วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
Helloo, My name is noon and i'm 27 years old. graduated from kasetsart university, i very love the kid from my background and just want to have a good experience, wanna play with your kid!! my personality is always smile, happy girl with a kindness. I have been in USA about 4 months and have experience to play with kid of my host.
สวัสดีค่ะ ชื่อนุ่น อายุ 27ปี จบป.ตรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นคนรักเด็กมากๆและชอบเล่นกับเด็กๆ พื้นฐานเคยเลี้ยงน้องๆมา2คน และอยากมาหาประสบการณ์วันว่างเสาร์อาทิตย์
คุณแม่มี passion ในการดูแลเด็ก และชอบเล่นกับเด็กๆมาก มีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้เวลากับเด็กๆ ด้วยประสบการณ์เลี้ยงลูกคนเดียวกว่า 10 ปี" - ปลอดภัย ไว้ใจได้ มีที่อยู่แน่นอน (ยินดีมอบสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านให้แก่ผู้ว่าจ้าง)- สามารถสอนทำการบ้านทุกวิชา (กรณีหลักสูตรอินเตอร์อาจจะไม่ 100% นะคะ)- สามารถ request activities ได้ เช่น สอนอ่าน-เขียน ตีแบด ขี่จักรยาน เย็บปัก เป็นต้น- ให้คำปรึกษา วางแผนในการเลี้ยงดูได้- พาออกไปเที่ยวนอกสถานที่ (เบิกค่าใช้จ่ายตามจริง + ค่าเดินทาง) เช่น Haborland ดูหนัง เป็นต้น- ทำอาหาร และล้างจาน- ซื้อของใช้เข้าบ้าน (เบิกราคาตามจริง + ค่าเดินทาง) ส่วนเพิ่มเติม- เปลี่ยนผ้าปูที่นอน 100 บาท/ห้อง- กวาดถูบ้าน 400 บาท/ครั้ง (ไม่รวมล้างห้องน้ำ)- ซัก ตาก พับผ้า 200 บาท/ครั้ง
คุณสมบัติย่อและความโดดเด่น 1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ การดูแลสุขภาพเด็ก และมีประสบการณ์ฝึกงานที่เกี่ยวข้องมาก่อน 2. มีความรู้ความเข้าใจในหลักจิตวิทยาเด็ก การดูแล และการส่งเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก3. จิตใจบริการ ทัศนคติบวก มีความอดทนสูง สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี และสามารถควบคุมอารมณ์ของตนองสูง4. มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร การประสานงาน และมีมนุษยสัมพันธ์อย่างดีเยี่ยม5. สามารถประเมินพัฒนาการเด็กตามคู่มือ DSPM DAIM6. มีประสบการณ์ดูแลเด็กพิเศษ7. ได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 ครบ 2 เข็ม และได้บูสเข็มที่ 38. ก่อนเริ่มปฏิบัติงานทุกครั้งยินดีตรวจหาเชื้อ COVID-19
สามารถเข้ากับน้องได้สามารถช่วยน้องในเรื่องกิจกรรมเสริมทักษะเคยเป็นอาสาสมัครดูแลเด็กที่โบสถ์ในช่วงสุดสัปดาห์และปิดเทอมส่วนใหญ่น้องจะอยู่ที่อายุประมาณ9-12เดือนเเละ1-12ปี สามารถพาน้องไปเที่ยวทำกิจกรรมหรือช่วยสอนการบ้านได้ไม่มากก็น้อยสามารถเข้ากับเด็กๆจะคอยหากิจกรรมเสริมพัฒนาการให้เด็กๆอยู่เรื่อยๆเรื่องภาษาอังกฤษสามารถสื่อสารได้ปานกลางถึงดี
1.ชื่อ-นามสกุล (ไทย) : นิศาชล ช่วยขุน(อังกฤษ) : nisachon chuaykhunสถานะ : โสด2.อายุ : 31 3.ตำแหน่งงานที่สมัคร : ครูผู้ช่วย พี่เลี้ยงเด็กส่วนสูง : 165 ซ.มน้ำหนัก : 44ก.ก.ไม่มีรอยสักไม่ใส่เหล็กดัดฟันไม่สูบบุหรี่กินเหล้านิสัยส่วนตัว ใจดีมีเมตตาชอบเด็กๆเป็นอย่างมาก เรียบร้อย พูดเพราะไม่พูดคำหยาบ ชอบดูแลคนอื่น ชอบให้คำปรึกษา ชอบให้แรงจูงใจให้ความรักพร้อมความรู้พร้อมกัน ชีวิตและการทำงานทุกทางผูกพันธ์กับเด็ก เป็นพี่สาวคนโตเลี้ยงๆน้องที่บ้านเกิด ขยันชอบเอนเตอร์เทรน ประวิติการทำงานสายอีเว้นท์ช่วงว่างงานหรือวันหยุด-MC โฟนของเล่นเด็ก บ.คิดส์โด-MC โฟนงานวัคซีน ม.ไทย-ญี่ปุ่น- Staff แจกใบปลิว งานโบกป้าย เอกตร้า-ครูสอนเสริม สอนการบ้านบ้านเด็กกำพร้างานประจำที่เคยผ่าน-ฝึกงาน สถาบันคอม ม.ราม-พี่เลี้ยงสถานสงเคราะห์ บ.มหาเมฆ กรมเด็ก-ปัจจุบัน ครูผู้ช่วยโรงเรียนเด็กก่อนเรียนรามคำแหง 7.ระดับการศึกษา :ป.ตรี คณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง8.ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลงลูกทุ่ง โฟนMC เต้น นำกิจกรรมเอนเตอร์เทน9.สื่อสารภาษาอังกฤษ : พอได้บ้าง10.รอยสัก : ไม่มี11. ที่อยู่ : รามคำแหงมหาดไทย12. สถานะการฉีดวัคซีนโควิด : ฉีดแล้ว2เข็ม
แสดงผล 1 ถึง 20 จาก 34 ผลการค้นหา
1 2ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก
1. พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความอดทนสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องมีความเข้าใจเด็ก สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนที่มีความอดทนสูง
2. พี่เลี้ยงเด็กควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที เช่น เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลเกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผลถลอก พี่เลี้ยงต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อของแผล เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรเลือกพี่เลี้ยงที่มีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ
3. พี่เลี้ยงเด็กควรมีทักษะการแก้ไขปัญหา พี่เลี้ยงจะต้องรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้ว่าจ้างเสมอไปหากปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง
4. ทำอาหารเป็น ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นต้องมี พี่เลี้ยงไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลเด็กอย่างเดียวเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงอาจจะต้องเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานในแต่ละมื้อด้วย หากอาหารอร่อยถูกปาก เด็กจะเจริญอาหารและอารมณ์ดี ที่สำคัญที่สุดที่พี่เลี้ยงต้องใส่ใจและจดจำด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ดูแลนั้น แพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานสิ่งที่แพ้เข้าไป
5. มีความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือสันทนาการ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจจะสอนเด็กนับเลข ฝึกการอ่าน หรือระบายสีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เหล่านี้
1. คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับเด็ก ถึงความจำเป็นที่ต้องให้เด็กๆ อยู่กับพี่เลี้ยง ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าคุณพ่อคุณแม่หาคนที่สามารถดูแลพวกเขาได้ดี
2. คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงที่เข้ากันได้กับลูก ๆ และมีความพร้อมในการดูแลเด็ก
3. แนะนำให้ลูก ๆ ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง โดยอาจจะเล่าให้ฟังว่าพี่เลี้ยงเห็นใคร ชื่ออะไร คุยกับพี่ผ่านทางวิดีโอคอลก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อนลดความตึงเครียดในการเจอกันครั้งแรก
4. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง เบอร์โทรฉุกเฉิน และสอนให้ลูกใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือโทรขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
5. มอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ทำระหว่างวัน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีกิจกรรมเบนความสนใจและไม่เอาแต่จดจ่อรอเวลาคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
6. เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากบ้านและต้องให้เด็ก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าพี่เลี้ยงจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีและย้ำว่าพวกเขาสามารถโทรหาคุณได้เสมอ
1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
ตลาดนกฮูก ตลาดโต้รุ่งเมืองนนท์
ตลาดนกฮูก (Owl Market) เป็นตลาดนัดเลี่ยงเมืองนนท์ ที่เปิดโต้รุ่ง สามารถเดินชม ชิม ช็อปได้ข้ามวัน เดิมเป็นตลาดกรมชลประทาน ที่ย้ายมาตั้งอยู่หลังเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ ถนนเลี่ยงเมือง ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เป็นทำเลค้าขายที่เปิดขายของในเวลากลางคืน มีร้านอาหารให้เลือกทานมากมาย ทั้งร้านธรรมดาและแบบฟู้ดทรัคเก๋ๆ เช่น อาหารจานเดียว ส้มตำไก่ย่าง สเต๊ก ก๋วยเตี๋ยว และร้านน้ำ ร้านกาแฟ นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่นๆอีกมากมายทั้งเสื้อผ้าแฟชั่นทั้งมือหนึ่งมือสอง เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้เบ็ดเตร็ด บรรยากาศคล้ายตลาดคลองถมผสมตลาดนัด และมีแสงส่องเรืองๆคล้ายตลาดไฟฉาย
ภายในตลาดแบ่งเป็น 5 โซน คือ โซนหน้าตลาด โซนในตลาด โซนคลองถม 2 และโซนตู้คอนเทนเนอร์อาหาร โดยโซนหน้าตลาด และโซนในตลาด จะขายสินค้าทั่วไป ข้าวของเครื่องใช้ และสินค้าแฟชั่น โซนคลองถม 2 เน้นสินค้าทั้งมือหนึ่งและมือสอง ส่วนโซนตู้คอนเทนเนอร์ เปิดขายอาหาร นอกจากนี้ ยังมีโซนสุดท้ายที่เป็นศูนย์อาหารภายในอาคารด้วย
ตลาดนกฮูก เปิดขายทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่ 18:00 น. จนถึง 10:00 น. ของอีกวัน โซนโต้รุ่งและเทคโฮม เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 15:00 จนถึง 24:00 น. ตลาดมีที่จอดรถกว้างขวาง และด้วยการบริหารจัดการอาจยังไม่เป็นระบบระเบียบนัก หากขับรถยนต์ส่วนตัวมาเองอาจต้องใจเย็นสักนิด เพราะรถค่อนข้างติด แต่พอได้ที่จอดก็เดินกันเพลินๆยาวๆ ถึงเช้าได้เลย
อำเภอเมืองนนทบุรี แหล่งรวมพิพิธภัณฑ์
อำเภอเมืองนนทบุรี เดิมมีชื่อว่า อำเภอตลาดขวัญ ปรากฏชื่อในเอกสารที่ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2445 ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอนนทบุรี ตามประการลงราชกิจจานุเบกษาปี พ.ศ. 2466 มีที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่ในอาคารศาลากลางเมืองนนทบุรี ข้างวัดท้ายเมือง ตำบลตลาดขวัญ ต่อมาในปี พ.ศ. 2481 มีการเปลี่ยนชื่ออำเภอนนทบุรีเป็น อำเภอเมืองนนทบุรี เนื่องจากทางราชการมีนโยบายในการเปลี่ยนชื่ออำเภอที่เป็นที่ตั้งจังหวัดเป็นอำเภอเมือง
อำเภอเมืองนนทบุรีมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง และที่น่าสนใจประการหนึ่งคือ มีพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ถึง 5 แห่ง กระจายไปในตำบลต่างๆ คือ
1. พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดหลังเก่า อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าน้ำนนท์ ตำบลสวนใหญ่ เคยเป็นที่ตั้งโรงเรียนราชวิทยาลัยในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาเมื่อโรงเรียนถูกยุบ จึงใช้เป็นศาลากลางจังหวัดนนทบุรีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 จนถึง พ.ศ. 2535 ส่วนราชการทั้งหมดจึงย้ายไปตั้งที่ศูนย์ราชการจังหวัดแห่งใหม่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ หลังจากนั้น กรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ทรงไทยประยุกต์ ทำจากไม้สักทั้งหลัง จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จังหวัดนนทบุรี และวิถีชีวิตคนเมืองนนท์ เปิดให้เข้าชมวันอังคาร ถึง วันศุกร์ เวลา 09:00 – 17:00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2. พิพิธภัณฑ์มนุษยชาติวิทยา ตั้งอยู่หลังศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ตำบลสวนใหญ่ ปัจจุบันใช้ชื่อว่า พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2504 เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาแห่งแรกของไทย อาคารเป็นตึก 2 ชั้น มีห้องขนาดใหญ่ 4 ห้อง จัดแสดงวิวัฒนาการของพืช สัตว์ และมนุษย์ รวมทั้งวิวัฒนาการของสัตว์โบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์นี้ถือเป็นตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์ยุคดั้งเดิม บรรยากาศพิพิธภัณฑ์เป็นแนวเรโทร ยุค 40-50 ปีที่ผ่านมา ด้านข้างมีห้องประชาชนเปิดให้บริการด้วย พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมวันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 08:30 – 16:30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
3. พิพิธภัณฑ์บ้านดุริยางคศิลป์ (บ้านครูมนตรี ตราโมท) หรือที่เรียกกันว่า “บ้านโสมส่องแสง” ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 81 หมุ่ 11 ซอยพิชยนันท์ 2 ถนนติวานนท์ 3 ตำบลตลาดขวัญ เป็นบ้านพักของครูมนตรี ตราโมท ศิลปิน 5 แผ่นดิน และเป็นนักดนตรีคนแรกที่ได้ตีขิมในวงเครื่องหลวง บรรเลงถวายรัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นยุคที่วงดนตรีไทยและโขนละครเจริญเฟื่องฟูมาก ครูมนตรี ตราโมท ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาดุริยางคศิลป์ ดนตรีไทย ประจำปี พ.ศ. 2528 มีชีวิตอยู่ระหว่างสมัยรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 9 ทายาทของท่านจึงได้ทำการอนุรักษ์บ้านพักและเครื่องดนตรีต่างๆไว้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ มีการจัดแสดงชีวประวัติและผลงานเพลงต่างๆของครู รวมทั้งเพลงที่เป็นลายมือต้นฉบับตั้งแต่เพลงแรกจนถึงเพลงสุดท้าย และมีการสอนดนตรีไทยให้ผู้สนใจทั่วไปทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และในช่วงอาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดพิธีไหว้ครูดนตรีไทยด้วย พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 – 17:00 น. (ควรโทรนัดหมายล่วงหน้า) โดยไม่เก็บค่าเข้าชม
4. พิพิธภัณฑ์เขาสัตว์ เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชน ที่รวบรวมเขาสัตว์และวัตถุโบราณไว้มากมาย อายุตั้งแต่ 100 ปี ถึง 16 ล้านปี ตั้งอยู่เลขที่ 27/8 หมู่ 6 ถนนประชาราษฎร์ ตำบลตลาดขวัญ นับเป็นพิพิธภัณฑ์เขาสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ก่อตั้งโดยคุณประเสริฐ ศรียรรยง ภายในจัดแสดงเขาสัตว์และส่วนกะโหลก ทั้งสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อ โดยเน้นสัตว์ที่อยู่ในประเทศไทย เขาสัตว์ทุกชิ้นมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย และส่วนใหญ่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษในสมัยที่การล่าสัตว์ยังเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยม เช่น เขากระทิง เขาวัวแดง วัวกูปรี งาช้างแมมมอธยาว 2 เมตรที่พบในภาคอีสาน และเขาเนื้อสมันซึ่งเป็นสัตว์ที่เขาสวยที่สุดในโลก พบในบริเวณภาคกลางของประเทศไทยแต่สูญพันธุ์ไปกว่า 150 ปีแล้ว พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมในวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 09:00 – 16;00 น. มีค่าธรรมเนียมผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
5. พิพิธภัณฑ์และศูนย์ฝึกอบรมการแพทย์แผนไทย ตั้งอยู่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข ซอยติวานนท์ 4 (โรงพยาบาลศรีธัญญา) ถนนติวานนท์ ตำบลบางเขน เป็นอาคารทรงไทย 3 ชั้น แบ่งออกเป็น 7 ห้อง คือ หอพระไภษัชยคุรุไวทยประภา หออบรมครูการแพทย์แผนไทย วิวัฒนาการการแพทย์แผนไทย ห้องภูมิปัญญาไทย ห้องการนวดไทย ห้องอาหารไทยเพื่อสุขภาพ และหอยา โดยภาพรวม ทั้ง 7 ห้องมีจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติและวิวัฒนาการของการแพทย์แผนไทย ปรัชญาการแพทย์แผนไทย และเครื่องยาแผนไทยต่างๆ เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08:30 – 16:30 น. มีค่าเข้าชม ชาวไทย 30 บาท เด็ก 15 บาท นักเรียนนักศึกษา 10 บาท และชาวต่างชาติ 150 บาท
ฟันน้ำนมของลูกน้อยจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่
ฟันน้ำนมซี่แรกของลูกน้อย ส่วนใหญ่จะขึ้นเมื่อมีอายุ 4-7 เดือน โดยฟันที่ขึ้นก่อนมักจะเป็นฟันหน้าด้านล่าง 2 ซี่ แล้วหลังจากนั้นฟันซี่อื่นๆจะค่อยๆขึ้นตามมา ฟันหน้าด้านบนจะขึ้นเมื่อลูกอายุประมาณ 8-12 เดือน ฟันกรามใหญ่ทั้งบนและล่างจะขึ้นเมื่อลูกอายุประมาณ 12-20 เดือน และฟันกรามเล็กทั้งบนและล่างจะขึ้นเมื่อลูกอายุประมาณ 20-30 เดือน ส่วนเขี้ยวทั้งด้านบนและล่างจะขึ้นเมื่อลูกอายุประมาณ 16-20 เดือน และเด็กผู้หญิงจะมีฟันขึ้นเร็วกว่าเด็กผู้ชายประมาณ 2-10 เดือน โดยฟันจะขึ้นครบในช่วงอายุราวๆ 3 ขวบ และฟันน้ำนมจะอยู่กับลูกน้อยจนอายุครบ 6 ขวบ หลังจากนั้นฟันแท้ก็จะเริ่มขึ้นมาแทนที่
เด็กที่ฟันงอกช้า อาจจะต้องรอถึง 1 ขวบ ฟันน้ำนมซี่แรกจึงจะขึ้น ซึ่งแนะนำว่าหาก 10 เดือนแล้วฟันยังไม่ขึ้นเลย ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าเกิดจากสาเหตุอะไร หรือมีความผิดปกติอื่นๆหรือไม่ เช่น ฟันน้ำนมโผล่ขึ้นมาเหนือเหงือกไม่ได้ และการที่ฟันขึ้นช้าอาจส่งผลต่อพัฒนาการอื่นๆของลูกตามมา เช่น กินอาหารลำบาก พูดไม่ชัด
อาการที่จะสังเกตได้ว่าฟันกำลังจะขึ้น คือ
1. ลูกอาจกัด แทะ หรือเคี้ยวอะไรบางอย่างตลอดเวลา
2. มีน้ำลายไหลมากกว่าปกติ
3. เหงือกบวมแดง หากใช้นิ้วมือลูบเบาๆจะรู้สึกเหงือกแข็งขึ้น
4. ลูกอาจมีอาการหงุดหงิดที่เกิดจากความเจ็บ ปวด หรือคันเหงือก และมักจะเป็นมากในตอนกลางคืน ทำให้ลูกน้อยตื่นบ่อยในเวลากลางคืน
5. เบื่ออาหารเดิมๆ หรืออยากเปลี่ยนเป็นอาหารที่มีลักษณะแข็งขึ้น เพื่อจะได้เคี้ยว ซึ่งเกิดจากอาการคันเหงือก
เพื่อบรรเทาอาหารคันเหงือก คุณพ่อคุณแม่สามารถหาของเล่นที่ไม่มีสารอันตราย หรือผักที่มีลักษณะแข็ง เช่น แครอท หรือแตงกวาหั่นเป็นแท่งยาวแช่แข็งเอาไว้ให้ลูกกัดเล่น เพื่อลดอาการคันเหงือกได้
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง