ดูแลเด็ก ใน เมืองปทุมธานี, ปทุมธานี

ดูแลเด็ก ใน เมืองปทุมธานี, ปทุมธานี

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

ศิวกร บวรเกษมภักดี
ศิวกร บวรเกษมภักดี
Saijai อายุ 18 ปี

เป็นคนขี้เล่นชอบเลี้ยงเด็ก เพราะปกติอยู่บ้านชอบเลี้ยงน้องอยู่เเล้ว มีความอดทนสูง

แสดงเพิ่มเติม
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 26 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
อังคณา ภักดิ์ชัยภูมิ
อังคณา ภักดิ์ชัยภูมิ

อดทน มีความตั้งใจในการทำงาน ขยัน

แสดงเพิ่มเติม

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
เจนจิรา เจริญลาภ
เจนจิรา เจริญลาภ
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

ดิฉันชื่อเจนค่ะ รักเด็ก มีความอดทนสูง มีบุตรมาแล้วเข้าใจการดูแลเด็กค่ะ สามารถพาเด็กทำกิจกรรมที่มีประโยชน์กับเด็กค่ะ ได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้วค่ะ ฝากคุณลูกค้าพิจารณาด้วยนะคะ😊

แสดงเพิ่มเติม
วลัยลักษณ์ ตาใจ
วลัยลักษณ์ ตาใจ
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี

ค่าบริการสำหรับ วันละ 10 ชั่วโมง

แสดงเพิ่มเติม
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
อานนท์ ทองแสง
อานนท์ ทองแสง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 30 ปี

ผมเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ยุ่งอบายมุข ไม่พูดคำหยาบ ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย ทำได้ทุกอย่างครับ สอนได้ทุกวิชา ค่าจ้างเป็นต่อชั่วโมงหรือให้เป็นรายเดือนก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
อคัมย์สิริ ศศิชลพินทุ์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี
Saijai อายุ 41 ปี
Nisachon Chuaykhun
Nisachon Chuaykhun
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
ผ่านการตรวจสอบประวัติบุคคล

1.ชื่อ-นามสกุล (ไทย) : นิศาชล ช่วยขุน(อังกฤษ) : nisachon chuaykhunสถานะ : โสด2.อายุ : 31 3.ตำแหน่งงานที่สมัคร : ครูผู้ช่วย พี่เลี้ยงเด็กส่วนสูง : 165 ซ.มน้ำหนัก : 44ก.ก.ไม่มีรอยสักไม่ใส่เหล็กดัดฟันไม่สูบบุหรี่กินเหล้านิสัยส่วนตัว ใจดีมีเมตตาชอบเด็กๆเป็นอย่างมาก เรียบร้อย พูดเพราะไม่พูดคำหยาบ ชอบดูแลคนอื่น ชอบให้คำปรึกษา ชอบให้แรงจูงใจให้ความรักพร้อมความรู้พร้อมกัน ชีวิตและการทำงานทุกทางผูกพันธ์กับเด็ก เป็นพี่สาวคนโตเลี้ยงๆน้องที่บ้านเกิด ขยันชอบเอนเตอร์เทรน ประวิติการทำงานสายอีเว้นท์ช่วงว่างงานหรือวันหยุด-MC โฟนของเล่นเด็ก บ.คิดส์โด-MC โฟนงานวัคซีน ม.ไทย-ญี่ปุ่น- Staff แจกใบปลิว งานโบกป้าย เอกตร้า-ครูสอนเสริม สอนการบ้านบ้านเด็กกำพร้างานประจำที่เคยผ่าน-ฝึกงาน สถาบันคอม ม.ราม-พี่เลี้ยงสถานสงเคราะห์ บ.มหาเมฆ กรมเด็ก-ปัจจุบัน ครูผู้ช่วยโรงเรียนเด็กก่อนเรียนรามคำแหง 7.ระดับการศึกษา :ป.ตรี คณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง8.ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลงลูกทุ่ง โฟนMC เต้น นำกิจกรรมเอนเตอร์เทน9.สื่อสารภาษาอังกฤษ : พอได้บ้าง10.รอยสัก : ไม่มี11. ที่อยู่ : รามคำแหงมหาดไทย12. สถานะการฉีดวัคซีนโควิด : ฉีดแล้ว2เข็ม

แสดงเพิ่มเติม
ปวีณา สาเหล่
ปวีณา สาเหล่
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 23 ปี

รักเด็กชอบเด็กชอบอุ้มเด็กชอบอยู่กับเด็กอ่อน

แสดงเพิ่มเติม
กัญชพร เชื้อแถว
กัญชพร เชื้อแถว
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี

งานประจำเป็นครูพี่เลี้ยงอยู่เนอสเซอรี่ ทำงานมา 6 ปี เป็นคนขี้เล่น เฟรนลี่ อยู่ที่ทำงานเป็นครูผู้นำสอนน้องทำกิจกรรมในด้านพัฒนาการต่างๆ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
4 ปีที่แล้ว
เราทำงานนอกบ้าน เลยหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลน้องที่บ้าน ค้นหาข้อมูลดูเวปนี้ให้รายละเอียดพี่เลี้ยงน่าสนใจ ราคาเรารับได้ เราเลยให้น้องมาทดลองงานก่อนเราไปทำงาน น้องมีประสบการณ์มา เลยปรับตัวไม่ยาก เวลาเราอยู่น้องจะช่วยหยิบจับของทำโน่นทำนี่ไป ประทับใจคะ สองเดือนแล้วน้องทำงานดี มีระเบียบเรียบร้อย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เราไว้ใจให้น้องคนนี้ดูแล
Saijai
แม่น้องกัญ
4 ปีที่แล้ว
เป็นครั้งแรกที่เลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็กในเว็บใส่ใจ ตอนแรกคิดว่าจะยุ่งยากในจอง แต่พอเข้าไปในเว็บไซต์ เว็บไซต์ใช้งานง่ายมาก ๆ มีความสะดวกในการใช้งาน อีกทั้งยังมี Guideline ให้อีกด้วย และขั้นตอนการนัดสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเพราะมีตัวเลือกให้เลือกด้วยว่าเราสะดวกสัมภาษณ์ทางไหน เหมาะแก่คนที่ไม่มีเวลาอย่างเราจริง ๆ
Saijai
สุริยา ดำรงรักษ์
4 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
4 ปีที่แล้ว
เมื่อก่อนไม่กล้าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก แต่ลองจ้างผ่านทางใส่ใจดู พี่เลี้ยงทำงานได้น่าพอใจมาก ๆ พูดเพราะมาก จนลูกเราติดคำพูดเลยค่ะ ราคาก็ที่ไม่สูงเกินไป จับต้องได้สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เยอะอย่ามากต่อเดือน คุณแม่คนไหนอยากหาพี่เลี้ยงเด็ก แนะนำเลยค่ะ
Saijai
ชื่นนภา วัฒนพันธ์
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานนอกบ้านและไม่มีเวลาเลี้ยงลูกเอง ลองเปรียบเทียบกันระหว่างส่งลูกไปเนอสเซอรี่และจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกที่บ้าน อะไรจะตรงใจคุณพ่อคุณแม่มากที่สุด
บริการรับเลี้ยงเด็กในปัจจุบันมีหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หรือเนอสเซอรี่ เรามาดูข้อดีข้อเสียกันเลยค่ะ

ข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กที่บ้านมีดังนี้

1) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณได้อย่างใกล้ชิด ลูกของคุณจะได้รับความเอาใจใส่ที่ส่งผลต่อพัฒนาการเด็กทางด้านอารมณ์
2) พี่เลี้ยงสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านการทำกิจกรรมต่าง
3) พ่อแม่ประหยัดเวลามากขึ้น หากจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลที่บ้าน
4) เด็กจะไม่ป่วยบ่อย เนื่องจากเด็กจะอยู่ในบ้านของตนเอง

ข้อดีของเนอสเซอรี่

1) เด็ก ๆ จะรู้จักการเข้าสังคม
2) เนอสเซอรี่มีบริเวณกว้างเพื่อให้เด็กได้ทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ
3) เด็กจะได้ฝึกดูแลตัวเอง เพราะครูพี่เลี้ยงไม่ได้ดูแลเด็กแบบใกล้ชิด

ข้อเสียของพี่เลี้ยง

1) ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเข้าศูนย์เนอสเซอรี่
2) เด็กอาจจะติดพี่เลี้ยงเกินไป
3) ลดความเป็นส่วนตัวของครอบครัว

ข้อเสียของเนอสเซอรี่

1) เด็กป่วยบ่อยเพราะมีภูมิคุ้มกันที่น้อยเนื่องจากอยู่กับเด็กหลายคน
2) ลูกจะไม่ได้รับการดูแลใกล้ชิดแบบตัวต่อตัวอาจส่งผลถึงอารมณ์ของเด็กได้
3) เด็กจะอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาบริการพี่เลี้ยงเด็ก ใส่ใจมีบริการพี่เลี้ยงมืออาชีพที่พร้อมจะให้บริการคุณค่ะ
ทักษะสำคัญที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีคืออะไร
6 ทักษะสำคัญที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี

1. ความรู้ด้านการส่งเสริมพัฒนาการ การส่งเสริมพัฒนาการทำได้ทั้งผ่านการเล่นและการทำกิจวัตรประจำวัน พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรหากิจกรรมเพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมและช่วยเหลือตัวเองได้ตามวัยที่เหมาะสม
2. ความอดทนและใจรักเด็ก เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งลักษณะนิสัย อารมณ์และการแสดงออก บางคนว่านอนสอนง่าย บางคนชอบเล่นซนทั้งวัน หรือบางคนงอแง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีใจรักเด็กเป็นพื้นฐาน พร้อมทำความเข้าใจและมีความอดทน พยายามหาวิธีที่ทำให้เด็กรู้สึกวางใจ ปลอดภัย และยอมเชื่อฟังพี่เลี้ยงในที่สุด
3. ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรู้เบอร์โทรศัพท์ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าเด็กหกล้มมีแผลถลอกพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้ว่าจะจัดการกับแผลถลอกอย่างไร ในกรณีฉุกเฉินพี่เลี้ยงเด็กต้องสามารถติดต่อหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือได้
4. ทักษะการสื่อสาร เด็กมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ พี่เลี้ยงเด็กต้องเข้าใจการสื่อสารกับเด็ก เช่น เข้าใจภาษากายของทารก การสื่อสารของเด็กเล็ก สำหรับเด็กที่สามารถสื่อสารด้วยทำพูดได้แล้ว พี่เลี้ยงเด็กต้องพูดคุยเพื่อให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับและให้เด็กรู้สึกสบายใจ
5. ทักษะการแก้ปัญหา หากไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงพี่เลี้ยงเด็กต้องรู้วิธีแก้ปัญหาหรือสถานการณ์ตรงหน้าตามสมควรโดยไม่จำเป็นต้องรายงานหรือรอให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจทุกครั้ง
6. ความคิดสร้างสรรค์ คงไม่ดีแน่หากพี่เลี้ยงเด็กดูแลเด็กด้วยการให้เด็กดูสมาร์ทโฟนเป็นชั่วโมง พี่เลี้ยงเด็กที่ดีควรมีความคิดสร้างสรรค์เล่นกับเด็กเพื่อให้เด็กเพลิดเพลินได้นานหลายชั่วโมงและให้เด็กได้พักผ่อนตามเวลา

ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติและทักษะที่ดีที่คุณพ่อและคุณแม่ควรมองหาในตัวพี่เลี้ยงเด็กที่คุณเลือกมาเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณค่ะ
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับพี่เลี้ยง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะไว้วางใจให้ลูก ๆ ของคุณอยู่ในความดูแลพี่เลี้ยงเด็ก แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตามเด็กอาจเกิดความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจมีวิธีการที่จะช่วยลดความกังวลของทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกได้ดังนี้ค่ะ

1. คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับเด็ก ถึงความจำเป็นที่ต้องให้เด็กๆ อยู่กับพี่เลี้ยง ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าคุณพ่อคุณแม่หาคนที่สามารถดูแลพวกเขาได้ดี
2. คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงที่เข้ากันได้กับลูก ๆ และมีความพร้อมในการดูแลเด็ก
3. แนะนำให้ลูก ๆ ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง โดยอาจจะเล่าให้ฟังว่าพี่เลี้ยงเห็นใคร ชื่ออะไร คุยกับพี่ผ่านทางวิดีโอคอลก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อนลดความตึงเครียดในการเจอกันครั้งแรก
4. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง เบอร์โทรฉุกเฉิน และสอนให้ลูกใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือโทรขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
5. มอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ทำระหว่างวัน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีกิจกรรมเบนความสนใจและไม่เอาแต่จดจ่อรอเวลาคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
6. เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากบ้านและต้องให้เด็ก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าพี่เลี้ยงจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีและย้ำว่าพวกเขาสามารถโทรหาคุณได้เสมอ
ในวันสัมภาษณ์พ่อแม่ควรตกลงอะไรกับพี่เลี้ยงเด็ก
ขั้นตอนของการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่คุณจะได้ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงที่คุณจะจ้าง แต่ในขั้นตอนนี้คุณต้องทำการตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน ดังนั้นวันนี้ใส่ใจมีข้อแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและพูดคุยถึงข้อตกลงที่สำคัญมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

1) ขอบเขตหน้าที่ที่คุณต้องการให้พี่เลี้ยงทำ เช่น ช่วยเลี้ยงลูกคุณขณะคุณไม่อยู่บ้าน ช่วยเตรียมกับข้าวให้ลูกน้อยรับประทานในแต่ละมื้อ ช่วยสอนการบ้านหากพี่เลี้ยงมีความสามารถ
2) วันและเวลาการทำงาน ในวันที่สัมภาษณ์คุณและพี่เลี้ยงจะต้องตกลงเรื่องวันเวลาการทำงานให้อย่างชัดเจน และคุณควรจะมีวันหยุดให้พี่เลี้ยงตาม กฎหมายกระทรวงแรงงาน นายจ้างต้องให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ และวันพักร้อน ได้ 6 วัน ต่อ ปี และต้องหยุดตามประเพณี ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน
3) ค่าจ้าง คุณจะต้องตกลงเรื่องค่าจ้างกับพี่เลี้ยงให้ชัดเจน หากพี่เลี้ยงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี คุณควรที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กทำงานในวันหยุดนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน
4) ข้อตกลงในการอาศัยอยู่ในบ้าน หากคุณมีกฎระเบียบที่ต้องการให้พี่เลี้ยงเด็กปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้ คุณต้องแจ้งให้พี่เลี้ยงเด็กรับทราบก่อนเริ่มงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากให้ลูกติดโทรศัพท์ คุณควรแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบ และควรกำชับพี่เลี้ยงว่าไม่ให้ลูกของคุณเล่นโทรศัพท์ขณะที่คุณไม่อยู่ เพราะเด็กอาจได้รับผลกระทบจากการเล่นโทรศัพท์นานเกินไปจนส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นและส่งผลกับสายตา ดังนั้นพี่เลี้ยงจะต้องหากิจกรรมที่ให้เด็กได้พัฒนาตนเองมากกว่าการเล่นโทรศัพท์มือถือ

วัดเก่าแก่เมืองปทุม วัดหงษ์ปทุมาวาส

วัดหงษ์ปทุมาวาส (วัดมอญ) เป็นวันราษฎร์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ใกล้กับตลาดสดเทศบาล ถนนเทพบำรุง ตำบลบางปรอก จังหวัดปทุมธานี สร้างโดยชาวมอญที่อพยพมาจากพม่า เมื่อ พ.ศ. 2317 สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี มีสัญลักษณ์ของวัดมอญคือ “เสาหงส์” มีหัวหงส์บนยอดเสา ซึ่งหมายถึงเมืองหงสาวดี เมืองหลวงของชาวมอญ เดิมชื่อว่า “วัดหงษา” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “วัดหงษ์ปทุมาวาส” ในปี พ.ศ. 2485

ภายในวัดมีเจดีย์ทรงมอญจำลองแบบมาจากเจดีย์ชะเวดากอง ในเมืองหงสาวดี วิหารจำลองมีหลังคาเป็นชั้นๆ ลวดลายสวยงาม มีรูปหล่อพระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดเขาตะเครา สมเด็จพระพุทธาจารย์ (โต) หลวงปู่เฒ่า และหลวงปู่เอี่ยม ในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองปางมารวิชัยและพระประธานจากอุโบสถหลังเดิมเป็นพระประธาน มีภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ

นอกจากนี้ วัดหงษ์ปทุมาวาส เคยได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการอนุรักษ์พันธุ์ปลาหน้าวัด เรียกว่า “วังมัจฉาวัดหงส์” เพราะมีพันธุ์ปลาต่าง ๆ มากมาย เช่น ปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาแรด ปลาตะเพียน พวกปลาไม่มีเกล็ดชอบอยู่กันเป็นฝูง ทำให้วัดนี้เป็นที่นิยมจากผู้คนที่มาให้อาหารปลา ทางวัดมีที่จอดรถสะดวกสบาย เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 08:00 – 16:30 น. สามารถมาไหว้พระและทำบุญทำทานให้อาหารปลากันได้



พิพิธภัณฑ์หินแปลก (Rare Stone Museum) เมืองปทุมธานี

พิพิธภัณฑ์หินแปลก (Rare Stone Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชน ก่อตั้งโดยนาย บรรยง เลิศนิมิต นักธุรกิจสิ่งทอและนักสะสม เมื่อปี พ.ศ. 2542 ตั้งอยู่ก่อนถึงสามแยกไฟแดงโรงพยาบาลเซ็นต์คาร์ลอส ริมถนนรังสิต-ท่าน้ำปทุมธานี ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี นายบรรยงได้เก็บรวบรวมหินแปลก ๆ ไว้นับหมื่นชิ้นทั้งจากในประเทศไทยและจากต่างประเทศ โดยเก็บรักษาอย่างดี และตั้งพิพิธภัณฑ์ที่แรกที่ปากซอยเจริญกรุง 26 แต่สถานที่เดิมมีความคับแคบและจอดรถไม่สะดวก จึงได้ย้ายมาตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ที่จังหวัดปทุมธานีแทนเมื่อปี พ.ศ. 2550

หินในพิพิธภัณฑ์เป็นหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีลักษณะเฉพาะตัว ขนาด และสีสันหลากหลายรูปแบบ บางก้อนซื้อจากคนที่นำมาขายอีกต่อหนึ่ง แล้วนำมาทำความสะอาด ตกแต่งจัดวางให้สวยงาม และมีการประดับตกแต่งด้วยวัสดุอื่น ๆ เพิ่มเติมให้เกิดเป็นเรื่องราว มีข้อความหรือคำกลอนเขียนกำกับไว้ข้างก้อนหินแต่ละอัน หิน 90% ได้มาจากในประเทศไทย ในขณะที่อีก 10% ได้มาจากต่างประเทศ มีจำนวนรวมกันกว่า 3,000 ชิ้น แบ่งเป็น หินภูเขา หินงอกหินย้อย หินแร่ หินแม่น้ำ หินหยก หินอัคนี หินฟอสซิล และซากสัตว์ดึกดำบรรพ์

พิพิธภัณฑ์หินแปลก ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกและพิพิธภัณฑ์เดียวในประเทศไทย และมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ภายในเป็นอาหารห้องโถงขนาดใหญ่ ที่นอกจากจะจัดแสดงก้อนหินแล้ว ยังมีภาพวาด ภาพเขียนจีน และภาพถ่ายจำนวนมากจัดแสดงไว้ด้วย รวมทั้งแสตมป์โบราณ กล่องไม้ขีด ที่เขี่ยบุหรี่เก่าจากวัสดุหลากหลายชนิด เช่น เปลือกหอยมุก กระดูกสัตว์ ทองเหลือง ไม้ไผ่ คริสทัล ที่มีการเก็บสะสมมาเป็นระยะเวลานาน ของสะสมทั้งหลายต่างสะท้อนคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงเป็นที่นิยมของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวที่สนใจหาซื้อหินเป็นของสะสม สามารถซื้อกินแปลกก้อนเล็กๆจากที่นี่เป็นที่ระลึกได้

พิพิธภัณฑ์หินแปลก เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08:30 – 17:00 น. ค่าเข้าชมบุคคลทั่วไปคนละ 60 บาท นักเรียน/นักศึกษาคนละ 40 บาท และชาวต่างชาติคนละ 100 บาท



6 โรคติดต่อในเด็กเล็ก

พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกเล็กรวมถึงพี่เลี้ยงเด็กที่ต้องดูแลเด็กล็กในวัย 0-5 ปี จนถึงวัยเข้าโรงเรียน ต้องดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กวัยนี้เป็นวัยที่ยังมีภูมิคุ้มกันน้อย ทำให้เจ็บป่วยง่าย ยิ่งเด็กที่เข้าโรงเรียนแล้ว ต้องอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อในหมู่เด็กเล็กเหล่านี้ ปัจจุบันมีโรคติดต่อในเด็กเล็กที่พบบ่อยอยู่ประมาณ 6 โรค ดังนี้

1. ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่เกิดจากไวรัสอินฟลูเอนชา (Influenza Virus) แบ่งออกเป็นสายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B มีอาการหลังรับเชื่อประมาณ 1-4 วัน อาการโดยรวมจะคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ปวดศีรษะ หนาวสั่น อ่อนเพลีย มีน้ำมูก แต่อาการจะรุนแรงมากกว่าไข้หวัดธรรมดาและมีโอกาสพัฒนาสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่งเป็นอันตรายกับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง การรักษาโรคไข้หวัดใหญ่คือการให้ยาต้านไวรัส ภายใน 48 ชั่วโมงที่เริ่มมีอาการ โดยควรกินยาติดต่อกันเป็นเวลา 3-5 วัน ทั้งนี้โรคไข้หวัดใหญ่ยังสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี

2. โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV เชื้อไวรัส RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อในปอดและระบบทางเดินหายใจที่รุนแรงได้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็กทารกแรกคลอด หรือเด็กเล็กอายต่ำกว่า 5 ปี เบื้องต้นจะมีอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป เช่น คัดจมูก ไอแห้ง มีไข้ต่ำ แต่หากเป็นมาก อาจมีอาการที่รุนแรงขึ้นได้ เช่น หายใจเร็วหรือติดขัด หอบ กล้ามเนื้อหน้าอกบุ๋ม ตัวเขียวเนื่องจากขาดออกซิเจน ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคนี้โดยตรง ดังนั้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นอาการลูกเข้าข่ายว่าอาจจะเป็นโรคติดเชื้อ RSV ควรรีบนำเด็กไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา โดยแพทย์จะทำการรักษาตามอาการ ทั้งนี้ เราสามารถป้องกันการเกิดโรคนี้ได้โดยการหมั่นล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนแปลกหน้า และหมั่นทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน ของเล่นลูก ดูแลบ้านให้สะอาดสะอ้านปลอดโปร่ง

3. โรคมือเท้าปาก (Hand, Foot and Mouth Disease) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม Enterovirus 71, Coxsackie A พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงฤดูฝน พบในเด็กเล็กมากกว่าเด็กโต อาการที่เห็นได้ชัดคือ มีตุ่มแผลในปากลิ้น กระพุ้งแก้ม หรือลำคอ มีผื่นแดงหรือตุ่มใสที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า หรือตามร่างกาย ถ่ายเหลว และมีไข้ ไอ มีน้ำมูก ปัจจุบันโรคมือเท้าปากยังไม่มียารักษาโดยตรง จึงควรปรึกษาแพทย์และรักษาตามอาการ เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ เช่น เยื่อบุสมองอักเสบ แขนขาอ่อนแรง หรือมีภาวะน้ำท่วมปอดเฉียบพลัน และภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรหมั่นดูแลความสะอาดในเรื่องอาหารการกิน เครื่องดื่ม อุปกรณ์เครื่องใช้ของลูก ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หากพบว่าลูกเป็นโรคมือเท้าปาก ควรรีบแจ้งทางโรงเรียนและให้ลูกหยุดเรียนทันทีจนกว่าจะหาย

4. โรคเฮอร์แปงไจน่า (Herpangina) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่ม Coxsackie Virus A sero type 1-10, 16 และ 22 และ Enterovirus โดยจะมีอาการคล้ายโรคมือเท้าปาก เพียงแต่จะพบแผลเฉพาะในปากเท่านั้น โดยเฉพาะบริเวณเพดานปากและลำคอ อาจมีไข้เฉียบพลัน ปวดศีรษะ หรือปวดตามตัว ติดต่อได้จากการสัมผัสเสมหะ น้ำมูก น้ำลายที่มีเชื้อเช่นเดียวกับโรคมือเท้าปาก ปัจจุบันยังไม่มียารักษา แพทย์จะใช้วิธีรักษาตามอาการ เพื่อเป็นการป้องกันโรคนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองควรหมั่นดูแลความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ของเด็ก ให้เด็กล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาดสม่ำเสมอ

5. โรคไข้เลือดออก เกิดจากไวรัสเดงกี่ (Dengue) โดยมี “ยุงลาย”เป็นพาหะนำโรค ซึ่งมักเพาะพันธุ์ตามแหล่งน้ำนิ่งในบริเวณบ้าน เช่น โอ่งน้ำ หรือหลุมที่มีน้ำขัง หากได้รับเชื้อจะมีไข้สูงเกิน 3 วัน ตาแดง หน้าแดง อ่อนเพลีย ปวดท้อง มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง และอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น อาเจียนเป็นเลือด และภาวะตับอักเสบ หากพบอาการดังกล่าว ควรรีบนำเด็กพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไป เราสามารถป้องกันการเกิดโรคไข้เลือดออกได้ด้วยการระมัดระวังไม่ให้ยุงกัด กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณให้หมด และปรับปรุงสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้โปร่ง โล่ง สบาย

6. โรคอุจจาระร่วง จากการติดเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) ซึ่งมักพบโรคนี้ในฤดูหนาว และมักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี อาการเบื้องต้นคือ ท้องเสียมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน และอาเจียน ซึ่งจะทำให้เด็กขาดน้ำและเกลือแร่ จึงควรรีบนำเด็กไปพบแพทย์ เพื่อให้น้ำเกลือและรักษาตามอาการ เชื้อโนโรไวรัสสามารถแพร่ได้จากการสัมผัสทางอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อน ดังนั้น จึงควรหมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลล้างมือ กำจัดขยะมูลฝอยที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน และรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด