ช่างปูกระเบื้อง ใน กรุงเทพมหานคร

ช่างปูกระเบื้อง ใน กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่
ผู้ให้บริการช่างปูกระเบื้อง ใน กรุงเทพมหานคร:

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ประวัติการทำงาน-ช่างประจำอาคาร8ปี-หัวหน้าช่าง3ปี-ปัจจุบันรับงานเหมาอิสระ 4ปี-ปัจจุบันรับงานไฟฟ้าประปาทาสีงาน Maintenance Service ห้องพัก อพาร์ทเมนท์ ออฟฟิต คอนโด รับงานทำความสะอาดสระว่ายน้ำบริการทั้งงานเล็ก ๆ ถึงงานใหญ่ครับ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

เลิศ ไม่ต้องพูดเยอะใช้บริการกี่รอบ ๆ ก็ไม่ผิดหวัง
Saijai
กาญจน์ปุบผา ศรีทองอำพัน
3 ปีที่แล้ว
ช่างมีความละเอียด ชำนาญ เลือกแบบออกมาได้ตรงใจมาก ๆ
Saijai
เวฬา ดำเนิน
3 ปีที่แล้ว
ช่างตรงต่อเวลา แอดมินก็ตอบคำถามคลายความสงสัยได้ดี งานที่ออกมาก็มีความเรียบร้อย
Saijai
วรรณษา ดารามัย
3 ปีที่แล้ว
เบื่อสีพื้นกระเบื้องในห้องมากกก ตอนสร้างไอเราก็ยังไม่เกิด ตอนนี้สามารถทำได้แล้วก็อยากจะปูพื้นห้องใหม่ ได้ช่างปูกระเบื้องจากใส่ใจมาจัดการให้ งานเนี๊ยบ แถมไว ประทับใจกลับมาใช้บริการอีกแน่นอน
Saijai
ดารีณี ฝีมือหาร
3 ปีที่แล้ว
กระเบื้องพื้นตรงประตูบ้านดูมีความบาง ๆ เดินเหยียบเข้าออกบ่อยครั้งเหมือนจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ สุดท้ายก็เรียกช่างมาตรวจสอบ ขอบคุณช่างจาก SAIJAI ที่มาทำการตรวจสอบและแก้ไขให้ ตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าพิ้นจะแตก
Saijai
สิริลักษณา มานะยิ่ง
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ช่างปูกระเบื้อง

ปูพื้นกระเบื้องทำได้อย่างไรบ้าง
วิธีการปูกระเบื้องนั้นมีขั้นตอนและรายละเอียดมากมาย ทั้งการเลือกปูให้เหมาะสมกับชนิดกระเบื้อง และช่างปูกระเบื้องที่ต้องทักษะและความชำนาญ วิธีการปูกระเบื้องกระเบื้องมีอยู่ 3 วิธี ได้แก่ การปูกระเบื้องแบบซาลาเปา การปูกระเบื้องแบบกึ่งเปียก(ปูนขี้หนู) และการปูกระเบื้องแบบใช้กาวซีเมนต์(ปูนกาว)
วิธีการปูกระเบื้องแบบ “ซาลาเปา” การปูพื้นกระเบื้องด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ช่างนิยมใช้เพราะสะดวก รวดเร็ว และไม่เลอะเทอะ คือการนำปูนมาโปะกลางหลังกระเบื้อง แต่ข้อเสียของการโปะปูนแค่ตรงกลางนั้นจะทำให้เกิดช่องว่างใต้กระเบื้อง และทำให้เสี่ยงต่อการแตกร้าว หลุดล่อนได้ง่าย
วิธีการปูกระเบื้องแบบ “กึ่งเปียก” หรือ “ปูนขี้หนู” คือการปรับระดับพร้อมกับการปูกระเบื้อง โดยการนำปูนซีเมนต์มาผสมกับทรายให้เข้ากันแล้วเติมน้ำเข้าไปเพียงเล็กน้อย แล้วนำไปเทปรับให้พื้นได้ระดับที่ต้องการจากนั้นปาดกาวซีเมนต์หลังกระเบื้องแปะลงไปแล้วเคาะให้ได้ระดับที่ต้องการ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเพราะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และสะดวก ปูนขี้หนูที่อยู่ใต้กระเบื้องนั้นมีข้อเสียคือมีโอกาสเคลื่อนตัวหรือยุบตัว ทำให้เกิดปัญหากระเบื้องกระเดิด หรือหลุดล่อนได้
วิธีการปูกระเบื้องแบบ “กาวซีเมนต์” หรือ “ปูนกาว” วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดจากทั้ง 3 วิธีที่เราได้กล่าวมา การปูกระเบื้องด้วยวิธีนี้จะมีค่าการยึดเกาะที่สูง ทำให้กระเบื้องติดแน่น ทนนาน ไม่หลุดล่อน การเตรียมส่วนผสมนั้นไม่ยุ่งยาก ปัญหาการยุบตัวและการเกิดคราบขาวน้อย คือการเทปรับพื้นให้ได้ระดับที่ต้องการ และจะต้องเหลือความหนาไว้สำหรับปูกระเบื้อง จากนั้นก็ทำการผสมปูนกาวแล้วก็นำไปปาดลงบนพื้นผนังตามขนาดที่เหมาะสม
ประเภทของกระเบื้องกับการใช้งานที่เหมาะสม
ก่อนที่เราจะซื้อกระเบื้องปูพื้นหรือผนังบ้านนั้นเราต้องรู้ก่อนว่า กระเบื้องแต่ละแบบมีคุณสมบัติอย่างไร เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและเพื่อที่จะทำให้เรานั้นได้ใช้งานอย่างยาวนาน
กระเบื้องที่คนส่วนมากนิยมนำไปปูพื้น มีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย คือ กระเบื้องเซรามิก เนื้อกระเบื้องเซรามิกจะมีความแน่นและมีความแข็งแรงสูงเลยทีเดียว สามารถนำไปปูพื้นหรือผนังได้ นอกจากนี้กระเบื้องเซรามิกยังดูดซึมน้ำได้ดี เวลาเปียกน้ำ เนื้อกระเบื้องจะมีความลื่น ไม่ควรเอาไปปูพื้นห้องน้ำหรือบริเวณที่โดนน้ำ
กระเบื้องที่มีการนำมาใช้งานยาวนานที่สุด ใช้กันมาตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน คือ กระเบื้องดินเผา เนื้อกระเบื้องทำมาจากดินเหนียวที่ผ่านการเผา ทำให้เนื้อกระเบื้องมีความด้าน ไม่อมความร้อน และเก็บความชื้นได้ดี มีราคาถูก แต่น่าเสียดายที่เป็นกระเบื้องที่ไม่ค่อยมีความทนทาน ผุกร่อนง่าย และยังทำความสะอาดยากอีกด้วย
กระเบื้องที่มีส่วนผสมของดินขาวและแร่อื่น ๆ ผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูงจนกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น มีความแข็งแรง ไม่แตกง่าย ทนต่อการขูดขีด กระเบื้องชนิดนี้คือ กระเบื้องพอร์ซเลน เป็นกระเบื้องที่ง่ายต่อการทำความสะอาด ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค นิยมนำไปปูพื้นในบริเวณที่ใช้งานบ่อย
กระเบื้องที่มีขนาดเล็กที่สุด มีลักษณะเป็นกระเบื้องชิ้นเล็กๆ ชนิดนี้เรียกว่า กระเบื้องโมเสค มีคุณสมบัติระบายน้ำได้ดีจึงนิยมนำไปปูพื้นสระว่ายน้ำ ไม่เหมาะนำไปปูพื้นในบริเวณที่กว้างๆ เพราะมีขนาดเล็กอาจต้องใช้กระเบื้องจำนวนมาก มีราคาที่ค่อนข้างสูง และยังเป็นกระเบื้องที่ทำความสะอาดยากที่สุดอีกด้วย
กระเบื้องชนิดนี้จะมีความคล้ายกับกระเบื้องโมเสค คือ กระเบื้องแก้ว กระเบื้องแก้วเกิดจากการนำชิ้นแก้วมาขึ้นรูปเป็นแผ่นกระเบื้อง มีราคาค่อนข้างสูงแต่ข้อดีคือมีความทนทานมากกว่ากระเบื้องชนิดอื่น เหมาะกับการนำไปใช้ตกแต่งหรือใช้ปูในพื้นที่แคบ ๆ ไม่นิยมปูในพื้นที่กว้างๆ เพราะกระเบื้องชิ้นเล็กปูยาก และอย่างที่บอกเลยคือราคาค่อนข้างสูง
กระเบื้องชนิดนี้เกิดจากธรรมชาติ คือแผ่นหินที่เนื้อแข็ง ไม่กักเก็บความร้อน จุดเด่นคือมีความเย็นอยู่ในตัว จุดด้อยคือมีน้ำหนักเยอะ การดูรักษาค่อนข้างยุ่งยาก เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย กระเบื้องนี้ก็คือ กระเบื้องหินอ่อนนั้นเอง
กระเบื้องที่เหมาะกับการปูพื้นภายนอก
พื้นกลางแจ้งและพื้นในบ้านนั้นมีสภาพแวดล้อมที่ต่างกันมาก กระเบื้องที่จะใช้ปูในพื้นที่กลางแจ้งนั้นจะต้องมีความทนทานสูง เพราะจะโดดแดด โดนฝนทั้งวันทั้งคืน พื้นภายนอกบ้านนั้นมีความสำคัญไม่แพ้พื้นภายในบ้าน
กระเบื้องที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการปูพื้นภายนอกได้แก่
กระเบื้องพอร์ซเลน ลายหิน กระเบื้องชนิดนี้เป็นกระเบื้องที่มีความหนาแน่นและแข็งแรงมากเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับพื้นที่กลางแจ้งแต่ควรหลีกเลี่ยงกระเบื้องพอร์ซเลนที่มีผิวมันวาวเพราะเมื่อโดนน้ำจะทำให้ลื่นได้ง่าย
กระเบื้องซีเมนต์ กระเบื้องคอนกรีต นิยมใช้ตกแต่งอาคารภายนอกเพราะง่ายต่อการซ่อนฝุ่น มีพื้นผิวสัมผัสที่ค่อนข้างหยาบและด้าน
หินทราเวอร์ทีน(Travertine) ชื่อของหินชนิดนี้มีที่มาจาก Tivoli ในอิตาลี เป็นหินรูปแบบหนึ่งหินปูนรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการตกตะกอนของแร่ธาตุต่าง ๆ และน้ำพุใต้ดิน มีพื้นผิวและสีที่สวยงาม แต่พื้นผิวมีความเป็นหลุมเล็กน้อยซึ่งทำให้ง่ายต่อการเป็นที่สะสมของเชื้อแบคทีเรียเว้นแต่จะขัดผิวหน้าให้เรียบ คุณภาพของหินทราเวอร์ทีนจะมีความต่างกันตามที่มานั้นคือตำแหน่งที่ตั้งของเหมืองหิน
กระเบื้องหินแกรนิต หินแกรนิตเป็นหินที่นิยมใช้ปูทางเดินมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นหินที่มีคุณภาพสูง แต่ก็มีข้อเสียคือเมื่อใช้ปูพื้นกลางแจ้ง กระเบื้องแกรนินั้นจะมีความเงาสูง จะทำให้ลื่นเมื่อพื้นเปียก
หินปูน หินปูนคือตะกอนหินที่มีอยู่จำนวนมากในธรรมชาติ และมีกระบวนการผลิตที่ง่าย หินปูนโทนสีอ่อนนั้นสามารถสะท้อนความร้อนได้ดี ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีความหนาวจัด
กระเบื้องเซรามิก เป็นกระเบื้องที่ใช้งานได้สำหรับพื้นที่กลางแจ้ง กระเบื้องเซรามิกเหมาะสำหรับปูพื้นลานบ้านที่โดนแดดส่องน้อยที่สุด กระเบื้องชนิดนี้จะไม่แข็งแรงเท่ากับกระเบื้องที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ จึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระเบื้องปูพื้นมีความทนทานเพียงพอสำหรับใช้งานในลานบ้าน
เลือกสีกระเบื้องอย่างไรให้เข้ากับพื้นที่การใช้งานในบ้าน
การเลือกสีกระเบื้องปูพื้น เราควรคำนึงถึงสิ่งใดเพื่อให้ภาพรวมของห้องนั้นบรรยากาศดีและน่าอยู่ แล้วแต่ละห้องควรเลือกใช้กระเบื้องแบบไหนดี
ห้องนอน เพราะห้องนอนนั้นเป็นห้องที่สำคัญที่สุด เป็นห้องที่เราใช้ในการนอนหลับ พักผ่อน เป็นห้องส่วนตัว หรือเรียกได้ว่าเป็น comfort zone สำหรับหลาย ๆ คนเลยทีเดียว ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็น comfort zone ของเราแล้ว สีอะไรที่เราต้องการก็สามารถทาได้ทั้งนั้น แต่เราแนะนำว่าสีในห้องนอนนั้นควรที่จะเป็นสีโทนอ่อน จะสีอะไรก็ได้แต่ควรเป็นสีที่ความอ่อน ความพาสเทล เพื่อให้ห้องดูปลอดโปร่ง โล่ง และยังมีผลการวิจัยจากทั่วโลกยังบอกไว้อีกว่า สีห้องนอนที่เป็นโทนสีอ่อน จะช่วยให้เรานอนหลับได้สนิทมากขึ้น
ห้องน้ำ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกเลยคือความปลอดภัย ควรเลือกใช้กระเบื้องที่มีความหยาบและมีความหนืดสูง เพราะพื้นห้องน้ำส่วนใหญ่จะเปียกอยู่ตลอดเวลา สีกระเบื้องควรเน้นไปที่สีโทนอ่อนสีที่มีความสว่าง จะช่วยให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้น ที่แนะนำ ก็เช่น สีฟ้าอ่อน สีขาว หรือที่เป็นลายสีลายหินอ่อนเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับห้องน้ำของเรา
ห้องครัว เป็นห้องที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งสกปรกมากที่สุด ทั้งเศษอาหาร คราบน้ำมันต่าง ๆ ดังนั้นสีโทนเข้มจึงเหมาะที่สุดสำหรับห้องครัว เพราะสีโทนเข้มนั้นสกปรกยากกว่าสีโทนอ่อน สีที่เหมาะกับการปูกระเบื้องในห้องครัวก็มีสีเทา น้ำเงินเข้ม น้ำตาล เป็นต้น
ห้องนั่งเล่น หรือสำหรับบางบ้านอาจเป็นห้องรับแขกอีกด้วย ดังนั้น สีกระเบื้องที่เลือกใช้สำหรับห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก จึงควรเป็นสีที่สดใส โดดเด่น แต่ก็ต้องให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องด้วย แม้จะสามารถเลือกที่เป็นสีสันและลวดลายได้ แต่ก็อย่าให้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความลายตา และอาจถึงขั้นทำให้ปวดหัวได้