ดูแลเด็ก ใน สมุทรสาคร

ดูแลเด็ก ใน สมุทรสาคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
Saijai อายุ 30 ปี

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม
อานนท์ ทองแสง
อานนท์ ทองแสง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 30 ปี

ผมเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ยุ่งอบายมุข ไม่พูดคำหยาบ ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย ทำได้ทุกอย่างครับ สอนได้ทุกวิชา ค่าจ้างเป็นต่อชั่วโมงหรือให้เป็นรายเดือนก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม
นิสารัตน์ เพชรรัตน์
นิสารัตน์ เพชรรัตน์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี

ชอบเลี้ยงอยู่กับเด็ก แต่ไม่ตามใจเด็ก

เคยเลี้ยงน้อง เลี้ยงเด็กมาค่อยข้างเยอะ

แต่ปัจจุบันทำงานประจำ รับเลี้ยงหรือดูแลได้เฉพาะวันอาทิตย์

แสดงเพิ่มเติม
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 26 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

พี่เลี้ยงเด็กที่จ้างผ่านเว็บใส่ใจคือดีจริง ๆ พี่เลี้ยงเด็กมีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูเด็กและเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ทำให้คนเป็นแม่อย่างเราหายห่วงลูกเลยจริง ๆ หากใครที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก บริการของทางใส่ใจถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องทำงานนอกบ้าน
Saijai
กรรชัย วงศ์พานิชญ์
3 ปีที่แล้ว
ดิฉันกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครคอยอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย ลูกติดนิสัยชอบอยู่แต่ในบ้านและซนกับพี่เลี้ยงมาก จนพี่เลี้ยงหลาย ๆ คนทนไม่ไหวถึงกับขอลาออกเอง โชคดีที่ได้เจอพี่เลี้ยงคนนี้บนเว็บใส่ใจ พี่ลี้ยงเข้ากับน้องได้ดีค่ะ
Saijai
วิลาภรณ์ สุทธิรักษ์
3 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
4 ปีที่แล้ว
ลองค้นหาบริการพี่เลี้ยงเด็กอยู่หลายที่ จนได้มาเจอเว็บใส่ใจ ลองเข้าไปดู รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างมีขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ให้เลือกพี่เลี้ยง ขั้นตอนนัดสัมภาษณ์ รายละเอียดและคำแนะนำต่าง ๆ พี่เลี้ยงที่ได้มาก็ตรงตามความต้องการสุด ๆ รู้สึกประทับใจมาก
Saijai
ณัฐณิชา ทิวาสวัสดิ์
4 ปีที่แล้ว
เมื่อก่อนไม่กล้าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก แต่ลองจ้างผ่านทางใส่ใจดู พี่เลี้ยงทำงานได้น่าพอใจมาก ๆ พูดเพราะมาก จนลูกเราติดคำพูดเลยค่ะ ราคาก็ที่ไม่สูงเกินไป จับต้องได้สำหรับคนที่มีรายได้ไม่เยอะอย่ามากต่อเดือน คุณแม่คนไหนอยากหาพี่เลี้ยงเด็ก แนะนำเลยค่ะ
Saijai
ชื่นนภา วัฒนพันธ์
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

พี่เลี้ยงเด็กส่วนตัวหรือเนอสเซอรี่ (Nursery) อะไรคือคำตอบสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้
ข้อดีของการให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กที่บ้านของคุณเอง

1. ลูกน้อยของคุณได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยงแบบใกล้ชิด ทำให้เด็กรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
2. มีความยืดหยุ่นในการทำกิจวัตรประจำวันเพราะเด็กไม่ต้อง กิน นอน หรือ เล่นตามตารางเหมือนอยู่ในศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรือเนอสเซอรี่ (Nursery)
3. พี่เลี้ยงเด็กสามารถปรับเวลาการทำงานให้สอดคล้องกับเวลาทำงานและวันหยุดของคุณพ่อคุณแม่
4. คุณพ่อคุณแม่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นเพราะไม่ต้องเผื่อเวลาในการรับส่ง ก่อนและหลังเลิกงาน
5. เด็กได้รับการดูแลในบรรยากาศที่คุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย
6. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเดินทางรับส่ง หมดปัญหาเรื่องรถติดและมลภาวะบนท้องถนน
7. คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลาในการเตรียมตัวหรือจัดเตรียมของใช้ให้ลูก เช่น ขวดนม เสื้อผ้า หรือแพมเพิส
8. ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิต้านทานยังน้อยจะเจ็บป่วยได้ง่าย หากต้องอยู่ปะปนกับเด็ก ๆ อื่น
9. มีคนอยู่บ้านตลอดเวลาในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน

ข้อดีของการเข้าเนอสเซอรี่ (Nursery)

1. ฝึกทักษะการเข้าสังคมเพราะเด็กต้องอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ และครูพี่เลี้ยง
2. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับการจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัว
3. เนอสเซอรี่มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้เด็กฝึกทักษะผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พี่เลี้ยงเด็กควรมี
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กส่วนตัว ใส่ใจขอแนะนำให้คุณพ่อคุณมองหาคุณสมบัติและทักษะเหล่านี้ในตัวพี่เลี้ยงเด็กเพื่อให้ได้คนที่ตรงใจที่สุดค่ะ

1. ความอดทน พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเข้าใจในธรรมชาติและอดทนต่อพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
2. ทักษะการต่อรอง พี่เลี้ยงเด็กต้องมีเทคนิคในการเจรจาสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่ใช้การบังคับ
3. ทักษะแก้ปัญหา พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความสามารถในการจัดการและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องรายงานคุณพ่อคุณแม่หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
4. ความคิดสร้างสรรค์ พี่เลี้ยงเด็กควรมีความคิดสร้างสรรค์ หากิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เด็กได้เล่นเพลิดเพลินและฝึกช่วยเหลือตัวเอง
5. ตรงต่อเวลา พี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง คือต้องมาทำงานและเลิกงานตามเวลาที่ตกลงไว้กับคุณพ่อคุณแม่ หากมีเหตุสุดวิสัยทำให้มาสายควรแจ้งให้คุณพ่อคุณแม่ทราบโดยเร็วที่สุด
6. สุขภาพดี พี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมให้สะอาดอยู่เสมอ
7. วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที
อะไรที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายความกังวลเมื่อต้องปล่อยให้ลูก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพัง
เมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูก ๆ ของคุณ ความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจ คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการใดบ้างที่จะหาพี่เลี้ยงที่วางใจได้ ใส่ใจมีวิธีการที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักตัวตนของพี่เลี้ยงเด็กมากขึ้น

1. ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีหากครอบครัวหรือเพื่อนของคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้แนะนำพี่เลี้ยงเด็กที่พวกเขารู้จัก อย่างน้อยก็มีคนรับรองพวกเขาได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องทำการสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กและตรวจสอบประวัติของคุณเองเพื่อให้แน่ใจว่าเชื่อถือได้มากที่สุด
2. สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาพี่เลี้ยงจากสื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค หรือไลน์ มองหาพี่เลี้ยงเด็กที่มีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการก่อนหน้า ใช้เวลาอ่านและศึกษารีวิวเหล่านั้น
3. เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงาน หากมีสัญญาณที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ เช่น พี่เลี้ยงเด็กดูเป็นคนไม่กระตือรือร้น หรือไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส จงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองที่ชี้ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับงาน
4. ตรวจสอบประวัติ คุณพ่อคุณแม่อาจร้องขอให้พี่เลี้ยงตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร( http://www.criminal.police.go.th/ ) เพื่อให้แน่ใจว่าพี่เลี้ยงเด็กไม่มีประวัติกระทำผิดกฎหมายทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและช่วยในการตัดสินใจ
พ่อแม่ควรตกลงอะไรบ้างก่อนจ้างพี่เลี้ยงเด็ก?
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถหาพี่เลี้ยงเด็กที่ถูกใจได้แล้ว ควรพูดคุยและตกลงกันเรื่องใดบ้างก่อนเริ่มงาน

1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

พัฒนาการสำคัญของเด็กวัย 4-5 ขวบ

คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองหรือพี่เลี้ยงเด็กเคยสังเกตหรือไม่ว่าเด็กอายุ 4 ถึง 5 ขวบ จะมีความเป็นตัวของตัวเองและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เด็กวัยนี้ส่วนใหญ่เริ่มพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง การควบคุมตนเอง และความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เด็กพอใจที่จะเล่นกับของเล่นเป็นเวลานาน กระตือรือร้นที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ และเมื่อเด็กรู้สึกหงุดหงิดจะสามารถแสดงอารมณ์ได้ดีขึ้น แม้ว่าเด็กจะเติบโตและพัฒนาตามจังหวะของตนเอง แต่สิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าเด็กมีพัฒนาการตามวัยได้แก่

พัฒนาการสำคัญด้านภาษา เด็กจะมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น มีการตั้งคำถามและสนทนากับพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือพี่เลี้ยงเด็กในสิ่งที่ตนอยากรู้ มีการใช้คำศัพท์หรือภาษาที่ซับซ้อนขึ้น สามารถตอบคำถามและคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และสามารถแสดงความรู้สึกได้ดีขึ้นด้วย เด็กส่วนใหญ่ในวัยนี้ชอบร้องเพลง คล้องจอง และแต่งคำ

พัฒนาการในการเคลื่อนไหวและทักษะการใช้มือและนิ้ว

เด็กวัยนี้ควรเรียนรู้ผ่านการเล่น เช่น วิ่ง กระโดด ขว้างและเตะลูกบอล ปีนป่าย และแกว่งไปมาอย่างสบาย ๆ ยืนขาเดียวเกิน 9 วินาที ตีลังกาแล้วกระโดด เดินขึ้นลงบันไดโดยไม่ต้องมีคนช่วย เดินไปข้างหน้าถอยหลังอย่างง่ายดาย ถีบสามล้อ คัดลอกสามเหลี่ยม วงกลม สี่เหลี่ยมจัตุรัส และรูปร่างอื่น ๆ วาดคนมีร่างกาย ใช้ส้อมกับช้อน แต่งตัวและเปลื้องผ้า แปรงฟัน และใช้ห้องน้ำโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือมากนัก

พัฒนาการทางอารมณ์และสังคม ในวัยนี้เด็กเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น สิ่งที่บ่งชี้ว่าเด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์และสังคมสมวัย ได้แก่ สนุกกับการเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ และทำให้เพื่อน ๆ พอใจ แบ่งปันและผลัดกัน เข้าใจกฎของเกม เข้าใจและปฏิบัติตามกฎ อย่างไรก็ตามเด็กวัยนี้อาจจะยังคงเรียกร้องและไม่ให้ความร่วมมือในบางครั้ง กลายเป็นมีความคิดของตัวเองมากขึ้น แสดงความโกรธด้วยวาจามากกว่าทางร่างกาย (ส่วนใหญ่) เข้าใจความแตกต่างระหว่างการเสแสร้งกับความเป็นจริง

เด็กวัยนี้เป็นวัยที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะสามารถสื่อสารได้มากกว่าเด็กวัย 2-3 ขวบและกำลังก้าวไปสู่อีกวัยของเด็ก ถ้าเราเข้าใจความเป็นตัวของตัวเอง ความคิดของบุตรหลานเราก็จะสามารถโตไปด้วยกันได้



สายน้ำท่าจีน

บ้านท่าจีน แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นชุมชนของคนจีน ที่นำเรือสำเภามาจอดเทียบท่าค้าขาย อยู่ปากแม่น้ำท่าจีน เพราะบริเวณนี้ ติดกับชายฝั่งทะเล โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมุทรสาครเดิมเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีชาวจีนนำเรือสำเภาเข้ามาจอดเทียบท่าค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าและได้พักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเรียกว่า บ้านท่าจีน ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวไทย ครั้นในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2099) ได้โปรดให้ยกฐานะบ้านท่าจีนขึ้นเป็น เมืองสาครบุรี เพื่อเป็นหัวเมืองสำหรับเรียกระดมพลในช่วงสงคราม และยกให้เป็นเมืองด่านหน้าป้องกันผู้รุกรานทางทะเลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ. 2459) โปรดเกล้าให้ทางราชการเปลี่ยนคำว่า “เมือง” เป็น “จังหวัด” ทั่วทุกแห่งในพระราชอาณาจักร “เมืองสมุทรสาคร” จึงได้เปลี่ยนเป็น จังหวัดสมุทรสาคร มาจวบจนปัจจุบัน โดยจังหวัดสมุทรสาครนั้นมีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเล สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1.00 - 2.00 เมตร โดยมีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่านตอนกลางจังหวัด (แม่น้ำท่าจีน เป็นแม่น้ำที่แยกตัวออกจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตำบลมะขามเฒ่า บริเวณปากคลองมะขามเฒ่า) แม่น้ำท่าจีนนั้นก่อนจะไหลออกสู่อ่าวไทยที่ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 325 กิโลเมตร (ในส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ระยะทางยาวประมาณ 70 กิโลเมตร) ส่วนพื้นที่ตอนบนในเขตอำเภอบ้านแพ้วและอำเภอกระทุ่มแบน นั้นมีความอุดมสมบูรณ์ของดินและมีโครงข่ายแม่น้ำลำคลองเชื่อมโยงถึงกันกระจายอยู่ทั่วพื้นที่กว่า 170 สาย (เช่นคลองภาษีเจริญ คลองบางยาง คลองดำเนินสะดวก คลองกระทุ่มแบน) จึงเหมาะที่จะทำการเพาะปลูกพืชนานาชนิด และบางส่วนเป็นย่านธุรกิจ อุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย พื้นที่ตอนล่างของจังหวัดในเขตอำเภอเมืองสมุทรสาครอยู่ติดชายฝั่งทะเลยาว 41.8 กิโลเมตร จึงเหมาะที่จะประกอบอาชีพประมงทะเล เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งและทำนาเกลือ (จังหวัดสมุทรสาครมีภูมิประเทศติดกับทะเล จึงมีการทำอาชีพทำนาเกลือมากที่สุดของประเทศไทย) ตราประจำจังหวัดสมุทรสาคร เป็นรูปเรือสำเภาจีนแล่นในทะเล ด้านหลังเป็นโรงงานและปล่องไฟ ซึ่งหมายถึงความรุ่งเรืองที่มีมาจากอดีตถึงปัจจุบัน ตราประจำจังหวัดสมุทรสาคร เริ่มใช้เมื่อพุทธศักราช 2483 ในสมัยที่หลวงวิเศษภักดี (ชื้น วิเศษภักดี) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด



นาเกลือ ที่สมุทรสาคร

เพลงหนุ่มนาข้าว สาวนาเกลือ แว่วมาทุกครั้งที่ ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดที่มีภูมิประเทศติดกับทะเล กองเกลือสีขาว ตลอดสองข้างทางของถนน สลับกับโรงงาน จังหวัดสมุทรสาครมีอาชีพทำนาเกลือมากที่สุดของประเทศไทย เป็นที่รู้กันดีว่าเกลือทะเลหรือเกลือสมุทร (Sea Salt) คือเกลือที่ผลิตขึ้นโดยการนำน้ำทะเลขึ้นมาตากแดดให้น้ำระเหยไปเหลือแต่ผลึก เกลือตกอยู่ (Solar Evaporation System) เกลือ ประเภทนี้มีการผลิตและการใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณและถือเป็นอาชีพเก่าแก่อาชีพ หนึ่งของโลกและของคนไทยที่สืบทอดกันมายาวนาน เป็นภูมิปัญญาของมนุษย์ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งควรค่าแก่การรักษาภูมิปัญญานี้ไว้ไม่ให้สูญหายไป แต่ก็ด้วยประสบปัญหาหลายด้าน ทำให้คนรุ่นใหม่ขาดแรงจูงใจที่จะมาสืบทอดการทำนาเกลือต่อ เส้นทางสายนาเกลือจึงดูเหมือนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากสังคมไทย และวิถีนาเกลือก็กำลังจะสูญหายไปเพราะทุกวันนี้ชาวนาเกลือมีจำนวนลดลง สถานการณ์การผลิตเกลือ ใน พ.ศ. 2559 พบว่า ผลผลิตเกลือทะเล ซึ่งส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตในพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร และเพชรบุรีลดลงจากในปีก่อน (จาก 1,288,005 ตัน ลดลงเหลือ 1,015,000 ตัน)

พอสิ้นฤดูฝนสายลมเปลี่ยนทิศ ความแห้งแล้งมาเยือน ชาวนาเกลือจะเริ่มต้นฤดูการผลิตเกลือ ตั้งแต่ เตรียมนา กำจัดสิ่งสกปรก ปรับดิน และกลิ้งนาให้แน่นเรียบโดยใช้รถไถ จากนั้นก็เปิดน้ำเข้ามากักเก็บในนาจนมีความเค็มในระดับที่เหมาะสม โดยการทยอยเปิดน้ำเข้านาแปลงต่างๆ ตามลำดับ น้ำจากทะเลจะไหลตามคลองส่งน้ำไปยังที่ทำกินของชาวนาเกลือ เมื่อน้ำทะเลขึ้น นาเกลือผืนที่อยู่ปลายสุดของลำรางจะต้องได้รับน้ำก่อน ส่วนผู้ที่อยู่ใกล้กว่าจะสูบน้ำได้ทีหลัง เพื่อป้องกันปัญหาการแย่งน้ำกัน นี่คือธรรมเนียมในท้องถิ่นที่แบ่งปัน และทำนาเกลือร่วมกัน น้ำทะเลที่ผันมาตามคลองส่งน้ำจะถูกสูบเข้าไปเก็บที่วังน้ำ จากนั้นจึงจะถูกผันเข้านาประเทียบ และนาตาก เพื่อตากแดดให้น้ำระเหยออก ถัดไปก็จะเป็นนาเชื้อ ซึ่งต้องเตรียมน้ำให้มีความเค็มจัดในระดับที่เหมาะสมจะทำเป็นเกลือ และไปถึงจุดสุดท้ายจะปล่อยน้ำเข้านาปลง ซึ่งใช้เป็นพื้นที่ตกผลึกเกลือ โดยกระบวนการตกผลึกหรือการปลงใช้เวลา 15 วัน หลังจากนั้น ก็จะสามารถรื้อเกลือไปขายได้ โดยที่เกลือรุ่นแรกของปีจะออกช่วงเดือนมกราคม และได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในฤดูแล้งที่มีแดดจัด

ภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดต่อๆ กันมา ชาวนาจะหยุดทำนาเกลือตลอดฤดูฝนเพราะเกลือกับฝนนั้นเป็นของไม่ถูกกัน แต่ถ้าโชคไม่ดีเดือนนั้นมีฝนหลงฤดูมาในช่วงการทำนาเกลือก็จะเสียหายมาก เพราะฝนตกลงมาเพียงไม่กี่นาที ก็สามารถทำให้กองเกลือที่กำลังเตรียมเก็บขายละลายกลายเป็นน้ำในพริบตา ที่แย่ไปกว่านั้นเกลือที่ละลายไปแล้วในนาเกลือก็จะไม่สามารถนำน้ำเกลือนั้นมาตกผลึกได้อีก กระบวนการต่างๆ ข้างต้นก็จะต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง กลับไปทำความสะอาดนาและปล่อยน้ำเข้านาปลงใหม่ และด้วยเหตุนี้เองชาวนาเกลือจึงต้องมีการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำมาก คือลางบอกฝนตามภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา เช่น ถ้าน้ำในนาเกลือเริ่มแดง มีเมฆหัวแดงทางทิศตะวันออก หรือถ้าเดินที่คันนาแล้วมีดินติดเท้า นั่นแปลว่าอีก 3-4 วัน ฝนจะตกลงมา