ดูแลเด็ก ใน บางคอแหลม, กรุงเทพมหานคร

ดูแลเด็ก ใน บางคอแหลม, กรุงเทพมหานคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

จารุนันท์ สุวรรณกูฎ
จารุนันท์ สุวรรณกูฎ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

เป็นคนเรียบง่ายไม่เรื่องมากเลี้ยงน้องตามแพทย์แนะนำและผู้ปกครองแนะนำได้

แสดงเพิ่มเติม
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
Saijai อายุ 29 ปี

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม
ฉันทนา สิทธิ
ฉันทนา สิทธิ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 44 ปี

เป็นคนง่ายๆรักเด็กใจเย็นไม่เคยโกรธหรือโมโหอะไรง่ายๆนอนน้อยทําได้หมดแต่ไม่ชอบจู้จี้

แสดงเพิ่มเติม
กัญญาภัทร บุตรพรม
กัญญาภัทร บุตรพรม
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

สวัสดีค่ะ ชือ ภัทรค่ะ อายุ 52 ถนัดดูแลเด็กแรกคลอด คุณแม่หลังคลอดค่ะ นวดเด็กแรกเล็กได้ ช้วยให้เด็ก อารมณ์ดีไม่งอแง ช่วยระบบขับถ่าย เลือดลมไหลเวียนดี ร่างกายแข็งแรง.นวดประคบสมุนไพร คุณแม่หลังคลอดช่วยในการอยู่ไฟสมัยโบราณ ทำให้มดลูกเข้าอู่ไว้ ร่างกายแข็งแรง รับงานได้ทั้งในและต่างประเทศค่ะ รับดูแลทั้งคนไทยและต่างชาติ

แสดงเพิ่มเติม
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 37 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
วิไล นันต๊ะภาพ
วิไล นันต๊ะภาพ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 46 ปี
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 26 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

เข้ากับคนได้ง่าย มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ รักเด็ก

แสดงเพิ่มเติม
มัณฑนา ศรีโชติ
มัณฑนา ศรีโชติ
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 48 ปี

ใจเย็น รักเด็ก พร้อมเรียนรู้ปรับตัว

แสดงเพิ่มเติม
	ปรีชญา ขัดเรือน
ปรีชญา ขัดเรือน
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี
ศิริวิมล ทรงศิริ
ศิริวิมล ทรงศิริ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี

ที่บ้านมีห้องแอร์สถานที่ให้วิ่งเล่น เรียนได้เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.40 เรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า มีประสบการณ์ดูแลหลานๆของตนเองหลายคน มากกว่า5คน ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ถึง 15 ปี

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
3 ปีที่แล้ว
ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
3 ปีที่แล้ว
เราทำงานนอกบ้าน เลยหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลน้องที่บ้าน ค้นหาข้อมูลดูเวปนี้ให้รายละเอียดพี่เลี้ยงน่าสนใจ ราคาเรารับได้ เราเลยให้น้องมาทดลองงานก่อนเราไปทำงาน น้องมีประสบการณ์มา เลยปรับตัวไม่ยาก เวลาเราอยู่น้องจะช่วยหยิบจับของทำโน่นทำนี่ไป ประทับใจคะ สองเดือนแล้วน้องทำงานดี มีระเบียบเรียบร้อย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เราไว้ใจให้น้องคนนี้ดูแล
Saijai
แม่น้องกัญ
3 ปีที่แล้ว
เป็นครั้งแรกที่เลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็กในเว็บใส่ใจ ตอนแรกคิดว่าจะยุ่งยากในจอง แต่พอเข้าไปในเว็บไซต์ เว็บไซต์ใช้งานง่ายมาก ๆ มีความสะดวกในการใช้งาน อีกทั้งยังมี Guideline ให้อีกด้วย และขั้นตอนการนัดสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเพราะมีตัวเลือกให้เลือกด้วยว่าเราสะดวกสัมภาษณ์ทางไหน เหมาะแก่คนที่ไม่มีเวลาอย่างเราจริง ๆ
Saijai
สุริยา ดำรงรักษ์
3 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
3 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยควรเลือกใช้บริการการเลี้ยงเด็กแบบใด พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว หรือเนอสเซอรี่
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก วันนี้เรามาดูข้อดีขอเสียของพี่เลี้ยงเด็กกันค่ะ ทำไมต้องเลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็ก

1) พี่เลี้ยงช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อคุณแม่ได้ หากคุณไม่มีเวลาดูแลลูกน้อยเนื่องจากต้องทำงานนั้น พี่เลี้ยงเด็กคือทางออกของคุณค่ะ
2) หากคุณเลือกพี่เลี้ยงที่มีคุณสมบัติที่ดีสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกของคุณได้ค่ะ
3) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณแบบใกล้ชิดมากกว่าส่งลูกเข้าศูนย์เลี้ยงเด็ก เพราะศูนย์เลี้ยงเด็กนั้นไม่สามารถดูแลเด็ก ๆ แบบใกล้ชิดได้
4) พี่เลี้ยงสามารถยืดหยุ่นเวลาทำงานให้สอดคล้องกับการทำงานของคุณได้
5) คุณไม่ต้องเสียเวลาไปรับไปส่งลูกน้อยที่ศูนย์หากคุณจ้างพี่เลี้ยงมาที่บ้านเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณ
6) ลูกของคุณจะไม่ป่วยบ่อยเหมือนเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีเด็กมากกว่า20คน อาจจะเกิดความเสี่ยงติดโรคจากเพื่อน ๆ ได้
7) พี่เลี้ยงสามารถอยู่ดูแลลูกของคุณและเฝ้าบ้านของคุณได้หากในกรณีคุณกลับบ้านดึก
8) คุณสามารถบอกพี่เลี้ยงเด็กได้หากคุณต้องการให้พี่เลี้ยงมุ่งเน้นพัฒนาการของลูกคุณในด้านไหนเพราะพี่เลี้ยงของคุณจะดูแลเด็กแบบใกล้ชิด และมุ่งเน้นความสนใจให้ลูกของคุณ ต่างจากเข้าศูนย์เลี้ยงเด็กที่ต้องเฉลี่ยดูแลอย่างเท่าเทียมกัน

ข้อเสียของพี่เลี้ยงเด็ก

1) ลูกของคุณอาจจะติดพี่เลี้ยงมากเกินไป
2) ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับศูนย์เลี้ยงเด็ก
3) คุณอาจจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวภายในครอบครัว

อย่างไรก็ดีข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กนั้นจะช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของคุณไปได้เยอะเลยทีเดียว หากคุณกำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็กสักคน ใส่ใจมีบริการด้านนี้ค่ะ
ทักษะสำคัญที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีคืออะไร
6 ทักษะสำคัญที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี

1. ความรู้ด้านการส่งเสริมพัฒนาการ การส่งเสริมพัฒนาการทำได้ทั้งผ่านการเล่นและการทำกิจวัตรประจำวัน พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรหากิจกรรมเพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมและช่วยเหลือตัวเองได้ตามวัยที่เหมาะสม
2. ความอดทนและใจรักเด็ก เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งลักษณะนิสัย อารมณ์และการแสดงออก บางคนว่านอนสอนง่าย บางคนชอบเล่นซนทั้งวัน หรือบางคนงอแง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีใจรักเด็กเป็นพื้นฐาน พร้อมทำความเข้าใจและมีความอดทน พยายามหาวิธีที่ทำให้เด็กรู้สึกวางใจ ปลอดภัย และยอมเชื่อฟังพี่เลี้ยงในที่สุด
3. ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรู้เบอร์โทรศัพท์ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าเด็กหกล้มมีแผลถลอกพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้ว่าจะจัดการกับแผลถลอกอย่างไร ในกรณีฉุกเฉินพี่เลี้ยงเด็กต้องสามารถติดต่อหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือได้
4. ทักษะการสื่อสาร เด็กมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ พี่เลี้ยงเด็กต้องเข้าใจการสื่อสารกับเด็ก เช่น เข้าใจภาษากายของทารก การสื่อสารของเด็กเล็ก สำหรับเด็กที่สามารถสื่อสารด้วยทำพูดได้แล้ว พี่เลี้ยงเด็กต้องพูดคุยเพื่อให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับและให้เด็กรู้สึกสบายใจ
5. ทักษะการแก้ปัญหา หากไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้วิธีแก้ปัญหาหรือสถานการณ์ตรงหน้าตามสมควรโดยไม่จำเป็นต้องรายงานหรือรอให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจทุกครั้ง
6. ความคิดสร้างสรรค์ คงไม่ดีแน่หากพี่เลี้ยงเด็กดูแลเด็กด้วยการให้เด็กดูสมาร์ทโฟนเป็นชั่วโมง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีความคิดสร้างสรรค์เล่นกับเด็กเพื่อให้เด็กเพลิดเพลินได้นานหลายชั่วโมงและให้เด็กได้พักผ่อนตามเวลา

ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติและทักษะที่ดีที่คุณพ่อและคุณแม่ควรมองหาในตัวพี่เลี้ยงเด็กที่คุณเลือกมาเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณค่ะ
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับพี่เลี้ยง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะไว้วางใจให้ลูก ๆ ของคุณอยู่ในความดูแลพี่เลี้ยงเด็ก แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตามเด็กอาจเกิดความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจมีวิธีการที่จะช่วยลดความกังวลของทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกได้ดังนี้ค่ะ

1. คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับเด็ก ถึงความจำเป็นที่ต้องให้เด็กๆ อยู่กับพี่เลี้ยง ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าคุณพ่อคุณแม่หาคนที่สามารถดูแลพวกเขาได้ดี
2. คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงที่เข้ากันได้กับลูก ๆ และมีความพร้อมในการดูแลเด็ก
3. แนะนำให้ลูก ๆ ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง โดยอาจจะเล่าให้ฟังว่าพี่เลี้ยงเห็นใคร ชื่ออะไร คุยกับพี่ผ่านทางวิดีโอคอลก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อนลดความตึงเครียดในการเจอกันครั้งแรก
4. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง เบอร์โทรฉุกเฉิน และสอนให้ลูกใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือโทรขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
5. มอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ทำระหว่างวัน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีกิจกรรมเบนความสนใจและไม่เอาแต่จดจ่อรอเวลาคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
6. เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากบ้านและต้องให้เด็ก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าพี่เลี้ยงจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีและย้ำว่าพวกเขาสามารถโทรหาคุณได้เสมอ
ข้อตกลงสำคัญที่พ่อแม่ควรตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงานมีอะไรบ้าง?
สัญญาหรือข้อตกลงในการทำงานเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่และพี่เลี้ยงเด็กต้องตกลงร่วมกันเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันในขอบเขตการทำงานและค่าตอบแทน การทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอาจจะไม่จำเป็นเสมอไป แต่การร่างหรือการบันทึกรายการช่วยให้ทั้งสองฝ่ายจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น มีอะไรบ้างที่คุณพ่อคุณแม่และพี่เลี้ยงเด็กควรตกลงกันก่อนเริ่มงาน

1. วันเริ่มงาน ควรมีวันเริ่มงานให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์และไม่เป็นการเสียเวลาของทั้งคุณพ่อคุณแม่และพี่เลี้ยงเด็ก
2. ชั่วโมงการทำงานและวันหยุด ตกลงเรื่องเวลาทำงาน จำนวนชั่วโมงการทำงานในแต่ละวันและวันหยุด เพื่อให้ตารางการทำงานของพี่เลี้ยงเด็กสอดคล้องกับเวลาทำงานของพ่อคุณแม่มากที่สุด และทั้งสองฝ่ายควรรักษาเวลา
3. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ กำหนดความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน
4. ค่าแรงและกำหนดการจ่าย ค่าแรงของพี่เลี้ยงเด็กอาจขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงาน เช่นพี่เลี้ยงเด็กรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน ซึ่งกำหนดการจ่ายเงินอาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการทำงานนี้ด้วย
5. ค่าแรงในกรณีทำงานล่วงเวลา หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กทำงานล่วงเวลา ควรสอบถามความสมัครใจของพี่เลี้ยงและตกลงกันให้ชัดเจนเรื่องค่าแรง
6. การโพสต์รูปหรือข้อความเกี่ยวกับเด็กลงสื่อออนไลน์ (Social Medias) คุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้มีรูปภาพ หรือข้อความเกี่ยวกับลูก ๆ ถูกโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ค หรืออินสตาแกรม โดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรทำความตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

วัดพระยาไกร วัดที่เหลือแต่ชื่อ

วัดพระยาไกร นอกจากจะเป็นชื่อแขวงหนึ่งในสามแขวงของ เขตบางคอแหลม แล้ว ยังมีประวัติอื่น ๆ ที่ทิ้งไว้เป็นชื่อมาถึงปัจจุบัน วัดพระยาไกร หรือ วัดโชตนาราม ในอดีตตั้งอยู่ในแขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ศูนย์การค้าแนวราบริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย วัดพระยาไกรสร้างก่อน พ.ศ. 2344 ต่อมาพระยาโชฏึกราชเศรษฐี (บุญมา) หัวหน้าคนจีน ตำแหน่งเจ้ากรมท่าซ้ายในขณะนั้นได้คุมคนงานจีนทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัด แล้วน้อมถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามวัดว่า “วัดโชตนาราม” จากจดหมายเหตุพบว่า ต่อมาวัดพระยาไกรถูกทิ้งเป็นวัดร้าง อาจเพราะท่านเจ้าสัวบุญมาไม่มีทายาทสืบสายสกุลทำให้ขาดผู้ดูแลอุปถัมภ์วัด จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 5 บริษัท อีสท์ เอเชียติก จำกัด แห่งประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจค้าไม้สักส่งออกต่างประเทศได้แจ้งความประสงค์ขอเช่าพื้นที่วัดโชตนารามเพื่อตั้งโรงเลื่อยจักรของบริษัท เมื่อได้รับอนุญาตจึงได้ทำการรื้อถอนเสนาสนะที่ปรักหักพังทั้งหมด เหลือไว้เพียงพระอุโบสถ จึงมีการย้ายพระพุทธรูปปูนปั้นสำคัญ 2 องค์ภายในพระอุโบสถ คือ พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (พระพุทธรูปทองคำ) ไปยังวัดไตรมิตรวิทยาราม (เดิมชื่อวัดสามจีน) และหลวงพ่อสัมฤทธิ์พระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะสำริดปางมารวิชัย สมัยสุโขทัยไปยัง วัดไผ่เงินโชตนาราม (เดิมชื่อวัดเงิน ยุบรวมกับวัดไผ่ล้อม จึงได้ชื่อว่า วัดไผ่เงิน) เนื่องจากวัดถูกทิ้งให้รกร้างจนยากแก่การบูรณะ แต่ชื่อวัดและที่ดินยังมีอยู่จึงยังมีปรากฏชื่อวัดในทำเนียบวัดจนกระทั่งปี พ.ศ. 2539 จึงมีประกาศยุบวัด (ร้าง) ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการเมื่อ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2539 ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 113 ตอนที่ 67 ง หน้า 20 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2539 ปัจจุบันชื่อ วัดพระยาไกร ยังมีปรากฏให้เห็นแม้จะไม่มีตัววัดหลงเหลืออยู่แล้ว อาทิเช่น แขวงวัดพระยาไกร เขตการปกครองหนึ่งของเขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร ที่ทำการไปรษณีย์วัดพระยาไกร รวมไปถึงท่าเรือด่วนแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าน้ำวัดพระยาไกร



3 โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตบางคอแหลม

โรงแรมติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดสายในเขตกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นโรงแรมหรู ในระดับ 4 ดาวขึ้นไป เนื่องจากตั้งอยู่ริมแม่น้ำ โรงแรมจึงมีวิวที่สวยงามทั้งห้องพักและห้องอาหารภายในโรงแรมมักหันหน้าออกไปทางฝั่งแม่น้ำเพื่อให้ลูกค้าที่มาพักหรือมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรมได้ลิ้มรสอาหารที่แสนอร่อยไปพร้อมกับชื่นชมวิวทิวทัศน์ของสายน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ชื่นชอบการพักผ่อนในโรงแรมริมแม่น้ำ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจมักจะเลือกเข้าพักตามโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นกัน เรามาดูกันว่าในเขตบางคอแหลมมีโรงแรมหรูติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหนบ้าง

เริ่มที่โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ที่เป็นโรงแรมเก่าแก่และเป็นที่รู้จักทั้งกับชาวไทยและชาวต่างชาติคือ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ (Montien Riverside Hotel) ตั้งอยู่ที่ 372 ถ. พระรามที่ 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ มีห้องพักมากถึง 462 ห้อง และทุกประเภทห้องสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ห้องพักมีให้เลือกตั้งแต่ห้องสุพีเรียไปจนถึงห้องคิงสวีท ตกแต่งหรูหราและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทุกประเภทห้องพัก พร้อมด้วยการบริการที่ดูแลเอาใจใส่ลูกค้าอย่างมืออาชีพ นอกจากนี้โรงแรมยังมีบริการห้องอาหาร คอฟฟี่ช็อป บาร์ ห้องประชุม บริการนวด ห้องฟิตเนส ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำกลางแจ้ง และสวน ถือว่าครบวงจร ส่วนราคาห้องพักนั้นเริ่มต้นตั้งแต่หนึ่งพันปลายๆไปจนถึงราว 40,000 บาท รับรองว่าพักที่นี่ต้องประทับใจทั้งห้องพัก การบริการ และวิวที่สวยงามแน่นอน

โรงแรมสุดหรูแห่งที่ 2 คือ โรงแรมแม่น้ำ รามาดาพลาซา กรุงเทพ (Ramada Plaza by Wyndham Bangkok Menam Riverside) เป็นโรงแรม 5 ดาว สูง 16 ชั้น ตั้งอยู่ที่ 2074 ถ. เจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพ โรงแรมแม่น้ำ รามาดาพลาซา นอกจากจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ยังตั้งอยู่ตรงข้ามเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตและเป็นศูนย์การค้าริมน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จุดเด่นอีกอย่างของโรงแรมนี้คือมีห้องพักให้เลือกมากถึง 12 ประเภท รวมทั้งหมด 525 ห้อง ตกแต่งในสไตล์ไทยโมเดิร์น มีสิ่งความสะดวกภายในห้องพักครบครัน เช่นคอฟฟี่ช็อป บริการนวด จาคุซซี ห้องฟิตเนส ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ สปา และสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ถือว่ามีตัวเลือกห้องพักที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทุกระดับ ราคาห้องพักเริ่มต้นตั้งแต่ 2,000 บาท ไปจนถึงราว 20,000 บาท

โรงแรมสุดท้ายเป็นโรงแรมขนาดเล็กสุดชิคในระดับ 4 ดาว โฮเต็ล วันซ์ แบงค็อก (Hotel Once Bangkok) โรงแรมสไตล์บูติกของย่านเจริญกรุง ตั้งอยู่ที่ 2074/99 ถ. เจริญกรุง ซ. 72/2 แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพ โฮเต็ล วันซ์ แบงค็อก ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวกง่ายดายเพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือรับส่ง ห้องพักมีทั้งหมด 43 ห้องออกแบบหรูหราและทันสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเช่น ห้องอาหาร บาร์ คอฟฟี่ช็อป ห้องฟิตเนส สำหรับห้องอาหารมีที่นั่งบนชั้นดาดฟ้ามองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและวิวของกรุงเทพมหานครอีกด้วย ราคาห้องพักเริ่มต้นตั้งแต่พันต้นๆไปจนถึงประมาณ 9,000 บาท ถือว่าเป็นโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีราคาสบายกระเป๋าและเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ



ทำไมลูกถึงพูดช้า

ปกติแล้วเด็กจะมีพัฒนาการทางภาษาและการสื่อสารตามลำดับตั้งแต่แรกเกิด เริ่มจากส่งเสียงร้อง มีเสียงอ้อแอ้ตอน 1-3 เดือน มีพัฒนาการในการตอบสนองการพูดคุยกับพ่อแม่ มีเสียงหัวเราะ เล่นน้ำลาย ทำรูปปากเลียนแบบพ่อแม่ที่กำลังคุยเล่นอยู่ด้วย และเริ่มพยายามเลียนเสียงออกจากลำคอ เปล่งออกมาเป็นคำสั้นๆเช่น หม่ำหม่ำ ปะป๋า หม่าม๊า ในวัยประมาณ 1 ขวบ หลังจากนั้นคลังคำศัพท์ของเด็กจะค่อยๆสะสมเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ 50-200 คำ ในวัย 2 ขวบ โดยเริ่มพูด 2-3 คำติดกันได้ และพัฒนาการจนสามารถพูดเป็นประโยคสั้นๆ ได้ ตอบคำถามได้

หากลูกไม่สามารถพูดคำที่มีความหมายได้เลยเมื่อถึงวัย 2 ขวบ หรือหากเด็กไม่มีสัญญาณการพูด ไม่ส่งเสียงเลียนแบบ หรือไม่หันตามเสียงเรียกตั้งแต่ช่วง 6-10 เดือน เป็นไปได้ว่าลูกเป็นเด็กพูดช้า

สาเหตุของการพูดช้าเกิดจากอะไรบ้าง

1. ความผิดปกติของการได้ยิน เช่น หูตึง หูหนวก หรือประสาทหูพิการ ทำให้ไม่สามารถพูดได้ โดยพ่อแม่สามารถสังเกตอาการได้ตั้งแต่วัยทารกหากลูกไม่ค่อยตอบสนองต่อเสียง แต่มักจะพยายามจ้องมองปากหรือท่าทางของพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูเพื่อสื่อสาร

2. ความผิดปกติทางสติปัญญา เด็กมีพัฒนาการล่าช้าในหลายๆด้านหากเทียบกับเด็กในวัยเดียว เช่น ด้านความจำ ด้านกล้ามเนื้อ หรือระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว

3. ภาวะออทิสติก เด็กจะมีพัฒนาการทางภาษาล่าช้าร่วมกับมีความบกพร่องในการเข้าสังคม โดยสามารถสังเกตพฤติกรรมได้ตั้งแต่ก่อนอายุ 30 เดือน เช่น เด็กไม่เข้าใจคำสั่ง ไม่มองหน้า ไม่สบตา ไม่มีอารมณ์ร่วมในการสนทนา เรียกชื่อไม่หัน เล่นคนเดียว ส่งเสียงไม่เป็นภาษา และชอบเล่นแบบเดิมซ้ำๆ

4. พัฒนาทางภาษาผิดปกติหรือล่าช้าโดยที่พัฒนาการด้านอื่นปกติ เด็กกลุ่มนี้อาจจะเกิดจากพัฒนาการด้านความเข้าใจภาษาและการใช้ภาษาล่าช้า ทำให้ปัญหาในการเรียน การอ่าน การเขียน และการสะกดคำ ซึ่งควรได้รับการรักษาและติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง แต่เด็กบางคนในกลุ่มนี้อาจจัดอยู่ในกลุ่มที่เราเรียกว่า “เด็กปากหนัก” คือเด็กมีความเข้าใจทางภาษาปกติ แต่ยังไม่เปล่งเสียงพูด จะใช้ท่าทางเพื่อสื่อสารและบอกความต้องการเช่น ส่ายหัว หรือพยักหน้า เด็กกลุ่มนี้สามารถพัฒนาจนมีทักษะภาษาปกติได้ดี

5. ขาดการกระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุจากการเลี้ยงดู เช่นปล่อยให้เด็กอยู่คนเดียวบ่อยๆ หรืออยู่กับสื่อหน้าจอมากเกินไปจนไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เลี้ยงดู การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมนี้อาจส่งผลให้เด็กมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นแพทย์จึงไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท

หากคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ที่เลี้ยงดูเด็กสังเกตพฤติกรรมแล้วรู้สึกว่าเด็กอาจมีความผิดปกติในการพัฒนาการทางภาษา การพูด และการสื่อสารที่ล่าช้า ควรพามาปรึกษากุมารแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการตามความเหมาะสมและถูกต้อง เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางการพูดและพัฒนาการด้านอื่นๆต่อไป