ดูแลผู้สูงอายุ ใน กะทู้, ภูเก็ต

ดูแลผู้สูงอายุ ใน กะทู้, ภูเก็ต

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

จิรัชยา  ประสารการ
จิรัชยา ประสารการ

รับงานดูแลผู้สูงอายุค่ะ มีประการณ์ด้านนี้มามากกว่า 10 ปี ผุ้ป่วยอัลไซเมอ พากินสัน ช่วยประคอง ดูแลผู้ป่วยติดเตียง รับอยู่เป็นเพือน

แสดงเพิ่มเติม
กนกกาญจน์  กาละ
กนกกาญจน์ กาละ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

มีประสบการณ์ที่โรงพยาบาลสิริโรจน์ ภูเก็ต 1 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยเหลือคนไข้ และที่โรงพยาบาลกรุงเทพ 9 ปีตำแหน่ง PN

แสดงเพิ่มเติม
ยุพาพร จันทศรี
ยุพาพร จันทศรี
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ทำงานด้านนี้มามากกว่า5+++เคสธรรมดา+ติดเตียง+กายภาพเบื้องตนขับรถยนต์พาผู่ป่วยหาหมอ+เที่ยว

แสดงเพิ่มเติม
เกศรินทร์ ทองสง
เกศรินทร์ ทองสง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี

จบ Na ด้านดูเเลผู้สูงอายุเเละเด็ก ประสบการณ์ทำงาน ด้านผู้ช่วยแพทย์ศัลยกรรม มา 4ปี เข้าเคสผ่าตัด นวดหน้า สปาหน้า ปลูกผม ด้านดูแลผู้สูงอายุ 2 ปี ด้านดูเเลเด็ก เนอสเซอรรี่ 1 ปี

แสดงเพิ่มเติม
สุนีย์ อ่อนภักดี
สุนีย์ อ่อนภักดี
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

อายุ 46 ปี สุง156 ซ.ม หนัก 56 ก.ก ประวัติการทำงาน มีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วย 6 ปี ฟิตซักชั่น กายภาพ ล้วงอึ สวนฉี่ เจาะเบาหวาน ฉีดยาเบาหวาน ทำแผลกดทับ วัดความดัน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รับวัคซีนครบสามเข็มแล้วค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
เจนจิรา  ชูเกิด
เจนจิรา ชูเกิด
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี

สามารถทำอาหารได้ทำอาหารเป็นปั่นได้ฟิตอาหารเป็นแซ็กชั่นได้

แสดงเพิ่มเติม
อติมา  สเล่ราษ
อติมา สเล่ราษ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

อายุ 30 ปีค่ะ ปัจจุบันทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลค่ะ สามารถดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุได้ เป็นคนใจเย็น พูดเพราะ สุขภาพแข็งแรงดีค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ระวีวรรณ เด็นหมิน
ระวีวรรณ เด็นหมิน
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 52 ปี

เป็นคนมี service mind และมีความเข้าใจผู้อื่นสูง

แสดงเพิ่มเติม
Supaporn Tohiso
Supaporn Tohiso
Saijai ประสบการณ์ 3-4 ปี

I can speak, read and write English. I have more than 10 years experience

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

เจอเว็บใส่ใจ เข้าไปเลือกคนดูแล เอารูปกับประวัติมานั่งคุยกับคุณย่า เลยได้ป้ากิ๊กมาดูแล ป้ากิ๊กดูแลดีมาก คุณย่ามีความสุข ในเว็บใส่ใจบอกข้อมูลครบเลยทั้งประวัติการทำงาน และประวัติการศึกษา
Saijai
กฤษณ์ ชัยเขตุสานุวัฒน์
4 ปีที่แล้ว
ประทับใจในการให้บริการมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุดาพร มณีทอง
4 ปีที่แล้ว
ราคาไม่สูงเหมือนจ้างพยาบาลตามโรงพยาบาล และผู้ดูแลยังมีประสบการณ์ มั่นใจ หายห่วงเลยค่ะ
Saijai
ศรีรัตน์ สุขสวัสดิ์
4 ปีที่แล้ว
พ่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน ผมเลยหาคนดูแลจากเว็บไซต์ของใส่ใจ ขั้นตอนต่าง ๆ ง่ายมากครับ และทางผู้ดูแลที่ทางใส่ใจส่งมา บริการได้น่าประทับใจมากครับ นอกจากจะใส่ใจคอยดูแลคุณพ่อผมแล้วยังคอยพูดคุยรับฟังเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย ตอนนี้ผมจ้างพี่เค้าดูแลตลอดจนกว่าพ่อจะหายเลยครับ
Saijai
อนันต์ บุญเกิด
4 ปีที่แล้ว
มีคนแนะนำเวปใส่ใจสำหรับหาคนดูแลผู้สูงอายุ ประทับใจมาก ๆ เลยค่ะ พี่ที่ดูแลเขาอยู่เป็นเพื่อนแถมคุณยายอยากไปไหนเขาพาไปตลอดเลยค่ะ ตอนอยู่บ้านก็คอยจัดเตรียมอาหาร เตรียมยาให้ด้วย ต้องขอบคุณใส่ใจมาก ๆ เลยค่ะ เรากับพี่สาวรู้สึกวางใจไปได้เยอะเลย
Saijai
ปิยธิดา อรุณไชย
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลผู้สูงอายุ

จ้างคนดูแลคนชราที่บ้านดีกว่าส่งไปบ้านพักคนชราอย่างไร?
ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย คือผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรานั่นเอง ครั้นเมื่อท่านทั้งหลายอายุมากขึ้นหน้าที่ของคนเป็นลูกเป็นหลานต้องคอยดูแลท่านให้ดีที่สุด หากเป็นไปได้คงไม่มีใครที่อยากให้ผู้สูงอายุที่เรารักต้องไปอยู่บ้านพักคนชราและอยู่ห่างไกลจากครอบครัวอย่างแน่นอน

แต่หากเราอยู่ดูแลท่านเองไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงานหรือมีภาระอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ควรจ้างคนมาดูแลที่บ้าน เพื่อความสะดวกของเราเองและความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลโดยเฉพาะ อย่างที่ทราบกันมานานสังคมไทยมีแนวคิดในแบบระบบครอบครัวใหญ่ โดยจะช่วยดูแลกันและกัน ซึ่งอาจแตกต่างจากสังคมของชาวตะวันตก ที่ส่วนมากมักมีค่านิยมให้ผู้สูงอายุไปอยู่บ้านพักคนชราในช่วงบั้นปลายชีวิต เพราะคิดว่าสะดวกสบายกว่า และผู้สูงอายุจะได้มีเพื่อนในสังคมวัยเดียวกัน แต่คนไทยโดยส่วนมากไม่คิดแบบนั้น ดังนั้นในครอบครัวของคนไทยจึงต้องการคนดูแลผู้สูงอายุที่มีความรู้ ความสามารถ อีกทั้งต้องไว้ใจให้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ของเราที่บ้านได้

ข้อดีของการมีคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

หลักๆ ก็คือ เราสามารถอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก ทั้งยังปลอดภัยมากกว่าเพราะยังอยู่ในสายตาของเราได้ตลอด แตกต่างกับการส่งไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลคนชรา ซึ่งอาจจะอยู่ห่างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางไปหา โดยเราสามารถเลือกบริการของคนที่จะมาดูแลแบบไปเช้า เย็นกลับ หรือคอยดูแล 24 ชั่วโมงสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป โดยส่วนมากแล้วทางบริษัทที่จัดหาคนดูแลผู้สูงอายุจะมีการคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพและมีความรู้ในด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและลดความกังวลของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยดูแลผู้สูงอายุหรือคนชรา คุณควรเลือกผู้ดูแลที่มีคุณสมบัติอะไรบ้าง
การเลือกผู้ดูแลผู้สูงอายุหรือคนชราถือเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณสมบัติของผู้ดูแลที่มีความเป็นมืออาชีพนั้นมีดังนี้

1. ผู้ดูแลควรผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ที่สำคัญต้องมีประสบการณ์ทางด้านนี้โดยตรง และควรมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้สูงอายุความปลอดภัยตลอดระยะเวลาการดูแ
2. ผู้ดูแลต้องมีใจรักไม่ว่าจะเป็นงานการบริบาล และบริการ มีจิตใจชอบช่วยเหลือและปรารถนาดีต่อผู้อื่น และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
3. มีความอดทนและสามารถเข้าอกเข้าใจผู้สูงอายุเป็นอย่างดีว่าต้องการอะไร เนื่องจากผู้สูงอายุหรือคนชรานั้นเป็นช่วงอายุที่ค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนในหลาย ๆ เรื่อง ผู้ดูแลควรรู้ว่าจะต้องดูแลและบริการอย่างไรให้ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจ
4. มีความดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุ สามารถดูแลและช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นการดูแลเรื่องอาหาร สุขอนามัย และกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ ไปจนถึงการดูแลเรื่องสภาพจิตใจ ผู้ดูแลที่สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุยและทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกับผู้สูงอายุได้เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุรู้สึกโดดเดี่ยว
5. สามารถสื่อสารและรายงานข้อมูลระหว่างการดูแลให้กับสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุได้ตลอดเวลา เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับสมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุที่ได้ทำการว่าจ้างผู้ดูแลมาทำหน้าที่ในส่วนนี้
คุณสมบัติที่กล่าวมาข้างตนนั้นสามารถบ่งบอกได้ถึงความเป็นมืออาชีพของผู้ดูแลผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี หากคุณต้องการให้ผู้สูงอายุในบ้านซึ่งเปรียบเสมือนบุคคลที่คุณรักและเคารพนับถือนั้นมีความสุข โปรดอย่ามองข้ามคุณสมบัติเหล่านี้ไปก่อนเลือกใช้บริการผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้านคุณ
หากคุณกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุ คนชรา อยู่กับผู้ดูแลตามลำพัง ควรทำอย่างไร
หากคุณกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุ คนชรา อยู่กับผู้ดูแลตามลำพัง ควรทำอย่างไร

การเลือกแม่บ้านหรือผู้ดูแลผู้สูงอายุ เข้ามาดูแลพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย วัยชรา แม้จะคล้ายกับการดูแลเด็ก แต่มีความแตกต่างกันบ้างในส่วนของรายละเอียด เช่น เรื่องอาหารการกิน การทานยา และเรื่องของการอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกใช้บริการ ผู้ดูแลผู้สูงอายุนั้น เพราะเราอยากให้ผู้สูงอายุได้อยู่ในบรรยากาศที่คุ้นเคย ใกล้ชิดลูกหลาน และได้รับการดูแลที่ถูกต้อง เหมาะสม ตามสภาพวัย ของผู้สูงอายุ หากเราต้องทำงานไปด้วยนั้นหมายถึงเราต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล เราสามารถลดความกังวลนั้นได้อย่างไร หากกังวลเรื่องอาหารการกิน การทานยาของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องอยู่บ้านลำพัง การที่ได้ผู้ดูแลผู้สูงอายุ เข้ามาดูแลปัญหาเรื่องการทานอาหาร ทานยาไม่ตรงเวลาก็จะหมดไป เมื่อเราได้สรุปงาน หน้าที่ของผู้ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ก็จะทำตามตารางเวลาการทำงานที่เราได้จัดขึ้น แม้เราไม่อยู่เราก็จะแน่ใจได้ว่าผู้สูงอายุจะได้รับการดูแล เราต้องคิดว่า เมื่อเราต่างออกไปทำงาน และผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ท่านอาจจะรู้สึกเหงาและเบื่อหน่าย หรือบางครั้งเราเองอาจจะรู้สึกกังวลหากเขาหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่มีใครอยู่บ้าน แต่การมีผู้ดูแลผู้สูงอายุมาดูแลและอยู่เป็นเพื่อนก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกดี หมดกังวลและไม่เบื่อหน่าย อาจมีกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้สูงอายุฝึกคิด หรือบางครั้งผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ดูแลยังสามารถพาไปออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุผ่อนคลายได้อีกด้วย กังวลเรื่องการดูแลทุก ๆ รายละเอียด ข้อนี้ถือว่าดีมากเนื่องจากพี่เลี้ยงที่จ้างมาดูแลผู้สูงอายุในบ้าน จะทำหน้าที่แทนเราทุกอย่าง เช่น เช็ดตัว ป้อนข้าว เปลี่ยนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ โดยที่ไม่รังเกียจ เพราะมีการอบรมมาเป็นอย่างดี ช่วยดูแลขณะที่เราไม่อยู่ ความกังวลทั้งหมดนี้จะหมดไปหากเราเลือกผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี ใส่ใจในงานบริการ แม้อยู่ตามลำพังกับผู้ดูแล ก็ไม่ต่างกับเราดูแลท่านเอง
ผู้จ้างควรตกลงอะไรกับผู้ดูแลผู้สูงอายุก่อนทำการจ้าง?
ผู้ว่าจ้างควรตกลงอะไรกับผู้ดูแลผู้สูงอายุก่อนทำการจ้าง เพื่อความสะดวกและความเข้าใจตรงกันในดูแลผู้สูงอายุที่บ้านมีข้อตกลงต่าง ๆ อะไรบ้าง
จากข้อมูลสำรวจการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุ มีผู้ดูแลผู้สูงอายุ 2 รูปแบบ

รูปแบบที่ 1: ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการอบรมมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ บุคคลเหล่านี้มีความเข้าใจผู้สูงอายุ และสามารถทำงานพยาบาลได้ เช่นช่วยอาบน้ำ ช่วยป้อนอาหาร ช่วยดูแลเรื่องยา ตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงดูแลสุขอนามัยของผู้สูงอายุ

รูปแบบที่ 2: แม่บ้านทั่วไป อาจมีความชำนาญเรื่องงานบ้านแต่เรื่องดูแลใส่ใจรายละเอียดอาจจะไม่เท่าผู้ที่ผ่านการอบรมมา

1. สิ่งที่ควรตกลงกันอย่างแรกคือขอบข่ายงานและวิธีการ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง เช่น งานอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้
2. ชั่วโมงการทำงาน ด้วยลักษณะงานของผู้ดูแลผู้สูงอายุ บางครั้งต้องมาอาศัยใกล้ชิดเพื่อดูแลผู้สูงอายุตลอดเวลา ตื่นพร้อมกันนอนพร้อมกัน หรือแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เราต้องการให้ผู้ดูแลเข้ามา ดูแลผู้สูงอายุ หากเกินเวลาที่ตกลงไว้จะต้องมีค่าจ้างพิเศษ หรือค่าล่วงเวลาที่ตามตกลงไว้ หากต้องการวันหยุดหรือวันลา ต้องแจ้งล่วงหน้าหรือหาคนมาทดแทนได้
3. ยุคปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการไว้ใจใครสักคนที่เข้ามาทำงานใกล้ชิดในบ้านนั้นยากยิ่ง ทางเลือกหนึ่งผู้ดูแลผู้สาอายุ ต้องยินยอมให้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม แม้ไม่อาจการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่อย่างน้อยเป็นการคัดกรองผู้ดูแลผู้สูงอายุที่จะเข้ามาใกล้ชิดบุคคลในครอบครัวได้ ประวัติการทำงานและประสบการณ์การทำงาน การได้พูดคุย ถึงประวัติการทำงาน ทำให้เราได้รู้จักผู้ดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น อาจมีการยกตัวอย่างเหตุการณ์ เพื่อเปรียบเทียบหากเกิดขึ้นกับเราต้องทำอย่างไร เราจะได้รู้ว่าผู้ที่จะเข้ามาดูแลผู้สูงอายุของเราจะทำอย่างไรในเหตุการณ์ที่เราสมมุติขึ้น หากเคยทำที่หนึ่งได้แต่ทำกับเราไม่ได้เราได้บอกผู้สูงอายุไว้ก่อน หรือตกลงกันก่อนจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง
4. ค่าจ้าง ควรพิจารณาให้เหมาะสมและคุ้มค่าตามเนื้องานในการดูแลผู้สูงอายุในแต่ละคน

ป่าตองจุดหมายปลายทาง บนแผนที่ท่องเที่ยว

จากอำเภอกะทู้ เราข้ามภูเขาลงไปทางทิศตะวันตก ก็จะพบหาดป่าตอง ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทาง กว่า 4 ล้านคนต่อปี โดยจากเดิมนั้นชาวป่าตองส่วนใหญ่ได้สร้างที่พักอาศัยบริเวณวัด และบ้านมอญ ที่อยู่ห่างจากชายทะเล ชาวบ้านในป่าตองส่วนใหญ่จะมีอาชีพทำนาข้าว และทำเหมืองแร่ตามสถานที่ต่างๆ นอกป่าตอง บ้างก็ปลูกผักผลไม้เพื่อดำรงชีวิต ชาวบ้านดั้งเดิมของที่นี่มีชื่อว่า บ้านมอญ และ ชายวัด หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มโครงการท่องเที่ยวไทย ป่าตองก็เริ่มมีการขยายตัวของนักลงทุนและโรงแรมอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการท่องเที่ยวเข้ามาเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว เกิดการเปลี่ยนไปของวิถีชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านเรือนให้อยู่ติดริมชายทะเลมากขึ้น การเปลี่ยนไปของอาชีพก็หันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทำให้อาชีพดั้งเดิมหายไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไปด้วย จากบ้านที่เคยเป็นไม้ยกใต้ถุนสูงเทียบหน้าแข้งถัดมาเป็นบ้านกึ่งใต้ทุนและแบบปัจจุบัน ส่วนมากก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นตึกอพาร์ตเมนต์ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและคนต่างจังหวัดที่เข้ามาเพื่อแสวงหาโอกาสของชีวิตอย่างมากมาย ครั้งหนึ่งซึ่งนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของ ชาวบ้านป่าตอง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรที่จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 8 – 11 มีนาคม พ.ศ.2502 เมื่อพระองค์เสด็จเยี่ยมที่อื่นตามหมายเสร็จแล้ว ในวันที่ 11 มีนาคมจึงมาเยี่ยมชาวบ้านที่บ้านกะทู้ หมู่ที่ 6 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จากนั้นทรงให้ทหารนำทางวนอีกรอบหนึ่ง ในครั้งนั้นทรงเสด็จด้วยรถส่วนพระองค์เอง เมื่อมาถึง บ้านป่าตอง พระองค์เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรทางชายทะเลก่อน แต่ไปได้ครึ่งทาง รถยนต์ส่วนพระองค์ติดหล่ม เพราะช่วงนั้นถนนยังเป็นลูกรังและมีน้ำขังไม่สามารถเสด็จไปต่อได้ ชาวบ้านในละแวกนั้นจึงได้มาช่วยพระองค์ท่านยกรถขึ้นจากหล่ม เมื่อยกขึ้นจากหล่มได้ พระองค์ท่านจึงเลี้ยวรถกลับมาทางแยกวัดสุวรรณคีรีวงศ์ และเลี้ยวขวามาจอดรถและลงจากรถยนต์ส่วนพระองค์ที่ราชปาทานุสรณ์ (บ้านมอญ) แห่งนี้เป็นครั้งแรก

ณ พ.ศ.2654 หาดป่าตองวันนี้ เหมือนได้พักจากความวุ่นวายมาตลอด 30ปีหาดทรายกลับมาขาวสวยทอดไปตามโค้งอ่าวกว้าง อาจกล่าวได้ว่าเป็นหาดทรายสวยที่สุดของ จังหวัดภูเก็ต ความสวยงามที่รอนักท่องเที่ยว จากทั่วโลกกลับมาเยือน เมื่อหาดป่าตองอยู่ด้านตะวันตก จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยจุดหนึ่ง ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะเชื่อมต่อไปยังหาดอื่นๆ ได้ ดังที่กล่าวมาแล้วชายฝั่งเว้าลึกเป็นรูปโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว หาดทรายสีขาวที่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใส ทัศนียภาพที่สวยงามอย่างนี้เป็นเสน่ห์ของหาดป่าตองที่ สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน



รู้จักอำเภอกะทู้ตามคำขวัญ

เทศบาลเมืองกะทู้มีคำขวัญอยู่ว่า “ขุนเขาโอบล้อม เพียบพร้อมวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ขบวนแห่กินผัก อนุรักษ์ประเพณี” “กะทู้ " มาจากภาษาจีน เรียกว่า ล่ายทู หรือ ไล่ทู หรือในทู แปลว่า แหล่งทําากิน ภาษามลายู เรียกว่า กราบาตู แปลว่าอ่าวหิน เป็นชุมชนดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่ม ในอดีตช่วงรัชกาลที่ 3-รัชกาลที่ 8 เศรษฐกิจของตําาบลกะทู้ขึ้นอยู่กับแร่ดีบุกและการเกษตร มีฐานะเป็นตําาบลหนึ่งของอําาเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เป็นต้นมา

ขุนเขาโอบล้อม คือทิวเขาของเขาไม้เท้าสิบสอง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ในจังหวัดภูเก็ต ที่มีความสูงประมาณ 529 เมตร ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอกะทู้ เขาไม้เท้าสิบสองเป็นฉากหลังของหาดป่าตอง หรือ อีกด้านก็เป็นฉากหลังโอบเหมืองกะทู้ เป็นต้นน้ำของคลองบางใหญ่ไหลผ่านเมือง หล่อเลี้ยงเมืองตั้งแต่สมัยทำนา ทำเหมืองแร่ จนทุกวันนี้เป็นสายน้ำที่ไหลรวม มาลงที่เขื่อนบางวาด ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นเขื่อนดินที่มีความสูง 24 เมตร ยาว 887 เมตร ความจุเก็บกัก 8.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องด้วยทางเทศบาลภูเก็ต ขาดแคลนแหล่งน้ำจืดเพื่อการประปา ต้องของใช้น้ำจากอ่างบางวาดของบริษัทอนุภาษและบุตร ซึ่งสร้างไว้สำหรับฉีดเหมือง โดยกรมชลประทานได้ให้ความเห็นด้วยว่า เนื่องจากการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตมีแนวโน้มไปในทางพัฒนาการอุตสาหกรรมเบา ส่งเสริมการท่องเที่ยวและการท่าเรือ ฉะนั้น การจัดหาแหล่งน้ำจืดจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาการด้านต่าง ๆ เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น การจัดหาแหล่งน้ำจืดสำหรับเกาะภูเก็ต

เพียบพร้อมวัฒนธรรม ทั้งที่เป็นชาวพื้นบ้านที่ตั้งอยู่ ณ บ้านเก็ตโฮ้ วัดอนุภาษกฤษฎาราม วัดกะทู้ ศาลเจ้ากะทู้ และวัฒนธรรมอาหารที่ยังคงรักษาไว้ในเมืองกะทู้

พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่กะทู้ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ต เมื่อเดือนมิถุนายน 2551 ตั้งอยู่ที่ถนนเหมืองท่อสูง ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ตตั้งอยู่บริเวณเหมืองแร่เก่าท่อสูง ในเนื้อที่ 400 ไร่ อาคารของพิพิธภัณฑ์มีรูปแบบของศิลปะชิโนโปรตุกีส 1ชั้นครึ่ง ผสมผสานกับลายปูนปั้นอย่างกลมกลืนและงดงาม จึงมีการเรียกอาคารนี้ว่า “อังมอเหลานายหัวเหมือง”

• ชมเครื่องมือในการทำเหมืองแร่

• การทำเหมืองแร่ในอดีตของภูเก็ต

• จัดเป็นห้องแสดงต่างๆ เช่น นวัตกรรมเหมืองแร่ ชนิดของหิน และดีบุก ชุมชนภูเก็ตแต่แรก

ขบวนแห่กินผัก อนุรักษ์ประเพณี ส่วนประเพณีกินผัก (เจี๊ยะฉ่าย) ศาลเจ้ากะทู้เริ่มขึ้นเมื่อไหร่ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด แต่น่าจะเริ่มขึ้นราวปีพ.ศ. 2368 ประมาณ 180 ปีที่ผ่านมา โดยจะเริ่มจากวันขึ้น 1 ค่ำ ไปจนถึง วันขึ้น 9 ค่ำ รวม 9 วัน 9 คืน ซึ่งชาวกะทู้ได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งหมดคือคำขวัญที่บ่งบอกความเป็น อำเภอกะทู้ แต่ดูเหมือนจะไม่ครบ เพราะเฟืองอีกหนึ่งตัวที่ขับเคลื่อนเมืองคือการท่องเที่ยว ธรรมชาติและชายหาดที่สวยงาม



เคล็ดลับในการป้องกันพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กวัยหัดเดิน สอนและวางกฎกติกากฎของบ้าน

เคล็ดลับในการป้องกันพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กวัยหัดเดิน สอนและวางกฎกติกา กฎของบ้าน

กติกาของที่บ้าน เด็ก ๆ ไม่รู้กฎของบ้านหรือกฏของครอบครัวจนกว่าจะได้รับการสอนและการบอกจากพ่อแม่ผู้ปกครอง และพี่เลี้ยงเด็กหรือคนดูแลเด็กมีหน้าที่เน้นย้ำและเลี้ยงดูเด็กในแนวทางที่่สอดคล้องกับ“กติกาของที่บ้าน” นั้น ๆ โดยปกติแล้วเด็กวัยเตาะแตะมักสนใจที่จะสัมผัสและสำรวจ ดังนั้นหากมีของมีค่าที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรจัดการซ่อนหรือจัดเก็บให้พ้นมือ จัดพื้นที่ในบ้านให้เป็นสัดส่วน ให้เด็กเล่นอยู่ในบริเวณที่จัดไว้ให้ เมื่อใดก็ตามที่เด็กฝ่าฝืนกฎที่สำคัญพวกเขาควรถูกตำหนิทันทีเพื่อให้เข้าใจว่าพวกเขาทำอะไรผิด

คำสั่งที่ห้ามโดยไม่มีเหตุผล การเสริมสร้างพฤติกรรมในเชิงบวกและสอนเด็ก ๆ ให้มีพฤติกรรมทางเลือกได้ผลดีกว่าการสั่งห้าม คือ แทนที่จะพูดว่า "หยุด...ไม่อย่างนั้นจะโดน...." พ่อแม่ผู้ปกครอง และพี่เลี้ยงเด็กหรือคนดูแลเด็ก ควรใช้คำพูดชี้แจงแทน เช่น ลูกครับเราไม่เขวี้ยงอย่างนั้นนะถ้าโดนน้องแล้วน้องเจ็บ ถ้าแม่เหยียบก็แม่เจ็บใช่ไหมครับ ถ้าหนูวิ่งไปสะดุดแล้วล้ม แล้วเจ็บหนูเจ็บใช่ไหมครับ งั้นเราไม่เขวี้ยงของนะ

เสียสมาธิไปบ้างไม่ใช่เรื่องใหญ่ พ่อแม่ผู้ปกครอง และพี่เลี้ยงเด็กหรือคนดูแลเด็กต้องเข้าใจว่า ตามธรรมชาติเด็กในวัยนี้จะจดจ่อกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ในขณะที่คุณกำลังสอนหรือทำกิจกรรมกับเด็ก เด็กอาจจะเสียสมาธิหรือหลุดโฟกัสได้บ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กวัยนี้

ควบคุมตัวเอง เด็กวัยหัดเดินจะควบคุมตนเองตามธรรมชาติได้เพียงเล็กน้อย พ่อแม่ผู้ปกครอง และพี่เลี้ยงเด็กหรือคนดูแลเด็กต้องสอนพวกเขาไม่ให้เตะตีหรือกัดเมื่อพวกเขาโกรธ แต่ให้แสดงความรู้สึกผ่านคำพูดแทน

ไม่ทำร้ายร่างกายคนอื่น ในระหว่างเล่นหรือทำกิจกรรม เด็กอาจมีการขัดแย้งกับเพื่อน หากเด็กทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พ่อแม่ผู้ปกครอง และพี่เลี้ยงเด็กควรรักษาระยะห่างและปล่อยให้เด็กแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่ถ้ามีการต่อสู้กัน ผู้ดูแลต้องแยกเด็กออกจากกันจนกว่าจะสงบลง หากการต่อสู้มีความรุนแรงมาผู้ดูแลเด็กต้องระงับเหตุการณ์ทันที และพูดให้ชัดเจนว่าไม่สำคัญว่าใคร "เป็นคนเริ่ม" ไม่มีข้ออ้างใด ๆ สำหรับการพยายามทำร้ายกัน