ดูแลเด็ก ใน จอมทอง, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน จอมทอง, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 46 ปี
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 37 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 26 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
มัณฑนา ศรีโชติ
มัณฑนา ศรีโชติ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 48 ปี

ใจเย็น รักเด็ก พร้อมเรียนรู้ปรับตัว

แสดงเพิ่มเติม
	ปรีชญา ขัดเรือน
ปรีชญา ขัดเรือน
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี
ศิริวิมล ทรงศิริ
ศิริวิมล ทรงศิริ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี

ที่บ้านมีห้องแอร์สถานที่ให้วิ่งเล่น เรียนได้เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.40 เรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า มีประสบการณ์ดูแลหลานๆของตนเองหลายคน มากกว่า5คน ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ถึง 15 ปี

แสดงเพิ่มเติม
อารตี อับดลราหมาน
อารตี อับดลราหมาน
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 26 ปี
Pavana Suntudchaiyo
Pavana Suntudchaiyo
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 56 ปี

I am in good health, kind and responsible, polite and gentle. สุภาพ สุขภาพแข็งแรง พูดเพราะ มีความรับผิดชอบ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
3 ปีที่แล้ว
ลาคลอดได้แค่ 3 เดือน ค่ะ ต้องกลับไปทำงานต่อ จะฝากลูกไว้กับยายก็กลัวแกจะดูไม่ไหว เลยลองหาพี่เลี้ยงจากเว็บใส่ใจดู ตอนแรกก็กังวลอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่กล้าทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยง แต่ก็วางใจอย่างนึงว่าพี่เลี้ยงมีประสบการณ์ ตอนนี้ทุกอย่างลงตัว โอเคมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุชาดา มิ่งมงคล
3 ปีที่แล้ว
ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
3 ปีที่แล้ว
ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
3 ปีที่แล้ว
ลองค้นหาบริการพี่เลี้ยงเด็กอยู่หลายที่ จนได้มาเจอเว็บใส่ใจ ลองเข้าไปดู รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างมีขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ให้เลือกพี่เลี้ยง ขั้นตอนนัดสัมภาษณ์ รายละเอียดและคำแนะนำต่าง ๆ พี่เลี้ยงที่ได้มาก็ตรงตามความต้องการสุด ๆ รู้สึกประทับใจมาก
Saijai
ณัฐณิชา ทิวาสวัสดิ์
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัวหรือเนอสเซอรี่ (Nursery) อะไรคือคำตอบสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้
ข้อดีของการให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กที่บ้านของคุณเอง

1. ลูกน้อยของคุณได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงแบบใกล้ชิด ทำให้เด็กรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
2. มีความยืดหยุ่นในการทำกิจวัตรประจำวันเพราะเด็กไม่ต้อง กิน นอน หรือ เล่นตามตารางเหมือนอยู่ในศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรือเนอสเซอรี่ (Nursery)
3. พี่เลี้ยงเด็กสามารถปรับเวลาการทำงานให้สอดคล้องกับเวลาทำงานและวันหยุดของคุณพ่อคุณแม่
4. คุณพ่อคุณแม่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นเพราะไม่ต้องเผื่อเวลาในการรับส่ง ก่อนและหลังเลิกงาน
5. เด็กได้รับการดูแลในบรรยากาศที่คุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย
6. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเดินทางรับส่ง หมดปัญหาเรื่องรถติดและมลภาวะบนท้องถนน
7. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเตรียมตัวหรือจัดเตรียมของใช้ให้ลูก เช่น ขวดนม เสื้อผ้า หรือแพมเพิส
8. ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิต้านทานยังน้อยจะเจ็บป่วยได้ง่าย หากต้องอยู่ปะปนกับเด็ก ๆ อื่น
9. มีคนอยู่บ้านตลอดเวลาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน

ข้อดีของการเข้าเนอสเซอรี่ (Nursery)

1. ฝึกทักษะการเข้าสังคมเพราะเด็กต้องอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ และครูพี่เลี้ยง
2. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับการจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัว
3. เนอสเซอรี่มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้เด็กฝึกทักษะผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรมองหาจากพี่เลี้ยงเด็กก่อนตกลงจ้าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่สักคนจะตัดสินใจหาใครมาดูแลลูกน้อยที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ วันนี้ใส่ใจมีข้อมูลของทักษะและคุณสมบัติที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเช็คกันดูก่อนตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงสักคน

1. พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความอดทนสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องมีความเข้าใจเด็ก สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนที่มีความอดทนสูง
2. พี่เลี้ยงเด็กควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที เช่น เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลเกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผลถลอก พี่เลี้ยงต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อของแผล เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรเลือกพี่เลี้ยงที่มีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ
3. พี่เลี้ยงเด็กควรมีทักษะการแก้ไขปัญหา พี่เลี้ยงจะต้องรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้ว่าจ้างเสมอไปหากปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง
4. ทำอาหารเป็น ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นต้องมี พี่เลี้ยงไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลเด็กอย่างเดียวเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงอาจจะต้องเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานในแต่ละมื้อด้วย หากอาหารอร่อยถูกปาก เด็กจะเจริญอาหารและอารมณ์ดี ที่สำคัญที่สุดที่พี่เลี้ยงต้องใส่ใจและจดจำด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ดูแลนั้น แพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานสิ่งที่แพ้เข้าไป
5. มีความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือสันทนาการ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจจะสอนเด็กนับเลข ฝึกการอ่าน หรือระบายสีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เหล่านี้
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับพี่เลี้ยง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะไว้วางใจให้ลูก ๆ ของคุณอยู่ในความดูแลพี่เลี้ยงเด็ก แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตามเด็กอาจเกิดความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจมีวิธีการที่จะช่วยลดความกังวลของทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกได้ดังนี้ค่ะ

1. คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับเด็ก ถึงความจำเป็นที่ต้องให้เด็กๆ อยู่กับพี่เลี้ยง ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าคุณพ่อคุณแม่หาคนที่สามารถดูแลพวกเขาได้ดี
2. คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงที่เข้ากันได้กับลูก ๆ และมีความพร้อมในการดูแลเด็ก
3. แนะนำให้ลูก ๆ ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง โดยอาจจะเล่าให้ฟังว่าพี่เลี้ยงเห็นใคร ชื่ออะไร คุยกับพี่ผ่านทางวิดีโอคอลก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อนลดความตึงเครียดในการเจอกันครั้งแรก
4. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง เบอร์โทรฉุกเฉิน และสอนให้ลูกใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือโทรขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
5. มอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ทำระหว่างวัน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีกิจกรรมเบนความสนใจและไม่เอาแต่จดจ่อรอเวลาคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
6. เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากบ้านและต้องให้เด็ก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าพี่เลี้ยงจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีและย้ำว่าพวกเขาสามารถโทรหาคุณได้เสมอ
ในวันสัมภาษณ์พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงเด็ก
ขั้นตอนของการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่คุณจะได้ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงที่คุณจะจ้าง แต่ในขั้นตอนนี้คุณต้องทำการตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน ดังนั้นวันนี้ใส่ใจมีข้อแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและพูดคุยถึงข้อตกลงที่สำคัญมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

1) ขอบเขตหน้าที่ที่คุณต้องการให้พี่เลี้ยงทำ เช่น ช่วยเลี้ยงลูกคุณขณะคุณไม่อยู่บ้าน ช่วยเตรียมกับข้าวให้ลูกน้อยรับประทานในแต่ละมื้อ ช่วยสอนการบ้านหากพี่เลี้ยงมีความสามารถ
2) วันและเวลาการทำงาน ในวันที่สัมภาษณ์คุณและพี่เลี้ยงจะต้องตกลงเรื่องวันเวลาการทำงานให้อย่างชัดเจน และคุณควรจะมีวันหยุดให้พี่เลี้ยงตาม กฎหมายกระทรวงแรงงาน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ และวันพักร้อน ได้ 6 วัน ต่อ ปี และต้องหยุดตามประเพณี ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน
3) ค่าจ้าง คุณจะต้องตกลงเรื่องค่าจ้างกับพี่เลี้ยงให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คุณควรที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กทำงานในวันหยุดนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน
4) ข้อตกลงในการอาศัยอยู่ในบ้าน หากคุณมีกฎระเบียบที่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้ คุณต้องแจ้งให้พี่เลี้ยงเด็กรับทราบก่อนเริ่มงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากให้ลูกติดโทรศัพท์ คุณควรแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบ และควรกำชับพี่เลี้ยงว่าไม่ให้ลูกของคุณเล่นโทรศัพท์ขณะที่คุณไม่อยู่ เพราะเด็กอาจได้รับผลกระทบจากการเล่นโทรศัพท์นานเกินไปจนส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นและส่งผลกับสายตา ดังนั้นพี่เลี้ยงจะต้องหากิจกรรมที่ให้เด็กได้พัฒนาตนเองมากกว่าการเล่นโทรศัพท์มือถือ

ตลาดน้ำวัดไทรในอดีต

ตลาดน้ำฝั่งบางขุนเทียนที่โด่งดังมานานมีอยู่เพียงตลาดเดียวคือ ตลาดน้ำวัดไทร ตั้งอยู่ ถนนเอกชัย ซอย 23 (ซอยวัดไทร) แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ตลาดน้ำวัดไทร เคยเป็นตลาดน้ำที่รุ่งเรืองมากในอดีต และเป็นตลาดน้ำที่สวยงามที่สุด เป็นตลาดน้ำในคลองสนามชัย (บางคนเรียกคลองด่าน) บริเวณหน้าวัดไทร ซึ่งเป็นวัดที่สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา บริเวณวัดแต่ก่อนเป็นชุมชนใหญ่ มีผู้คนอาศัยหนาแน่น มีคลองสนามชัยเป็นคลองที่เชื่อมต่อไปยังคลองต่างๆ เพื่อออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าน้ำหน้าวัดไทรจึงเป็นแหล่งรวมผู้คนที่สัญจรไปมา มีการค้าขายผักผลไม้โดยนำใส่เรือเพื่อมาจำหน่ายและขนส่งไปต่างถิ่นโดยรถไฟที่สถานีรถไฟมหาชัย-วงเวียนใหญ่ซึ่งตั้งอยู่หลังวัด เดิมทีที่บริเวณตลาดน้ำวัดไทรจะมีห้องแถวอยู่ประมาณ 80 ห้อง บริเวณทั้งสองฝั่งคลอง มีสะพานไม้ทอดยาวตลอดด้านหน้าตลาด เป็นท่าขนส่งสินค้าจากสวนที่จะมีเรือเข้ามาประมาณ 100-150 ลำ ต่อวัน ด้วยภาพวิถีชีวิตของคนฝั่งคลองและสภาพตลาดที่สวยงามทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยี่ยมชมตลาดอยู่เนืองๆ กลายเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเกือบ 40 ปี จนกระทั่งราว พ.ศ. 2520 ความเจริญเริ่มเข้ามา เริ่มมีเรือแท็กซี่ เรือยนต์ของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น จนเรือค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าเริ่มลดน้อยลง อีกทั้งยังมีการสร้างถนนหนทางในเขตพื้นที่จอมทองเพิ่มมากขึ้นด้วย ตลาดน้ำวัดไทรจึงเริ่มเข้าสู่ระยะถดถอย ไม่ค่อยมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือมาขายของ ความคึกคักของตลาดเริ่มหายไป ทำให้บรรดาไกด์นำเที่ยวต้องพานักท่องเที่ยวย้ายไปชมตลาดน้ำกันแถววัดหลัก 6 อ. บ้านแพ้ว และตลาดน้ำดำเนินสะดวก อ. ดำเนินสะดวก จ. ราชบุรี ตลาดน้ำวัดไทรจึงถูกทิ้งให้ร้างไป

ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ตลาดน้ำวัดไทรได้รับการฟื้นฟูให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัยโดยสำนักงานเขตจอมทอง ทำให้ตลาดน้ำวัดไทรกลับมาคึกคักอีกครั้ง มีการแสดงภายในตลาด เช่นการเล่นเรือของศิลปินแห่งชาติ การแสดงของเด็กนักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตจอมทอง มีการจำหน่ายสินค้าการเกษตร และจัดล่องเรือชมวิถีชีวิตสองฝั่งคลอง ชื่นชมทัศนียภาพและชุมชนตลอดแนวลำคลอง ชมการแสดงงู แวะชมตำหนักทอง หอกลองเก่า สถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาในวัดไทร และเข้าชมวัดเก่าแก่เช่นวัดราชโอรสารามฯ วัดบางประทุนนอก และวัดนางนอนวัดหนัง ซึ่งปัจจุบันตลาดน้ำวัดไทรยังเปิดให้เที่ยวชมและมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเรื่อยๆโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์



พาชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น เขตจอมทอง

พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตจอมทอง ตั้งอยู่ภายในวัดยายร่ม ถ. พระรามที่ 2 ซอย 33 แขวงบางมด เขตจอมทอง วัดยายร่มเป็นวัดเก่าแก่อายุเกือบ 200 ปี มีโบสถ์ 2 ชั้น ชั้นบนประดิษฐานพระหลวงพ่อพุ่ม ที่ชาวบ้านเขตนี้เคารพบูชาอย่างมาก ชั้นล่างของโบสถ์ประดับตกแต่งด้วยไม้สักทองแกะสลักสวยงาม ทำให้โบสถ์ที่วัดยายร่มมีความโดดเด่นจากหลายๆวัดในแถบนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์ได้แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ส่วนแรกจะนำเสนอความเป็นมาของ “บางกอก” เมืองหน้าด่านที่สำคัญ และมีการจัดแสดงเรื่องราวการขุดคลองในสมัย สมเด็จพระไชยราชาธิราช ซึ่งทำให้เกิดคลองสำคัญคือ คลองบางกอกน้อย คลองบางกอกใหญ่ และแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน

ส่วนที่ 2 กล่าวถึง “คลองด่าน” ซึ่งเป็นลำคลองสายสำคัญของชาวบ้านเขตจอมทอง เป็นเส้นทางการคมนาคม แหล่งน้ำสำคัญของการทำสวนผลไม้ มี “คลองสนามชัย” เป็นคลองเชื่อมต่อกับคลองด่านเพื่อเป็นทางในการขนส่งสินค้า อาหารทะเล เกลือทะเล และถ่านไม้โกงกาง และเป็นที่ตั้งของตลาดน้ำวัดไทร ตลาดน้ำที่โด่งดังมากในสมัยนั้นเพราะเป็นแหล่งรวมผลผลิตทางการเกษตรในย่านฝั่งธนบุรี นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงเส้นทางรถไฟสาย มหาชัย-วงเวียนใหญ่ ซึ่งเป็นสายการค้า พ่อค้าแม่ค้าจะขนส่งอาหารทะเลโดยทางรถไฟเสียส่วนมาก ปัจจุบันรถไฟสายนี้ยังคงดำเนินการอยู่ โดยจะออกทุก 1 ชั่วโมง

ส่วนที่ 3 เสนอภูมิปัญญาของชาวสวนลิ้นจี่ คือ เครื่องมือไล่กระรอกและค้างคาว ที่มากินผลไม้ในสวน ซึ่งจะทำจากไม้ผ่าตรงกลาง ร้อยด้วยเชือกและนำไปแขวนเป็นระยะๆ ตามต้นไม้ ตกกลางคืนชาวสวนจะออกมาดึงเชือกเพื่อให้เกิดเสียง เป็นการไล่สัตว์ที่มากินผลไม้ ชาวสวนเรียกเครื่องมือนี้ว่า “ตะขาบ”

ส่วนที่ 4 กล่าวถึงศิลปะเฉพาะซึ่งเป็นศิลปกรรมแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 คือ ศิลปะแบบวัดนอกอย่าง โดยมีวัดราชโอรส เป็นต้นแบบของวัดนอกอย่าง นอกจากนี้ยังมี วัดนางนอง และวัดหนัง จุดเด่นของวัดนอกอย่างคือ หน้าบันที่มีช่อฟ้า ใบระกาทำด้วยการก่ออิฐถือปูนแทนที่จะทำด้วยไม้เหมือนวัดทั่วๆไป และยังนิยมประดับด้วยเครื่องเคลือบสีต่างๆ ศิลปะส่วนใหญ่ตามกระถางธูป กระถางต้นไม้ จะมีลวดลายแบบจีน เพราะรัชกาลที่ 3 ทรงติดต่อค้าขายกับพ่อค้าชาวจีน ด้วยเหตุนี้เรามักได้ยินคำกล่าวถึงเขตจอมทองว่า “จอมทองจุดกำเนิดวัดนอกอย่าง”

ส่วนที่ 5 เป็นส่วนสุดท้ายของพิพิธภัณฑ์ที่แบ่งการจัดแสดงเป็น 2 หัวข้อ หัวข้อแรกคือเรื่องของศิลปวัฒนธรรมในเขตจอมทอง เช่น ลิเกเด็กของคณะมงคลศิลป์ โรงเรียนวัดมงคลวราราม หรือ โขนจิ๋วจากโรงเรียนอนุบาลบ้านยิ้ม และโขนเด็กจากโรงเรียนศาลาครืน ส่วนประเพณีสำคัญของเขตนี้คือ การก่อเจดีย์ทรายในงานประเพณีสงกรานต์ วัดบางขุนเทียน และประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำของวัดบางประทุนนอก รวมไปถึงประเพณีแข่งเรือของวัดบางขุนเทียนกลาง หัวข้อที่สองคือบุคคลสำคัญของเขตจอมทอง อาทิเช่น ครูเพลงที่เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดงหลายคน เช่น ครูบุญเลิศ ครูบุญยง และครูบุญยัง เกตุคง รวมไปถึงหลวงปู่วัดหนัง อดีตเจ้าอาวาสวัดหนังผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้านจอมทอง

พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตจอมทอง เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 9:00-16:30 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย การเดินทางก็สะดวกสบาย สามารถขับรถส่วนตัวไปได้ มีลานจอดรถให้บริการ



รับมือเด็กวัยทอง 2 ขวบ

เด็กวัยทอง 2 ขวบ หรือ Terrible Two เป็นช่วงที่เด็กกำลังเติบโต แข็งแรงมากกว่าตอนทารก พฤติกรรมเกเรจะเริ่มตั้งแต่ 18 เดือน ถึง 4 ขวบ พวกเขาเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เริ่มรู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร อยากทำอะไร เริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้านหากถูกบังคับ มีการเรียกร้องความสนใจด้วยการอาละวาด กรีดร้อง แสดงความไม่พอใจ ขว้างปาสิ่งของ แสดงความท้าทายต่อคำสั่ง เรียกว่าเด็กในวัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์สูง สมองส่วนควบคุมอารมณ์เติบโตเร็วกว่าสมองส่วนควบคุมเหตุผล ซึ่งถือเป็นพัฒนาการของเด็กอย่างหนึ่งที่กำลังทำความรู้จักกับสิ่งรอบตัว และเริ่มแสดงพฤติกรรม มีการแสดงออกที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปต่างๆอาจกลายเป็นการปล่อยให้ลูกใช้อารมณ์และเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไป คุณพ่อคุณแม่จึงควรเตรียมรับมือเด็กวัยนี้ เพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอใช้อารมณ์ตอบโต้ลูกๆวัยทอง

อาการหลักๆของเด็กวัยทองคือมักมีอารมณ์ฉุนเฉียว อาจจะเพราะหิว ไม่ได้รับความสนใจ กังวล หรือรู้สึกเหนื่อย งานวิจัยของรัฐแคลิฟอร์เนีย แบ่งเด็กวัยทองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ถูกบังคับจากครอบครัว และ กลุ่มที่ได้รับความเข้าใจจากครอบครัว กลุ่มแรกเกิดจากการที่พ่อแม่ไม่เข้าใจพฤติกรรมของลูก จึงเกิดการดุด่าว่ากล่าว ไปจนถึงใช้กำลังหรือตีเพื่อให้เด็กหยุดก้าวร้าว แต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลและไม่รับฟังเหตุผลของลูก กลุ่มที่สองคือ เด็กที่พ่อแม่เข้าใจภาวะวัยทอง และเตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว ใช้เหตุผลพูดคุยเมื่อเกิดปัญหา ลดความขัดแย้ง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเด็กจะเข้าหาพ่อแม่เอง

วิธีรับมือเด็กวัยทอง

1. ให้ลูกนอนหลับพักผ่อนเต็มที่ เพื่อไม่ให้เขาหงุดหงิดเวลาตื่น รวมถึงพยายามให้ลูกรับประทานอาหารตรงเวลา ฝึกให้เป็นกิจวัตร เพราะหากเขาหิวมากเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุให้เขาโมโห หรือมีอารมณ์ฉุนเฉียว

2. พ่อแม่ควรพยายามทำความเข้าใจเด็กวัยนี้ และมีความอดทนอดกลั้น ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อลูกเริ่มแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิด พร้อมทั้งลองยื่นข้อเสนอเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกได้รู้สึกว่าเขามีอำนาจในการตัดสินใจเลือกเองได้

3. ลองเปลี่ยนแปลงวิธีพูดกับลูก เปลี่ยนการ “ห้าม” เป็นบอก “ให้ทำ” เลี่ยงคำว่า “อย่า” หรือ “ห้าม” เช่นลูกจะปาของ ควรบอกให้เขา “ค่อยๆหยิบวางนะลูก” แทนการพูดว่า “อย่าโยน”

4. สร้างตารางเวลาให้ลูกชัดเจน เพื่อให้เขารู้ว่าเวลาไหนควรจะทำอะไร และหากิจกรรมสนุกๆให้ลูกได้ใช้พลังให้เต็มที่ ไม่ให้เกิดความเบื่อหน่ายกับการทำสิ่งเดิมๆนานๆ

หากพ่อแม่เตรียมความพร้อมรับมือเด็กวัยทองไว้อย่างดี ก็จะไม่เกิดปัญหาภายในครอบครัวให้ต้องหงุดหงิดทั้งพ่อแม่และลูกรัก