ดูแลเด็ก ใน สมุทรสาคร

ดูแลเด็ก ใน สมุทรสาคร

คุณต้องการใช้บริการนี้เมื่อไหร่?
ตอนนี้
ระบุวันที่

วิธีการทำงาน

Saijai

ติดต่อเรา

ติดต่อเราโดยตรงผ่าน LINE OA เพื่อจองบริการที่คุณต้องการ

Saijai

แจ้งรายละเอียดให้เราทราบ

เลือกบริการ วันที่ เวลา และสถานที่ที่คุณต้องการให้ตรงกับความต้องการของคุณ

Saijai

ยืนยันการจองของคุณ

เราจะยืนยันการจองของคุณภายใน 24 ชั่วโมงผ่านทาง LINE OA

เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
เสาวณีย์ เขาพระจันทร์
Saijai ประสบการณ์ 5 ปี
Saijai อายุ 38 ปี

ใส่ใจดูแลเหมือนลูกเจ้าของเองใจเย็น ดูแลได้ตลอด

แสดงเพิ่มเติม
นิสารัตน์ เพชรรัตน์
นิสารัตน์ เพชรรัตน์
Saijai ประสบการณ์ 0-1 ปี

ชอบเลี้ยงอยู่กับเด็ก แต่ไม่ตามใจเด็ก

เคยเลี้ยงน้อง เลี้ยงเด็กมาค่อยข้างเยอะ

แต่ปัจจุบันทำงานประจำ รับเลี้ยงหรือดูแลได้เฉพาะวันอาทิตย์

แสดงเพิ่มเติม
อานนท์ ทองแสง
อานนท์ ทองแสง
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 30 ปี

ผมเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ยุ่งอบายมุข ไม่พูดคำหยาบ ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย ทำได้ทุกอย่างครับ สอนได้ทุกวิชา ค่าจ้างเป็นต่อชั่วโมงหรือให้เป็นรายเดือนก็ได้ครับ

แสดงเพิ่มเติม
ทิพวรรณ์ ราศรี
ทิพวรรณ์ ราศรี
Saijai ประสบการณ์ 1-2 ปี
Saijai อายุ 26 ปี

เป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ใจเย็นค่ะชอบเล่นกับเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของน้องได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
ฮามีด๊ะฮ์ โต๊ะขวัญ
Saijai อายุ 30 ปี

มีความอดทน ขยัน รักความสะอาด ใจเย็น

แสดงเพิ่มเติม

ใจเย็น รักเด็ก มีความอดทนสูง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เสริมสร้างพัฒนาการเด็กตามช่วงวัยได้ค่ะ

แสดงเพิ่มเติม

ข้อมูลสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ

Saijai จำนวนประชากร
Saijai จำนวนประชากรเด็ก (แรกเกิด-14 ปี)
Saijai จำนวนประชากรสูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป)
Saijai จำนวนสัตว์เลี้ยง สุนัข

รีวิวล่าสุด

ลาคลอดได้แค่ 3 เดือน ค่ะ ต้องกลับไปทำงานต่อ จะฝากลูกไว้กับยายก็กลัวแกจะดูไม่ไหว เลยลองหาพี่เลี้ยงจากเว็บใส่ใจดู ตอนแรกก็กังวลอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่กล้าทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยง แต่ก็วางใจอย่างนึงว่าพี่เลี้ยงมีประสบการณ์ ตอนนี้ทุกอย่างลงตัว โอเคมาก ๆ ค่ะ
Saijai
สุชาดา มิ่งมงคล
3 ปีที่แล้ว
ดิฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลลูก บางครั้งต้องเอาไปฝากญาติ ๆ แต่ตอนนี้เลยตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็กของทางใส่ใจ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามีขั้นตอนในการจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรบ้าง เลยติดต่อเบอร์ของทางใส่ใจไป อยากจะบอกว่าประทับใจการให้บริการมาก ๆ ค่ะ ทางใส่ใจให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนตามที่เราต้องการอยากทราบ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ
Saijai
ปารีณา ภักดีดำรงค์ศักดิ์
3 ปีที่แล้ว
เปลี่ยนพี่เลี้ยงเด็กมาหลายคน ส่วนมากราคาสูง ๆ ทั้งนั้น แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาออก ลองจองพี่เลี้ยงผ่านเวปใส่ใจ เยี่ยมมากเลยครับ แฟนสบายใจ หมดปัญหา ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงราคาแพง ได้ราคาแบบสมเหตุสมผล แถมมีคุณภาพครับ
Saijai
จิตวัชร จันประทีป
4 ปีที่แล้ว
ลูกยังเล็กเราจ้างพี่เลี้ยงมา ตกลงเวลาเริ่มงาน 9.30-17.30 น. (พี่เลี้ยงมา 8.30 น. ทุกวัน ) ประสบการณ์ เคยดูแล เด็กเล็ก 4 เดือน – 2 ขวบ พอเด็กเข้าโรงเรียน ก็ว่าง พอดีที่บ้านช่วยกันหา เจอเว็บนี้เห็นรีวิวประสบการณ์คนเลี้ยงเลย คุยดู พี่เลี้ยงทำงานดีมาก่อนเวลา เตรียมของใช้ ทำงานเป็นระเบียบเหมือนอบรมมาดี อุ่นใจ คิดถูกที่ใช้บริการใส่ใจ แนะนำค่ะ
Saijai
ณัฐวรรณ แสงสีเงิน
4 ปีที่แล้ว
อยู่ ๆ พี่เลี้ยงคนเก่าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าต้องรีบหาพี่เลี้ยงใหม่แบบเร่งด่วน ไม่รู้จะทำยังไง บังเอิญมาเจอเว็บใส่ใจ หาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ง่ายมาก ๆ แถมได้คนดี มีประสบการณ์ ทำงานคล่อง เยี่ยมเลยค่ะ ประทับใจสุด ที่สำคัญคุณแม่สบายใจได้คนมาทำงานทันที
Saijai
ภัทรา กิจบำรุง
4 ปีที่แล้ว

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการค้นหา ดูแลเด็ก

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานนอกบ้านและไม่มีเวลาเลี้ยงลูกเอง ลองเปรียบเทียบกันระหว่างส่งลูกไปเนอสเซอรี่และจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกที่บ้าน อะไรจะตรงใจคุณพ่อคุณแม่มากที่สุด
บริการรับเลี้ยงเด็กในปัจจุบันมีหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หรือเนอสเซอรี่ เรามาดูข้อดีข้อเสียกันเลยค่ะ

ข้อดีของพี่เลี้ยงเด็กที่บ้านมีดังนี้

1) พี่เลี้ยงสามารถดูแลลูกน้อยของคุณได้อย่างใกล้ชิด ลูกของคุณจะได้รับความเอาใจใส่ที่ส่งผลต่อพัฒนาการเด็กทางด้านอารมณ์
2) พี่เลี้ยงสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านการทำกิจกรรมต่าง
3) พ่อแม่ประหยัดเวลามากขึ้น หากจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลที่บ้าน
4) เด็กจะไม่ป่วยบ่อย เนื่องจากเด็กจะอยู่ในบ้านของตนเอง

ข้อดีของเนอสเซอรี่

1) เด็ก ๆ จะรู้จักการเข้าสังคม
2) เนอสเซอรี่มีบริเวณกว้างเพื่อให้เด็กได้ทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ
3) เด็กจะได้ฝึกดูแลตัวเอง เพราะครูพี่เลี้ยงไม่ได้ดูแลเด็กแบบใกล้ชิด

ข้อเสียของพี่เลี้ยง

1) ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเข้าศูนย์เนอสเซอรี่
2) เด็กอาจจะติดพี่เลี้ยงเกินไป
3) ลดความเป็นส่วนตัวของครอบครัว

ข้อเสียของเนอสเซอรี่

1) เด็กป่วยบ่อยเพราะมีภูมิคุ้มกันที่น้อยเนื่องจากอยู่กับเด็กหลายคน
2) ลูกจะไม่ได้รับการดูแลใกล้ชิดแบบตัวต่อตัวอาจส่งผลถึงอารมณ์ของเด็กได้
3) เด็กจะอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาบริการพี่เลี้ยงเด็ก ใส่ใจมีบริการพี่เลี้ยงมืออาชีพที่พร้อมจะให้บริการคุณค่ะ
คุณสมบัติอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรมองหาจากพี่เลี้ยงเด็กก่อนตกลงจ้าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณพ่อคุณแม่สักคนจะตัดสินใจหาใครมาดูแลลูกน้อยที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ วันนี้ใส่ใจมีข้อมูลของทักษะและคุณสมบัติที่พี่เลี้ยงเด็กควรมีมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเช็คกันดูก่อนตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงสักคน

1. พี่เลี้ยงเด็กต้องมีความอดทนสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องมีความเข้าใจเด็ก สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนที่มีความอดทนสูง
2. พี่เลี้ยงเด็กควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุ พี่เลี้ยงต้องมีความรู้และทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที เช่น เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลเกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผลถลอก พี่เลี้ยงต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อของแผล เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรเลือกพี่เลี้ยงที่มีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ
3. พี่เลี้ยงเด็กควรมีทักษะการแก้ไขปัญหา พี่เลี้ยงจะต้องรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้ว่าจ้างเสมอไปหากปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง
4. ทำอาหารเป็น ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นต้องมี พี่เลี้ยงไม่ได้มีหน้าที่แค่ดูแลเด็กอย่างเดียวเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงอาจจะต้องเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ รับประทานในแต่ละมื้อด้วย หากอาหารอร่อยถูกปาก เด็กจะเจริญอาหารและอารมณ์ดี ที่สำคัญที่สุดที่พี่เลี้ยงต้องใส่ใจและจดจำด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ดูแลนั้น แพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานสิ่งที่แพ้เข้าไป
5. มีความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถร่วมทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือสันทนาการ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจจะสอนเด็กนับเลข ฝึกการอ่าน หรือระบายสีเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์เหล่านี้
ควรทำอย่างไรเพื่อคลายความกังวลเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับพี่เลี้ยง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะไว้วางใจให้ลูก ๆ ของคุณอยู่ในความดูแลพี่เลี้ยงเด็ก แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตามเด็กอาจเกิดความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจมีวิธีการที่จะช่วยลดความกังวลของทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกได้ดังนี้ค่ะ

1. คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับเด็ก ถึงความจำเป็นที่ต้องให้เด็กๆ อยู่กับพี่เลี้ยง ให้ความมั่นใจกับเด็กว่าคุณพ่อคุณแม่หาคนที่สามารถดูแลพวกเขาได้ดี
2. คุณพ่อคุณแม่ควรหาพี่เลี้ยงที่เข้ากันได้กับลูก ๆ และมีความพร้อมในการดูแลเด็ก
3. แนะนำให้ลูก ๆ ทำความรู้จักกับพี่เลี้ยง โดยอาจจะเล่าให้ฟังว่าพี่เลี้ยงเห็นใคร ชื่ออะไร คุยกับพี่ผ่านทางวิดีโอคอลก่อนวันเริ่มงานจริง เพื่อนลดความตึงเครียดในการเจอกันครั้งแรก
4. คุณพ่อคุณแม่ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง เบอร์โทรฉุกเฉิน และสอนให้ลูกใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือโทรขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
5. มอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ทำระหว่างวัน เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้มีกิจกรรมเบนความสนใจและไม่เอาแต่จดจ่อรอเวลาคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
6. เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากบ้านและต้องให้เด็ก ๆ อยู่กับพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าพี่เลี้ยงจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดีและย้ำว่าพวกเขาสามารถโทรหาคุณได้เสมอ
พ่อแม่ควรตกลงอะไรบ้างก่อนจ้างพี่เลี้ยงเด็ก?
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถหาพี่เลี้ยงเด็กที่ถูกใจได้แล้ว ควรพูดคุยและตกลงกันเรื่องใดบ้างก่อนเริ่มงาน

1. วันและเวลาทำงาน คุณพ่อและคุณแม่ควรมีแผนการทำงานของพี่เลี้ยงที่ชัดเจน เช่นกำหนดวันทำงาน วันหยุด และเวลาทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน และควรถามความสมัครใจหากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานล่วงเวลา
2. ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ควรระบุขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจน หากต้องการให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านหรืองานอื่น ๆ นอกจากดูแลเด็ก ควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
3. ระยะเวลาการทดลองงาน หาดคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พี่เลี้ยงทดลองงานก่อนสักระยะหนึ่งก่อนทำสัญญาว่าจ้าง ควรระบุช่วงระยะเวลาและเงื่อนไขในการทดลองงานให้ชัดเจน
4. ค่าจ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและตกลงค่าจ้างของพี่เลี้ยงให้ชัดเจน และค่าจ้างควรจะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และจำนวนชั่วโมงทำงานในแต่ละวัน ประสบการณ์ในการทำงานอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างได้
5. กรณีจ้างพี่เลี้ยงประจำแบบพักอาศัยร่วม คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเรื่องที่พักให้กับพี่เลี้ยง รวมถึงอาหารในแต่ละวันตามตกลงกัน
6. ข้อตกลงในการอยู่อาศัยร่วมกัน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกกล่าวพี่เลี้ยงให้ชัดเจนถึงกฎระเบียบต่าง ๆ สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกัน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ควรพูดคุยตกลงกับพี่เลี้ยงเด็กให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

พัฒนาการสำคัญของเด็กวัย 4-5 ขวบ

คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองหรือพี่เลี้ยงเด็กเคยสังเกตหรือไม่ว่าเด็กอายุ 4 ถึง 5 ขวบ จะมีความเป็นตัวของตัวเองและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เด็กวัยนี้ส่วนใหญ่เริ่มพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง การควบคุมตนเอง และความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เด็กพอใจที่จะเล่นกับของเล่นเป็นเวลานาน กระตือรือร้นที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ และเมื่อเด็กรู้สึกหงุดหงิดจะสามารถแสดงอารมณ์ได้ดีขึ้น แม้ว่าเด็กจะเติบโตและพัฒนาตามจังหวะของตนเอง แต่สิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าเด็กมีพัฒนาการตามวัยได้แก่

พัฒนาการสำคัญด้านภาษา เด็กจะมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น มีการตั้งคำถามและสนทนากับพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือพี่เลี้ยงเด็กในสิ่งที่ตนอยากรู้ มีการใช้คำศัพท์หรือภาษาที่ซับซ้อนขึ้น สามารถตอบคำถามและคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และสามารถแสดงความรู้สึกได้ดีขึ้นด้วย เด็กส่วนใหญ่ในวัยนี้ชอบร้องเพลง คล้องจอง และแต่งคำ

พัฒนาการในการเคลื่อนไหวและทักษะการใช้มือและนิ้ว

เด็กวัยนี้ควรเรียนรู้ผ่านการเล่น เช่น วิ่ง กระโดด ขว้างและเตะลูกบอล ปีนป่าย และแกว่งไปมาอย่างสบาย ๆ ยืนขาเดียวเกิน 9 วินาที ตีลังกาแล้วกระโดด เดินขึ้นลงบันไดโดยไม่ต้องมีคนช่วย เดินไปข้างหน้าถอยหลังอย่างง่ายดาย ถีบสามล้อ คัดลอกสามเหลี่ยม วงกลม สี่เหลี่ยมจัตุรัส และรูปร่างอื่น ๆ วาดคนมีร่างกาย ใช้ส้อมกับช้อน แต่งตัวและเปลื้องผ้า แปรงฟัน และใช้ห้องน้ำโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือมากนัก

พัฒนาการทางอารมณ์และสังคม ในวัยนี้เด็กเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น สิ่งที่บ่งชี้ว่าเด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์และสังคมสมวัย ได้แก่ สนุกกับการเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ และทำให้เพื่อน ๆ พอใจ แบ่งปันและผลัดกัน เข้าใจกฎของเกม เข้าใจและปฏิบัติตามกฎ อย่างไรก็ตามเด็กวัยนี้อาจจะยังคงเรียกร้องและไม่ให้ความร่วมมือในบางครั้ง กลายเป็นมีความคิดของตัวเองมากขึ้น แสดงความโกรธด้วยวาจามากกว่าทางร่างกาย (ส่วนใหญ่) เข้าใจความแตกต่างระหว่างการเสแสร้งกับความเป็นจริง

เด็กวัยนี้เป็นวัยที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะสามารถสื่อสารได้มากกว่าเด็กวัย 2-3 ขวบและกำลังก้าวไปสู่อีกวัยของเด็ก ถ้าเราเข้าใจความเป็นตัวของตัวเอง ความคิดของบุตรหลานเราก็จะสามารถโตไปด้วยกันได้



สายน้ำท่าจีน

บ้านท่าจีน แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นชุมชนของคนจีน ที่นำเรือสำเภามาจอดเทียบท่าค้าขาย อยู่ปากแม่น้ำท่าจีน เพราะบริเวณนี้ ติดกับชายฝั่งทะเล โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมุทรสาครเดิมเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีชาวจีนนำเรือสำเภาเข้ามาจอดเทียบท่าค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าและได้พักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเรียกว่า บ้านท่าจีน ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวไทย ครั้นในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2099) ได้โปรดให้ยกฐานะบ้านท่าจีนขึ้นเป็น เมืองสาครบุรี เพื่อเป็นหัวเมืองสำหรับเรียกระดมพลในช่วงสงคราม และยกให้เป็นเมืองด่านหน้าป้องกันผู้รุกรานทางทะเลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ. 2459) โปรดเกล้าให้ทางราชการเปลี่ยนคำว่า “เมือง” เป็น “จังหวัด” ทั่วทุกแห่งในพระราชอาณาจักร “เมืองสมุทรสาคร” จึงได้เปลี่ยนเป็น จังหวัดสมุทรสาคร มาจวบจนปัจจุบัน โดยจังหวัดสมุทรสาครนั้นมีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเล สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1.00 - 2.00 เมตร โดยมีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่านตอนกลางจังหวัด (แม่น้ำท่าจีน เป็นแม่น้ำที่แยกตัวออกจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตำบลมะขามเฒ่า บริเวณปากคลองมะขามเฒ่า) แม่น้ำท่าจีนนั้นก่อนจะไหลออกสู่อ่าวไทยที่ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 325 กิโลเมตร (ในส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ระยะทางยาวประมาณ 70 กิโลเมตร) ส่วนพื้นที่ตอนบนในเขตอำเภอบ้านแพ้วและอำเภอกระทุ่มแบน นั้นมีความอุดมสมบูรณ์ของดินและมีโครงข่ายแม่น้ำลำคลองเชื่อมโยงถึงกันกระจายอยู่ทั่วพื้นที่กว่า 170 สาย (เช่นคลองภาษีเจริญ คลองบางยาง คลองดำเนินสะดวก คลองกระทุ่มแบน) จึงเหมาะที่จะทำการเพาะปลูกพืชนานาชนิด และบางส่วนเป็นย่านธุรกิจ อุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย พื้นที่ตอนล่างของจังหวัดในเขตอำเภอเมืองสมุทรสาครอยู่ติดชายฝั่งทะเลยาว 41.8 กิโลเมตร จึงเหมาะที่จะประกอบอาชีพประมงทะเล เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งและทำนาเกลือ (จังหวัดสมุทรสาครมีภูมิประเทศติดกับทะเล จึงมีการทำอาชีพทำนาเกลือมากที่สุดของประเทศไทย) ตราประจำจังหวัดสมุทรสาคร เป็นรูปเรือสำเภาจีนแล่นในทะเล ด้านหลังเป็นโรงงานและปล่องไฟ ซึ่งหมายถึงความรุ่งเรืองที่มีมาจากอดีตถึงปัจจุบัน ตราประจำจังหวัดสมุทรสาคร เริ่มใช้เมื่อพุทธศักราช 2483 ในสมัยที่หลวงวิเศษภักดี (ชื้น วิเศษภักดี) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด



นาเกลือ ที่สมุทรสาคร

เพลงหนุ่มนาข้าว สาวนาเกลือ แว่วมาทุกครั้งที่ ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดที่มีภูมิประเทศติดกับทะเล กองเกลือสีขาว ตลอดสองข้างทางของถนน สลับกับโรงงาน จังหวัดสมุทรสาครมีอาชีพทำนาเกลือมากที่สุดของประเทศไทย เป็นที่รู้กันดีว่าเกลือทะเลหรือเกลือสมุทร (Sea Salt) คือเกลือที่ผลิตขึ้นโดยการนำน้ำทะเลขึ้นมาตากแดดให้น้ำระเหยไปเหลือแต่ผลึก เกลือตกอยู่ (Solar Evaporation System) เกลือ ประเภทนี้มีการผลิตและการใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณและถือเป็นอาชีพเก่าแก่อาชีพ หนึ่งของโลกและของคนไทยที่สืบทอดกันมายาวนาน เป็นภูมิปัญญาของมนุษย์ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งควรค่าแก่การรักษาภูมิปัญญานี้ไว้ไม่ให้สูญหายไป แต่ก็ด้วยประสบปัญหาหลายด้าน ทำให้คนรุ่นใหม่ขาดแรงจูงใจที่จะมาสืบทอดการทำนาเกลือต่อ เส้นทางสายนาเกลือจึงดูเหมือนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากสังคมไทย และวิถีนาเกลือก็กำลังจะสูญหายไปเพราะทุกวันนี้ชาวนาเกลือมีจำนวนลดลง สถานการณ์การผลิตเกลือ ใน พ.ศ. 2559 พบว่า ผลผลิตเกลือทะเล ซึ่งส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตในพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร และเพชรบุรีลดลงจากในปีก่อน (จาก 1,288,005 ตัน ลดลงเหลือ 1,015,000 ตัน)

พอสิ้นฤดูฝนสายลมเปลี่ยนทิศ ความแห้งแล้งมาเยือน ชาวนาเกลือจะเริ่มต้นฤดูการผลิตเกลือ ตั้งแต่ เตรียมนา กำจัดสิ่งสกปรก ปรับดิน และกลิ้งนาให้แน่นเรียบโดยใช้รถไถ จากนั้นก็เปิดน้ำเข้ามากักเก็บในนาจนมีความเค็มในระดับที่เหมาะสม โดยการทยอยเปิดน้ำเข้านาแปลงต่างๆ ตามลำดับ น้ำจากทะเลจะไหลตามคลองส่งน้ำไปยังที่ทำกินของชาวนาเกลือ เมื่อน้ำทะเลขึ้น นาเกลือผืนที่อยู่ปลายสุดของลำรางจะต้องได้รับน้ำก่อน ส่วนผู้ที่อยู่ใกล้กว่าจะสูบน้ำได้ทีหลัง เพื่อป้องกันปัญหาการแย่งน้ำกัน นี่คือธรรมเนียมในท้องถิ่นที่แบ่งปัน และทำนาเกลือร่วมกัน น้ำทะเลที่ผันมาตามคลองส่งน้ำจะถูกสูบเข้าไปเก็บที่วังน้ำ จากนั้นจึงจะถูกผันเข้านาประเทียบ และนาตาก เพื่อตากแดดให้น้ำระเหยออก ถัดไปก็จะเป็นนาเชื้อ ซึ่งต้องเตรียมน้ำให้มีความเค็มจัดในระดับที่เหมาะสมจะทำเป็นเกลือ และไปถึงจุดสุดท้ายจะปล่อยน้ำเข้านาปลง ซึ่งใช้เป็นพื้นที่ตกผลึกเกลือ โดยกระบวนการตกผลึกหรือการปลงใช้เวลา 15 วัน หลังจากนั้น ก็จะสามารถรื้อเกลือไปขายได้ โดยที่เกลือรุ่นแรกของปีจะออกช่วงเดือนมกราคม และได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในฤดูแล้งที่มีแดดจัด

ภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดต่อๆ กันมา ชาวนาจะหยุดทำนาเกลือตลอดฤดูฝนเพราะเกลือกับฝนนั้นเป็นของไม่ถูกกัน แต่ถ้าโชคไม่ดีเดือนนั้นมีฝนหลงฤดูมาในช่วงการทำนาเกลือก็จะเสียหายมาก เพราะฝนตกลงมาเพียงไม่กี่นาที ก็สามารถทำให้กองเกลือที่กำลังเตรียมเก็บขายละลายกลายเป็นน้ำในพริบตา ที่แย่ไปกว่านั้นเกลือที่ละลายไปแล้วในนาเกลือก็จะไม่สามารถนำน้ำเกลือนั้นมาตกผลึกได้อีก กระบวนการต่างๆ ข้างต้นก็จะต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง กลับไปทำความสะอาดนาและปล่อยน้ำเข้านาปลงใหม่ และด้วยเหตุนี้เองชาวนาเกลือจึงต้องมีการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำมาก คือลางบอกฝนตามภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา เช่น ถ้าน้ำในนาเกลือเริ่มแดง มีเมฆหัวแดงทางทิศตะวันออก หรือถ้าเดินที่คันนาแล้วมีดินติดเท้า นั่นแปลว่าอีก 3-4 วัน ฝนจะตกลงมา