. ลูกน้อยของคุณได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงแบบใกล้ชิด ทำให้เด็กรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
2. มีความยืดหยุ่นในการทำกิจวัตรประจำวันเพราะเด็กไม่ต้อง กิน นอน หรือ เล่นตามตารางเหมือนอยู่ในศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรือเนอสเซอรี่ (Nursery)
3. พี่เลี้ยงเด็กสามารถปรับเวลาการทำงานให้สอดคล้องกับเวลาทำงานและวันหยุดของคุณพ่อคุณแม่
4. คุณพ่อคุณแม่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นเพราะไม่ต้องเผื่อเวลาในการรับส่ง ก่อนและหลังเลิกงาน
5. เด็กได้รับการดูแลในบรรยากาศที่คุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย
6. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเดินทางรับส่ง หมดปัญหาเรื่องรถติดและมลภาวะบนท้องถนน
7. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเตรียมตัวหรือจัดเตรียมของใช้ให้ลูก เช่น ขวดนม เสื้อผ้า หรือแพมเพิส
8. ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิต้านทานยังน้อยจะเจ็บป่วยได้ง่าย หากต้องอยู่ปะปนกับเด็ก ๆ อื่น
9. มีคนอยู่บ้านตลอดเวลาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน

ข้อดีของการเข้าเนอสเซอรี่ (Nursery)

1. ฝึกทักษะการเข้าสังคมเพราะเด็กต้องอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ และครูพี่เลี้ยง
2. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับการจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัว
3. เนอสเซอรี่มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้เด็กฝึกทักษะผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรมองหาจากพี่เลี้ยงเด็กก่อนตกลงจ้าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่สักคนจะตัดสินใจหาใครมาดูแลลูกน้อยที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ วันนี้ใส่ใจมีข้อมูลของทักษะและคุณสมบัติที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเช็คกันดูก่อนตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงสักคน

1. พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความอดทนสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องมีความเข้าใจเด็ก สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนที่มีความอดทนสูง
2. พี่เลี้ยงเด็กควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที เช่น เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลเกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผลถลอก พี่เลี้ยงต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อของแผล เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรเลือกพี่เลี้ยงที่มีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ
3. พี่เลี้ยงเด็กควรมีทักษะการแก้ไขปัญหา พี่เลี้ยงจะต้องรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้ว่าจ้างเสมอไปหากปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง
4. ทำอาหารเป็น ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นต้องมี พี่เลี้ยงไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลเด็กอย่างเดียวเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงอาจจะต้องเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานในแต่ละมื้อด้วย หากอาหารอร่อยถูกปาก เด็กจะเจริญอาหารและอารมณ์ดี ที่สำคัญที่สุดที่พี่เลี้ยงต้องใส่ใจและจดจำด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ดูแลนั้น แพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานสิ่งที่แพ้เข้าไป
5. มีความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือสันทนาการ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจจะสอนเด็กนับเลข ฝึกการอ่าน หรือระบายสีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เหล่านี้
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับพี่เลี้ยง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะไว้วางใจให้ลูก ๆ ของคุณอยู่ในความดูแลพี่เลี้ยงเด็ก แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตามเด็กอาจเกิดความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจมีวิธีการที่จะช่วยลดความกังวลของทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกได้ดังนี้ค่ะ

1. คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับเด็ก ถึงความจำเป็นที่ต้องให้เด็กๆ อยู่กับพี่เลี้ยง ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าคุณพ่อคุณแม่หาคนที่สามารถดูแลพวกเขาได้ดี
2. คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงที่เข้ากันได้กับลูก ๆ และมีความพร้อมในการดูแลเด็ก
3. แนะนำให้ลูก ๆ ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง โดยอาจจะเล่าให้ฟังว่าพี่เลี้ยงเห็นใคร ชื่ออะไร คุยกับพี่ผ่านทางวิดีโอคอลก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อนลดความตึงเครียดในการเจอกันครั้งแรก
4. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง เบอร์โทรฉุกเฉิน และสอนให้ลูกใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือโทรขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
5. มอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ทำระหว่างวัน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีกิจกรรมเบนความสนใจและไม่เอาแต่จดจ่อรอเวลาคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
6. เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากบ้านและต้องให้เด็ก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าพี่เลี้ยงจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีและย้ำว่าพวกเขาสามารถโทรหาคุณได้เสมอ
ในวันสัมภาษณ์พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงเด็ก
ขั้นตอนของการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่คุณจะได้ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงที่คุณจะจ้าง แต่ในขั้นตอนนี้คุณต้องทำการตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน ดังนั้นวันนี้ใส่ใจมีข้อแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและพูดคุยถึงข้อตกลงที่สำคัญมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

1) ขอบเขตหน้าที่ที่คุณต้องการให้พี่เลี้ยงทำ เช่น ช่วยเลี้ยงลูกคุณขณะคุณไม่อยู่บ้าน ช่วยเตรียมกับข้าวให้ลูกน้อยรับประทานในแต่ละมื้อ ช่วยสอนการบ้านหากพี่เลี้ยงมีความสามารถ
2) วันและเวลาการทำงาน ในวันที่สัมภาษณ์คุณและพี่เลี้ยงจะต้องตกลงเรื่องวันเวลาการทำงานให้อย่างชัดเจน และคุณควรจะมีวันหยุดให้พี่เลี้ยงตาม กฎหมายกระทรวงแรงงาน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ และวันพักร้อน ได้ 6 วัน ต่อ ปี และต้องหยุดตามประเพณี ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน
3) ค่าจ้าง คุณจะต้องตกลงเรื่องค่าจ้างกับพี่เลี้ยงให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คุณควรที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กทำงานในวันหยุดนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน
4) ข้อตกลงในการอาศัยอยู่ในบ้าน หากคุณมีกฎระเบียบที่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้ คุณต้องแจ้งให้พี่เลี้ยงเด็กรับทราบก่อนเริ่มงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากให้ลูกติดโทรศัพท์ คุณควรแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบ และควรกำชับพี่เลี้ยงว่าไม่ให้ลูกของคุณเล่นโทรศัพท์ขณะที่คุณไม่อยู่ เพราะเด็กอาจได้รับผลกระทบจากการเล่นโทรศัพท์นานเกินไปจนส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นและส่งผลกับสายตา ดังนั้นพี่เลี้ยงจะต้องหากิจกรรมที่ให้เด็กได้พัฒนาตนเองมากกว่าการเล่นโทรศัพท์มือถือ

ประวัติศาสตร์ จังหวัดนนทบุรี

นนทบุรีก่อตั้งมากว่า 400 ปี ชื่อเดิมคือ บ้านตลาดขวัญ ซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ดินบริเวณนี้เหมาะแก่การทำการเกษตรและเพาะปลูกพืช ทำสวน และเป็นสวนผลไม้ที่ขึ้นชื่อของกรุงศรีอยุธยา

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยาได้ยกบ้านตลาดขวัญขึ้นเป็น

เมืองนนทบุรี ในปี พ.ศ. 2092 โดยตัวเมืองนนทบุรีแต่เดิมนั้นตั้งอยู่ที่ตำบลบางกระสอในปัจจุบัน

หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2179 พระเจ้าปราสาททองทรงโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดตอนใต้วัดท้ายเมือง แล้วกระแสน้ำจึงเปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองลัดที่ขุดใหม่ นานเข้าจึงกลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาใหม่

ต่อมาสมเด็จพระนารายณ์มหาราชขึ้นครองราชย์ ในปี พ.ศ. 2208 พระองค์ทรงเห็นว่าแม่น้ำเจ้าพระยาใหม่ทำให้ข้าศึกเข้าประชิดพระนครได้ง่ายขึ้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมปราการตรงปากแม่น้ำอ้อม และย้ายเมืองนนทบุรีมาอยู่บริเวณปากแม่น้ำอ้อมตั้งแต่นั้นมา นนทบุรี ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นจังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489

จังหวัดนนทบุรี ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ถือว่าเป็นจังหวัดในเขตปริมณฑลของกรุงเทพฯ โดยมีเนื้อที่ประมาณ 622.38 ตารางกิโลเมตร

จังหวัดนนทบุรี มีขนาดเล็กเป็นอันดับ 2 รองจากจังหวัดสมุทรสงครามและอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 20 กิโลเมตร ประกอบด้วยอำเภอทั้งหมด 6 อำเภอ ได้แก่

1. อำเภอไทรน้อย

2. อำเภอบางกรวย

3. อำเภอบางใหญ่

4. อำเภอบางบัวทอง

5. อำเภอปากเกร็ด

6. อำเภอเมืองนนทบุรี



ภาพรวมจังหวัดนนทบุรี

<แต่เดิม จังหวัดนนทบุรี เน้นการทำเกษตรกรรมและมีผลผลิตที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะผลไม้ เช่น ทุเรียน แต่ปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาในพื้นที่โดยมีการสร้างอาคารที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม โรงงานอุตสาหกรรม และโรงแรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นที่ในการทำการเกษตรกรรมลดลงและมีการเปลี่ยนวิถีชีวิตไปจากเดิมคือ อาชีพเกษตรกรน้อยลง แต่เน้นพัฒนาทางเศรษฐกิจอื่นเพิ่มมากขึ้น

จังหวัดนนทบุรี จึงกลายเป็นพื้นที่หนึ่งที่เป็นแหล่งรายได้ของประชากรจากพื้นที่อื่นอพยพมาเพื่อทำงานในเขต จังหวัดนนทบุรี

การคมนาคมในจังหวัดนนทบุรี

จังหวัดนนทบุรี มีทางหลวงจังหวัดและทางหลวงแผ่นดินใช้เดินทางติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงและกรุงเทพมหานครได้อย่างสะดวก แต่ปัญหาหลักของ จังหวัดนนทบุรี คือสภาพการจราจรที่ติดขัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะถนนเส้นหลัก เช่น ถนนราชพฤกษ์ ถนนงามวงศ์วาน ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนติวานนท์ ฯลฯ

การท่องเที่ยว จังหวัดนนทบุรี

จังหวัดนนทบุรี มีความโดดเด่นอยู่ตรงที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ทำให้เกิดการผสมผสานวัฒนธรรมของผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติที่มาอยู่รวมกันที่นี่ ที่สำคัญ จังหวัดนนทบุรี ยังมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานหลายยุคหลายสมัย ทำให้มีจุดขายในการท่องเที่ยวมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทวัดหรือโบราณสถาน รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมแนวใหม่ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามแหล่งแม่น้ำสายต่างๆ ตัวอย่างเช่น วัดเฉลิมพระเกียรติ วัดปรมัยยิกาวาส ฯลฯ



การดูแลเด็กสมาธิสั้น

เด็กสมาธิสั้น หรือที่คนทั่วไปคุ้นชินกับคำว่า เด็กไฮเปอร์ ซึ่งอาการสมาธิสั้นนั้นสร้างความกังวลให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก อาการของ เด็กสมาธิสั้น จะแสดงออกมาอย่างชัดเจนในช่วงอายุประมาณ 4-5 ปี จากผลการวิจัยพบว่า เด็กสมาธิสั้น 1 ใน 3 เมื่อโตขึ้นอาการนี้จะค่อยๆ หายได้เอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลของผู้ปกครองที่จะช่วยในการปรับพฤติกรรมรวมไปถึงการดูแลโดยแพทย์อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตามพ่อแม่ผู้ปกครองรวมถึงคนที่ทำหน้าที่ดูแลเด็ก เช่น พี่เลี้ยงเด็ก ต่างก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยปรับพฤติกรรมของ เด็กสมาธิสั้น ให้ดีขึ้นได้โดยอาศัยเทคนิคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

- การจัดตารางให้เด็กได้ทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันอย่างมีระบบระเบียบ เช่น ต้องตื่นกี่โมง อาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวไปโรงเรียนหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เด็กไม่ต้องมีชีวิตที่ล่องลอยไร้จุดหมายนั่นเอง

- พ่อแม่ผู้ปกครองและพี่เลี้ยงเด็กช่วยกันกระตุ้นความจำให้เด็กว่าต้องทำอะไรบ้าง อาจจะใช้วิธีการเขียนโน้ตสั้น ๆ ให้เด็กได้อ่านและจะได้จดจำว่าต้องทำอะไรในแต่ละวัน

- พ่อแม่ผู้ปกครองและพี่เลี้ยงต้องเข้าใจ เด็กที่สมาธิสั้น อาจจะมีอาการหลงลืมหรือไม่สามารถทำบางสิ่งบางอย่างได้เหมือนเด็กคนอื่น ผู้ปกครองต้องมีความเข้าใจและไม่ลงโทษหรือด่าทอเด็ก เพราะทำให้เด็กเสียใจและหมดกำลังใจ

- สังเกตความชอบและความสนใจของเด็ก ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี กีฬา หรือ ความชอบอื่นๆ และคอยสนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมที่ชอบ เด็กจะได้มีความสนใจในการทำสิ่งดังกล่าว เป็นการฝึกสมาธิไปในตัวด้วย

- ฝึกให้เด็กได้ทำกิจกรรมบางอย่างแบบต่อเนื่อง อย่างน้อย 20 หรือ 30 นาที เช่น เล่นต่อจิกซอว์ หรือ เลโก้ เพื่อให้เด็กอยู่นิ่ง ๆ ได้นานขึ้น