ดูแลผู้สูงอายุ ใน กะทู้, ภูเก็ต

ดูแลผู้สูงอายุ ใน กะทู้, ภูเก็ต

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

Supaporn Tohiso
Supaporn Tohiso
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี

I can speak, read and write English. I have more than 10 years experience

แสดงเพิ่มเติม
สุนีย์ อ่อนภักดี
สุนีย์ อ่อนภักดี
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

อายุ 46 ปี สุง156 ซ.ม หนัก 56 ก.ก ประวัติการทำงาน มีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วย 6 ปี ฟิตซักชั่น กายภาพ ล้วงอึ สวนฉี่ เจาะเบาหวาน ฉีดยาเบาหวาน ทำแผลกดทับ วัดความดัน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รับวัคซีนครบสามเข็มแล้วค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ยุพาพร จันทศรี
ยุพาพร จันทศรี
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ทำงานด้านนี้มามากกว่า5+++เคสธรรมดา+ติดเตียง+กายภาพเบื้องตนขับรถยนต์พาผู่ป่วยหาหมอ+เที่ยว

แสดงเพิ่มเติม
กนกกาญจน์  กาละ
กนกกาญจน์ กาละ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

มีประสบการณ์ที่โรงพยาบาลสิริโรจน์ ภูเก็ต 1 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยเหลือคนไข้ และที่โรงพยาบาลกรุงเทพ 9 ปีตำแหน่ง PN

แสดงเพิ่มเติม
จิรัชยา  ประสารการ
จิรัชยา ประสารการ

รับงานดูแลผู้สูงอายุค่ะ มีประการณ์ด้านนี้มามากกว่า 10 ปี ผุ้ป่วยอัลไซเมอ พากินสัน ช่วยประคอง ดูแลผู้ป่วยติดเตียง รับอยู่เป็นเพือน

แสดงเพิ่มเติม
ระวีวรรณ เด็นหมิน
ระวีวรรณ เด็นหมิน
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 52 ปี

เป็นคนมี service mind และมีความเข้าใจผู้อื่นสูง

แสดงเพิ่มเติม
เจนจิรา  ชูเกิด
เจนจิรา ชูเกิด
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี

สามารถทำอาหารได้ทำอาหารเป็นปั่นได้ฟิตอาหารเป็นแซ็กชั่นได้

แสดงเพิ่มเติม
เกศรินทร์ ทองสง
เกศรินทร์ ทองสง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี

จบ Na ด้านดูเเลผู้สูงอายุเเละเด็ก ประสบการณ์ทำงาน ด้านผู้ช่วยแพทย์ศัลยกรรม มา 4ปี เข้าเคสผ่าตัด นวดหน้า สปาหน้า ปลูกผม ด้านดูแลผู้สูงอายุ 2 ปี ด้านดูเเลเด็ก เนอสเซอรรี่ 1 ปี

แสดงเพิ่มเติม
อติมา  สเล่ราษ
อติมา สเล่ราษ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

อายุ 30 ปีค่ะ ปัจจุบันทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลค่ะ สามารถดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุได้ เป็นคนใจเย็น พูดเพราะ สุขภาพแข็งแรงดีค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

หาข้อมูล เจอเว็บใส่ใจ ที่มีพี่เลี้ยงดูแลผู้สูงอายุ ลองอ่านประสบการณ์เลย เจอจิต (พี่เลี้ยงดูแลพ่อ) ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลในเว็บทำให้พวกเราไม่ยากที่จะตัดสินใจ จิตทำงานดีมากเข้ากับคุณพ่อได้ดี ขอบคุณใส่ใจค่ะ
Saijai
พชร ต้นไกลสุทธฺ์
3 ปีที่แล้ว
สะดวก ง่าย เพียงไม่กี่ขั้นตอนเราก็สามารถหาคนดูแลผู้สูงอายุได้ อีกอย่างในเว็บไซต์มีข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้เราได้ศึกษาก่อนทำการจ้างอีกด้วย พอได้อ่านข้อมูลทำให้เราได้รู้วิธีการเตรียมตัวก่อนจ้างคนดูแลมาดูแลคุณแม่ เป็นข้อแนะนำที่ดีมาก ๆเลยค่ะ ประทับใจมาก ๆ ค่ะ
Saijai
วิกานดา ทองดี
3 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเวปใส่ใจสำหรับหาคนดูแลผู้สูงอายุ ประทับใจมาก ๆ เลยค่ะ พี่ที่ดูแลเขาอยู่เป็นเพื่อนแถมคุณยายอยากไปไหนเขาพาไปตลอดเลยค่ะ ตอนอยู่บ้านก็คอยจัดเตรียมอาหาร เตรียมยาให้ด้วย ต้องขอบคุณใส่ใจมาก ๆ เลยค่ะ เรากับพี่สาวรู้สึกวางใจไปได้เยอะเลย
Saijai
ปิยธิดา อรุณไชย
4 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเว็บไซต์ใส่ใจมาให้ เลยลองเข้าไปดู จ้างน้องมาดูแลแม่ น้องเขาทั้งสุภาพ เรียบร้อย ทำอาหารอร่อย แถมยังเคยฝึกอบรมการปฐมบาลเบื้องต้นมาด้วย คุณแม่ก็ดูจะชื่นชอบน้องเขามาก ๆ ค่ะ เราเลยรู้สึกสบายใจไปด้วย โดยรวมแล้วถือว่าน่าพอใจมากค่ะ
Saijai
อภิสรา ประภาสกุล
4 ปีที่แล้ว
ได้คนดูแลดี ผมก็หายห่วงครับ จะใช้บริการบ่อย ๆ
Saijai
สุชาดา เอี่ยมจินดา
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

จ้างคนดูแลคนชราที่บ้านดีกว่าส่งไปบ้านพักคนชราอย่างไร?
ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย คือผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรานั่นเอง ครั้นเมื่อท่านทั้งหลายอายุมากขึ้นหน้าที่ของคนเป็นลูกเป็นหลานต้องคอยดูแลท่านให้ดีที่สุด หากเป็นไปได้คงไม่มีใครที่อยากให้ผู้สูงอายุที่เรารักต้องไปอยู่บ้านพักคนชราและอยู่ห่างไกลจากครอบครัวอย่างแน่นอน

แต่หากเราอยู่ดูแลท่านเองไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงานหรือมีภาระอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ควรจ้างคนมาดูแลที่บ้าน เพื่อความสะดวกของเราเองและความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลโดยเฉพาะ อย่างที่ทราบกันมานานสังคมไทยมีแนวคิดในแบบระบบครอบครัวใหญ่ โดยจะช่วยดูแลกันและกัน ซึ่งอาจแตกต่างจากสังคมของชาวตะวันตก ที่ส่วนมากมักมีค่านิยมให้ผู้สูงอายุไปอยู่บ้านพักคนชราในช่วงบั้นปลายชีวิต เพราะคิดว่าสะดวกสบายกว่า และผู้สูงอายุจะได้มีเพื่อนในสังคมวัยเดียวกัน แต่คนไทยโดยส่วนมากไม่คิดแบบนั้น ดังนั้นในครอบครัวของคนไทยจึงต้องการคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้ ความสามารถ อีกทั้งต้องไว้ใจให้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ของเราที่บ้านได้

ข้อดีของการมีคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

หลักๆ ก็คือ เราสามารถอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก ทั้งยังปลอดภัยมากกว่าเพราะยังอยู่ในสายตาของเราได้ตลอด แตกต่างกับการส่งไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลคนชรา ซึ่งอาจจะอยู่ห่างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางไปหา โดยเราสามารถเลือกบริการของคนที่จะมาดูแลแบบไปเช้า เย็นกลับ หรือคอยดูแล 24 ชั่วโมงสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป โดยส่วนมากแล้วทางบริษัทที่จัดหาคนดูแลผู้สูงอายุจะมีการคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพและมีความรู้ในด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและลดความกังวลของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
ทักษะสำคัญที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุควรมี
การที่เราจะเลือกใครสักคนมาดูแลผู้สูงอายุในบ้านของเรา แน่นอนว่าต้องมีปัจจัยและคุณสมบัติหลายอย่างในการตัดสินที่จะรับบุคคลภายนอกเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวของเราทั้งในช่วงเวลาที่เราอยู่หรือไม่อยู่บ้านก็ตาม คุณสมบัติที่คนส่วนใหญ่คาดหวังสำหรับคนดูแลผู้สูงอายุ มีดังต่อไปนี้

1. เป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ คืออายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล มีวุฒิภาวะที่ดี
2. เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คนดูแลผู้สูงอายุจึงควรเป็นคนที่มีความรู้ทั้งในเรื่องจิตวิทยา และด้านโภชนาการอาหาร รวมทั้งความสะอาดทั่วไปด้วย แม้ว่าการจ้างคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าการจ้างคนทั่วไป แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะหากผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ไม่ดี คนดูแลขาดความรู้แล้ว อาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย
3. มีความน่าไว้วางใจ เมื่อจ้างคนดูแลผู้สูงอายุเข้ามาอยู่ในบ้าน อาจจะต้องรับรู้ในส่วนของที่เก็บของต่างๆ รู้ตารางชีวิตประจำวันของคนในครอบครัว คนดูแลผู้สูงอายุจึงต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ มีประวัติที่ดี และมีทัศนคติที่ดี
4. มีความอดทน เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางครั้งอาจจะต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุอีกด้วย โดยเฉพาะหากเป็นผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยหรือโรคประจำตัว ก็จะมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
5. ควรจบหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หรือสาขาที่เกี่ยวข้องและหากมีประสบการณ์มักจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่หากไม่จบหลักสูตรดังกล่าว แต่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุมาก่อน ก็จะได้รับการพิจารณาเช่นกัน
6. มีความซื่อสัตย์สุจริต เนื่องจากในบางครั้งอาจจะต้องอยู่กับผู้สูงอายุเพียงลำพัง
7. มีความขยันและสามารถช่วยเหลืองานอย่างอื่นได้ตามความเหมาะสม
อะไรที่ช่วยให้คุณคลายความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุ คนชราอยู่กับผู้ดูแลตามลำพัง
แม้ว่าคุณจะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ดูแลที่ทำการว่าจ้างอย่างครบถ้วนและได้ตัดสินใจจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุมาแล้วนั้น เป็นเรื่องปกติหากคุณจะยังคงกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ อยู่ สิ่งที่จะช่วยให้คุณคลายความกังวลหากต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่กับผู้ดูแลตามลำพังที่บ้านมีดังนี้

1. ตรวจสอบประวัติย้อนหลังของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ทำการว่าจ้างมา เพื่อให้แน่ใจว่าคนดูแลที่จ้างมานั้นไม่เคยมีประวัติการกระทำที่ผิดกฎหมายมาก่อน โดยสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ที่ http://www.criminal.police.go.th/
2. สอบถามประวัติการทำงานต่าง ๆ ที่ผ่านมา โดยอาจสอบถามจากผู้ว่าจ้างโดยตรงว่าเคยดูแลผู้สูงอายุมาอย่างไรบ้าง มีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหนในการดูแลผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ขณะเดียวกันก็สามารถสอบถามจากผู้ว่าจ้างที่เคยทำการจ้างก่อนหน้านี้ได้เช่นเดียวกัน
3. ฝากฝังทางเพื่อนบ้านให้ช่วยสอดส่องดูแลอีกทีหนึ่ง ซึ่งเพื่อนบ้านจะสามารถติดต่อหาเราได้ทันทีหากมีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
4. หากว่าจ้างคนดูแลผู้สูงอายุโดยหาจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ควรศึกษาคำวิจารณ์หรือรีวิวจากผู้ใช้ก่อนหน้าว่ามีความคิดเห็นต่อการบริการอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าคนดูแลที่จ้างมานั้นน่าเชื่อถือและเป็นคนมีความเป็นมืออาชีพจริง ๆ
5. การติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณบ้านช่วยให้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ถือเป็นการป้องกันความปลอดภัยที่ดีอย่างหนึ่งเช่นกัน
สิ่งสำคัญที่คนจ้างจะต้องตกลงกับผู้ดูแลผู้สูงอายุคืออะไร
เมื่อคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุไว้คอยดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณ คุณควรมีข้อตกลงที่ชัดเจนก่อนทำการจ้าง ดังต่อไปนี้

1. มีการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความถูกต้องและความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุข้อวันเริ่มงาน ตกลงในเรื่องของเงินเดือน ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการและวันหยุดที่ควรจะได้รับตามกฎหมายแรงงาน
2. ทำความเข้าใจถึงความคาดหวังที่นายจ้างต้องการจากผู้ดูแล และหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ว่าอาจจะต้องทำงานอื่นนอกเหนือจากการดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องช่วยดูแลเพิ่มเติม ในเรื่องของความสะอาดต่างๆ ของเครื่องใช้ หรือความสะอาดในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอยู่
3. อธิบายข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เช่น ลักษณะนิสัย ความชอบส่วนตัว โรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ หรือ อาหารที่แพ้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและมีผลต่อการดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
4. ควรใส่ใจในสุขภาพของคนที่จะมาเป็นคนดูแลผู้สูงอายุของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะแพร่มาสู่คนชราได้ คนดูแลจึงควรมีสุขภาพแข็งแรง และควรมีผลการตรวจสุขภาพมาเพื่อยืนยันกับผู้ว่าจ้าง
5. ทำความเข้าใจว่าหากคนดูแลผู้สูงอายุป่วยไข้ ผู้ว่าจ้างจะอนุญาตให้พักงาน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อสู่ผู้สูงอาย
6. หากผู้ว่าจ้างเลือกให้คนดูแลผู้สูงอายุพักอาศัยที่บ้านด้วย ควรมีห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนและมีการจัดหาอาหารให้ ควรอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนด้วยว่ามีอาหารให้กี่มื้อต่อวัน
7. คนดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการอบรมและตรวจสอบประวัติ และลายนิ้วมือ เพื่อประสิทธิภาพของงาน และความไว้วางใจของผู้ว่าจ้าง

ป่าตองจุดหมายปลายทาง บนแผนที่ท่องเที่ยว

จากอำเภอกะทู้ เราข้ามภูเขาลงไปทางทิศตะวันตก ก็จะพบหาดป่าตอง ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทาง กว่า 4 ล้านคนต่อปี โดยจากเดิมนั้นชาวป่าตองส่วนใหญ่ได้สร้างที่พักอาศัยบริเวณวัด และบ้านมอญ ที่อยู่ห่างจากชายทะเล ชาวบ้านในป่าตองส่วนใหญ่จะมีอาชีพทำนาข้าว และทำเหมืองแร่ตามสถานที่ต่างๆ นอกป่าตอง บ้างก็ปลูกผักผลไม้เพื่อดำรงชีวิต ชาวบ้านดั้งเดิมของที่นี่มีชื่อว่า บ้านมอญ และ ชายวัด หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มโครงการท่องเที่ยวไทย ป่าตองก็เริ่มมีการขยายตัวของนักลงทุนและโรงแรมอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการท่องเที่ยวเข้ามาเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว เกิดการเปลี่ยนไปของวิถีชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านเรือนให้อยู่ติดริมชายทะเลมากขึ้น การเปลี่ยนไปของอาชีพก็หันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทำให้อาชีพดั้งเดิมหายไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไปด้วย จากบ้านที่เคยเป็นไม้ยกใต้ถุนสูงเทียบหน้าแข้งถัดมาเป็นบ้านกึ่งใต้ทุนและแบบปัจจุบัน ส่วนมากก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นตึกอพาร์ตเมนต์ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและคนต่างจังหวัดที่เข้ามาเพื่อแสวงหาโอกาสของชีวิตอย่างมากมาย ครั้งหนึ่งซึ่งนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของ ชาวบ้านป่าตอง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรที่จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 8 – 11 มีนาคม พ.ศ.2502 เมื่อพระองค์เสด็จเยี่ยมที่อื่นตามหมายเสร็จแล้ว ในวันที่ 11 มีนาคมจึงมาเยี่ยมชาวบ้านที่บ้านกะทู้ หมู่ที่ 6 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จากนั้นทรงให้ทหารนำทางวนอีกรอบหนึ่ง ในครั้งนั้นทรงเสด็จด้วยรถส่วนพระองค์เอง เมื่อมาถึง บ้านป่าตอง พระองค์เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรทางชายทะเลก่อน แต่ไปได้ครึ่งทาง รถยนต์ส่วนพระองค์ติดหล่ม เพราะช่วงนั้นถนนยังเป็นลูกรังและมีน้ำขังไม่สามารถเสด็จไปต่อได้ ชาวบ้านในละแวกนั้นจึงได้มาช่วยพระองค์ท่านยกรถขึ้นจากหล่ม เมื่อยกขึ้นจากหล่มได้ พระองค์ท่านจึงเลี้ยวรถกลับมาทางแยกวัดสุวรรณคีรีวงศ์ และเลี้ยวขวามาจอดรถและลงจากรถยนต์ส่วนพระองค์ที่ราชปาทานุสรณ์ (บ้านมอญ) แห่งนี้เป็นครั้งแรก

ณ พ.ศ.2654 หาดป่าตองวันนี้ เหมือนได้พักจากความวุ่นวายมาตลอด 30ปีหาดทรายกลับมาขาวสวยทอดไปตามโค้งอ่าวกว้าง อาจกล่าวได้ว่าเป็นหาดทรายสวยที่สุดของ จังหวัดภูเก็ต ความสวยงามที่รอนักท่องเที่ยว จากทั่วโลกกลับมาเยือน เมื่อหาดป่าตองอยู่ด้านตะวันตก จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยจุดหนึ่ง ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะเชื่อมต่อไปยังหาดอื่นๆ ได้ ดังที่กล่าวมาแล้วชายฝั่งเว้าลึกเป็นรูปโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว หาดทรายสีขาวที่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใส ทัศนียภาพที่สวยงามอย่างนี้เป็นเสน่ห์ของหาดป่าตองที่ สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน



รู้จักอำเภอกะทู้ตามคำขวัญ

เทศบาลเมืองกะทู้มีคำขวัญอยู่ว่า “ขุนเขาโอบล้อม เพียบพร้อมวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ขบวนแห่กินผัก อนุรักษ์ประเพณี” “กะทู้ " มาจากภาษาจีน เรียกว่า ล่ายทู หรือ ไล่ทู หรือในทู แปลว่า แหล่งทําากิน ภาษามลายู เรียกว่า กราบาตู แปลว่าอ่าวหิน เป็นชุมชนดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่ม ในอดีตช่วงรัชกาลที่ 3-รัชกาลที่ 8 เศรษฐกิจของตําาบลกะทู้ขึ้นอยู่กับแร่ดีบุกและการเกษตร มีฐานะเป็นตําาบลหนึ่งของอําาเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เป็นต้นมา

ขุนเขาโอบล้อม คือทิวเขาของเขาไม้เท้าสิบสอง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ในจังหวัดภูเก็ต ที่มีความสูงประมาณ 529 เมตร ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอกะทู้ เขาไม้เท้าสิบสองเป็นฉากหลังของหาดป่าตอง หรือ อีกด้านก็เป็นฉากหลังโอบเหมืองกะทู้ เป็นต้นน้ำของคลองบางใหญ่ไหลผ่านเมือง หล่อเลี้ยงเมืองตั้งแต่สมัยทำนา ทำเหมืองแร่ จนทุกวันนี้เป็นสายน้ำที่ไหลรวม มาลงที่เขื่อนบางวาด ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นเขื่อนดินที่มีความสูง 24 เมตร ยาว 887 เมตร ความจุเก็บกัก 8.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องด้วยทางเทศบาลภูเก็ต ขาดแคลนแหล่งน้ำจืดเพื่อการประปา ต้องของใช้น้ำจากอ่างบางวาดของบริษัทอนุภาษและบุตร ซึ่งสร้างไว้สำหรับฉีดเหมือง โดยกรมชลประทานได้ให้ความเห็นด้วยว่า เนื่องจากการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตมีแนวโน้มไปในทางพัฒนาการอุตสาหกรรมเบา ส่งเสริมการท่องเที่ยวและการท่าเรือ ฉะนั้น การจัดหาแหล่งน้ำจืดจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาการด้านต่าง ๆ เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น การจัดหาแหล่งน้ำจืดสำหรับเกาะภูเก็ต

เพียบพร้อมวัฒนธรรม ทั้งที่เป็นชาวพื้นบ้านที่ตั้งอยู่ ณ บ้านเก็ตโฮ้ วัดอนุภาษกฤษฎาราม วัดกะทู้ ศาลเจ้ากะทู้ และวัฒนธรรมอาหารที่ยังคงรักษาไว้ในเมืองกะทู้

พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่กะทู้ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ต เมื่อเดือนมิถุนายน 2551 ตั้งอยู่ที่ถนนเหมืองท่อสูง ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ตตั้งอยู่บริเวณเหมืองแร่เก่าท่อสูง ในเนื้อที่ 400 ไร่ อาคารของพิพิธภัณฑ์มีรูปแบบของศิลปะชิโนโปรตุกีส 1ชั้นครึ่ง ผสมผสานกับลายปูนปั้นอย่างกลมกลืนและงดงาม จึงมีการเรียกอาคารนี้ว่า “อังมอเหลานายหัวเหมือง”

• ชมเครื่องมือในการทำเหมืองแร่

• การทำเหมืองแร่ในอดีตของภูเก็ต

• จัดเป็นห้องแสดงต่างๆ เช่น นวัตกรรมเหมืองแร่ ชนิดของหิน และดีบุก ชุมชนภูเก็ตแต่แรก

ขบวนแห่กินผัก อนุรักษ์ประเพณี ส่วนประเพณีกินผัก (เจี๊ยะฉ่าย) ศาลเจ้ากะทู้เริ่มขึ้นเมื่อไหร่ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด แต่น่าจะเริ่มขึ้นราวปีพ.ศ. 2368 ประมาณ 180 ปีที่ผ่านมา โดยจะเริ่มจากวันขึ้น 1 ค่ำ ไปจนถึง วันขึ้น 9 ค่ำ รวม 9 วัน 9 คืน ซึ่งชาวกะทู้ได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งหมดคือคำขวัญที่บ่งบอกความเป็น อำเภอกะทู้ แต่ดูเหมือนจะไม่ครบ เพราะเฟืองอีกหนึ่งตัวที่ขับเคลื่อนเมืองคือการท่องเที่ยว ธรรมชาติและชายหาดที่สวยงาม



เคล็ดลับในการป้องกันพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กวัยหัดเดิน สอนและวางกฎกติกากฎของบ้าน

เคล็ดลับในการป้องกันพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กวัยหัดเดิน สอนและวางกฎกติกา กฎของบ้าน

กติกาของที่บ้าน เด็ก ๆ ไม่รู้กฎของบ้านหรือกฏของครอบครัวจนกว่าจะได้รับการสอนและการบอกจากพ่อแม่ผู้ปกครอง และพี่เลี้ยงเด็กหรือคนดูแลเด็กมีหน้าที่เน้นย้ำและเลี้ยงดูเด็กในแนวทางที่่สอดคล้องกับ“กติกาของที่บ้าน” นั้น ๆ โดยปกติแล้วเด็กวัยเตาะแตะมักสนใจที่จะสัมผัสและสำรวจ ดังนั้นหากมีของมีค่าที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรจัดการซ่อนหรือจัดเก็บให้พ้นมือ จัดพื้นที่ในบ้านให้เป็นสัดส่วน ให้เด็กเล่นอยู่ในบริเวณที่จัดไว้ให้ เมื่อใดก็ตามที่เด็กฝ่าฝืนกฎที่สำคัญพวกเขาควรถูกตำหนิทันทีเพื่อให้เข้าใจว่าพวกเขาทำอะไรผิด

คำสั่งที่ห้ามโดยไม่มีเหตุผล การเสริมสร้างพฤติกรรมในเชิงบวกและสอนเด็ก ๆ ให้มีพฤติกรรมทางเลือกได้ผลดีกว่าการสั่งห้าม คือ แทนที่จะพูดว่า "หยุด...ไม่อย่างนั้นจะโดน...." พ่อแม่ผู้ปกครอง และพี่เลี้ยงเด็กหรือคนดูแลเด็ก ควรใช้คำพูดชี้แจงแทน เช่น ลูกครับเราไม่เขวี้ยงอย่างนั้นนะถ้าโดนน้องแล้วน้องเจ็บ ถ้าแม่เหยียบก็แม่เจ็บใช่ไหมครับ ถ้าหนูวิ่งไปสะดุดแล้วล้ม แล้วเจ็บหนูเจ็บใช่ไหมครับ งั้นเราไม่เขวี้ยงของนะ

เสียสมาธิไปบ้างไม่ใช่เรื่องใหญ่ พ่อแม่ผู้ปกครอง และพี่เลี้ยงเด็กหรือคนดูแลเด็กต้องเข้าใจว่า ตามธรรมชาติเด็กในวัยนี้จะจดจ่อกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ในขณะที่คุณกำลังสอนหรือทำกิจกรรมกับเด็ก เด็กอาจจะเสียสมาธิหรือหลุดโฟกัสได้บ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กวัยนี้

ควบคุมตัวเอง เด็กวัยหัดเดินจะควบคุมตนเองตามธรรมชาติได้เพียงเล็กน้อย พ่อแม่ผู้ปกครอง และพี่เลี้ยงเด็กหรือคนดูแลเด็กต้องสอนพวกเขาไม่ให้เตะตีหรือกัดเมื่อพวกเขาโกรธ แต่ให้แสดงความรู้สึกผ่านคำพูดแทน

ไม่ทำร้ายร่างกายคนอื่น ในระหว่างเล่นหรือทำกิจกรรม เด็กอาจมีการขัดแย้งกับเพื่อน หากเด็กทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พ่อแม่ผู้ปกครอง และพี่เลี้ยงเด็กควรรักษาระยะห่างและปล่อยให้เด็กแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่ถ้ามีการต่อสู้กัน ผู้ดูแลต้องแยกเด็กออกจากกันจนกว่าจะสงบลง หากการต่อสู้มีความรุนแรงมาผู้ดูแลเด็กต้องระงับเหตุการณ์ทันที และพูดให้ชัดเจนว่าไม่สำคัญว่าใคร "เป็นคนเริ่ม" ไม่มีข้ออ้างใด ๆ สำหรับการพยายามทำร้ายกัน