แม่บ้าน ใน หนองแขม, กรุงเทพมหานคร

คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีการเจริญเติบโตไปทุกวัน และคนที่เข้ามาทำงานก็มีความก้าวหน้าในอาชีพ และสิ่งหนึ่งก็มองหาที่ลงหลักปักฐานหนึ่งในปัจจัยสี่ก็คือบ้าน หรือที่อยู่อาศัย หากต้องอยู่ใจกลางกรุงแล้วค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง หลายคนมองออกไปยังเขตรอบๆ กรุงเทพ "เขตหนองแขม" หนึ่งในย่านที่ผู้คนหลีกหนีความวุ่นวายของตัวเมือง แต่กระนั้นก็ยังมีการเดินทางเชื่อมต่อเข้าออกสู่ตัวเมืองได้อย่างหลากหลายเส้นทาง จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสงบและการเดินทางที่สะดวกสบาย เขตหนองแขมนี้มีบ้านพักอาศัยให้เลือกหลากหลายและราคาที่ไม่แพงมาก อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ รายล้อม เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ คอมมูนิตี้ มอลล์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเขตที่น่าสนใจในการเลือกที่อยู่อาศัยระยะยาว เพราะอนาคตอันใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะมีส่วนต่อขยายยาวไปถึงพุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งนั่นจะทำให้ผู้คนในเขตหนองแขมมีการเดินทางที่สะดวกมากขึ้น ปัจจุบันย่านนี้ก็เป็นที่หมายปองของหลายๆ คน สภาพเศรษฐกิจดั้งเดิมของเขตหนองแขมขึ้นอยู่กับการเกษตรกรรม ปัจจุบันนี้สภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงไปตามความเจริญหรือเมืองที่ขยายเข้ามา เนื่องจากชุมชนเมืองขยายตัวจากพื้นที่ชั้นใน ผู้ย้ายถิ่นเข้ามาอยู่อาศัยและประกอบอาชีพมากขึ้น พื้นที่การเกษตรจึงเริ่มถูกเปลี่ยนแปลงเป็นสถานที่ราชการ สถานศึกษา โรงพยาบาล สาธารณสุข สถานีโทรทัศน์ โรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ และหมู่บ้านจัดสรร ในพื้นที่ ที่น้อยกว่า 36 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรกว่า 150,000 คน ชื่อเขตนั้นได้เปลี่ยนแปลงตั้งตามวัดเพราะวัดคือศูนย์กลางของชาวบ้านตั้งแต่ดั้งเดิม ที่มีบ่อน้ำในวัด ที่เรียกกันติดปากว่าบ่อน้ำหนองแนม วัดหนองแขมสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2413 เพื่อเป็นที่บรรจุอัฐิธาตุของบุพการี สถานศึกษาและบำเพ็ญบุญของชาวบ้านหัวย่าน จังหวัดนครปฐม ที่อพยพมาอยู่แถบหนองแขม ตั้งชื่อว่า "วัดหนองแขม" เนื่องจากมีหนองน้ำปกคลุมด้วยต้นแขมอยู่ใกล้วัด และต่อมากลายเป็นชื่อตำบลหนองแขม สิ่งสำคัญในวัดหนองแขมได้แก่ พระมหากัจจายนะ (หลวงพ่อโต) รูปหล่อพระครูวิทยาวรคุณ (หลวงพ่อพร) ขนาดเท่าองค์จริง ซึ่งคณะศิษยานุศิษย์ได้ร่วมกันสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2468 และยังมีรอยพระพุทธบาทจำลองประดิษฐานในมณฑป โดยมีการจัดงานปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลองนี้ในช่วงเดือนสามของทุกปี

ข้อมูลบางประการที่เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดค่าจ้างหรือค่าบริการสำหรับแม่บ้าน

ข้อควรพิจารณา

- แม่บ้านแบบพักอาศัยร่วมกับนายจ้าง การที่นายจ้างจัดหาที่พักและอาหารให้กับแม่บ้าน อาจถือได้ว่าสวัสดิการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของค่าตอบแทนหรือค่าจ้าง

- แม่บ้านแบบ ไป-กลับ แม่บ้านอาจมีค่าใช้จ่ายจากการเดินทางเพิ่มขึ้น ดังนั้นนายจ้างควรพิจารณาค่าตอบแทนที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายนี้ด้วย

- แม่บ้านแบบเต็มเวลา โดยทั่วไปหมายถึง 07:00-19:00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ และครึ่งวันในวันเสาร์ แม้ว่าจะมีการปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละครอบครัว

- แม่บ้านแบบพาร์ทไทม์ จำนวนชั่วโมงและวันในสัปดาห์ที่คุณและแม่บ้านตกลงกัน อัตราปกติคือ 150 บาทต่อชั่วโมง

- หน้าที่ความรับผิดชอบ พิจารณาว่านอกจากงานบ้านแล้วแม่บ้านยังทำหน้าที่อื่นด้วยหรือไม่ ดูแลเด็ก ดูแลสัตว์เลี้ยงทำความสะอาด ซักรีด ช็อปปิ้ง ทำอาหารหรือผสม

- ค่าล่วงเวลา โดยปกติอัตราค่าบริการล่วงเวลาจะอยู่ที่ ชั่วโมงละ 100-150 บาท

- สัญชาติ นอกจากแม่บ้านชาวไทยแล้วยังมีแม่บ้านชาวพม่าและชาวฟิลิปปินส์ แม่บ้านชาวไทยจะไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องวีซ่า ดังนั้นการจ้างแม่บ้านชาวต่างชาติอาจต้องคำนึงค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย

- ประสบการณ์การทำงาน แม่บ้านที่มีประสบการณ์ย่อมมีค่าตัวสูงกว่าแม่บ้านมือใหม่

- ภาษาอังกฤษ การพูด อ่าน หรือเขียนภาษาอังกฤษได้ เป็นสิ่งสำคัญที่นายจ้างต้องพิจารณา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของนายจ้างด้วยว่า จำเป็นหรือไม่ที่ต้องจ้างแม่บ้านที่มีความรู้และทักษะภาษาอังกฤษ

อยากเริ่มงานแม่บ้าน อยากเป็นผู้ให้บริการแม่บ้าน ไม่ใช่แค่จับไม้กวาด ปัด ๆ ถู ๆ แค่นั้น การทำงานแม่บ้านอย่างมืออาชีพ ผู้ให้บริการต้องมีความรู้และทักษะในงาน หากเป็นไปได้ควรทำฝึกอบรมเพื่อให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการฝึกหัด ฝึกอบรมแม่บ้านและพนักงานทำความสะอาดมือใหม่

แนวทางทั่วไปในการฝึกงานแม่บ้าน

– วิธีการมาตรฐานสำหรับแต่ละงาน เช่น วิธีการขจัดคราบออกจากยาแนว หรือวิธีการอบไอน้ำพรมให้สะอาดอย่างเหมาะสม แม่บ้านต้องรู้ทุกขั้นตอนในการทำความสะอาด รวมถึงผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เหมาะสม

– ทางเลือกอื่น ๆ นอกจากวิธีการมาตรฐาน แม่บ้านต้องสามารถปรับวิธีการทำงานไปตามเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือปรับไปตามหน้างาน ดังนั้นนอกจากวิธีการมาตรฐานในการทำงานแล้ว แม่บ้านควรมีความรู้เรื่องทางเลือกหรือวิธีการอื่น ๆ แต่ได้ผลลัพธ์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

– ใช้ระบบพี่เลี้ยง คือ จับคู่ทำงานกับแม่บ้านที่มีประสบการณ์ เพื่อให้คนที่มีประสบการณ์แนะนำวิธีและเคล็ดลับในการทำความสะอาดที่หาไม่ได้ในตำรา

-บุคลิกภาพ นอกจากความรู้ในงานแม่บ้านแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ บุคลิกภาพที่ดีและมารยาทในการสื่อสารกับลูกค้าหรือนายจ้าง คงไม่ดีแน่ถ้าคุณแม่บ้านทำงานดี แต่ไม่เคยทักทายหรือแสดงท่าทางที่ไม่สุภาพ

– ทักษะในการสื่อสาร แม่บ้านควรเป็นคนที่พูดจาน่าฟัง เข้าใจง่าย ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองอีกด้วย