วิธีการทำงาน
ติดต่อเรา
ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ
แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ
เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ
ยืนยันการจองของคุณ
เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA
เป็นติวเตอร์สอนตั้งแต่ระดับ ป.1-ม.6 มาตั้งแต่เรียนปี 1 ประจำอยู่ที่สถาบันกวดวิชาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในหาดใหญ่ เคยไปเป็นครูพิเศษสอนที่โรงเรียนศาสนาอิสลาม เกาะหมี เคยสอนทั้งตัวต่อตัว เป็นกลุ่ม นักเรียนเยอะสุดในคลาส 40 คน สามารถคุมเด็กได้ มีรูปแบบการสอนที่สนุก ถามตอบแลกเปลี่ยนความรู้ตลอดเวลา เคยสอนทั้งรูปแบบออนไลน์ และออนไซต์ รับรองคุณภาพเด็กสอบติดม.1 และม.4โรงเรียนชั้นนำของจังหวัดพัทลุงและสงขลา ร้อยละ 90% อีก 10% เลือกจะเรียนต่อที่เดิมโดยไม่ต้องสอบเข้า
ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ
รีวิวล่าสุด
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ
1 ครูสอนพิเศษหรือติวเตอร์ภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว โดยมากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และจบด้านภาษาอังกฤษโดยตรง หรืออาจจบการศึกษามาจากต่างประเทศ ทำให้สามารถพูดสำเนียงได้เหมือนเจ้าของภาษา จึงการันตีได้ว่าผู้เรียนจะได้เรียนกับครูสอนภาษาอังกฤษที่มีความชำนาญจริงๆ
2 ติวเตอร์มีระบบแบบแผนการสอนที่ชัดเจนและมีคุณภาพ ทำให้นักเรียนได้รับความต่อเนื่องในการเรียน
3 ติวเตอร์ภาษาอังกฤษเก่งในเรื่อง คำศัพท์ เนื้อหา Grammar ต่างๆ รวมทั้งการเก็งข้อสอบ
4 การสอนแบบตัวต่อตัวที่บ้าน ทำให้ติวเตอร์สามารถแก้ปัญหาของผู้เรียนได้ตรงจุด รู้ว่านักเรียนมีจุดอ่อนหรือจุดแข็งในด้านใด ควรปรับ ควรเสริมอะไรบ้าง เพื่อให้การเรียนพิเศษภาษาอังกฤษมีความเหมาะสมกับนักเรียนมากที่สุด หากพื้นฐานภาษาอังกฤษของนักเรียนไม่ดีนัก ติวเตอร์จะสอนแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนคนที่พื้นฐานดีอยู่แล้วติวเตอร์สามารถเน้นเนื้อหาให้เข้มข้นตามและเจาะจงหัวข้อที่อยากเรียน โดยจะสอนแบบรวบรัดเพื่อให้ได้เนื้อหาที่ครอบคลุม เพื่อให้สามารถสอบเข้าในสถานศึกษาชั้นนำได้ในที่สุด
5 ติวเตอร์จะให้นักเรียนฝึกทำข้อสอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้อสอบมิดเทอม ข้อสอบเพื่อเรียนต่อ และช่วยฝึกฝนการสนทนาภาษาอังกฤษแบบที่ไม่น่าเบื่อ เพราะมีเทคนิคใหม่ ๆ ที่ทันสมัยมาช่วยให้นักเรียนชอบภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยให้นักเรียนรู้ถึงข้อผิดพลาดขอตัวเองก่อนทำข้อสอบจริง
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เด็กไทยอ่อนภาษาอังกฤษมีดังนี้
1. เด็กไทยมีความรู้ด้านคำศัพท์ค่อนข้างน้อย เพราะการรู้คำศัพท์มีความสำคัญในการเริ่มต้นคิดประโยคเพื่อพูดหรือสื่อสารนั่นเอง
2. บางครั้งเด็กไทยยึดติดกับไวยากรณ์หรือ Grammar มากเกินไป ทำให้กังวลที่จะพูดหรือสื่อสาร ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษดูยุ่งยากและเบื่อที่จะเรียนรู้ต่อไป
3. ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของคนไทย เด็กไทยส่วนมากมีโอกาสเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียน แต่เมื่อกลับไปที่บ้านก็ไม่ได้ทำการฝึกทักษะในส่วนนี้ ซึ่งจริง ๆแล้วการใช้บ่อย พูดบ่อย เขียนบ่อย ก็จะช่วยพัฒนาให้ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นเช่นกัน
4. ยึดติดกับหนังสือเรียนมากเกินไป แต่ในความเป็นจริงการพูดของชาวต่างชาติก็ไม่ได้ตรงตาม Grammar ทั้งหมด ซึ่งเหมือนกับภาษาไทยที่อาจจะใช้ไม่ถูกหลักไวยากรณ์แต่ยังสามารถสื่อสารกันได้ ดังนั้นหากเด็กกล้าที่จะพูดไปเรื่อย ๆ จะเรียนรู้ Grammar และวิธีการสื่อสารโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่าเรียนรู้จากประสบการณ์
5. บางครั้งเด็กไทยค่อนข้างอายในการพูดภาษาอังกฤษ เพราะความประหม่า กังวล กลัวผิดพลาด กลัวสื่อสารไม่เข้าใจ เป็นต้นเหตุให้ไม่ได้พัฒนาภาษาอังกฤษเท่าที่ควร
6. เด็กไทยยึดติดอยู่กับการท่องจำ เรียนเพื่อสอบเท่านั้น ไม่ได้มีใจรักในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ จริง ๆ การเริ่มทำอะไรสักอย่างต้องมาจากความชอบก่อนแล้วเราจะทำมันได้ดี แต่หากเรียนเพื่อการสอบเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องนำไปใช้จริงในการสื่อสารแล้วก็ไม่สามารถที่จะทำการสื่อสารได้ แถมยังส่งผลให้ไม่สนุกกับการเรียนอีกด้วย
TOEIC (Test of English for International Communication)
เป็นการวัดระดับภาษาอังกฤษเชิงการสื่อสาร คะแนน TOEIC มีไว้สำหรับการสมัครงาน เพื่อเป็นการรับรองว่าเรามีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้ตรงตามที่บริษัทกำหนดเอาไว้ โดยการสอบ TOEIC มี 2 ส่วน คือ
• การฟัง Listening
• การอ่าน Reading
โดยข้อสอบเป็นแบบเลือกตอบ (Multiple Choice) ทั้งหมด
TOEFL (The Test of English as a Foreign Language)
เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ (Academic English) ทั้งนี้เพื่อทดสอบว่าผู้สอบมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการมากน้อยแค่ไหน จุดประสงค์เพื่อใช้สำหรับการเรียนต่อต่างประเทศ สามารถนำคะแนนสอบไปใช้ยื่นเข้าเรียนต่อปริญญาโท และปริญญาเอกในคณะที่เป็นหลักสูตร International ได้ โดยข้อสอบ TOEFL มี 4 ส่วน
• การอ่าน Reading
• การฟัง Listening
• การพูด Speaking
• การเขียน Writing
IELTS (International English Language Testing System)
เป็นการสอบในระบบภาษาอังกฤษ โดยทดสอบภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ โดยถ้าต้องการไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็จะต้องใช้คะแนน IELTS
การสอบ IELTS ใช้ประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของผู้สมัครสอบ 4 ทักษะ คือ
• การฟัง Listening
• การอ่าน Reading
• การเขียน Writing
• การพูด รวมถึงความรู้ทางด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ Speaking including Grammatical and Vocabulary Knowledge
IELTS เป็นข้อสอบที่ร่วมมือกันของ 3 สถาบัน ได้แก่
• The University of Cambridge ESOL Examinations (Cambridge ESOL)
• British Council
• IDP : IELTS Australia
ซึ่งการสอบ IELTS ถือได้ว่าเป็นการสอบที่ใช้ประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้มาตรฐานระดับสูงสุด
SAIJAI "ใส่ใจ" เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ครูสอนพิเศษ/ติวเตอร์ แม่บ้าน/ทำความสะอาด คนขับรถ ดูแลสัตว์เลี้ยง เสริมสวย และช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น "SAIJAI" ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการหรือจ้างบุคคลใดให้บริการ ไม่มีสถานะเป็นนายจ้าง ผู้ว่าจ้าง ตัวแทน ผู้ร่วมทุน อย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้นของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้รับจ้างอิสระ ซึ่งผู้รับบริการเป็นผู้ว่าจ้าง คุณภาพการให้บริการเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของผู้ให้บริการเอง การเรียกใช้บริการจากผู้ให้บริการ อาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้รับบริการรับทราบและยินดีใช้บริการ บนความเสี่ยงใด ๆ ในความรับผิดชอบของตัวท่านเอง